You are on page 1of 206

1

41212 กฎหมายแพ่ง 2 : หนี้ ละเมิด


Civil Law 2: Obligation and Delicts

หน่วยที่ 1 ความหมายบ่อเกิด และวัตถุแห่งหนี้

1. หนี้ ซึ่งเรีย กอี กอย่างหนึ่ งว่ า บุ คคลสิท ธิห รือสิท ธิเ รีย กร้ องนั้ น คือ
ความเกี่ยวพันทางกฎหมายระหว่างบุคคลสองฝ่ าย คือ ระหว่างเจ้าหนี้ และ
ลูกหนี้
2. บ่อเกิดแห่งหนี้ มี 2 ประการ ได้แก่ นิ ติกรรมและนิ ติเหตุ
3. วัตถุแห่งหนี้ คือสิ่งที่เจ้าหนี้ เรียกให้ลูกหนี้ ชำาระได้แก่ การกระทำาการ
การงดเว้นการกระทำา และการส่งมอบทรัพย์สิน

1.1 ความหมาย บ่อเกิด และลักษณะแห่งหนี้


1. หนี้ คือ ความผูกพันทางกฎหมายระหว่างบุคคลสองฝ่ าย บุคคลฝ่ าย
หนึ่ งเรีย กว่ าลู กหนี้ ผู้มีห น้าที่ต้องกระทำา การ งดเว้น การกระทำา หรือส่ง
มอบทรัพย์สินต่อบุคคลอีกฝ่ ายหนึ่ ง ซึ่งเรียกว่าเจ้าหนี้
2. หนี้ เกิดจากนิ ติกรรม และนิ ติเหตุ ลักษณะสิทธิในหนี้ นั้ น เป็ นบุคคล
สิทธิ ซึ่งเป็ นทรัพย์สินประเภทหนึ่ ง และเป็ นสิทธิท่ีจำา กัดอยู่ในวัตถุ แห่ง
หนี้ โดยเป็ นสิทธิเหนื อกองทรัพย์สินของลูกหนี้
3. หนี้ อาจแบ่งเป็ นประเภทต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้ คือ หนี้ มีเงื่อนไข หนี้ มี
เงื่ อนเวลา หนี้ แบ่ ง ได้ (มาตรา 290) และหนี้ แบ่ ง ไม่ ไ ด้ (มาตรา 301
และ 302)
4. หนี้ ประธาน และหนี้ อุปกรณ์
มาตรา 290 ถ้าการชำา ระหนี้ เป็ นการอัน จะแบ่งกันชำา ระได้ และ มี
บุคคลหลายคนเป็ นลูกหนี้ ก็ดี มีบุคคลหลายคนเป็ นเจ้าหนี้ ก็ดี เมื่อ กรณี

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


2

เป็ นที่สงสัย ท่านว่าลูกหนี้ แต่ละคนจะต้องรับผิดเพียงเป็ นส่วน เท่าๆกัน


และเจ้าหนี้ แต่ละคนก็ชอบที่จะได้รบ
ั แต่เพียงเป็ นส่วนเท่า ๆ กัน
มาตรา 301 ถ้าบุคคลหลายคนเป็ นหนี้ อันจะแบ่งกันชำาระมิได้ ท่าน
ว่าบุคคลเหล่านั้ นต้องรับผิดเช่นอย่างลูกหนี้ ร่วมกัน
มาตรา 302 ถ้าการชำาระหนี้ เป็ นการอันจะแบ่งกันชำาระมิได้และ มี
บุคคลหลายคนเป็ นเจ้าหนี้ ถ้าบุคคลเหล่านั้ นมิได้เป็ นเจ้าหนี้ ร่วมกัน ไซร้
ท่านว่าลูกหนี้ ได้แต่จะชำาระหนี้ ให้ได้ประโยชน์ แก่บุคคลเหล่านั้ น ทั้งหมด
ด้ ว ยกั น และเจ้ า หนี้ แต่ ล ะคนจะเรีย กชำา ระหนี้ ได้ ก็ แ ต่ เ พื่ อได้ ประโยชน์
ด้ ว ยกั น หมดทุ กคนเท่ า นั้ น อนึ่ ง เจ้ า หนี้ แต่ ล ะคนจะเรีย ก ให้ ลู ก หนี้ วาง
ทรัพย์ที่เ ป็ นหนี้ นั้ นไว้ เพื่ อประโยชน์ แห่ งเจ้าหนี้ หมดทุ ก คนด้ว ยกั นก็ ได้
หรือถ้าทรัพย์น้ ั นไม่ควรแก่การจะวางไว้ ก็ให้ส่งแก่ ผู้พิทักษ์ทรัพย์ซึ่งศาล
จะได้ต้ ังแต่งขึ้น
นอกจากนี้ ข้อความจริงใดที่เท้าถึงเจ้าหนี้ คนหนึ่ งเท่านั้ น หา เป็ นไป
เพื่อคุณหรือโทษแก่เจ้าหนี้ คนอื่น ๆ ด้วยไม่

1.1.1 หนี้ คืออะไร


ความหมายของคำาว่าหนี้
หนี้ เป็ นบุคคลสิทธิหรือสิทธิเรียกร้อง คือความเกี่ยวพันทางกฎหมาย
ระหว่ า งบุ ค คล 2 ฝ่ าย คื อ เจ้ า หนี้ และลู ก หนี้ เช่ น หนี้ ที่ เ กิ ด จากสั ญ ญา
ต่างๆ ซึ่งเป็ นนิ ติกรรม 2 ฝ่ าย ต้องมีเจ้าหนี้ และลูกหนี้

1.1.2 บ่อเกิดและลักษณะของสิทธิแห่งหนี้
บ่อเกิดแห่งหนี้ มีก่ีอย่าง ยกตัวอย่างประกอบ
บ่อเกิดแห่งหนี้ มี 2 อย่าง คือ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


3

ก. นิ ติกรรมและสัญญา นิ ติกรรมฝ่ ายเดียวซึ่งต้องมีผู้รบ


ั การแสดง
เจตนาก็เป็ นเหตุก่อให้เกิดหนี้ ได้เช่นกัน
ข. นิ ติเหตุ ได้แก่ จัดการงานนอกสัง่ ลาภมิควรได้ ละเมิด และตาม
กฎหมายอื่น เช่น หนี้ ค่าภาษีอากรซึ่งเกิดจากบทบัญญัติประมวลรัษฎากร

ลักษณะของสิทธิในหนี้ ที่สำาคัญมีอะไรบ้าง
ลักษณะแห่งสิทธิในหนี้ เป็ นบุคคลสิทธิหรือสิทธิเรียกร้องที่ใช้บังคับ
กันระหว่างคู่กรณี บุคคลสิทธิน้ ั นถือเป็ นทรัพย์สินประเภทหนึ่ ง สิทธิในหนี้
นั้ นจำา กัดอยู่ในวัตถุแห่งหนี้ เท่านั้ น จะเรียกร้องให้ลู กหนี้ ปฏิบั ติการนอก
เหนื อจากวัตถุแห่งหนี้ ไม่ได้ สิทธิของเจ้าหนี้ มีโดยเท่าเทียมกันที่จะได้รบ

ชำาระหนี้ จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้

1.1.3 ประเภทต่างๆของหนี้
เราแบ่งหนี้ ออกได้เป็ นกี่ประเภท ยกตัวอย่างประกอบ
หนี้ อาจแบ่งออกได้เ ป็ นประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือหนี้ มีเงื่อนไข
หนี้ มี เ งื่ อนเวลา หนี้ แบ่ ง ได้ (มาตรา 290) และหนี้ แบ่ ง ไม่ ไ ด้ (มาตรา
301 และ มาตรา 302) หนี้ ประธานและหนี้ อุปกรณี

1.2 วัตถุแห่งหนี้
1. วั ตถุ แห่ งหนี้ มี 3 ประการได้ แก่ การกระทำา การ การงดเว้ น กระทำา
การ และการงดเว้นการกระทำา และการส่งมอบทรัพย์สิน
2. เมื่อเกิดหนี้ ขึ้น เจ้าหนี้ มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ ชำา ระหนี้ ได้ เว้นแต่
หนี้ นั้ นจะเป็ นหนี้ ขาดอายุ ค วาม หนี้ ขาดหลั ก ฐานหรือ หนี้ กลายเป็ นพ้ น
วิสัยที่จะชำาระ
3. ทรัพ ย์ อั น เป็ นวั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ คื อ ทรัพ ย์ อั น เป็ นวั ต ถุ ใ นการชำา ระหนี้
อาจเป็ นทรัพย์ที่ยังมิได้กำาหนดแน่นอน หรือเป็ นทรัพย์เฉพาะสิ่ง
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
4

4. การเลือกวัตถุแห่งหนี้ นั้ น ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้เป็ นอย่างอื่น ลูกหนี้


จะเป็ นฝ่ ายเลือก หรืออาจตกลงให้เจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกเป็ นผู้เลือก
ได้ การเลือกทำาโดยการแสดงเจตนาต่ออีกฝ่ ายหนึ่ ง

1.2.1 ชนิ ดของวัตถุแห่งหนี้


วัตถุแห่งหนี้ คืออะไร แตกต่างจากวัตถุประสงค์แห่งนิ ติกรรมสัญญา
อย่างไร
วัตถุแห่งหนี้ มีอยู่ 3 ประการ คือ การกระทำา การ การงดเว้นกระทำา
การ หรือการส่งมอบทรัพย์สิน วัตถุแห่งหนี้ แตกต่างกับวัตถุประสงค์แห่ง
นิ ติกรรม เพราะวัตถุแห่งหนี้ อยู่ในขั้นผล คือ เกิ ดหนี้ ขึ้ นแล้ว ส่วนวัตถุท่ี
ประสงค์แห่งนิ ติกรรมอยู่ในขั้นมูลฐานอันจะก่อให้เกิดหนี้ วัตถุแห่งหนี้ มี
อยู่ ใ นมู ล หนี้ ทุ ก ชนิ ด วั ต ถุ ท่ี ป ระสงค์ มี ไ ด้ เ ฉพาะในเรื่อ งนิ ติ ก รรมสั ญ ญา
วัตถุแห่งหนี้ มี 3 ประการ แต่วัตถุท่ีประสงค์แห่งนิ ติกรรมมีได้ไม่จำากัด

ที่ว่า “เจ้าหนี้ ย่อมมีสิทธิจะเรียกให้ลูกหนี้ ชำาระหนี้ ได้” ท่านเข้าใจว่า


อย่างไร อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรา 219 ถ้าการชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ อัน
ใดอันหนึ่ งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ และซึ่งลูกหนี้ ไม่ต้องรับ ผิดชอบ
นั้ นไซร้ท่านว่าลูกหนี้ เป็ นอันหลุดพ้นจากการชำาระหนี้ นั้ น
ถ้าภายหลังที่ได้ก่อหนี้ ขึ้นแล้วนั้ น ลูกหนี้ กลายเป็ นคนไม่สามารถ จะ
ชำา ระหนี้ ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่าเป็ นพฤติการณ์ท่ีทำา ให้การ ชำา ระหนี้
ตกเป็ นอันพ้นวิสัยฉะนั้ น

ที่ว่า “เจ้าหนี้ มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ ชำาระหนี้ ได้” เป็ นหลักทัว่ ไป แต่มี


ข้อยกเว้น ซึ่งเจ้าหนี้ ไม่อาจเรียกให้ลูกหนี้ ชำาระหนี้ ได้ 3 กรณี คือ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


5

ก. หนี้ ประเภทนี้ เป็ นหนี้ ซึ่ ง มี อ ยู่ จ ริง แต่ ก ฎหมายห้ า มฟ้ องร้ อ ง
เพราะเหตุว่าเป็ นหนี้ ที่ขาดอายุความ หรือหนี้ ขาดหลักฐานในกรณี ซึ่งหนี้
นั้ นเป็ น
ข. หนี้ ขาดหลักฐานในกรณี ซึ่งหนี้ นั้ นเป็ นประเภทที่กฎหมายบัญญัติ
ให้ต้องทำาเป็ นหลักฐานเป็ นหนั งสือ
ค. หนี้ อันเป็ นการพ้นวิสัยจะชำาระกันได้ (มาตรา 219 วรรคแรก)

1.2.2 ทรัพย์อันเป็ นวัตถุแห่งหนี้


กฎหมายบั ญ ญั ติ ใ นเรื่อ งทรัพ ย์ อั น เป็ นวั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ ไว้ อ ย่ า งไรบ้ า ง
อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรา 195 เมื่ อ ทรัพ ย์ ซึ่ ง เป็ นวั ตถุ แห่ ง หนี้ นั้ นได้ ร ะบุ ไว้ แ ต่ เ พี ย ง
เป็ นประเภท และถ้าตามสภาพแห่งนิ ติกรรม หรือตามเจตนาของ คู่กรณี
ไม่อาจจะกำาหนดได้ว่าทรัพย์น้ ั นจะพึงเป็ นชนิ ดอย่างไรไซร้ ท่านว่าลูกหนี้
จะต้องส่งมอบทรัพย์ชนิ ดปานกลาง

ตามมาตรา 195 บั ญ ญั ติ เ กี่ ย วกั บ ทรัพ ย์ ซึ่ ง เป็ นวั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ อั น


หมายถึงทรัพย์อันเป็ นวัตถุในการชำาระหนี้ ไว้เป็ น 2 ประการคือ ทรัพย์ได้
ระบุ ไว้ แต่ เ ป็ นเพี ย งประเภทและทรัพ ย์ เ ฉพาะสิ่ ง คื อ ทรัพย์ ซ่ึ ง ได้ กำา หนด
เพื่อจะส่งมอบแล้ว

ก. ตกลงขายข้ า วให้ ข. จำา นวน 100 กระสอบ ขณะตรวจนั บ


ข้าวสารอยู่ได้ 50 กระสอบ ข. ติดธุระไม่อาจจะอยู่เลือกต่อไปได้ ตกลง
กับ ก. ว่า จะมาเลือกวันรุ่งขึ้น ในคืนนั้ นเองไฟไหม้โรงเก็บข้าวสารหมด
โดยไม่ใช่ความผิดของ ก. ผลในกฎหมายจะเป็ นอย่างไร
แยกเป็ น 2 ประเด็น คือ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


6

ก. ยังคงต้อ งรับ ผิดชำา ระข้าวสารอีก 50 กระสอบ เพราะเป็ นกรณี


ต้องตามมาตรา 195 วรรคแรก โดยส่งมอบข้าวสารชนิ ดปานกลาง
ข. ก. ไม่ต้องรับผิดชดใช้ข้าวสารอีก 50 กระสอบ ซึ่งได้เลือกโดย
ความยิ น ยอมของ ข. แล้ ว ข้ าวสาร 50 กระสอบดั ง กล่ าวเป็ นทรัพ ย์ เ ฉ
พาะสิ่ง

1.2.3 การเลือกวัตถุแห่งหนี้
กฎหมายบั ญ ญั ติ ก ารเลื อ กวั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ ไว้ อ ย่ า งไร อธิ บ ายและยก
ตัวอย่าง
โดยหลักแล้วสิทธิท่ีจะเลือกทำาการอย่างใดนั้ น ตกอยู่กับฝ่ ายลูกหนี้
หากการกระทำา เพื่ อการชำา ระหนี้ นั้ นมีห ลายอย่ าง แต่ คู่กรณี อ าจตกลงให้
เจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกเป็ นผู้มีสิทธิเลือกก็ได้ การเลือกนั้ นต้องกระทำา
โดยการแสดงเจตนา หากเป็ นกรณี ท่ี บุ ค คลภายนอกเป็ นผู้ เ ลื อ ก บุ ค คล
ภายนอกนั้ นต้องแสดงเจตนาเลือกต่อลูกหนี้ แล้วลูกหนี้ จึงแจ้งความนั้ น
ให้เจ้าหนี้ ทราบ

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 1

1. หนี้ คื อ บุ ค คลสิ ท ธิ ห รือ สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งอั น เป็ นความเกี่ ย วพั น ทาง
กฎหมายระหว่างบุคคล 2 ฝ่ ายคือ เจ้าหนี้ และลูกหนี้
2. บ่อเกิดแห่งหนี้ มี 2 ประการคือ นิ ติกรรมและนิ ติเหตุ
3. วัตถุแห่งหนี้ คือ สิ่งที่จะเรียกร้องให้ชำาระในมูลหนี้ นั้น
4. วั ตถุ แห่ งหนี้ มี 3 อย่างคื อ การกระทำา การ งดเว้น กระทำา การ และ
การส่งมอบทรัพย์สิน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


7

5. เมื่ อเกิ ด หนี้ ขึ้ นเจ้ า หนี้ เรีย กให้ ลู ก หนี้ ชำา ระหนี้ ได้ โดยสิ้ นเชิ ง มี ข้ อ
ยกเว้ น คื อ หนี้ ขาดอายุ ความ หนี้ ขาดหลั ก ฐาน และหนี้ ที่ ก ลายเป็ นพ้ น
วิสัย
6. ทรัพย์อันเป็ นวัตถุแห่งหนี้ คือ ทรัพย์ซึ่งเข้ามาเกี่ยวกับวัตถุแห่งหนี้
หรืออาจเรียกว่าทรัพย์ซึ่งเป็ นวัตถุในการชำาระหนี้
7. วั ตถุ แห่ งหนี้ มี ห ลายอย่ าง ผู้ เ ลื อ ก ได้ แก่ (ก) ลูกหนี้ (ข) เจ้ าหนี้
(ค) บุคคลภายนอก
8. การเลือกวัตถุแห่งหนี้ นั้ นต้องทำา โดยการแสดงเจตนา
9. วั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ มี ห ลายอย่ า ง หากตกเป็ นพ้ น วิ สั ย บางอย่ า งผู้ มี สิ ท ธิ
เลือก ต้องเลือกสิ่งที่ยังเป็ นวิสัย
10. เมื่อผู้มีสิทธิเลือกได้เลือกวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอย่างใดแล้ว จะกลับใจไม่
ได้

หน่วยที่ 2 การไม่ชำาระหนี้

เมื่ อเกิ ด หนี้ ขึ้ นย่ อ มมี เ จ้ า หนี้ ลู ก หนี้ ลู ก หนี้ ต้ อ งชำา ระหนี้ แก่ เ จ้ า หนี้ ให้
ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งหนี้ หากลูกหนี้ ไม่ชำา ระหนี้ เสียเลย
หรือชำาระหนี้ ขาดตกบกพร่อง กล่าวคือ ชำาระหนี้ ล่าช้าผิดเวลา ผิดสถานที่
หรือ ผิ ด วั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ ย่ อ มทำา ให้ เ จ้ า หนี้ ได้ ร บ
ั ความเสี ย หาย เพื่ อชดเชย
ความเสียหาย จำา เป็ นที่จะให้เจ้าหนี้ ซึ่งเป็ นผู้ได้รบ
ั ความเสียหายจากการ
ไม่ชำา ระหนี้ มีสิทธิท่ีจะฟ้ องร้องบังคับชำา ระหนี้ ได้ การฟ้ องร้องบังคับชำา ระ
หนี้ ต้องเป็ นไปตามกฎเกณฑ์แห่งการบังคับชำาระหนี้

2.1 การถึงกำาหนดชำาระหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


8

1. ถ้ า เวลาอั น พึ ง ชำา ระหนี้ นั้ นมิ ไ ด้ กำา หนดลงไว้ ห รือ จะอนุ มานจาก
พฤติการณ์ท้ ั งปวงก็ไม่ ได้ เจ้าหนี้ ย่อ มจะเรีย กชำา ระหนี้ ได้ โ ดยพลั น และ
ฝ่ ายลูกหนี้ ก็ย่อมจะชำาระหนี้ ของตนโดยพลันดุจกัน
2. ถ้าหนี้ ได้กำาหนดเวลาชำาระไว้ แต่หากกรณี เป็ นที่สงสัยให้สันนิ ษฐาน
ไว้ก่อนว่า เจ้าหนี้ จะเรียกให้ชำา ระหนี้ ก่อนถึงเวลานั้ นหาได้ไม่ แต่ฝ่ายลูก
หนี้ จะชำาระหนี้ ก่อนกำาหนดนั้ นได้

2.1.1 หนี้ ที่ไม่มีกำาหนดเวลาชำาระ


หนี้ ที่ไม่มีกำา หนดเวลาชำา ระนั้ นถึงกำา หนดชำา ระเมื่อ ใด และมี ผลต่อ
เจ้าหนี้ และลูกหนี้ อย่างไรบ้าง
ยกตัวอย่างประกอบ
ปพพ. ได้บัญญัติหลักทัว่ ไปในเรื่องหนี ท่ีมิได้กำา หนดเวลาในมาตรา
203 วรรคแรก ว่ าดั ง นี้ “ถ้ าเวลาอั น จะพึ ง ชำา ระหนี้ นั้ นมิ ได้ กำา หนดลงไว้
หรือ จะอนุ ม านจากพฤติ ก ารณ์ ท้ ั ง ปวงก็ ไ ม่ ไ ด้ ไ ซร้ ท่ า นว่ า เจ้ า หนี้ ย่ อ มจะ
เรียกให้ชำา ระหนี้ โดยพลันและฝ่ ายลูกหนี้ ก็ย่อมชำา ระหนี้ ของตนโดยพลัน
ดุจกัน ซึ่งหมายถึงว่า ถ้าหนี้ ไม่ได้กำาหนดเวลาชำาระเอาไว้ หรือจะอนุ มาน
จากพฤติการณ์ใดๆ ก็ไม่อาจทราบได้ว่าถึงกำาหนดชำาระเมื่อใด ย่อมถือว่า
เมื่อมีหนี้ เกิดขึ้น กำา หนดชำา ระหนี้ ย่อ มเกิดขึ้นพร้ อมกัน ในทัน ที มี ผลให้
เจ้าหนี้ มีสิทธิเรียกให้ลูกหนี ชำาระหนี้ ทันที่ และลูกหนี้ ก็มีสิทธิท่ีจะชำาระหนี้
ได้ทันทีดุจกัน”
ตัวอย่าง ก. กู้เงิน ข. โดยมิได้กำาหนดเวลาว่าจะชำาระหนี้ ให้ ข. เมื่อ
ใด และอนุ มานจากพฤติการณ์ท้ ังปวงก็ไม่ได้ ข. ย่อมเรียกให้ ก. ชำาระหนี้
ได้โดยพลัน และ ก. ก็ย่อมชำาระหนี้ ให้ ข. ได้โดยพลันดุจกัน

2.1.2 หนี้ มีกำาหนดเวลาชำาระและหนี้ มีกำาหนดชำาระตามพฤติการณ์

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


9

ก. ยืมเครื่องบวชนาคของ ข. เพื่อเอาไปอุปสมบทบุตรชายโดยไม่ได้
กำาหนดเวลาส่งคืน ข. เรียกเครื่องอุปสมบทคืนจาก ก . ได้เมื่อไร เพราะ
เหตุใด
ปพพ. มาตรา 203 วรรคแรกบัญญัติหลักในเรื่องเวลาชำาระหนี้ ตาม
พฤติการณ์ดังนี้ ถ้าเวลาอันพึงจะชำาระหนี้ มิได้กำาหนดลงไว้หรือจะอนุ มาน
จากพฤติการณ์ท้ ังปวงก็ไม่ได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ ย่อมจะเรียกให้ชำาระหนี้ ได้
โดยพลัน และฝ่ ายลูกหนี้ ก็ย่อมจะชำาระหนี้ ของตนได้โดยพลันดุจกัน
ตามบทบั ญ ญั ติ ดั ง กล่ า วย่ อ มหมายความว่ า ถ้ า เวลาชำา ระหนี้ มิ ไ ด้
กำาหนดกันไว้ แต่พออนุ มานจากพฤติการณ์ท้ ังปวงได้ว่าจะชำาระหนี้ กันได้
เท่ า ใด ลู ก หนี้ ต้ อ งชำา ระหนี้ และเจ้ า หนี้ มี สิ ท ธิ เ รี ย กให้ ชำา ระหนี้ ตาม
พฤติการณ์ท่ีพึงอนุ มานได้
ตามอุทาหรณ์ แม้ไม่ได้กำา หนดเวลาชำา ระหนี้ แต่ก็พออนุ มานได้ว่า
ก. ต้องคืนเครื่องอุปสมบทนาคให้ ข. เมื่ออุปสมบทบุตรชายเสร็จแล้ว ดัง
นั้ น ข. จะเรียกเครื่องอุปสมบทคืนก่อนเสร็จงานอุปสมบทไม่ได้ จะเรียก
คืนได้เมื่องานอุปสมบทเสร็จสิ้นแล้ว

2.1.3 หนี้ มีกำาหนดเวลาชำาระแต่กรณีเป็ นที่สงสัย


ที่ ว่ า “ประโยชน์ แ ห่ ง เงื่ อนเวลาได้ แ ก่ ฝ่ ายลู ก หนี้ ” และ “หนี้ ที่ ถึ ง
กำา หนดเวลาชำา ระแต่ กรณี เป็ นที่สงสัย” เราเข้าใจว่าอย่ างไร มีผ ลต่ อเจ้า
หนี และลูกหนี้ อย่างไร อธิบาย
มาตรา 203 ถ้าเวลาอันจะพึงชำาระหนี้ นั้ นมิได้กำาหนดลงไว้ หรือ จะ
อนุ มานจากพฤติการณ์ท้ ังปวงก็ไม่ได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ ย่อม จะเรียกให้
ชำาระหนี้ ได้โดยพลัน และฝ่ ายลูกหนี้ ก็ย่อมจะชำาระหนี้ ของ ตนได้โดยพลัน
ดุจกัน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


10

ปพพ. มาตรา 203 วรรคสองบั ญ ญั ติ เ กี่ ย วกั บ หลั ก ที่ ว่ า “เงื่ อน


ประโยชน์แห่งเวลาย่อมได้แก่ฝ่ายลูกหนี้ ” ไว้ว่า ถ้าได้กำาหนดเวลาไว้ แต่
หากกรณี เป็ นที่สงสัย ท่านให้สันนิ ษฐานไว้ก่อนว่า เจ้าหนี้ จะเรียกให้ชำาระ
หนี้ ก่อนถึงกำาหนดเวลานั้ นหาได้ไม่ แต่ฝ่ายลูกหนี้ จะชำาระหนี้ ก่อนกำาหนด
นั้ นก็ได้
หลักกฎหมายดังกล่าวเป็ นเรื่องหนี้ มีกำาหนดเวลาชำาระ แต่กรณี เกิด
เป็ นสงสัยว่า ประโยชน์แห่งเวลาเป็ นของเจ้าหนี้ หรือลูกหนี้ กฎหมายจึงให้
สันนิ ษฐานไว้ก่อนว่าเป็ นประโยชน์แก่ฝ่ายลูกหนี้ ฝ่ ายเดียว เจ้าหนี้ จะเรียก
ให้ ชำา ระหนี้ ก่ อ นกำา หนดเวลาไม่ ไ ด้ แต่ ฝ่ ายลู ก หนี้ จะชำา ระหนี้ ก่ อ นถึ ง
กำา หนดเวลาย่อ มทำา ได้ ทั้งนี้ กฎหมายประสงค์ จะให้ลู กหนี้ ได้เ ตรียมการ
ชำา ระหนี้ ไว้ให้พร้อม ถ้าจะให้เจ้าหนี้ เรียกให้ชำา ระหนี้ ได้ก่อนกำา หนดเวลา
ลู ก หนี้ อาจจะยั ง ไม่ พ ร้ อ มที่ จ ะชำา ระหนี้ จะทำา ให้ ลู ก หนี้ เดื อ ดร้ อ น แต่ ถ้ า
อนุ ม านจากพฤติ ก ารณ์ ไ ด้ หรือ มี ข้ อ ความปรากฏชั ด แจ้ ง ในตราสารว่ า
กำา หนดเวลาชำา ระหนี้ มีไว้เพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้ ก็ย่อมเป็ นไปตามนั้ น
ซึ่งจะมีผลให้เจ้าหนี้ เรียกชำาระหนี้ ก่อนกำาหนดเวลาได้ แต่ลูกหนี้ ไม่มีสิทธิ
ที่จะชำาระหนี้ ได้ก่อนเวลากำาหนด

2.2 การผิดนัด
1. ลูกหนี้ ผิดนั ดหมายถึงการที่ลูกหนี้ ชำาระหนี้ ล่าช้าผิดเวลา
2. ลูกหนี ไม่มีกำาหนดเวลาชำาระ ถ้าเจ้าหนี้ เตือนให้ชำาระหนี้ ไม่ชำาระ ลูก
หนี้ ได้ช่ ือว่าผิดนั ดเพราะเขาเตือนแล้วถ้าได้กำาหนดเวลาชำาระหนี้ ไว้ตามวัน
แห่ ง ปฏิ ทิ น และลู กหนี้ มิ ได้ ชำา ระหนี้ ตามกำา หนด ลู ก หนี้ ตกเป็ นผู้ ผิ ด นั ด
โดยมิพักต้องเตือน
3. ในกรณี หนี้ อัน เกิ ดมู ล ละเมิ ด ลูกหนี้ ได้ ช่ ื อว่ าผิ ดนั ดมาแต่ เ วลาที่ ทำา
ละเมิด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


11

4. ลูกหนี้ ยังไม่ชำาระหนี้ เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งลูกหนี้ ไม่ต้อง


รับผิดชอบ ลูกหนี้ ยังไม่ผิดนั ด
5. เมื่อลูกหนี้ ไม่ชำา ระหนี้ ให้ต้องตามความประสงค์แห่งหนี้ ลูกหนี้ ต้อง
รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
6. ลูกหนี้ ชำาระหนี้ ล่าช้า เจ้าหนี้ บอกปั ดไม่ยอมรับชำาระหนี้ และเรียกค่า
สินไหมทดแทนได้
7. ลูกหนี้ ต้องรับผิ ดชอบในความเสี ยหายตลอดจนการชำา ระหนี้ กลาย
เป็ นหนี้ พ้นวิสัยในระหว่างผิดนั ด
8. ลูกหนี้ ต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยหนี้ เงินในระหว่างผิดนั ด
9. เมื่อลูกหนี้ ได้ขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ โดยชอบแล้ว เจ้าหนี้ ไม่ยอมรับ
ชำา ระหนี้ โดยปราศจากมู ลเหตุ ท่ี อ้ างได้ โ ดยชอบด้ ว ยกฎหมาย เจ้ าหนี้ ตก
เป็ นผู้ผิดนั ด
10. ถ้ า ลู ก หนี้ จำา ต้ อ งชำา ระหนี้ ส่ ว นของตนต่ อ เมื่ อเจ้ า หนี้ ชำา ระหนี้
ตอบแทนด้ ว ยหากเจ้ า หนี้ พร้ อ มจะชำา ระหนี้ แต่ ไ ม่ เ สนอที่ จ ะชำา ระหนี้
ตอบแทน เจ้าหนี้ ได้ช่ ือว่าผิดนั ด
11. ในเวลาที่ลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ หรือในเวลาที่กำาหนดให้
เจ้ า หนี้ ทำา การอย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง ถ้ า ลู ก หนี้ มิ ไ ด้ อ ยู่ ใ นฐานะที่ จ ะสามารถ
ชำาระหนี้ ได้เจ้าหนี้ ยังไม่ผิดนั ด
12. ถ้ามิได้กำาหนดเวลาชำาระหนี้ ไว้ หรือถ้าลูกหนี้ มีสิทธิท่ีชำาระหนี้
ได้ก่อนเวลากำาหนด การที่เจ้าหนี้ มีเหตุขัดข้องชัว่ คราวไม่อาจรับชำาระหนี้ ที่
ลูกหนี้ ขอปฏิบัติแก่ตนได้ เจ้าหนี้ ยังไม่ผิดนั ด เว้นแต่ลูกหนี้ ได้บอกกล่าว
ชำาระหนี้ ไว้ล่วงหน้าโดยเวลาอันสมควร
13. หนี้ เงินจะเรียกดอกเบี้ยในระหว่างเจ้าหนี้ ผิดนั ดไม่ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


12

14. เมื่อขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ โดยชอบแล้ วเจ้าหนี้ ผิดนั ด บรรดา


ความรับ ผิ ดชอบอั น เกิ ดแก่ ก ารไม่ ชำา ระหนี้ เป็ นอั น ปลดเปลื้ องไปนั บ แต่
เวลาที่ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ และเพื่อให้หลุดพ้นจากหนี้ ลูกหนี้ ต้องจัดการ
วางทรัพย์ไว้เพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้

2.2.1 กรณีท่ีถือว่าลูกหนี้ ผิดนัด


ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์บัญญัติให้ลูกหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด
โดยมิพักต้องเตือนเลยในกรณี ใดบ้าง
มาตรา 204 ถ้าหนี้ ถึงกำาหนดชำาระแล้ว และภายหลังแต่น้ ั นเจ้าหนี้
ได้ให้คำา เตือนลูกหนี้ แล้ว ลูกหนี้ ยังไม่ชำา ระหนี้ ไซร้ ลูกหนี้ ได้ช่ ือว่าผิดนั ด
เพราะเขาเตือนแล้ว
ถ้ า ได้ กำา หนดเวลาชำา ระหนี้ ไว้ ต ามวั น แห่ ง ปฏิ ทิ น และลู ก หนี้ มิ ไ ด้
ชำา ระหนี้ ตามกำา หนดไซร้ ท่ า นว่ า ลู ก หนี้ ตกเป็ นผู้ ผิ ด นั ดโดยมิ พั ก ต้ อ ง
เตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ ท่านให้ใช้บังคับแก่กรณี ท่ีต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
ก่อนการชำา ระหนี้ ซึ่งได้กำา หนดเวลาลงไว้ อาจคำา นวณนั บได้โดย ปฏิทิน
นั บแต่วันที่ได้บอกกล่าว
มาตรา 206 ในกรณี หนี้ อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ ได้ช่ ือว่าผิดนั ด
มาแต่เวลาที่ทำาละเมิด

ป.พ.พ. บัญญัติให้ลูกหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ดโดยมิพักต้องเตือนเลยใน


กรณี ดังต่อไปนี้
1. ตามมาตรา 204 วรรคสอง ถ้าได้กำาหนดเวลาชำาระหนี้ ไว้ตามวัน
แห่ ง ปฏิ ทิ น และลู ก หนี้ มิ ไ ด้ ชำา ระหนี้ ตามกำา หนด ลู ก หนี้ ย่ อ มตกเป็ นผู้
ผิดนั ดโดยมิพักต้องเตือน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


13

2. ตามมาตรา 204 วรรคสองตอนท้ า ย ถ้ า ได้ มี ก ารบอกกล่ า วกั น


ล่วงหน้าก่อนการชำาระหนี้ และการบอกกล่าวนั้ นได้กำาหนดเวลาลงได้ อาจ
คำานวณนั บได้โดยปฏิทินนั บแต่วันที่ได้บอกกล่าวเมื่อครบกำา หนดวันบอก
กล่ า วแล้ ว ลู ก หนี้ ไม่ ชำา ระหนี้ ลู ก หนี้ ย่ อ มตกเป็ นผู้ ผิ ด นั ดโดยมิ พั ก ต้ อ ง
เตือน
3. ตามมาตรา 206 ในกรณี หนี้ อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ ได้ช่ ือว่า
ผิดนั ดมาแต่เวลาที่ทำา ละเมิด หมายความว่าทำา ละเมิดเมื่อใด ลูกหนี้ ย่อม
ตกเป็ นผู้ผิดนั ดตั้งแต่เวลาที่ทำาละเมิดโดยมิพักต้องเตือนเลย

2.2.2 กรณีท่ีไม่ถือว่าลูกหนี้ ผิดนัด


แดงกู้เงินขาวไป 10,000 บาท กำาหนดชำาระเงินต้นคืนในวันที่ 31
ธันวาคม 2524 ครั้นหนี้ ถึงกำาหนดชำาระแล้ว แดงได้นำาเงินต้นไปชำาระแก่
ขาว บังเอิญในวันนั้ นฝนตกหนั กนำ้าท่วมทางที่จะไปบ้านนายขาว จนเป็ น
เหตุให้แดงไม่สามารถนำาเงินต้นไปชำาระให้ขาวได้ตามกำาหนดเวลา ดังนี้ จะ
ถือว่าแดงตกเป็ นผู้ผิดนั ดหรือไม่ เพราะอะไร หลักกฎหมายเกี่ยวกับเรื่อง
นี้ มีว่าอย่างไร
มาตรา 205 ตราบใดการชำา ระหนี้ นั้ นยั ง มิ ไ ด้ ก ระทำา ลงเพราะ
พฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งลูกหนี้ ไม่ต้องรับผิดชอบ ตราบนั้ นลูกหนี้ ยัง
หาได้ช่ ือว่าผิดนั ดไม่
ป.พ.พ. มาตรา 205 บัญญัติเป็ นหลักซึ่งถือเป็ นข้อยกเว้นซึ่งยังไม่
ถือว่าลูกหนี้ ผิดนั ด แม้ลูกหนี้ ไม่ชำาระหนี้ ตามเวลากำาหนด ดังนี้ “ตราบใด
การชำาระหนี้ นั้ นยังไม่ได้กระทำาลงเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งลูกหนี้
ไม่ต้องรับผิดชอบ ตราบนั้ นลูกหนี้ ยังได้ช่ ือว่าผิดนั ดไม่”
ตามหลักทัว่ ไปในเรื่องกำาหนดเวลาชำาระหนี้ นั้ น เมื่อมีลูกหนี้ เกิดขึ้น
คู่กรณี ต่างก็มีสิทธิและหน้าที่ผูกพันซึ่งกันและกัน ลูกหนี้ ย่อมมีหน้าที่ท่ีจะ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


14

ชำาระหนี้ ให้แก่เจ้าหนี้ และต้องชำาระหนี้ ให้ต้องตามประสงค์อันแท้จริงแห่ง


มูลหนี้ เจ้าหนี้ ก็มีหน้าที่ท่ีจะรับชำา ระหนี้ เมื่อลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำา ระหนี้
โดยชอบด้วยกฎหมาย หากหนี้ ถึงกำาหนดชำาระแล้ว และภายหลังเจ้าหนี้ ได้
ให้คำา เตือนลูกหนี้ แล้ว ลูกหนี้ ยังไม่ชำา ระหนี้ ลูกหนี้ ได้ช่ ื อว่ าผิ ดนั ดเพราะ
เขาเตือนแล้ว ถ้าหนี้ นั้ นได้กำาหนดเวลาชำาระไว้ตามวันแห่งปฏิทิน หรือหนี้
ที่ ไ ด้ บ อกกล่ า วล่ ว งหน้ า ก่ อ นการชำา ระหนี้ ซึ่ ง ได้ กำา หนดเวลาลงไว้ อาจ
คำา นวณกันได้โดยปฏิทินนั บแต่เวลาที่ได้บอกกล่าว และลู กหนี้ มิ ได้ ชำา ระ
หนี้ ตามกำาหนด ลูกหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด โดยมิพักต้องเตือนเลย กรณี ท่ีลูก
หนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด ต้องเป็ นพฤติการณ์ซึ่งลูกหนี้ ต้องรับผิดชอบในการที่
ตนไม่ ชำา ระหนี้ ตามกำา หนดนั้ น แต่ ถ้ า การที่ ลู ก หนี้ ไม่ ชำา ระหนี้ ตรงตาม
กำาหนดเวลา สืบเนื่ องมาจากพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งลูกหนี้ ไม่ต้องรับ
ผิดชอบแล้ว ลูกหนี้ ยังหาได้ช่ ือว่าผิดนั ดไม่
ตามอุทาหรณ์ การที่ฝนตกนำ้าท่วมทางที่จะไปบ้านขาว จนเป็ นเหตุ
ใ ห้ แ ดง ไม่ ส ามาร ถนำา เ งิ น ต้ น ไป ชำา ร ะ ใ ห้ ข าว ตามกำา ห น ด นั้ น เ ป็ น
เหตุสุดวิสัยเป็ นพฤติการณ์ซ่ึงแดงไม่ต้องรับผิดชอบ แม้แดงจะไม่ได้ชำาระ
หนี้ ให้ขาวได้ตามเวลากำาหนด แดงยังไม่ตกเป็ นผู้ผิดนั ด

2.2.3 ผลแห่งการผิดนัดของลูกหนี้
เมื่ อลู ก หนี้ ตกเป็ นผู้ ผิ ด นั ด ลู ก หนี้ จะต้ อ งรับ ผิ ด ชอบต่ อ เจ้ า หนี้
ประการใดบ้างหรือไม่
มาตรา 215 เมื่ อ ลู ก หนี้ ไม่ ชำา ระหนี้ ให้ ต้ อ งตามความประสงค์ อั น
แท้จริง แห่ งมู ลหนี้ ไซร้ เจ้าหนี้ จะเรียกเอาค่ าสิ นไหมทดแทนเพื่ อ ความ
เสียหายอันเกิดแต่การนั้ นก็ได

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


15

มาตรา 216 ถ้ า โดยเหตุ ผิ ด นั ด การชำา ระหนี้ กลายเป็ นอั น ไร้


ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ จะบอกปั ดไม่รบ
ั ชำาระหนี้ และจะเรียก เอาค่า
สินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำาระหนี้ ก็ได้
มาตรา 217 ลูกหนี้ จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายบรรดาที่ เกิด
แต่ ค วามประมาทเลิ น เล่ อ ในระหว่ างเวลาที่ ตนผิ ด นั ด ทั้ ง จะต้ อ ง รับ ผิ ด
ชอบในการที่การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัย เพราะอุบัติเหตุ อันเกิดขึ้นใน
ระหว่างเวลาที่ผิดนั ดนั้ นด้วย เว้นแต่ความเสียหายนั้ น ถึงแม้ว่าตนจะได้
ชำาระหนี้ ทันเวลากำาหนดก็คงจะต้องเกิดมีอยู่นั่นเอง
มาตรา 218 ถ้ าการชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้ น วิ สั ย จะทำา ได้ เพราะ
พฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งลูกหนี้ ต้องรับผิด ชอบไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ จะ
ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้ เพื่อค่าเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิด
แต่การไม่ชำาระหนี้ นั้ น
ในกรณี ท่ีการชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยแต่เพียงบางส่วน ถ้าหากว่า
ส่วนที่ยังเป็ นวิสัยจะทำาได้น้ ั นจะเป็ นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ แล้ว เจ้าหนี้
จะไม่ ย อมรับ ชำา ระหนี้ ส่ ว นที่ ยั ง เป็ นวิ สั ย จะทำา ได้ น้ ั น แล้ ว และ เรีย กค่ า
สินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำาระหนี้ เสียทั้งหมดทีเดียวก็ได้
มาตรา 219 ถ้าการชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ อัน
ใดอันหนึ่ งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ และซึ่งลูกหนี้ ไม่ต้องรับ ผิดชอบ
นั้ นไซร้ท่านว่าลูกหนี้ เป็ นอันหลุดพ้นจากการชำาระหนี้ นั้ น
ถ้าภายหลังที่ได้ก่อหนี้ ขึ้นแล้วนั้ น ลูกหนี้ กลายเป็ นคนไม่สามารถ จะ
ชำา ระหนี้ ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่าเป็ นพฤติการณ์ท่ีทำา ให้การ ชำา ระหนี้
ตกเป็ นอันพ้นวิสัยฉะนั้ น
มาตรา 220 ลูกหนี้ ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนแห่งตน
กั บ ทั้ ง ของบุ ค คลที่ ต นใช้ ใ นการชำา ระหนี้ นั้ นโดยขนาดเสมอกั บ ว่ า เป็ น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


16

ความผิดของตนเองฉะนั้ น แต่บทบัญญัติแห่ง มาตรา 373 หาใช้บังคับ


แก่กรณี เช่นนี้ ด้วยไม่
มาตรา 221 หนี้ เงินอันต้องเสียดอกเบี้ยนั้ น ท่านว่าจะคิดดอกเบี้ย
ในระหว่างที่เจ้าหนี้ ผิดนั ดหาได้ไม่
มาตรา 222 การเรีย กเอาค่ า เสี ย หายนั้ น ได้ แ ก่ เ รีย กค่ า สิ น ไหม
ทดแทนเพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำาระ หนี้
นั้ น
เจ้าหนี้ จะเรียกค่าสิน ไหมทดแทนได้ แม้ กระทั ่งเพื่ อความเสี ย หาย
อันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ หากว่าคู่กรณี ท่ีเกี่ยวข้องได้คาดเห็นหรือ ควร
จะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้ นล่วงหน้าก่อนแล้ว
มาตรา 223 ถ้ าฝ่ ายผู้เ สี ย หายได้ มีส่ ว นทำา ความผิ ดอย่ างใด อย่ าง
หนึ่ งก่อให้เกิดความเสียหายด้วยไซร้ ท่านว่าหนี้ อันจะต้องใช้ ค่าสินไหม
ทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้ น ต้องอาศัย พฤติการณ์เป็ น
ประมาณ ข้อสำาคัญก็คือว่าความเสียหายนั้ นได้เกิดขึ้น เพราะฝ่ ายไหนเป็ น
ผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร
วิธีเดียวกันนี้ ท่านให้ใช้แม้ท้ ังที่ความผิดของฝ่ ายผู้ท่ีเสียหายจะ มี
แต่ เ พี ย งละเลยไม่ เ ตื อ นลู กหนี้ ให้ รู้ สึ ก ถึ ง อั น ตราย แห่ ง การเสี ย หาย อั น
เป็ นอย่ างร้ า ยแรงผิ ด ปกติ ซึ่ ง ลู ก หนี้ ไม่ รู้ ห รือ ไม่ อ าจจะรู้ ไ ด้ หรือ เพี ย ง
แต่ ล ะเลยไม่ บำา บั ด ปั ดป้ อง หรือ บรรเทาความเสี ย หายนั้ นด้ ว ย อนึ่ ง
บทบัญญัติแห่ง มาตรา 220 นั้ นท่านให้นำามาใช้บังคับด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา 224 หนี้ เงิน นั้ น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนั ด
ร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ถ้าเจ้าหนี้ อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้ น โดย อาศัย
เหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้ น
ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนั ด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


17

การพิสูจน์ค่าเสียหายอย่างอื่นนอกกว่านั้ น ท่านอนุ ญาตให้พิสูจน์ได้


มาตรา 225 ถ้าลูกหนี้ จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อราคาวัตถุ อัน
ได้เสื่อมเสียไประหว่างผิดนั ดก็ดี หรือวัตถุอันไม่อาจส่งมอบได้ เพราะเหตุ
อย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง อั น เกิ ด ขึ้ นระหว่ า งผิ ด นั ด ก็ ดี ท่ า นว่ า เจ้ า หนี้ จะเรีย ก
ดอกเบี้ ยในจำา นวนที่จะต้ องใช้ เป็ นค่ าสิน ไหมทดแทน คิดตั้ง แต่ เวลาอัน
เป็ นฐานที่ ต้ ั ง แห่ ง การกะประมาณราคานั้ นก็ ไ ด้ วิ ธี เ ดี ย วกั น นี้ ท่ านให้ ใ ช้
ตลอดถึ ง การที่ ลู ก หนี้ จำา ต้ อ งใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทน เพื่ อการที่ ร าคาวั ต ถุ
ตกตำ่าเพราะวัตถุน้ ั นเสื่อมเสียลงในระหว่างเวลา ที่ผิดนั ดนั้ นด้วย
1. เมื่อลูกหนี้ ไม่ชำาระหนี้ ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูล
หนี้ เจ้าหนี้ มีสิทธิเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่
การนั้ นได้ (มาตรา 215)
2. โดยเหตุท่ีลูกหนี้ ผิดนั ด การชำาระหนี้ นั้ นกลายเป็ นอันไร้ประโยชน์
แก่ เ จ้ า หนี้ เจ้ า หนี้ มี สิ ท ธิ บ อกปั ดไม่ ร ับ ชำา ระหนี้ และเรีย กค่ า สิ น ไหม
ทดแทนเพื่อการไม่ชำาระหนี้ ของลูกหนี้ ได้ (มาตรา 216)
3. ลูกหนี้ จะต้องรับผิดชอบในความเสียหาย บรรดาที่เกิดแก่ ความ
ประมาทเลินเล่อในระหว่างที่ตนผิดนั ด ทั้งจะต้องรับผิดชอบในการชำา ระ
หนี้ กลายเป็ นพ้ น วิ สั ย เพราะอุ บั ติ เ หตุ อั น เกิ ด ขึ้ นในระหว่ า งเวลาที่ ต น
ผิ ดนั ดนั้ นด้ ว ยเงิ น แต่ ความเสี ย หายนั้ นถึ ง แม้ ตนจะได้ ชำา ระหนี้ ทั น เวลา
กำาหนด ก็คงจะต้องเกิดมีอยู่น้ ั นเอง (มาตรา 217)
4. สำา หรับ หนี้ เงิ น ในระหว่ า งที่ ลู ก หนี้ ผิ ด นั ด เจ้ า หนี้ มี สิ ท ธิ เ รีย ก
ดอกเบี้ยจากลูกหนี้ ได้ร้อยละเจ็ดครึง่ ต่อปี แต่เจ้าหนี้ อาจเรียกได้สูงกว่า
นั้ น โดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย (มาตรา 224)
5. กรณี ท่ีเจ้าหนี้ มีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน เพื่อราคาวัตถุอันได้
เสื่ อ มเสีย ไประหว่ างผิ ดนั ด หรือ วั ตถุ ไม่ อ าจส่ ง มอบได้ ใ นระหว่ า งผิ ดนั ด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


18

เจ้ า หนี้ มี สิ ท ธิ เ รีย กดอกเบี้ ยในจำา นวนค่ า สิ น ไหมทดแทนนั บ แต่ เ วลาอั น


เป็ นฐานที่ต้ ังแห่งการกะประมาณราคานั้ น (มาตรา 225)

ในกรณี หนี้ เงิน เมื่อลูกหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด ลูกหนี้ จะต้องรับผิดชอบ


ต่อเจ้าหนี้ ประการใดบ้าง
หนี้ เงินนั้ น ป.พ.พ. มาตรา 224 บัญญัติหลักเกณฑ์ท่ีลูกหนี้ จะต้อง
รับผิดชอบในระหว่างผิดนั ดดังนี้ เจ้าหนี้ มีสิ ทธิ เรียกดอกเบี้ยร้อ ยละเจ็ด
ครึง่ ต่อปี และเจ้าหนี้ จะเรียกดอกเบี้ยให้สูงกว่านั้ นก็ได้ โดยอาศัยเหตุอ่ ืน
อันชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหนี้ มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยสูงกว่าร้อยละเจ็ดครึง่ ต่อ
ปี ก็ ได้ แต่ ห้ ามมิ ใ ห้ คิ ดดอกเบี้ ยเสมื อ นดอกเบี้ ยในระหว่ างผิ ดนั ดและให้
สิทธิแก่เจ้าหนี้ ที่จะเรียกร้องค่าเสียหายอย่างอื่นได้ ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่า
มีความเสียหายอย่างอื่น นอกจากดอกเบี้ยดังกล่าวมาแล้ว
การเรียกดอกเบี้ยในระหว่างผิดนั ดนี้ เป็ นสิทธิของเจ้าหนี้ ที่จะเรียก
ได้ โดยไม่จำาเป็ นต้องพิสูจน์และไม่จำาเป็ นต้องมีข้อตกลงว่าลูกหนี้ จะต้อง
เสียดอกเบี้ยในระหว่างผิดนั ดเพราะกฎหมายถือว่าหนี้ เงินนั้ น เมื่อผิดนั ด
ชำา ระ เจ้ า หนี้ ย่ อ มเสี ย หายและกำา หนดค่ า เสี ย หายไว้ เ ป็ นการแน่ น อน
ตายตัว คือคิดให้เป็ นดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึง่ ต่อปี

เขี ย วยื ม รถยนต์ ข าวไปใช้ ใ นวั น แต่ ง งานของดำา น้ อ งชาย เมื่ องาน
แต่งงานเสร็จสิ้นลงเขียวได้นำารถยนต์เก็บไว้ในโรงรถ ต่อมาอีก 2 วัน ไฟ
ฟ้ าช๊อตไหม้บ้านและโรงรถของเขียวเป็ นเหตุให้รถยนต์ของขาวถูกไฟไหม้
เสียหายทั้งคันไปด้วย เขียวต้องรับผิดชอบใช้ราคารถยนต์ให้แก่ขาวหรือ
ไม่ เพราะเหตุใด
ป.พ.พ. มาตรา 217 บัญญัติหลักเกณฑ์ไว้ว่า “ลูกหนี้ จะต้องรับผิด
ชอบในความเสียหายบรรดาที่เกิดแก่ความประมาทเลินเล่อในระหว่างที่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


19

ตนผิ ดนั ด ทั้ ง จะต้ อ งรับ ผิ ด ชอบในการที่ ก ารชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้ น วิ สั ย
เพราะอุบั ติเ หตุ อั น เกิ ดขึ้ นในระหว่ างเวลาที่ ผิ ดนั ดนั้ นด้ ว ย เว้ น แต่ ค วาม
เสียหายนั้ น ถึงแม้ว่าตนจะได้ชำาระหนี้ ทันเวลากำาหนดก็คงจะต้องเกิดมีอยู่
นั ่นเอง” และตามมาตรา 203 วรรคแรกบัญญัติว่า “ถ้าเวลาวันจะพึงชำาระ
หนี้ นั้ นมิได้กำาหนดลงไว้ หรือจะอนุ มานจากพฤติการณ์ท้ ังปวงก็ไม่ได้ไซร้
ท่านว่าเจ้าหนี้ ย่อมจะเรียกให้ชำาระหนี้ ได้โดยพลัน และฝ่ ายลูกหนี้ ก็ย่อมจะ
ชำาระหนี้ ของตนได้โดยพลันดุจกัน”
ตามอุทาหรณ์แม้หนี้ จะไม่กำา หนดระยะเวลาเอาไว้ คือไม่ได้กำา หนด
เวลาตามปฏิทินที่จะคืนรถยนต์ให้ขาว แต่พอจะอนุ มานได้ตามพฤติการณ์
ว่า เมื่องานแต่งงานของดำาเสร็จ เขียวจะต้องคืนรถยนต์ให้ขาว คือเท่ากับ
ว่ าหนี้ คื อรถยนต์ ได้ กำา หนดเวลาชำา ระไว้เ ป็ นการแน่ นอนแล้ ว ฉะนั้ นเมื่อ
เขียวได้ส่งรถยนต์คืนให้ขาวภายหลังจากแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว เขียวตก
เป็ นผู้ผิดนั กตามมาตรา 203 วรรคหนึ่ ง และมาตรา 204 วรรคสอง แม้
ต่อมาจะเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้บ้าน โรงรถ ที่ใช้เก็บรถและไหม้รถยนต์เสีย
หายหมดก็ ตาม เขี ย วย่ อ มต้ อ งรับ ผิ ดชอบใช้ ร าคารถยนต์ ใ ห้ แ ก่ ข าวตาม
มาตรา 217

2.2.4 กรณีท่ีถือว่าเจ้าหนี้ ผิดนัด


เจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ดในกรณี ใดบ้าง
มาตรา 207 ถ้าลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ และเจ้าหนี้ ไม่รบ
ั ชำาระ
หนี้ นั้ นโดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ไซร้ ท่านว่า เจ้าหนี้ ตก
เป็ นผู้ผิดนั ด
มาตรา 208 การชำาระหนี้ จะให้สำาเร็จผลเป็ นอย่างใด ลูกหนี้ จะ ต้อง
ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ ต่อเจ้าหนี้ เป็ นอย่างนั้ นโดยตรง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


20

แต่ถ้าเจ้าหนี้ ได้แสดงแก่ลูกหนี้ ว่า จะไม่รบ


ั ชำา ระหนี้ ก็ดี หรือเพื่อ ที่
จะชำา ระหนี้ จำา เป็ นที่เ จ้าหนี้ จะต้อ งกระทำา การอย่ างใดอย่ างหนึ่ ง ก่ อ น ก็ ดี
ลูกหนี้ จะบอกกล่าวแก่เจ้าหนี้ ว่า ได้เตรียมการที่จะชำาระหนี้ ไว้ พร้อมเสร็จ
แล้ ว ให้ เ จ้ า หนี้ รับ ชำา ระหนี้ นั้ น เท่ า นี้ ก็ นั บ ว่ า เป็ นการเพี ย งพอ แล้ ว ใน
กรณี เช่นนี้ ท่านว่าคำาบอกกล่าวของลูกหนี้ นั้ นก็เสมอกับคำาของ ปฏิบัติการ
ชำาระหนี้
มาตรา 209 ถ้าได้กำาหนดเวลาไว้เป็ นแน่นอนเพื่อให้เจ้าหนี้ กระทำา
การอันใด ท่านว่าที่จะขอปฏิบัติการชำาระหนี้ นั้ นจะต้องทำาก็แต่เมื่อ เจ้าหนี้
ทำาการอันนั้ นภายในเวลากำาหนด
มาตรา 210 ถ้ า ลู ก หนี้ จำา ต้ อ งชำา ระหนี้ ส่ ว นของตนต่ อ เมื่ อเจ้ า หนี้
ชำาระหนี้ ตอบแทนด้วยไซร้ แม้ถึงว่าเจ้าหนี้ จะได้เตรียมพร้อมที่จะรับชำาระ
หนี้ ตามที่ ลู ก หนี้ ขอปฏิ บั ติ น้ ั นแล้ ว ก็ ดี หากไม่ เ สนอที่ จ ะทำา การชำา ระหนี้
ตอบแทนตามที่จะพึงต้องทำาเจ้าหนี้ ก็เป็ นอันได้ช่ ือว่าผิดนั ด

เจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ดได้ใน 2 กรณี คือ


1)ตามมาตรา 207 ซึ่งบั ญญั ติว่ า ถ้ าลู กหนี้ ขอปฏิ บั ติการชำา ระหนี้
และเจ้าหนี้ ไม่รบ
ั ชำา ระหนี้ นั้ นโดยปราศจากมูล เหตุอั นจะอ้ างกฎหมายได้
ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด
2)มาตรา 210 ซึ่งบัญญัติว่า ถ้าลูกหนี้ จำาต้องชำาหนี้ ส่วนของตนต่อ
เมื่อเจ้าหนี้ ชำาระหนี้ ตอบแทนด้วยไซร้ แม้ถึงว่าเจ้าหนี้ จะได้เตรียมพร้อมที่
จะรับชำาระหนี้ ตามที่เขาพึงต้องทำาเจ้าหนี้ ก็เป็ นอันได้ช่ ือว่าผิดนั ด
ตามมาตรา 207 บัญญัติให้เจ้าหนี้ ผิดนั ด เพราะไม่รบ
ั ชำาระหนี้ การ
ไม่รบ
ั ชำาระหนี้ ก็คือการไม่ยอมรับชำาระหนี้ ที่ลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำา ระหนี้
การขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ จะต้องเป็ นการขอชำา ระหนี้ ได้ในขณะที่ขอชำา ระ
หนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


21

ตามมาตรา 210 เป็ นเรื่องสัญญาต่างตอบแทน คู่กรณี ฝ่ายหนึ่ งจะ


ต้ อ งขอปฏิ บั ติ ก ารชำา ระหนี้ ต่ อ อี ก ฝ่ ายหนึ่ ง ในเมื่ ออี ก ฝ่ ายหนึ่ ง ไม่ เ สนอ
ชำาระหนี้ ตอบแทน ฝ่ ายนั้ นก็เป็ นผู้ผิดนั ด การผิดนั ดมีได้ท้ ังสองฝ่ าย การ
ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ จะต้องอยู่ในฐานะพร้อมที่จะชำาระหนี้ ได้อย่างจริงจัง
เจ้าหนี้ จะตกเป็ นผู้ผิดนั ด

2.2.5 ข้อยกเว้นที่ไม่ถือว่าเจ้าหนี้ ผิดนัด


มีกรณี ใดบ้างที่ไม่ถือว่าเจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด
มาตรา 211 ในเวลาที่ ลูกหนี้ ขอปฏิบั ติการชำา ระหนี้ นั้ นก็ ดี หรือ ใน
เวลาที่กำาหนดไว้ให้เจ้าหนี้ ทำาการอย่างใดอย่างหนึ่ ง โดยกรณี ท่ีบัญญัติ ไว้
ใน มาตรา 209 นั้ นก็ดี ถ้าลูกหนี้ มิได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถชำาระหนี้ ได้
ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ ยังหาผิดนั ดไม่
มาตรา 212 ถ้ามิได้กำาหนดเวลาชำาระหนี้ ไว้ก็ดี หรือถ้าลูกหนี้ มี สิทธิ
ที่จะชำาระหนี้ ได้ก่อนเวลากำาหนดก็ดี การที่เจ้าหนี้ มีเหตุขัดข้อง ชัว่ คราวไม่
อาจรับ ชำา ระหนี้ ที่ เ ขาขอปฏิ บั ติ แ ก่ ต นได้ น้ ั น หาทำา ให้ เจ้ า หนี้ ตกเป็ นผู้
ผิดนั ดไม่ เว้นแต่ลูกหนี้ จะได้บอกกล่าวการชำา ระหนี้ ไว้ล่วงหน้าโดยเวลา
อันสมควร
มาตรา 213 ถ้ า ลู ก หนี้ ละเลยเสี ย ไม่ ชำา ระหนี้ ของตน เจ้ า หนี้ จะ
ร้ อ งขอต่ อ ศาลให้ สั ่ง บั ง คั บ ชำา ระหนี้ ก็ ไ ด้ เว้ น แต่ ส ภาพแห่ ง หนี้ จะไม่ เ ปิ ด
ช่องให้ทำาเช่นนั้ นได้
เมื่ อ สภาพแห่ งหนี้ ไม่ เ ปิ ดช่ อ งให้ บั ง คั บ ชำา ระหนี้ ได้ ถ้ าวั ตถุ แห่ ง หนี้
เป็ นอันให้กระทำาการอันหนึ่ งอันใด เจ้าหนี้ จะร้องขอต่อศาลให้สงั ่ บังคับ ให้
บุคคลภายนอกกระทำาการอันนั้ นโดยให้ลูกหนี้ เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้ แต่ถ้า
วัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันให้กระทำานิ ติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ งไซร้ ศาลจะสัง่ ให้
ถือเอาตามคำาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้ ก็ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


22

ส่วนหนี้ ซึ่งมีวัตถุเป็ นอันจะให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้ จะเรียกร้อง


ให้ รอถอนการที
ื้ ่ได้ กระทำา ลงแล้ว นั้ นโดยให้ลู กหนี้ เสี ย ค่ าใช้ จ่าย และ ให้
จัดการอัน ควรเพื่อกาลภายหน้าด้วยก็ได้
อนึ่ ง บทบัญญัติในวรรคทั้งหลายที่กล่าวมาก่อนนี้ หากระทบกระทัง่
ถึงสิทธิท่ีจะเรียกเอาค่าเสียหายไม่

มีอยู่ 2 กรณี ที่ไม่ถือว่าเจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด คือ


1)ลูกหนี้ ไม่อยู่ในฐานะที่จะชำาระหนี้ ได้อย่างจริงจัง ซึ่งมาตรา 211
บัญญัติว่าในเวลาที่ลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ หรือในเวลาที่กำา หนดไว้
ให้เจ้าหนี้ ทำาการอย่างใดอย่างหนึ่ งโดยกรณี ท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 209 ถ้า
ลูกหนี้ มิได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถชำาระหนี้ ได้ เจ้าหนี้ ยังหาผิดนั ดไม่
ในการขอปฏิบัติการชำาระหนี้ นั้ น ลูกหนี้ ต้องอยู่ในฐานะที่จะชำาระหนี้
ได้อย่างจริงจัง คือพร้อมที่จะชำาระหนี้ ที่ผูกพันตนอยู่และสามารถที่จะชำาระ
หนี้ ได้ในทันที เมื่อลูกหนี้ พร้อมชำาระหนี้ และขอปฏิบัติการชำาระหนี้ แล้ว ถ้า
เจ้ า หนี้ ไม่ ร บ
ั ชำา ระหนี้ เจ้ า หนี้ ตกเป็ นผู้ ผิ ด นั ด หากลู ก หนี้ ขอปฏิ บั ติ ก าร
ชำา ระหนี้ โดยตนไม่พร้อมที่จะชำา ระหนี้ แม้เจ้าหนี้ ไม่รบ
ั ชำา ระหนี้ เจ้าหนี้ ก็
ไม่ผิดนั ด
กรณี ตามมาตรา 209 ก็เช่นเดียวกัน แม้จะกำาหนดเวลาแน่นอนให้
เจ้ าหนี้ กระทำา การใดแล้ ว เจ้ าหนี้ ไม่ กระทำา ตามกำา หนด หากปรากฏว่ าใน
เวลาที่กำาหนดไว้ ลูกหนี้ ยังไม่อยู่ในฐานะพร้อมที่จะชำาระหนี้ ได้แล้ว แม้จะ
มีการขอปฏิบัติการชำาระหนี้ เจ้าหนี้ ยังไม่ผิดนั ด
2)เจ้าหนี้ มีเหตุชัว่ คราวที่จะไม่รบ
ั ชำา ระหนี้ ซึ่งมาตรา 212 บัญญัติ
ว่า ถ้ามิได้กำาหนดระยะเวลาชำาระหนี้ ไว้ หรือถ้าลูกหนี้ มีสิทธิท่ีจะชำา ระหนี้
ได้ก่อนกำา หนดเวลากำา หนดก็ดี การที่เจ้าหนี้ มีเหตุขัดข้องชัว่ คราวไม่อาจ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


23

รับชำาระหนี้ ที่เขาขอปฏิบัติแก่ตนได้น้ ั น หาทำาให้เจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ดไม่


เว้นแต่ลูกหนี้ จะได้บอกกล่าวการชำาระหนี้ ไว้ล่วงหน้าโดยเวลาอันควร
ถ้าหนี้ ไม่มีกำาหนดเวลาชำาระหรือมีกำาหนดเวลาชำาระ แต่กำาหนดเวลา
มี ไ ว้ เ พื่ อประโยชน์ แ ก่ ลู ก หนี้ ซึ่ ง ลู ก หนี้ มี สิ ท ธิ ท่ี จ ะชำา ระหนี้ ได้ ก่ อ นเวลา
กำา หนด หนี้ ทั้งสองประการนี้ ลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ โดยพลัน หรือ
จะชำาระหนี้ เมื่อใดก็ได้ เจ้าหนี้ ไม่มีโอกาสรู้ตัวล่วงหน้าว่าลูกหนี้ จะชำาระหนี้
เมื่ อใด ฉะนั้ นหากลู ก หนี้ ขอปฏิ บั ติ ก ารชำา ระหนี้ ในเวลาที่ เ จ้ า หนี้ มี เ หตุ
จำา เป็ นชัว่ คราว ไม่อ าจจะรับชำา ระหนี้ ได้ เจ้ าหนี้ ไม่ร บ
ั ชำา ระหนี้ ด้ ว ยเหตุ
ขัดข้องดัง กล่ าว เจ้ าหนี้ ยัง ไม่ ต กเป็ นผู้ ผิ ดนั ด แต่ ถ้าลู กหนี้ ได้ บ อกกล่ าว
ล่วงหน้าว่าจะขอปฏิบัติการชำาระหนี้ ในเวลาอันกำาหนดแน่นอนซึ่งเป็ นเวลา
ที่ให้โอกาสเจ้าหนี้ ก็ถือว่าเจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด

2.2.6 ผลแห่งการผิดนัดของเจ้าหนี้
เมื่อลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ โดยชอบแล้ว ลูกหนี้ จะหลุดพ้นจาก
ความรับผิดอะไรบ้าง อธิบาย ลูกหนี้ จะหลุดพ้นจากหนี้ หรือไม่เพราะเหตุ
ใด
เมื่อลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ โดยชอบแล้ว และเจ้าหนี้ ไม่รบ
ั ชำาระ
หนี้ นั้ นโดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ เจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ด
ตามมาตรา 207 มีผลให้ ลูกหนี้ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในหนี้ เงินตามมาตรา
221 และลู กหนี้ ไม่ ต้อ งรับ ผิ ดชอบต่ อ เจ้ าหนี้ ในบรรดาความเสี ย หายอั น
เกิ ดแต่ การไม่ ชำา ระหนี้ นั บ แต่ เ วลาที่ ลู ก หนี้ ได้ ข อปฏิ บั ติ ก ารชำา ระหนี้ นั้ น
ตามมาตรา 330 บรรดาความรับผิดชอบคือ ลูกหนี้ ไม่ต้องรับผิดชอบใช้
ค่ าสิ น ไหมทดแทน เนื่ องจากการชำา ระหนี้ ไม่ ต้ อ งตามความประสงค์ อั น
แท้ จ ริง แห่ ง มู ล หนี้ ตามมาตรา 215 ไม่ ต้ อ งรับ ผิ ด ชอบถ้ า การชำา ระหนี้
กลายเป็ นอันไร้ประโยชน์ต่อเจ้าหนี้ ตามมาตรา 216 ไม่ต้องรับผิดชอบ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


24

ถ้าเกิดการเสียหายแก่ทรัพย์อันเป็ นวัตถุแห่งหนี้ โดยมิใช่ความผิดของลูก


หนี้ ตามมาตรา 217 เมื่ อเจ้ า หนี้ ผิ ด นั ด ลู ก หนี้ ไม่ ร ับ ผิ ด ชอบเฉพาะค่ า
สินไหมทดแทนความเสียหายอันเกิดจากการไม่ชำาระหนี้ เท่านั้ น ส่วนหนี้ ที่
ต้ อ งชำา ระแก่ กั น มี อ ยู่ อ ย่ า งไร ลู ก หนี้ ยั ง รับ ผิ ด ชอบชำา ระให้ แ ก่ เ จ้ า หนี้ อยู่
หากลู ก หนี้ ประสงค์ ท่ี จ ะหลุ ด พ้ น จากหนี้ ต้ อ งจั ด การวางทรัพ ย์ ไ ว้ เ พื่ อ
ประโยชน์ของเจ้าหนี้ ตามมาตรา 331 ซึ่งบัญญัติว่า ถ้าเจ้าหนี้ บอกปั ดไม่
ยอมรับ ชำา ระหนี้ ก็ ดี หรือ ไม่ ส ามารถจะรับ ชำา ระหนี้ ได้ ก็ ดี หากบุ ค คลผู้
ชำา ระหนี้ วางทรัพย์อันเป็ นวัตถุแห่งหนี้ ไว้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ แล้ว ก็
ย่อมจะเป็ นอันหลุดพ้นจากหนี้ ได้
มาตรา 330 เมื่อขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ โดยชอบแล้ว บรรดาความ
รับผิดชอบอันเกิดแต่การไม่ชำาระหนี้ ก็เป็ นอันปลดเปลื้ องไป นั บแต่ เวลา
ที่ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ นั้ น
มาตรา 331 ถ้ า เจ้ า หนี้ บอกปั ดไม่ ย อมรั บ ชำา ระหนี้ ก็ ดี หรื อ ไม่
สามารถจะรับชำาระหนี้ ได้ก็ดี หากบุคคลผู้ชำาระหนี้ วางทรัพย์อันเป็ น วัตถุ
แห่งหนี้ ไว้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ แล้ว ก็ย่อมจะเป็ นอันหลุด พ้นจากหนี้
ได้ความข้อนี้ ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณี ท่ีบุคคลผู้ชำาระหนี้ ไม่ สามารถจะหยัง่ รู้
ถึงสิทธิ หรือไม่รู้ตัว เจ้าหนี้ ได้แน่นอนโดยมิใช่เป็ น ความผิดของตน

2.3 การไม่ชำาระหนี้ ให้ต้องตามความประสงค์แห่งหนี้


1. การไม่ชำาระหนี้ ให้ต้องตามความประสงค์แห่งหนี้ นั้ นคือกรณี ลูกหนี้
ได้ ก ระทำา การชำา ระหนี้ ไม่ ถู ก ต้ อ งครบถ้ ว นตามหน้ า ที่ ท่ี ต้ อ งกระทำา คื อ
ชำา ระหนี้ แต่ เ พี ย งบางส่ ว น ชำา ระหนี้ ชำา รุ ด บกพร่ อ ง ชำา ระหนี้ ล่ า ช้ า เกิ น
กำาหนดเวลา หรือชำาระหนี้ ผิดสถานที่ท่ีได้ตกลงกันไว้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


25

2. เมื่อ ลูกหนี้ ไม่ ชำา ระหนี้ ให้ ต้อ งตามความประสงค์ อั น แท้ จริง แห่ ง มู ล
หนี้ เจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีจะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิด
แต่การไม่ชำาระหนี้ นั้ นได้

มาตรา 320 อั น จะบั ง คั บ ให้ เ จ้ า หนี้ รับ ชำา ระหนี้ แต่ เ พี ย งบางส่ ว น
หรือให้รบ
ั ชำาระหนี้ เป็ นอย่างอื่นผิดไปจากที่จะต้องชำาระแก่เจ้าหนี้ นั้ น ท่าน
ว่าหาอาจจะบังคับได้ไม่
มาตรา 321 ถ้าเจ้าหนี้ ยอมรับการชำา ระหนี้ อย่างอื่นแทนการ ชำา ระ
หนี้ ที่ได้ตกลงกันไว้ ท่านว่าหนี้ นั้ นก็เป็ นอันระงับสิ้นไป
ถ้าเพื่อที่จะทำาให้พอแก่ใจเจ้าหนี้ นั้ น ลูกหนี้ รับภาระเป็ นหนี้ อย่างใด
อ ย่ าง ห นึ่ ง ขึ้ นใ ห ม่ ต่ อ เ จ้ า ห นี้ ไ ซ ร้ เ มื่ อ ก ร ณี เ ป็ น ที่ ส ง สั ย ท่ า น มิ ใ ห้
สันนิ ษฐานว่าลูกหนี้ ได้ก่อหนี้ นั้ นขึ้นแทนการชำาระหนี้
ถ้ า ชำา ระหนี้ ด้ ว ยออก-ด้ ว ยโอน-หรื อ ด้ ว ยสลั ก หลั ง ตั ๋ ว เงิ น หรือ
ประทวนสิ น ค้ า ท่านว่ าหนี้ นั้ นจะระงั บสิ้ นไปต่ อ เมื่ อตั ว๋ เงิ น หรือ ประทวน
สินค้านั้ นได้ใช้เงินแล้ว
มาตรา 322 ถ้าเอาทรัพย์ก็ดี สิทธิเรียกร้องจากบุคคลภายนอกก็ดี
หรือสิ ท ธิ อ ย่ างอื่ นก็ ดี ให้ แทนการชำา ระหนี้ ท่ านว่ า ลู ก หนี้ จะต้ อ งรับ ผิ ด
เพื่อชำารุดบกพร่องและเพื่อการรอนสิทธิทำานองเดียวกับผ้ข
ู าย
มาตรา 323 ถ้าวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันให้ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง ท่าน
ว่าบุคคลผู้ชำา ระหนี้ จะต้องส่งมอบทรัพย์ตามสภาพที่เป็ นอยู่ใน เวลาที่จะ
พึงส่งมอบ
ลู ก หนี้ จำา ต้ อ งรัก ษาทรัพ ย์ น้ ั นไว้ ด้ ว ยความระมั ด ระวั ง เช่ น อย่ า ง
วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง จนกว่าจะได้ส่งมอบทรัพย์น้ ั น
มาตรา 324 เมื่อมิได้มีแสดงเจตนาไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าจะ พึง
ชำา ระหนี้ ณ สถานที่ ใ ดไซร้ หากจะต้ อ งส่ ง มอบทรัพ ย์ เ ฉพาะสิ่ ง ท่ านว่ า

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


26

ต้องส่งมอบกัน ณ สถานที่ซ่งึ ทรัพย์น้ ั นได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อ ให้เกิดหนี้ นั้ น


ส่ ว นการชำา ระหนี้ โดยประการอื่ น ท่ า นว่ า ต้ อ งชำา ระ ณ สถานที่ ซ่ึ ง เป็ น
ภูมิลำาเนาปั จจุบันของเจ้าหนี้

2.3.1 การชำาระหนี้ ผิดวัตถุแห่งหนี้


การชำาระหนี้ ผิดวัตถุแห่งหนี้ จะเข้าใจว่าอย่างไร อธิบาย
การชำาระหนี้ ผิดวัตถุแห่งหนี้ คือ การชำาระหนี้ แต่เพียงบางส่วน หรือ
การชำา ระหนี้ เป็ นอย่ า งอื่ นผิ ดไปจากที่ จะต้ อ งชำา ระแก่ เ จ้ า หนี้ ตามมาตรา
320 แต่ถ้าเจ้าหนี้ ยอมรับชำาระหนี้ อย่างอื่นแทนการชำาระหนี้ ที่ได้ตกลงกัน
ไว้ ก็ ย่ อ มใช้ ไ ด้ ทำา ให้ ห นี้ ระงั บ สิ้ นไปตามมาตรา 321 ถ้ า เอาทรัพ ย์ สิ ท ธิ
เรียกร้องจากบุคคลภายนอกหรือสิทธิอย่างอื่นให้แทนการชำาระหนี้ ลูกหนี้
จะต้ องรับผิ ดเพื่อ ชำา รุดบกพร่ องและเพื่อ การรอนสิท ธิทำา นองเดี ย วกั บ ผู้
ขาย ตามมาตรา 322 ถ้าวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันได้ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง
บุคคลผู้ชำา ระหนี้ จะต้องส่งมอบทรัพย์ตามสภาพที่เป็ นอยู่ในเวลาที่จะส่ง
มอบตามมาตรา 323 ถ้าหากชำาระหนี้ ฝ่ าฝื นมาตรา 320 321 322 และ
323 ย่อมถือว่าเป็ นการชำาระหนี้ ผิดวัตถุแห่งหนี้

2.3.2 การชำาระหนี้ ล่าช้าผิดเวลา


การที่ลูกหนี้ ชำาระหนี้ ล่าช้าผิดเวลานั้ น ลูกหนี จะต้องรับผิดชอบชดใช้
ค่าเสียหายให้แก่เจ้าหนี้ เสมอไปหรือไม่ เพราะเหตุใด
การที่ ลู ก หนี้ ชำา ระหนี้ ล่ า ช้ า ผิ ด เวลานั้ น เป็ นการไม่ ชำา ระหนี้ ให้ ต้ อ ง
ตามความประสงค์ อั น แท้ จ ริง แห่ ง มู ล หนี้ การชำา ระหนี้ ล่ า ช้ า บางกรณี ก็
ทำา ให้เจ้าหนี้ เสียหาย บางกรณี ก็ไม่ทำา ให้เจ้าหนี้ เสีย หาย ทั้งนี้ สุ ดแล้ว แต่
เวลาที่กำาหนดให้ชำาระหนี้ นั้ นเป็ นสาระสำาคัญหรือไม่ ถ้าไม่ทำาให้เจ้าหนี้ เสีย
หาย เจ้ า หนี้ จะเรีย กร้ อ งค่ า สิ น ไหมทดแทนจากลู ก หนี้ ไม่ ไ ด้ ฉะนั้ นการ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


27

ชำา ระหนี้ ล่าช้าผิดเวลานั้ น ลูกหนี้ ไม่จำา เป็ นต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้า


หนี้ เสมอไป

2.3.3 การชำาระหนี้ ผิดสถานที่


แดงมีภูมิลำาเนาอยู่จังหวัดอุดรธานี ทำาสัญญาซื้ อรถยนต์ของขาวซึ่ง
มีภูมิลำาเนาอยู่กรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าในเวลาที่แดงกับขาวตกลงกัน
ซื้ อขายรถยนต์คันนั้ น รถยนต์ของขาวอยู่ท่ีจังหวัดนนทบุรเี พราะจ้างช่าง
ซ่อมเครื่องยนต์ที่นั่น ขาวจะต้องส่งมอบรถยนต์ให้แก่แดง ณ สถานที่ใด
จึงจะเป็ นส่งมอบโดยชอบด้วยกฎหมาย ให้อ้างหลักกฎหมายประกอบ
การชำา ระหนี้ ผิ ด สถานที่ ก็ เ ป็ นการชำา ระหนี้ ที่ ไ ม่ ต้ อ งตามความ
ประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ ประการหนึ่ ง ซึ่งมาตรา 324 บัญญัติเป็ น
หลักกฎหมายไว้ว่า เมื่อมิได้แสดงเจตนาไว้โดยเฉพาะเจาะจงจะพึงชำา ระ
หนี้ ณ สถานที่ใดไซร้ หากต้องส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งท่านว่าต้องส่งมอบ
กัน ณ สถานที่ซ่ึงทรัพย์น้ ั น ได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อให้เกิดหนี้ นั้ น ส่วนการ
ชำา ระหนี้ โดยประการอื่ นท่ า นว่ า ต้ อ งชำา ระ ณ สถานที่ ซ่ึ ง เป็ นภู มิ ลำา เนา
ปั จจุบันของเจ้าหนี้
ตามอุ ท าหรณ์ จ ากข้ อ เท็ จ จริง ที่ ป รากฏการซื้ อขายรถยนต์ ถื อ ว่ า
เป็ นการชำาระหนี้ ที่จะต้องส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง และตามข้อเท็จจริงก็ไม่
ปรากฏว่ า แดงกั บ ขาวได้ ต กลงให้ ส่ ง มอบรถยนต์ กั น ที่ ไ หนโดยเฉพาะ
ฉะนั้ นจะต้องส่งมอบรถยนต์กัน ณ สถานที่ซื้อรถยนต์ได้อยู่ในเวลาเมื่อได้
ตกลงซื้ อขายกัน ดังนั้ น นายขาวจะต้องส่งมอบรถยนต์ให้แก่นายแดง ณ
สถานที่รถยนต์ได้อยู่ในเวลาที่ตกลงซื้ อขายกัน คือจังหวัดนนทบุร ี

2.4 การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัย

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


28

1. การที่ลูกหนี้ ไม่ชำา ระหนี้ อาจเป็ นเพราะลูกหนี้ ไม่สามารถชำา ระหนี้ ได้


เพราะการชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัย
2. การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัย อาจเป็ นเพราะทรัพย์อันเป็ นวัตถุท่ีใช้
ชำาระหนี้ ได้สูญหายหรือถูกทำาลายไป อาจเป็ นเพราะกรรมสิทธิใ์ นทรัพย์ได้
โอนไปจากลูกหนี้ หรือมีกฎหมายห้ามโอนทรัพย์หรือลูกหนี้ กลายเป็ นคน
ไม่สามารถชำาระหนี้ ได้
3. การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยนั้ นอาจกลายเป็ นพ้นวิสัยทั้งหมดหรือ
บางส่วน
4. การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเป็ นเพราะความผิดของลูกหนี้ ซึ่งลูก
หนี้ ต้องรับผิดชอบ
5. การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเป็ นเพราะเหตุอ่ ืนไม่ใช่ความผิดของ
ลูกหนี้ และลูกหนี้ ไม่ต้องรับผิดชอบ

2.4.1 เหตุที่ทำาให้การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัย


เหตุท่ีทำาให้การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยมีอะไรบ้าง
เหตุท่ีทำาให้การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยมีอยู่หลายเหตุคือ
1. ทรัพย์อันเป็ นวัตถุที่ใช้ ชำา ระหนี้ ได้สูญหายหรือถูกทำา ลายไป เช่น
ทำาสัญญาขายบ้าน ขายรถยนต์ บ้านและรถยนต์ถูกไฟไหม้
2. กรรมสิ ทธิ์ในทรัพ ย์สิน ที่จะใช้ ชำา ระหนี้ ได้ โ อนหลุ ดมื อ ไปจากลู ก
หนี้ เช่น ทำา สัญญาจะขายที่ดิน แต่หลังจากทำา สัญญา ที่ดินถูกเจ้าหนี้ ยึด
เอาไปขายทอดตลาด
3. มีกฎหมายออกมาห้ามโอนทรัพย์ที่จะใช้ชำา ระหนี้ เช่น ทำา สัญญา
จะขายข้าวออกนอกประเทศ ทำาสัญญาแล้วมีกฎหมายออกมาห้ามนำาข้าว
ออกนอกประเทศ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


29

4. ลูกหนี้ เป็ นคนไม่สามารถจะชำา ระหนี้ ได้ เช่น ทำา สัญ ญาจะไปร้อ ง


เพลง แต่ต่อมาลูกหนี้ กลายเป็ นใบ้ไม่สามารถจะร้องเพลงได้
นอกจากกรณี ดั ง กล่ า วแล้ ว อาจมี เ หตุ อ่ ื นที่ ทำา ให้ ก ารชำา ระหนี้ กลาย
เป็ นพ้นวิสัยได้

2.4.2 การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ซ่ึงลูกหนี้ ต้องรับหนี้


หมี ทำา สั ญ ญาร้ อ งเพลงในไนต์ ค ลั บ แห่ ง หนึ่ ง ก่ อ นถึ ง กำา หนดจะไป
ร้องเพลง หมีขับรถยนต์ชนกับราวสะพานโดยประมาทจนเป็ นเหตุให้หมี
บาดเจ็ บ สาหั ส ปากเบี้ ยว ไม่ ส ามารถจะร้ อ งเพลงได้ ต ามสั ญ ญา หมี จ ะ
หลุดพ้นจากการชำาระหนี้ หรือไม่ ให้ยกหลักกฎหมายขึ้นมาประกอบ
มาตรา 218 บัญ ญัติเป็ นหลักกฎหมายไว้ ว่า ถ้าการชำา ระหนี้ กลาย
เป็ นพ้นวิสัยจะทำา ได้ เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งลูกหนี้ ต้องรับ
ผิดชอบไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เจ้าหนี้ เพื่อค่า
เสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่การไม่ชำาระหนี้ นั้ น
ตามอุทาหรณ์ หมีขับรถยนต์ไปชนราวสะพานโดยประมาท เป็ นเหตุ
ให้ หมี ได้ รบ
ั บาดเจ็บ สาหัส ปากเบี้ยวไม่ส ามารถร้อ งเพลงได้ ตามสั ญ ญา
การชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้ น วิ สั ย จะทำา ได้ เ ป็ นเพราะความผิ ด ของหมี ท่ี ขั บ
รถยนต์ประมาท หมี่ไม่หลุดพ้นจากการชำาระหนี้ แต่เนื่ องจากหมีไม่มีทาง
จะชำาระหนี้ ให้ได้เพราะตนเองกลายเป็ นคนไร้ความสามารถจะชำาระหนี้ ได้
เจ้าหนี้ ได้แต่เรียกเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายอันเกิดจากการไม่
ชำา ระหนี้ เท่ านั้ น ถ้าไนต์ คลั บเสีย หายคิ ดเป็ นเงิ นได้ เท่ าใดในการที่ห มีไป
ร้องเพลงไม่ได้ตามสัญญา ไนต์คลับก็เรียกร้องเอาเงินค่าเสียหายจำา นวน
ดังกล่าวได้จากหมี

2.4.3 การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยทั้งหมดหรือบางส่วน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


30

ถ้าการชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยแต่เพียงบางส่วน เจ้าหนี้ จะไม่รบ



ชำา ระหนี้ ในส่วนที่ยังเป็ นวิสัยจะทำา ได้น้ ั น ได้หรือไม่ และแตกต่างกับการ
เป็ นพ้นวิสัยทั้งหมดอย่างไร
ถ้าการชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยแต่เพียงบางส่วน เจ้าหนี้ จะไม่รบ

ชำา ระหนี้ ในส่วนที่เป็ นวิ สัย จะทำา ได้ น้ ั นได้ห รือ ไม่ มาตรา 218 วรรคสอง
บัญญัติเป็ นหลักกฎหมายไว้ว่า ในกรณี ท่ีการชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยแต่
เพียงบางส่วน ถ้าหากว่าส่วนที่ยังเป็ นวิสัยจะทำา ได้น้ ั น แล้วและเรียกค่า
สินไหมทดแทนเพื่อการไม่ชำาระหนี้ เสียทั้งหมดทีเดียวก็ได้
ตามหลักกฎหมายดังกล่าว ถ้าการชำา ระหนี้ การเป็ นพ้นวิสัยทั้งหมด
ถื อ เท่ า กั บ ว่ า ไม่ มี ก ารชำา ระหนี้ และเจ้ า หนี้ จะเรีย กร้ อ งให้ ชำา ระหนี้ ไม่ ไ ด้
เพราะทรัพย์ที่เป็ นวัตถุแห่งหนี้ ไม่มีอยู่แล้วหรือบุคคลที่จะชำา ระหนี้ กลาย
เป็ นผู้ไม่สามารถจะชำาระหนี้ ไม่ได้ เพราะทรัพย์ท่ีเป็ นวัตถุแห่งหนี้ ไม่มีอยู่
แล้วหรือบุคคลที่จะชำาระหนี้ กลายเป็ นผู้ไม่สามารถจะชำาระหนี้ ได้ เจ้าหนี้
มีสิทธิจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจากการ
ไม่ชำา ระหนี้ ได้เ ท่านั้ น แต่ ถ้าหากการชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้ น วิ สั ย บางส่ ว น
และส่วนที่ยังเป็ นวิสัยจะทำาได้เป็ นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ จะไม่
ยอมรับ ชำา ระหนี้ ในส่ ว นที่ ยั ง เป็ นวิ สั ย อยู่ น้ ั น และเรีย กเอาค่ า สิ น ไหม
ทดแทนเหมือนดังว่าไม่มีการชำาระหนี้ ได้ แต่ถ้าเจ้าหนี้ ยอมรับชำาระหนี้ บาง
ส่วนที่ยังเป็ นวิสัยจะได้ท้ ังที่ไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ ก็ทำาได้แต่มีสิทธิ
เรียกค่าเสียไหมทดแทนความเสียหายอันเกิดจากการไม่ชำา ระหนี้ ให้ต้อง
ตามประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ ได้ แต่เรียกเอาค่าสินไหมทดแทนความ
เสียหายเหมือนดังไม่ชำาระหนี้ เสียเลยไม่ได้
เจ้าหนี้ มีสิทธิไม่รบ
ั ชำาระหนี้ บางส่วนที่ยังเป็ นวิสัยจะทำาได้น้ ั น ส่วนที่
ยังเป็ นวิสัยจะทำาได้ต้องไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ถ้าไม่ไร้ประโยชน์เจ้าหนี้ ต้อง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


31

รับชำาระหนี้ แต่ก็มีสิทธิเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนค่าเสียหายอันเกิดจาก
การชำาระหนี้ ไม่ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ ได้

2.4.4 การชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ซ่ึงลูกหนี้ ไม่ต้องรับ


ผิด
ถ้าการชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่ง
เกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ จะถือได้เสมอไปหรือไม่ว่าลูกหนี้ เป็ นอันหลุด
พ้นจากการชำาระหนี้ นั้ น
มาตรา 219 บัญ ญัติเป็ นหลักกฎหมายไว้ ว่า ถ้าการชำา ระหนี้ กลาย
เป็ นพ้น วิสัย เพราะพฤติการณ์อั นใดอั นหนึ่ ง ซึ่ง เกิ ดขึ้ นภายหลัง ได้ ก่อ หนี้
และซึ่งลูกหนี้ ไม่ต้องรับผิดชอบนั้ นไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ เป็ นอันหลุดพ้นจาก
การชำาระหนี้ นั้ น
ตามอุทาหรณ์ แม้การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัย ลูกหนี้ ก็ไม่หลุดพ้น
จากการชำา ระหนี้ เสมอไป ถ้ า การชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้ น วิ สั ย เพราะ
พฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ ลูกหนี้ จะหลุดพ้น
จากการชำาระหนี้ พฤติการณ์น้ ั นต้องเป็ นพฤติการณ์ซึ่งจะโทษลูกหนี้ ไม่ได้
หรือเป็ นพฤติ การณ์ ที่ ลู กหนี้ ไม่ ต้อ งรับ ผิ ดชอบ แต่ ถ้า การชำา ระหนี้ กลาย
เป็ นพ้นวิสัย เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังได้ก่อหนี้
เป็ นพฤติการณ์ซ่ึงจะโทษลูกหนี้ ได้หรือซึ่งลูกหนี้ ต้องรับผิดชอบแล้ว ลูก
หนี้ หาหลุดพ้นจากการชำาระหนี้ ไม่

2.4.5 ลูกหนี้ ตกเป็ นคนไม่สามารถจะชำาระหนี้ ได้


มาตรา 219 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าภายหลังที่ได้ก่อหนี้ ขึ้นแล้วนั้ น
ลูกหนี้ กลายเป็ นคนไม่สามารถจะชำาระหนี้ ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่าเป็ น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


32

พฤติการณ์ท่ีทำาให้การชำาระหนี้ ตกเป็ นอันพ้นวิสัยนั้ น ฉะนั้ น จะเข้าใจได้ว่า


อย่างไร
ที่ มาตรา 219 วรรคสองบั ญ ญั ติว่ า ถ้ าภายหลั งที่ ได้ ก่อ หนี้ ขึ้ นแล้ ว
นั้ น ลูกหนี้ กลายเป็ นคนไม่สามารถจะชำาระหนี้ ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่า
เป็ นพฤติการณ์ท่ีทำา ให้การชำา ระหนี้ ตกเป็ นอันพ้นวิสัยฉะนั้ น หมายความ
ว่าพฤติการณ์อย่างหนึ่ งที่กฎหมายถือว่าเทียบเท่ากับการชำา ระหนี้ ตกเป็ น
พ้ น วิ สั ย มี ผ ลให้ ลู ก หนี้ หลุ ด พ้ น จากการชำา ระหนี้ คื อ พฤติ ก ารณ์ ท่ี ลู ก หนี้
กลายเป็ นคนไม่สามารถชำา ระหนี้ ได้ ภายหลังที่ได้ก่อหนี้ ขึ้นแล้วคือ ขณะ
ก่อหนี้ ลูกหนี้ สามารถชำา ระหนี้ ได้ แต่ภายหลังก่อหนี้ มีพฤติการณ์ท่ีทำา ให้
ลูกหนี้ ไม่สามารถชำาระหนี้ ได้ หนี้ ที่ลูกหนี้ กลายเป็ นคนไม่สามารถชำาระหนี้
จะต้ อ งเป็ นหนี้ อั น มี วั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ เป็ นการ กระทำา ของตั ว ลู ก หนี้ เอง
พฤติ ก ารณ์ ท่ี ลู ก หนี้ กลายเป็ นคนไม่ ส ามารถที่ จ ะชำา ระหนี้ ได้ น้ ี ลู ก หนี้ จะ
หลุดพ้นจากการไม่ชำาระหนี้ ต้องเป็ นพฤติการณ์ท่ีจะโทษลูกหนี้ ไม่ได้หรือ
ที่ลูกหนี้ ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็ นพฤติการณ์ท่ีจะโทษลูกหนี้ ได้หรือที่
ลูกหนี้ จะต้องรับผิดชอบแล้ว ลูกหนี้ ก็หาหลุดพ้นจากการไม่ชำาระหนี้ ไม่

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 2

1. กฎหมายกำาหนดหลักเกณฑ์ทัว่ ไปในเรื่องเวลาจะพึงชำาระหนี้ ของลูก


หนี้ ไว้ คื อ (ก) ถ้ า เวลาอั น พึ ง ชำา ระหนี้ ได้ กำา หนดไว้ แ น่ น อนตามวั น แห่ ง
ปฏิ ทิ น หนี้ นั้ นย่ อ มถึ ง กำา หนดตามตามวั น ที่ ท่ี ไ ด้ ต กลงกั น ไว้ (ข) ถ้ า มี
พฤติการณ์พอจะอนุ มานได้ว่าหนี้ ถึงกำา หนดเมื่อใด กำา หนดเวลาชำา ระหนี้
จะต้ อ งเป็ นไปตามที่ พึ ง อนุ ม านได้ น้ ั น (ค) ถ้ า เวลาอั น พึ ง ชำา ระหนี้ มิ ไ ด้
กำา หนดไว้ ต ามวั น แห่ ง ปฏิ ทิ น เจ้ าหนี้ ย่ อ มเรีย กให้ ลู ก หนี้ ชำา ระหนี้ ได้ โ ดย
พลันและลูกหนี้ ย่อมชำาระหนี้ ให้แก่เจ้าหนี้ ได้โดยพลันดุจกัน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


33

2. แดงกู้ เ งิ น ขาวไป 10,000 บาท เมื่ อวั น ที่ 1 มกราคม 2524


กำาหนดใช้เงินกู้คืนภายใน 1 ปี ขาวจะเรียกให้แดงชำา ระเงินคืนได้เมื่อใด
และแดงจะชำาระเงินคืนให้ขาวได้เมื่อใด คำำตอบ แดงจะชำาระเงินคืนให้แก่
ขาวได้ ก่อ นวั น ที่ 1 มกราคม 2525 แต่ ขาวจะเรีย กให้ แดงชำา ระเงิ น คื น
ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2525 ไม่ได้
3. นาง ก ขอยื ม สร้ อ ยคอมุ ก จาก นาง ข เพื่ อใส่ ไ ปงานเลี้ ยงส่ ง ผู้ ว่ า
ราชการจังหวัด ในวันที่ 10 กรกฎาคม เมื่อพ้นกำา หนดงานเลี้ยงส่งแล้ว
นาง ข ทวงสร้อยคอมุกโดยให้นาง ก คืนสร้อยไข่มุกแก่นาง ข ภายในวัน
ที่ 20 กรกฎาคม ครบกำา หนด นาง ก ก็ ยั ง ไม่ คื น สร้ อ ยไข่ มุ ก ให้ น าง ข
ดังนั้ นนาง ก ผิดนั ดไม่ชำาระหนี้ เมื่อใด คำำตอบ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม
4. ก ขับรถยนต์ชน ข โดยประมาทเป็ นเหตุให้ ข ได้รบ
ั บาดเจ็บสาหัส
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2524 ข จะฟ้ องเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก ก ได้
ตั้งแต่เมื่อใด คำำตอบ ข ฟ้ องร้องเรียกได้ต้ ังแต่วันที่ 5 เมษายน 2524
5. นายสวัส ดิ์ข อยื มชามสั ง คโลกจากนายกิ ติ เพื่ อไปโชว์ ใ นงานแสดง
สินค้า กำาหนดส่งคืนในวันที่ 11 ธันวาคม 2524 ครบกำาหนดนายสวัสดิ์
ผิ ดนั ดไม่ ส่ ง คื น ต่ อ มาอี ก 10 วั น นายสวั ส ดิ์ทำา ชามสั ง คโลกแตก ดั ง นี้
์ ะต้องเสียดอกเบี้ยอัตราเท่าไร คำำตอบ
นายสวัสดิจ อัตราร้อยละ 7 ครึง่
ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2524
6. นายมากู้ เ งิ น นายมี ไ ป 50,000 บาท กำา หนดใช้ คื น ในวั น ที่ 5
ธันวาคม 2523 กรณี ต่อไปนี้ ที่ถือว่าเจ้าหนี้ ตกเป็ นผู้ผิดนั ดคือ นายมานำา
เงิน 50,000 บาท ไปชำาระให้นายมีในวันที่ 5 ธันวาคม 2523 แต่นายมี
ไม่ ย อมรับ อ้ า งว่ า จะเดิ น ทางไปต่ า งจั ง หวั ด ในขณะนั้ น นำา เงิ น ไปฝาก
ธนาคารไม่ทันและที่บ้านก็ไม่มีท่ีเก็บรักษาเงิน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


34

7. ก ทำา สั ญ ญาขายข้ า วแก่ น าย ข จำา นวน 1,000 กระสอบ ราคา


กระสอบละ 500 บาท ต่อมา ก ไม่สามารถส่งมอบข้าวสารตามสัญญาแก่
ข เพราะภายหลั ง ทำา สั ญ ญาแล้ ว ราคาข้ า วสารแพงขึ้ นถึ ง กระสอบละ
2,000 บาท ดังนี้ ก จะต้องรับผิดต่อ ข หรือไม่ คำำ ตอบ ก ต้องรับผิด
ต่ อ ข เพราะราคาข้ า วสารแพงขึ้ นผิ ด ปกติ ไม่ เ ป็ นเหตุ ใ ห้ ก ารชำา ระหนี้
กลายเป็ นพ้นวิสัย
8. ก ซื้ อนำ้าตาลจาก ข 2 กระสอบ ถึงกำาหนดส่งมอบ ข นำาข้าวสาร 2
กระสอบไปส่งที่บ้านของ ก แต่ ก ไม่อยู่ ค. ภรรยาของ ก อยู่บ้าน รับ
ข้าวสาร 2 กระสอบไว้ ต่อมา ก กลับมาบ้าน ค บอก ก ว่า ข เป็ นคนนำา
ข้าวสาร 2 กระสอบมาส่งให้ ก ไม่ว่าอะไร ให้ ค ใช้ข้าวสารดังกล่าวหุงรับ
ประทานได้ดังนี้ ก จะเรียกให้ ข ส่งมอบนำ้าตาล 2 กระสอบให้แก่ตนอีก
ได้ ห รือ ไม่ คำำ ตอบ จะเรีย กให้ ข ส่ ง มอบนำ้ าตาลอี ก ไม่ ไ ด้ เพราะตาม
พฤติการณ์เป็ นที่แน่ชัดว่า ก ยอมรับข้าวสารแทนการส่งมอบนำ้าตาล หนี้
การส่งมอบนำ้าตาลให้ระงับแล้ว
9. ถ้าการชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่ งซึ่ง
เกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ จะถือได้เสมอไปหรือไม่ว่าลูกหนี้ เป็ นอันหลุด
พ้ น จากการชำา ระหนี้ นั้ น คำำ ตอบ จะถื อ เช่ น นั้ นทุ ก กรณี เสมอไปไม่ ไ ด้
เพราะการชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยนั้ นเมื่อไม่ใช่ความผิดของของลูกหนี้
ลูกหนี้ จึงจะหลุดพ้นจากการชำาระหนี้ ถ้าเป็ นความผิดของลูกหนี้ ลูกหนี้ ก็
ไม่หลุดพ้น แต่ถ้าการชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยในระหว่างผิดนั ด แม้จะ
ไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้ ลูกหนี้ ก็ไม่หลุดพ้นจากการชำาระหนี้
10. ก จ้ าง ข ให้ว าดภาพตั ว ก เพราะ ข เป็ นช่ างวาดฝี มื อ ดี และมี ช่ ื อ
เสียง ทำาสัญญาจ้างเสร็จแล้ว ยังไม่ทันวาดภาพให้ ก ข ได้ขับรถยนต์ไป
ชนกับรถยนต์ของผู้อ่ ืนโดยประมาท เป็ นเหตุให้รถยนต์ของ ข ควำ่า ข ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


35

รับบาดเจ็บสาหัสต้องตัดแขนขวาทิ้ง ซึ่งเป็ นแขนที่ ข จะต้องใช้วาดภาพ


ข จึงกลายเป็ นคนที่ไม่สามารถจะชำาระหนี้ คือวาดภาพให้ ก ได้ ดังนี้ ข จะ
ต้องรับผิดชอบต่อ ก หรือไม่ คำำ ตอบ ข ต้องผิดชอบเพราะการชำา ระหนี้
กลายเป็ นพ้นวิสัยเพราะความผิดของ ข เอง
หน่วยที่ 3 การไม่ชำาระหนี้

1. ลูกหนี้ ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทน หรือบุคคลที่ตนใช้ใน


การชำาระหนี้ เสมือนดังว่าเป็ นความผิดของตนเอง
2. มีหนี้ บางประเภทที่เจ้าหนี้ บังคับชำาระ โดยเฉพาะเจาะจงได้ ส่วนหนี้
บางประเภทบังคับชำาระโดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้
3. เป็ นสิทธิของเจ้าหนี้ ที่บังคับชำา ระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงหรือไม่ก็ได้
เจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีบังคับชำาระหนี้ ได้เฉพาะเจาะจงหรือเรียกค่าสินไหมทดแทน
อย่างใดอย่างหนึ่ งหรือทั้งสองอย่างเลยก็ได้
4. การเรียกเอาค่าเสียหายคือการเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความ
เสียหาย เช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำาระหนี้
5. กรณี ท่ี เ จ้ าหนี้ มี ส่ ว นในการกระทำา ความผิ ด ซึ่ ง ก่ อ ให้ เ กิ ดความเสี ย
หายเจ้ า หนี้ จะเรีย กค่ า สิ น ไหมทดแทนได้ ม ากน้ อ ยเพี ย งใดต้ อ งอาศั ย
พฤติการณ์เป็ นประมาณ ข้อสำา คัญก็คือว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะ
ฝ่ ายไหนเป็ นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงใด
6. การที่ เ จ้ า หนี้ ไม่ เ ตื อ นลู ก หนี้ ถึ ง อั น ตรายแห่ ง การเสี ย หายอย่ า งร้ า ย
แรงผิดปกติ หรือละเลยไม่บำาบัดปั ดป้ องหรือบรรเทาความเสียหายได้ถือ
เป็ นความผิดอย่างหนึ่ งของเจ้าหนี้ ซึ่งจะต้องเฉลี่ยความรับผิดกับเจ้าหนี้
ด้วย

ความรับผิดชอบของลูกหนี้ เพื่อคนที่ให้ชำาระหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


36

1. ลูกหนี้ ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนของตนและของบุคคล
ที่ตนใช้ในการชำาระหนี้
2. ลู ก หนี้ ต้ อ งรับ ผิ ด ชอบแม้ ก ระทั ่ง เพื่ อกลฉ้ อ ฉลหรือ ความประมาท
เลิ น เล่ อ อย่ า งร้ า ยแรงของตั ว แทนของตนหรือ ของบุ ค คลที่ ต นใช้ ใ นการ
ชำาระหนี้ หากมีข้อตกลงที่ทำากันไว้ล่วงหน้า

ขอบเขตของตัวแทนและผู้ที่ใช้ชำาระหนี้
มาตรา 220 บั ญ ญั ติ ว่ า ลู ก หนี้ ต้ อ งรั บ ผิ ด ชอบในความผิ ด ของ
ตัวแทนแห่งตน กับทั้งของบุคคลที่ตนใช้ในการชำา ระหนี้ โดยขนาดเสมอ
กันว่าเป็ นความผิดของตนเองฉะนั้ นท่านเข้าใจอย่างไรให้อธิบาย
กรณี ใดก็ตามที่ ลูกหนี้ ต้อ งรับผิ ดชอบเพราะพฤติการณ์ท่ี จะโทษลู ก
หนี้ ได้แล้ว หากลูกหนี้ ได้ใช้คนอื่นทำาแทน ความผิดของผู้ท่ีลูกหนี้ ใช้น้ ั นก็
เสมอกั บ เป็ นความผิ ดของตนเอง ลู กหนี้ จะต้ อ งรับ ผิ ด ชอบ ทั้ ง นี้ เพราะ
กฎหมายมาตรา 314 บัญญัติให้บุคคลภายนอกทำา การชำา ระหนี้ ได้ คำา ว่า
ตั ว แทนนั้ นมี ค วามหมายตามที่ ม าตรา 797 บั ญ ญั ติ ไ ว้ ว่ า อั น ว่ า สั ญ ญา
ตั ว แทนนั้ น คื อ สั ญ ญาซึ่ ง บุ ค คลคนหนึ่ ง เรีย กว่ า ตั ว แทนมี อำา นาจทำา การ
แทนบุคคลอีกคนหนึ่ งเรียกว่า ตัวการ และตกลงจะทำาการดังนั้ น อันความ
เป็ นตัวแทนนั้ น จะเป็ นโดยแต่งตั้ง แสดงออกชัดหรือโดยปริยายก็ ย่อ ม
ทำาได้ ตัวแทนของลูกหนี้ ตามมาตรา 220 นั้ น จะต้องเป็ นตัวแทนของลูก
หนี้ ในการไปชำาระหนี้ ถ้าไม่ได้เป็ นตัวแทนในการชำาระหนี้ ลูกหนี้ ก็ไม่ต้อง
รับผิด ส่วนบุคคลที่ใช้ในการชำา ระหนี้ นั้ นจะเป็ นบุคคลใดๆ ก็ได้ไม่จำา กั ด
แต่มีหนี้ บางประเภทที่ต้ ังตัวแทนหรือใช้ให้บุคคลอื่นไปชำาระหนี้ แทนไม่ได้
ลูกหนี้ จะต้องปฏิบัติการชำาระหนี้ ด้วยตนเอง เพราะเป็ นเรื่องเกี่ยวกับความ
ไว้วางใจ หรือต้องการคุณสมบัติพิเศษเฉพาะตัว เช่นจ้างช่างมาวาดภาพ
จ้างนั กร้องมาร้องแพลง เป็ นต้น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


37

พฤติการณ์ที่ตัวแทนและผู้ที่ใช้ในการชำาระหนี้ จะต้องรับผิด และลูก


หนี้ ไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ของตัวแทน หรือของผู้ที่ใช้ในการชำาระหนี้
1. นายแดงทำา สั ญญาขายแร่ ดีบุ ก 500 ตัน ให้ แก่ นายดำา โดยมี ข้ อ
สัญญาว่านายแดงจะต้องส่งมอบแร่ดีบุกซึ่งอยู่จังหวัดภูเก็ตให้แก่นายดำาที่
กรุ ง เทพฯ ในสั ญ ญาซื้ อขายแร่ ดี บุ ก ระหว่ า งคนทั้ ง สองมี ข้ อ ตกลงกั น ว่ า
นายแดงจะจ้างนายเขียวเป็ นผู้ขนส่งแร่ดีบุกให้แก่นายดำาตามสัญญา และ
ยังตกลงกันไว้ด้วยว่า ถ้ามีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นแก่แร่ดีบุกที่ซื้อขาย
กัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะการกระทำาของนายแดงหรือของนายเขียว แล้ว
นายแดงจะไม่ ร ับ ผิ ด ชอบต่ อ นายดำา ทั้ งสิ้ น ปรากฏว่ า นายดำา ไม่ ไ ด้ ร ับ
แร่ดีบุกจากนายแดงตามสัญญา เพราะนายเขียวขายแร่ดีบุกที่ขนมาให้แก่
นายขาวแล้วเบียดบังเอาเงินที่ขายได้ไปเป็ นประโยชน์ของตนเสียประการ
หนึ่ ง หรือมากเพียงขายแร่ดีบุกให้แก่นายเหลืองตามคำา สัง่ ของนายแดง
อีกประการหนึ่ ง ทั้งสองประการนี้ นายดำาจะฟ้ องเรียกค่าสินไมทดแทนจาก
นายแดงอีกประการหนึ่ ง ทั้งสองประการนี้ นายดำา จะฟ้ องเรียกค่าสินไหม
ทดแทนจากนายแดงเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การกระทำาของนายเขียว
ได้หรือไม่เพราะเหตุใด
ตามหลักทัว่ ไปในมาตรา 220 ลูกหนี้ ต้องรับผิดชอบในความผิดของ
ตัวแทนแห่งตนหรือของบุคคลที่ตนใช้ในการชำาระหนี้ โดยขนาดเสมอกันว่า
เป็ นความผิ ด ของตนเองฉะนั้ น และถ้ า เจ้ า หนี้ ลู ก หนี้ ได้ ต กลงกั น ไว้ ล่ ว ง
หน้า เป็ นข้อยกเว้นมิให้ลูกหนี้ ต้องรับผิดเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาท
เลินเล่ออย่างร้ายแรงของตัวแทนหรือบุคคลที่ลูกหนี้ ใช้ในการชำา ระหนี้ ก็
ทำา ได้แต่ ถ้าเป็ นข้ อตกลงยกเว้น มิใ ห้ลู กหนี้ ต้ อ งรับ ผิ ดเพื่ อกลฉ้ อ ฉลหรือ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


38

ความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนนั้ นย่อมทำา ไม่ได้ ข้อตกลงดัง


กล่าวเป็ นโมฆะตามมาตรา 373
ตามอุทาหรณ์ข้อตกลงในสัญญาซื้ อขายระหว่างนายแดงเจ้าหนี้ นาย
ดำา ลูกหนี้ เฉพาะข้อที่ว่าถ้ามีความเสียหายใดๆเกิดขึ้นแก่แร่ดีบุก เพราะ
การกระทำา ของนายแดงลู ก หนี้ จึ ง เป็ นโมฆะใช้ ไ ม่ ไ ด้ ตามมาตรา 373
เพราะข้อตกลงดังกล่าวเป็ นข้อยกเว้นมิให้นายแดงลูกหนี้ ต้องรับผิดเพื่อ
กลฉ้ อ ฉลของตน ในการที่ น ายแดงสั ่ง ให้ น ายเขี ย วขายแร่ ดี บุ ก ให้ น าย
เหลือง นายแดงลูกหนี้ ยังต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นายดำา
เจ้าหนี้ ในการที่นายดำาไม่ได้รบ
ั แร่ดีบุก
สัญญาส่วนที่ว่า ถ้ามีความเสียหายใดๆเกิดแก่แร่ดีบุก เพราะการก
ระทำา ของนายเขี ยวแล้ ว นายแดงจะไม่ ร บ
ั ผิ ด ชอบต่ อ นายดำา นั้ นมี ผ ลใช้
บังคับได้ เพราะลูกหนี้ ตกลงกับเจ้าหนี้ ไว้ล่วงหน้าได้ว่าลูกหนี้ จะไม่ต้องรับ
ผิ ด ชอบในความผิ ด ของตั ว แทนหรือ บุ ค คลที่ ต นใช้ ใ นการชำา ระหนี้ ตาม
มาตรา 220 นายดำาจึงฟ้ องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากนายแดงเพื่อความ
เสียหายอันเกิดจากการที่นายเขียวขายแร่ดีบุกโดยพละการหรือกลฉ้อฉล
ของนายเขียวเองไม่ได้

2. นายเขียวขายรถยนต์ของตนให้นายขาวเมื่อชำาระเงินกันเรียบร้อย
แล้ว นายเขียวจะเอารถยนต์ไปส่งมอบให้ท่ีบ้ านนายขาวในวัน รุ่งขึ้ น รุ่ง
เช้านายเขียวใช้ให้นายขำา ขับรถของตนเอาไปส่งที่บ้านของนายขาว โดย
นายขาวได้กำา ชับให้นายขำา ว่าต้ องขับ รถยนต์คันนี้ ไปส่ง ให้ แก่ นายขาวให้
เรียบร้อย และนายเขียวยังกล่าวต่อไปอีกว่าถ้ามีกรณี ใดๆเกิดขึ้นอันเป็ น
เหตุให้นายขาวไม่ได้ขับรถยนต์ตามที่ตกลงกันไว้ นายขำาจะต้องรับผิดแต่
เพียงผู้เดียว โดยที่นายเขียวจะไม่รบ
ั ผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น นายขำา ก็ตกลง
ในระหว่ า งทางที่ น ายขำา ขั บ รถยนต์ ไ ปเพื่ อส่ ง มอบให้ แ ก่ น ายขาวนั ่ น เอง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


39

นายขำา ได้แอบนำา รถยนต์คันนี้ ไปขายให้แก่นายขม แล้วเอาเงินที่ได้หลบ


หนี ไปโดยนายเขียวมิได้รู้เห็นด้วยเลย
ดังนี้ นายเขียวจะต้องรับผิดชอบต่อนายขาวในกรณี ท่ีนายขาวไม่ได้
รับมอบรถยนต์คันนี้ หรือไม่เพราะเหตุใด
ตามอุทาหรณ์เป็ นเรื่องความรับผิดของลูกหนี้ เพื่อบุคคลที่ลูกหนี้ ใช้
ในการชำาระหนี้ ซึ่งมาตรา 220 บัญญัติว่า “ลูกหนี้ ต้องรับผิดชอบในความ
ผิ ด ของตั ว แทนแห่ ง ตนกั บ ทั้ ง ของบุ ค คลที่ ต นใช้ ใ นการชำา ระหนี้ นั้ นโดย
ขนาดเสมอว่ าเป็ นความผิ ดของตนเองฉะนั้ น แต่ บ ทบั ญ ญั ติแห่ ง มาตรา
373 หาใช้บงั คับแก่กรณี เช่นนี้ ด้วยไม่”
นายเขียวเป็ นลูกหนี้ นายขาวในอันที่จะต้องส่งมอบรถยนต์ท่ีซื้อขาย
กันให้แก่นายขาวผู้ซื้อแต่นายเขียวไม่ได้ใช้นายขำาทำาการชำาระหนี้ แทน ซึ่ง
นายเขียวจะต้องรับผิดชอบในความผิดของนายขำาที่ตนใช้ในการชำาระหนี้
นั้ นโดยขนาดเสมอกันว่าเป็ นความผิดของตนเอง แต่นายเขียวและนาย
ขาวสามารถทำาความตกลงไว้ล่วงหน้าเป็ นข้อยกเว้นมิให้นายเขียวต้องรับ
ผิดเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลิน เล่ ออย่างร้ ายแรงของนายขำา ซึ่ง
เป็ นบุคคลที่นายเขียวใช้ในการชำาระหนี้ ได้ เป็ นที่น่าสังเกตว่าข้อตกลงดัง
กล่าว จะต้องเป็ นข้อตกลงระหว่างเจ้าหนี้ กัลป์ ปบลูกหนี้ คือ นายเขียวกับ
นายขาวเท่านั้ น ข้อตกลงยกเว้นความรับผิดชอบดังกล่าวจึงจะใช้บังคับได้
แต่ตามอุทาหรณ์ข้อตกลงยกเว้นความรับผิดของนายเขียว เป็ นข้อตกลง
ระหว่างนายเขียวกับนายขำา คือลูกหนี้ กับบุคคลที่ลูกหนี้ ที่ใช้ในการชำา ระ
หนี้ ข้อตกลงยกเว้นความรับผิดชอบของนายเขียวดังกล่าวนี้ เป็ นโมฆะใช้
บังคับไม่ได้
ดังนั้ นนายขำา ได้ แอบนำา รถยนต์ ไปขายให้แก่น ายขม แล้ว เอาเงิ นที่
ขายได้หลบหนี ไปโดยที่นายเขียวมิได้รู้เห็นด้วยนั้ น ไม่ทำาให้นายเขียวหลุด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


40

พ้นจากความรับผิดต่อนายขาวได้ นายเขียวจึงต้องรับผิดต่อนายขาว ใน
กรณี ท่ีนายขาวไม่ได้รบ
ั รถยนต์ตามสัญญา

การบังคับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจง
1. ถ้ า ลู ก หนี้ ละเลยเสี ย ไม่ ชำา ระหนี้ เจ้ า หนี้ จะร้ อ งขอต่ อ
ศาลให้สงั ่ บังคับชำาระหนี้ ได้
2. เมื่อสภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องให้บังคับชำา ระหนี้ ได้ เจ้า
หนี้ จะร้องขอต่อศาลสัง่ บังคับให้บุคคล ภายนอกกระทำาการโดยให้ลูกหนี้
เสียค่าใช้จ่าย ถ้าวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันให้กระทำาการอันหนึ่ งอันใด
3. ถ้าวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันให้ทำานิ ติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ ง
ศาลจะสัง่ ให้ถือเอาตามคำาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้ ได้
4. ถ้าวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันจะให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้ จะ
เรียกร้องให้รอถอน
ื้ การที่ได้กระทำา ลงโดยให้ลูกหนี้ เสียค่าใช้จ่ายและให้
จัดการอันควรเพื่อการภายหน้าได้ด้วย
5. เจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีจะบังคับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงหรือ
เรียกค่าสินไหมทดแทนก็ได้
6. เจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีจะบังคับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงและ
เรียกค่าสินไหมทดแทนในคราวเดียวกันก็ได้

ความหมายของการบังคับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจง
การบังคับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงหมายความว่าอย่างไร
มาตรา 213 บัญญัติเป็ นหลักทัว่ ไปว่าเมื่อลูกหนี้ ไม่ชำาระหนี้ เจ้าหนี้
บังคับให้ลูกหนี้ ชำาระหนี้ ได้ หมายความว่าเป็ นหนี้ กันอยู่อย่างไรก็บังคับให้
ลูกหนี้ ชำา ระหนี้ อย่างนั้ นได้ ทั้งนี้ ก็เพราะบุคคลใดก่อหนี้ ขึ้น ก็ประสงค์จะ
ได้ส่ิงที่ตนต้องการ เช่น อยากได้รถยนต์ก็ทำาสัญญาซื้ อรถยนต์ ถ้าลูกหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


41

ไม่ ส่ ง มอบรถยนต์ ใ ห้ ก็ มีวิ ธีก ารบั ง คั บ ให้ ลู กหนี้ ส่ ง มอบรถยนต์ ใ ห้ เ พื่ อให้
เป็ นไปตามวัตถุประสงค์ท่ีตนต้องการ ส่วนวิธีการที่จะใช้เจ้าหนี้ ได้รบ
ั ตาม
สิ ท ธิ ดัง กล่ าวนั้ นมี กฎหมายบั ญ ญั ติไว้ เ ป็ นพิ เ ศษคื อ ประมวลกฎหมายวิ ธี
พิจารณาความแพ่ง
กรณี ท่ีจะบัง คับ ชำา ระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงได้ น้ ั น สภาพแห่ ง หนี้ จะ
ต้องเปิ ดช่องว่างให้บังคับกันได้ ถ้าสภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องว่างให้บังคับ
ได้แล้ว เจ้าหนี้ จะใช้สิทธิบงั คับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะ
หนี้ เป็ นบุคคลสิทธิเป็ นสิทธิเหนื อบุคคลจะบังคับเอาแก่ตัวตนของลูกหนี้
ไม่ได้ เจ้าหนี้ มีสิทธิบังคับชำาระหนี้ ได้เฉพาะแต่ทรัพย์สินของลูกหนี้ เท่านั้ น
เช่น ก. รับจ้างเขียนรูปภาพให้ ข. ด้วยฝี มือของตนเอง ก. ผิดสัญญาไม่
เขียนรูปภาพให้ ข. ข. จะร้องขอต่อศาลขอให้บังคับ ก. เขียนรูปภาพให้
แก่ตนไม่ได้ เพราะเป็ นการบังคับเอาแก่ตัวตนของลูกหนี้
นอกจากนี้ สภาพแห่ ง หนี้ ต้ อ งไม่ พ้ น วิ สั ย ที่ ลู กหนี้ จะชำา ระหนี้ ได้ ถ้ า
เป็ นการพ้นวิสัย ที่ลูกหนี้ จะชำา ระหนี้ ได้ แล้ ว เจ้าหนี้ ขอให้ ศาลบั งคั บชำา ระ
หนี้ โดยเฉพาะเจาะจงไม่ ไ ด้ เช่ น แดงยื มถ้ ว ยลายครามของดำา ไปแล้ ว ทำา
แตก ดำา จะร้องต่อศาลบังคับให้แดงคืนถ้วยลายครามของตนไม่ได้ ดำา ได้
แต่ฟ้องเรียกค่าเสียหายแทน
หนี้ เงินหรือหนี้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เป็ นการส่งมอบทรัพย์สิน เจ้าหนี้
ย่อมขอให้ลูกหนี้ ชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงได้เสมอ เพราะเป็ นการบังคับ
เกี่ยวกับทรัพย์สิน หนี้ ที่มีวัตถุแห่งหนี้ เป็ นการกระทำา หรืองดเว้นการกระ
ทำา ตามหลักทัว่ ไปแล้ว สภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องให้บังคับชำาระหนี้ ได้โดย
เฉพาะเจาะจงได้ เพราะเป็ นการบังคับเอาแก่ตัวลูกหนี้

กรณีท่ีบังคับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้
มีกรณี ใดบ้างที่เจ้าหนี้ จะบังคับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


42

เจ้ าหนี้ มี สิ ท ธิ ท่ี บั ง คั บ ชำา ระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงได้ คื อ เป็ นหนี้ กั น


อย่ างไรก็ บั ง คั บ เอากั น อย่ า งนั้ น ซึ่ ง เป็ นการบั ง คั บ เอาตามวั ต ถุ ป ระสงค์
แห่ ง หนี้ แต่ มี ข้ อ ยกเว้ น ที่ เ จ้ า หนี้ ไม่ อ าจที่ จ ะบั ง คั บ ชำา ระหนี้ โดยเฉพาะ
เจาะจงได้คือ
1) สภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องให้บังคับกันได้ ซึ่งมาตรา 213 วรรค 1
บัญญัติเป็ นหลักไว้ว่า “ถ้าลูกหนี้ ละเลยเสียไม่ชำา ระหนี้ ของตน เจ้าหนี้ จะ
ร้องขอต่อศาล ให้สัง่ บังคับชำาระหนี้ ก็ได้เว้นแต่สภาพแห่งหนี้ จะไม่เปิ ดช่อง
ให้ทำาเช่นนั้ นได้” เรื่องสภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องให้บังคับกันได้น้ ั นเป็ นการ
พิ จารณาตามสภาพแห่ ง หนี้ ซึ่ง หมายความว่ าเป็ นหนี้ ที่ ลู กหนี้ จะต้ อ งทำา
เองเฉพาะตัว จะให้คนอื่นทำาแทนไม่ได้ เช่น จ้างให้ร้องเพลง จ้างให้วาด
ภาพ เป็ นเรื่องว่าจ้างเกี่ยวกับความสามารถเฉพาะตัวของลูกหนี้ ถ้าลูกหนี้
ผิดนั ดไม่ไปร้องเพลงตามวันเวลากำาหนด หรือไม่ยอมวาดภาพให้ ไม่มีวิธี
การใดจะบังคับให้ทำาได้ เพราะจะเป็ นการบังคับจิตใจลูกหนี้ ให้ทำางาน ผล
งานที่ออกมาจะไม่ดีตามความประสงค์ของเจ้าหนี้
2)บังคับชำา ระหนี้ ที่กลายเป็ นพ้นวิสัยแล้วไม่ได้ การบังคับชำา ระหนี้
โดยเฉพาะเจาะจงจะทำา ได้ก็ต่อเมื่อหนี้ ยังเป็ นวิสัยที่จะทำา ได้ ถ้าหนี้ กลาย
เป็ นพ้ น วิ สั ย จะชำา ระหนี้ ได้ เ สี ย แล้ ว ก็ ย่ อ มจะบั ง คั บ ชำา ระหนี้ โดยเฉพาะ
เจาะจงไม่ได้ เพราะวัตถุประสงค์แห่งหนี้ ไม่มีแล้ว เช่น ซื้ อขายม้า แต่ม้า
ที่ส่งมอบให้เจ้าหนี้ ได้ตายไปแล้ว ก็ไม่มีม้าที่จะส่งมอบ จะมาบังคับให้ส่ง
มอบม้าไม่ได้

การใช้ สิ ท ธิ บั ง คั บ ชำา ระหนี้ และการบั ง คั บ ชำา ระหนี้ โดยค่ า สิ น ไหม


ทดแทน
1. เมื่อสภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องให้บังคับชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจง
ได้ กฎหมายได้วางหลักเกณฑ์ การบังคับชำาระหนี้ ไว้อย่างไร

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


43

เมื่อ สภาพแห่ง นี้ ไม่เ ปิ ดช่ องให้ บัง คับ ชำา ระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงได้
กฎหมายมาตรา 213 วรรค 2 และ 3 ได้ บั ญ ญั ติ ว างหลั ก เกณฑ์ ก าร
บังคับชำาระหนี้ ไว้ว่า “เมื่อสภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องให้บังคับชำาระหนี้ ได้ ถ้า
วัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันให้กระทำาการอันหนึ่ งอันใดเจ้าหนี้ จะร้องขอต่อศาลให้
สัง่ บังคับให้บุคคลภายนอกกระทำาการอันนั้ นโดยให้ลูกหนี้ เสียค่าใช้จ่ายให้
ก็ ไ ด้ แต่ ถ้ า วั ต ถุ แ ห่ ง นี้ เป็ นอั น ให้ ก ระทำา นิ ติ ก รรมอย่ า งใดอย่ า งหนึ่ ง ไซร้
ศาลจะสั ่ง ให้ ถือ เอาตามคำา พิ พ ากษาแทนการแสดงเจตนาของลู ก หนี้ ได้
ส่วนหนี้ ซึ่งมีวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันจะให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้ จะเรียกร้อง
ให้ ร อถอนการที
ื้ ่ ไ ด้ ก ระทำา ลงแล้ ว นั้ นโดยให้ ลู ก หนี้ เสี ย ค่ า ใช้ จ่ า ย และให้
จัดการอันควรเพื่อการภายหน้าด้วยก็ได้”
1)เมื่อวัตถุแห่งหนี้ เป็ นการกระทำา ถ้าลู กหนี้ ละเลยไม่ ชำา ระหนี้ จะ
ไปบังคับตัวตนของลูกหนี้ ให้กระทำาไม่ได้ เพราะเป็ นการละเมิดต่อเสรีภาพ
ในร่างกายของบุคคล สภาพแห่งหนี้ ที่จะบังคับให้ลูกหนี้ กระทำาไม่เปิ ดช่อง
ให้ทำาได้ แต่กฎหมายได้หาทางออกให้กับเจ้าหนี้ เมื่อบังคับตัวลูกหนี้ ไม่ได้
ก็ให้บุคคลอื่นทำาแทนโดยให้ลูกหนี้ เป็ นคนออกค่าใช้จ่าย เช่น ลูกหนี้ ปลูก
โรงเรือ นรุ ก ลำ้ าออกไป ถ้ า ลู ก หนี้ ไม่ ย อมรื้ อถอน เจ้ า หนี้ ฟ้ องศาลให้ สั ่ง
บังคับให้บุคคลอื่นทำา การรื้ อถอนโดยให้ลูกหนี้ เป็ นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการ
รื้ อถอนได้ ถ้าลูกหนี้ ไม่ยอมออกค่าใช้จ่าย ก็ขอให้ศาลออกหมายบังคับยึด
ทรัพย์สินของลูกหนี้ ออกขายทอดตลาดนำาเงินมาชำาระค่าใช้จ่ายได้ บุคคล
ภายนอกนี้ จะเป็ นเจ้าหนี้ เองหรือบุคคลใดก็ได้ซ่ึงไม่ใช่ตัวลูกหนี้
2)เมื่อวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันให้ทำานิ ติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ ง เช่น ซื้ อ
ขายที่ดิน ผู้ขายไม่ยอมไปโอนที่ดินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ซื้อ เจ้าหนี้ ซึ่งเป็ นผู้
ซื้ อจะฟ้ องร้อ งขอให้ศาลบังคั บให้ ผู้ขายซึ่ งเป็ นลู กหนี้ ไปทำา นิ ติกรรมโอน
ที่ดินให้เจ้าหนี้ ได้ ถ้าลูกหนี้ ไม่ยอมไปโอนให้ก็ขอให้ศาลพิพากษาว่า ให้ถือ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


44

เอาคำาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้ เพื่อให้พนั กงานเจ้าหน้าที่


ที่เกี่ยวข้องทำานิ ติกรรมโอนที่ดินให้แก่เจ้าหนี้ ได้
3)เมื่อวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอันให้งดเว้นการกระทำา เป็ นเรื่องสภาพแห่ง
หนี้ ไม่ เ ปิ ดช่ อ งให้ บั ง คั บ ชำา ระหนี้ ได้ ป ระการหนึ่ ง แต่ ห นี้ ที่ จ ะชำา ระนั้ น
เป็ นการยกเว้นการกระทำาอย่างใดอย่างหนึ่ ง เมื่อบังคับให้ลูกหนี้ ชำา ระหนี้
ต่อตนเองไม่ได้ กฎหมายก็ได้ให้สิทธิแก่เจ้ าหนี้ ในอันที่จะฟ้ องศาลขอให้
ศาลมีคำา สัง่ ให้รอถอนสิ
ื้ ่งปลูกสร้างที่ทำา ขึ้นผิดวัตถุแห่งหนี้ โดยให้ลูกหนี้
เสี ยค่ าใช้จ่าย เจ้ าหนี้ จะขอให้ ศ าลอนุ ญ าตให้ ตนเองหรือ บุ ค คลภายนอก
ทำาการรื้ อถอนก็ได้ เช่น ก. สัญญาจะไม่สร้างสิ่งปลุกสร้างยังบ้านของ ข.
ต่อมา ข. ผิดสัญญาโดยสร้างสิ่งปลูกสร้างลงไป ข. มีสิทธิฟ้องศาลให้ ก.
รื้ อสิ่งปลูกสร้างได้ ถ้า ก. ไม่ยอมรื้ อถอนก็ให้ศาลสัง่ ให้เจ้าหนี้ หรือบุคคล
อื่นทำาการรื้ อถอนได้ ไม่ให้ลูกหนี้ เสียค่าใช้จ่ายในการรื้ อถอน

2. เมื่ อ เจ้ าหนี้ ฟ้ องขอให้ บั ง คั บ ชำา ระหนี้ แล้ ว เจ้ า หนี้ มี สิ ท ธิ ท่ี จ ะฟ้ อง
เรียกค่าเสียหายหรือไม่ให้อธิบาย
เรื่อ งการเรีย กค่ า เสี ย หายในกรณี ที่ เ จ้ า หนี้ ขอบั ง คั บ ชำา ระหนี้ นั้ น
มาตรา 213 วรรคสุดท้ายบัญญัติเป็ นหลักไว้ว่า “อนึ่ งบทบัญญัติในวรรค
ทั้ งหลายที่ กล่ าวมาก่ อ นนี้ หากระทบกระทั ่ง ถึ ง สิ ท ธิ ท่ี จ ะเรีย กเอาค่ าเสี ย
หายไม่”
หมายความว่าการชำาระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจง ไม่ตัดสิทธิของเจ้าหนี้ ที่
จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนการละเลยไม่ชำา ระหนี้ สิทธิบังคับชำา ระหนี้
เป็ นสิทธิเฉพาะตัวของเจ้าหนี้ คือเจ้าหนี้ จะใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็ได้ แม้ว่าเจ้าหนี้
จะบังคับชำาระหนี้ หรือไม่ก็ตาม ถ้าเจ้าหนี้ ได้รบ
ั ความเสียหายเนื่ องจากการ
ที่ลูกหนี้ ละเลยไม่ชำาระหนี้ เจ้าหนี้ ก็มีสิทธิเรียกเอาค่าเสียหายจากลูกหนี้ ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


45

ในกรณี ท่ีเ จ้ าหนี้ ขอบั ง คั บ ชำา ระหนี้ ไม่ ว่ าจะขอให้ ส่ง มอบทรัพ ย์สิ น
ให้ ก ระทำา การหรือ งดเว้ น การกระทำา หรือ ทำา นิ ติ ก รรมตามมาตรา 213
วรรค 1 2 และ 3 ก็ตาม และการไม่ชำาระหนี้ ของลูกหนี้ นั้ นเป็ นเหตุให้เจ้า
หนี้ เสี ย หาย เจ้ า หนี้ ก็ เ รีย กร้ อ งเอาค่ า เสี ย หายได้ เช่ น สั ญ ญาซื้ อขาย
รถยนต์ ลูกหนี้ ไม่ส่งมอบตามเวลากำาหนด เจ้าหนี้ ไม่มีรถยนต์ใช้ก็ต้องเช่า
รถแท็ กซี่ ไปกลั บ จากที่ ทำา งาน เจ้ าหนี้ ฟ้ องขอให้ บั ง คั บ ให้ ลู กหนี้ ส่ ง มอบ
รถยนต์ให้แก่เจ้าหนี้ และในเวลาเดียวกันก็จะฟ้ องร้องเอาค่าเสียหายซึ่ง
เสียไปเพราะเช่ารถแท็กซี่ ไปกลับมาที่ทำา งาน ตั้งแต่วันผิดนั ดจนกว่าลูก
หนี้ จะส่งมอบรถยนต์ให้เจ้าหนี้ ด้วยก็ได้ หรือถ้าหนี้ มีวัตถุแห่งหนี้ เป็ นการ
กระทำาหรืองดเว้นการกระทำา เช่น ปลูกสิ่งก่อสร้างรุกลำ้าที่ดินของเจ้าหนี้
โดยไม่สุจริต หรือมีสัญญาห้ามมิให้ปลุกสิ่งก่อสร้างในที่ดินของเจ้าหนี้ แต่
เจ้าหนี้ ฝ่ าฝื นปลูกสร้างลงไป ในกรณี เจ้าหนี้ ฟ้ องขอให้บังคับลูกหนี้ ทำาการ
รื้ อถอนสิ่งปลุกสร้างโดยฝื นใจลูกหนี้ ไม่ได้ เจ้าหนี้ ก็มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลมี
คำา สั ่ง ให้ บุ ค คลภายนอกทำา การรื้ อถอน โดยให้ ลู ก หนี้ เสี ย ค่ า ใช้ จ่ า ย และ
ฟ้ องเรีย กค่ า เสี ย หาย ถ้ า เจ้ า หนี้ พิ สู จ น์ ไ ด้ ว่ า ตลอดเวลาที่ ลู ก หนี้ ละเมิ ด
สัญญา เจ้าหนี้ ได้รบ
ั ความเสียหายอย่างใดได้อีกด้วย

การบังคับชำาระหนี้ โดยค่าสินไหมทดแทน
1. การเรียกค่าเสียหายได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหาย
เช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำาระหนี้
2. เจ้ า หนี้ เรีย กเอาค่ า สิ น ไหมทดแทน เพื่ อความเสี ย หายอั น เกิ ด แต่
พฤติ การณ์ พิ เ ศษหากว่ าคู่ กรณี ท่ี เ กี่ ย วข้ อ งได้ ค าดเห็ น หรือ ควรจะได้ ค าด
เห็นพฤติการณ์เช่นนั้ นล่วงหน้าก่อนแล้ว

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


46

3. ถ้าเจ้าหนี้ มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหาย ด้วยการคำานวณค่าเสียหาย


ต้ อ งอาศั ย พฤติ การณ์ เ ป็ นประมาณโดยคำา นึ ง ว่ า ความเสี ย หายได้ เ กิ ด ขึ้ น
เพราะฝ่ ายไหนเป็ นผู้ก่อยิ่งหย่อนเท่ากันเพียงไร
4. เจ้าหนี้ จะต้องรับผิดในความเสียหาย เพราะการละเลยไม่เตือนลูก
หนี้ ให้ รู้ ถึ ง อั น ตรายแห่ ง การเสี ย หายซึ่ ง ร้ า ยแรงผิ ด ปกติ หรือ ละเลยไม่
บำาบัดปั ดป้ องหรือบรรเทาความเสียหาย
5. เจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีจะรับชำาระหนี้ ของตนจากทรัพย์สินของลูกหนี้ จนสิ้น
เชิง

หลักเกณฑ์ในการเรียกค่าสินไหมทดแทน
การฟ้ องร้องค่าสินไหมทดแทนมีหลักเกณฑ์ประการใดบ้าง
การฟ้ องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจาก
การไม่ชำาระหนี้ มีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
1)ต้องมีการไม่ชำาระหนี้ มาตรา 222 วรรคแรก บัญญัติหลักเกณฑ์
สำาคัญในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน คือ ต้องมีการไม่ชำาระหนี้ การไม่
ชำา ระหนี้ รวมความตลอดถึงการชำา ระหนี้ ไม่ถูกต้องตามความประสงค์อั น
แท้จริงแห่งมูลหนี้ คือ ชำา ระหนี้ ล่าช้า ผิดเวลา ผิดสถานที่ หรือวัตถุแห่ง
หนี้
2)ต้องมีพฤติการณ์ท่ีจะโทษลูกหนี้ ได้ การไม่ชำาระหนี้ ของลูกหนี้ จะ
เป็ นเหตุ ใ ห้ เ จ้ า หนี้ เรีย กเอาค่ า สิ น ไหมทดแทนได้ น้ ั นจะต้ อ งเกิ ด จาก
พฤติการณ์ท่ีลูกหนี้ จะต้องรับผิดพฤติการณ์ท่ีลูกหนี้ จะต้องรับผิดชอบก็คือ
ลู ก หนี้ ไม่ ชำา ระหนี้ ให้ ต้ อ งตามประสงค์ แ ห่ ง หนี้ ตามมาตรา 215 ลู ก หนี้
ผิดนั ด เป็ นเหตุให้การชำาระหนี้ เป็ นอันไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ตามมาตรา
216 การชำาระหนี้ กลายเป็ นพ้นวิสัยเพราะอุบัติเหตุหรือเจ้าหนี้ ได้รบ
ั ความ
เสี ย หายอั น เกิ ด แต่ ค วามประมาทเลิ น เล่ อ ของลู ก หนี้ ในระหว่ า งที่ ลู ก หนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


47

ผิ ด นั ดตามมาตรา 217 และการชำา ระหนี้ กลายเป็ นพ้ น วิ สั ย เพราะ


พฤติการณ์อย่างใดอย่างหนึ่ ง ซึ่งลูกหนี้ ต้องรับผิดชอบตามมาตรา 218
3)ต้องมีความเสียหาย การไม่ชำา ระหนี้ ของลูกหนี้ จะเป็ นเหตุให้เจ้า
หนี้ เรียกค่าสินไหมทดแทนได้ เจ้าหนี้ จะต้องเสียหายจากการไม่ชำา ระหนี้
นั้ น เช่น ก. สัง่ ซื้ อนำ้าตาลจาก ข. 1 กิโลกรัม โดย ข. จะส่งนำ้าตาลให้ ก.
ที่บ้าน ถึงกำาหนด ข. ไม่ส่งนำ้าตาลให้ ก. แต่ส่งล่าช้าไป 2 วัน แต่ปรากฏ
ว่ า ถึ ง แม้ ข. จะส่ ง ให้ ก. ภายในกำา หนดเวลา ก. ก็ ยั ง ไม่ มี โ อกาสได้ ใ ช้
นำ้าตาลของ ข. เพราะนำ้าตาลเก่ายังมีเหลือใช้ประโยชน์ได้อยู่ เช่นนี้ ข. จะ
ชำา ระหนี้ ล่ าช้ า แต่ ก. ก็ ไม่ เสี ย ประโยชน์ ก. จะเรีย กค่ าสิ น ไหมทดแทน
จาก ข. ไม่ได้
ความเสียหายจะต้องคำา นวณเป็ นเงิน ได้ ความเสียหายทางจิ ตใจที่
ไม่ใช่ตัวเงินซึ่งเป็ นความเสียหาย เกิดจากการไม่ชำาระหนี้ เจ้าหนี้ จะเรียก
ร้องเอาจากลูกหนี้ ไม่ได้
ความเสียหายอันเกิดจากการไม่ชำาระหนี้ นั้ น เจ้าหนี้ จะต้องพิสูจน์ว่า
เสียหายเป็ นเงินเท่าใด แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลว่าเจ้าหนี้ เสียหาย
เท่าใดแล้ว ถือว่าศาลทราบเอง เจ้าหนี้ ไม่จำาเป็ นต้องพิสูจน์
หนี้ เงิ น เมื่ อผิ ด นั ด ไม่ ชำา ระหนี้ กฎหมายถื อ ว่ า เจ้ า หนี้ เสี ย หายแล้ ว
เจ้ า หนี้ มี สิ ท ธิ คิ ด ดอกเบี้ ยอั ต ราร้ อ ยละเจ็ ด ครึ่ง ต่ อ ปี โดยเจ้ า หนี้ ไม่ ต้ อ ง
พิสูจน์ความเสียหาย ถ้าเจ้าหนี้ เสียหายมากกว่าดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ด
ครึง่ เจ้าหนี้ ก็สามารถเรียกจากลูกหนี้ ได้ แต่เจ้าหนี้ ต้องพิสูจน์ว่าเสียหาย
มากกว่าเป็ นเป็ นจำานวนเท่าใด ถ้าไม่พิสูจน์ก็เรียกร้องไม่ได้
ความเสียหายเพราะการไม่ชำา ระหนี้ แม้จะเป็ นความเสียหายที่เกิด
ขึ้นในอนาคต ถ้าเป็ นความเสียหายที่เกิดขึ้นแน่นอน เจ้าหนี้ ก็เรียกร้องเอา
จากลูกหนี้ ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


48

4)ต้ อ งไม่ มี สั ญ ญาตั ด สิ ท ธิ ตามมาตรา 114 คู่ ก รณี จะตกลงทำา


สั ญ ญาอย่ า งใดก็ ไ ด้ แม้ ข้ อ ตกลงนั้ นจะผิ ด แผกแตกต่ า งกั บ ที่ ก ฎหมาย
บัญญัติไว้ เช่น เจ้าหนี้ ลูกหนี้ ทำาสัญญาตกลงกันว่า แม้ลูกหนี้ จะละเลยไม่
ชำา ระหนี้ เป็ นเหตุให้เจ้าหนี้ เสียหาย เจ้าหนี้ ก็ไม่ ติดใจเรียกร้องเอาค่ าเสีย
หายจากลูกหนี้ แต่ความข้อนี้ มีข้อยกเว้นว่า ข้อตกลงที่ผิดแผกแตกต่าง
จากที่กฎหมายบัญญัติไว้น้ ั นจะต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือ ศีล
ธรรมอันดีของประชาชน

หลักเกณฑ์ในการกำาหนดค่าสินไหมทดแทน
การละเลยไม่ชำา ระหนี้ ของลูกหนี้ จนเป็ นเหตุให้ เจ้ าหนี้ ได้ร บ
ั ความ
เสียหายนั้ นมีหลักเกณฑ์ในการกำาหนดค่าเสียหายอย่างไรบ้าง อธิบาย
หลั ก เกณฑ์ ใ นการกำา หนดค่ า เสี ย หายอั น เกิ ด จากการไม่ ชำา ระหนี้
มาตรา 222 บัญญัติเป็ นหลักทัว่ ไป ดังนี้
1)ความเสียหายต้องเป็ นความเสียหาย เช่น ที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้น
หมายความว่าค่าเสียหายธรรมดาที่คนทัว่ ไปรู้ ว่าถ้ าไม่ มีการชำา ระหนี้ แล้ ว
ความเสียหายอะไรจะเกิดขึ้น เช่น ซื้ อเครื่องสีข้าว ลูกหนี้ ไม่ส่งมอบเครื่อง
สีข้าวภายในเวลากำา หนดเป็ นเหตุให้เจ้าหนี้ ไม่มีเครื่องสีข้าวสำา หรับสีข้าว
ขาย ทำา ให้ ข าดรายได้ จ ากการสี ข้ า วขายวั น ละ 1,000 บาท เช่ น นี้ เป็ น
ความเสียหายธรรมดาที่เกิดจากการไม่ชำาระหนี้ เจ้าหนี้ เรียกเอาจากลูกหนี้
ได้ต้ ังแต่วันผิดนั ดจนถึงวันส่งมอบเครื่องสีข้าว
2) ความเสียหายที่เกิดจากพฤติการณ์พิเศษเป็ นความเสียหายที่ไม่มี
ใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เนื่ องจากการไม่ชำา ระหนี้ ความเสียหายที่เกิด
จากพฤติการณ์พิเศษนี้ จะเรียกร้องเอาจากลูกหนี้ ไม่ได้ เว้นแต่ลูกหนี้ รู้มา
ก่อนล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าลูกหนี้ ไม่ชำาระหนี้ เจ้าหนี้ จะได้รบ
ั ความเสียหาย
พิเศษ มาตรา 222 วรรคสอง ใช้คำา ว่า “คาดเห็น” หรือ “ควรจะได้คาด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


49

เห็ น ” หมายความว่ า ลู ก หนี้ ได้ รู้ ห รื อ ควรได้ รู้ ว่ า คว ามเสี ย หายจาก


พฤติการณ์พิเศษนั้ นจะเกิดขึ้นแก่เ จ้าหนี้ หากลูกหนี้ ไม่ชำา ระหนี้ เช่น ก.
เช่าบ้านของ ข. เดือนละ 1,000 บาท เมื่อหมดสัญญาเช่า ข. บอกให้ ก.
ออกจากบ้ า นเช่ า เพราะไม่ ป ระสงค์ จ ะให้ ก. เช่ า ต่ อ ไปเนื่ องจากได้ ทำา
สั ญ ญาให้ ค. เช่ า ต่ อ จาก ก. เดื อ นละ 2,000 บาทซึ่ ง การทำา สั ญ ญา
ระหว่าง ข. และ ค. นี้ ก. ก็รู้ แต่ก็ไม่ยอมออกจากบ้านเช่าตามกำาหนด ข.
จึงได้รบ
ั ความเสียหายเดือนละ 2,000 บาท ซึ่งเป็ นความเสียหายที่เกิด
ขึ้นจากพฤติ การณ์ พิเ ศษ แต่ ก. ก็ รู้ค วามเสีย หายนี้ ล่วงหน้าแล้ ว ก. จึ ง
ต้ อ งชดใช้ ค่ า เสี ย หายเดื อ นละ 2,000 บาท ให้ แ ก่ ข. นั บ ตั้ งแต่ ผิ ด นั ด
จนกว่า ก. จะออกจากบ้านเช่า
การที่ลูกหนี้ คาดเห็นหรือควรจะคาดเห็น ความเสี ยหายอัน เกิ ดจาก
พฤติ ก ารณ์ พิ เ ศษเนื่ องจากการไม่ ชำา ระหนี้ นั้ น ลู ก หนี้ จะได้ ค าดเห็ น เอง
หรือเจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกอื่นใดบอกให้รู้ก็ได้
ความเสียหายธรรมดาหรือความเสียหายพิเศษนั้ น จะต้องเป็ นความ
เสี ย หายที่ เ กิ ด จากการไม่ ชำา ระหนี้ จะเกิ ด จากเหตุ อ่ ื นไม่ ไ ด้ เพราะเป็ น
ความเสียหายที่ไกลต่อเหตุ เช่น ก. ไปซื้ อเสื้ อกันฝนลูกหนี้ ไม่ส่งมอบเสื้ อ
กันฝนให้ ก. ตามสัญญา ก. ไม่มีเสื้ อกันฝนใส่ออกจากบ้าน นำ้าฝนเปี ยก
ทำาให้เสื้ อผ้าเสียหาย เช่นนี้ จะเรียกร้องค่าเสียหายจากลูกหนี้ ไม่ได้ เพราะ
เป็ นความเสียหายที่ไกลต่อเหตุ

ความเสียหายเกิดจากผู้เสียหายเอง
ถ้าความเสียหายที่เกิดจากการได้ชำาระหนี้ ผู้เสียหายมีส่วนก่อให้เกิด
ขึ้นด้วย มีหลักเกณฑ์ในการคำานวณค่าเสียหายอย่างไร ให้อธิบายมีกรณี ใด
บ้างที่ถือว่าเจ้าหนี้ เป็ นผู้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายด้วย

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


50

มาตรา 223 ได้ วางหลั กเกณฑ์ ใ นการกำา หนดค่ าเสี ย หายในกรณี ท่ี
เจ้ าหนี้ หรือ ผู้ เ สีย หายมี ส่ ว นก่ อ ให้ เ กิ ดความเสี ย หายขึ้ นเนื่ องจากการไม่
ชำาระหนี้ ดังนี้
1)ผู้เสียหายมีส่วนทำาความผิดอยู่ด้วย ความเสียหายที่เจ้าหนี้ ได้รบ

เพราะลูกหนี้ ละเลยไม่ชำาระหนี้ นั้ น ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นเจ้าหนี้ มีส่วน
ก่อให้เกิด เจ้าหนี้ จะต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ จะไปเรียกเอาจากลูกหนี้ ไม่
ได้ ค่ าเสี ยหายที่ ฝ่ายใดจะต้ อ งรับ ผิ ดมากน้ อ ยเพี ย งใดนั้ น มาตรา 223
บัญญัติว่าจะต้องพิจารณาตามพฤติการณ์เป็ นประมาณ ข้อสำาคัญที่สุดต้อง
พิ จ ารณาว่ า ฝ่ ายใดเป็ นผู้ ก่ อ ให้ เ กิ ด ความเสี ย หายมากน้ อ ยเพี ย งใด ซึ่ ง
หมายความว่ าลู กหนี้ ก่ อให้เ กิดความเสีย หายเท่าใด ลูกหนี้ ก็ร บ
ั ผิ ดเพียง
เท่านั้ น ถ้าความผิดส่วนที่เหลือเจ้าหนี้ เป็ นผู้ก่อขึ้น เจ้าหนี้ ต้องรับผิด
2)กรณี ท่ีถือว่าเจ้าหนี้ เป็ นผู้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายด้วยมีดังนี้
1)เจ้าหนี้ มีส่วนเป็ นผู้ก่อความเสียหายขึ้นโดยตรงตามข้อ (1)
2)เจ้ า หนี้ มี ส่ ว นผิ ด โดยละเลยไม่ บ อกลู ก หนี้ ไม่ บำา บั ด ปั ดป้ อง
หรือบรรเทาความเสียหาย มาตรา 223 วรรคสอง บัญญัติให้เจ้าหนี้ หรือผู้
เสียหายต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้เสียหายได้
ละเลยไม่เ ตือ นลู กหนี้ ให้รู้ สึกถึง อัน ตรายแห่ ง การเสี ย หายอั น ร้ ายแรงผิ ด
ปกติ ซึ่งลูกหนี้ ไม่รู้หรือไม่อาจรู้ ได้ หรือ เพียงแต่ ละเลยเสีย ไม่ บำา บัดปั ด
ป้ อง หรือบรรเทาความเสียหายนั้ น การละเลยเช่นนี้ ถื อเสมื อนเท่ ากั บผู้
เสียหายได้มีส่ว นก่ อให้เ กิดความเสี ยหายเหมือ นกั น ค่าสิน ไหมทดแทน
ความเสียหายในส่วนนี้ เจ้าหนี้ หรือผู้เสียหายจะเรียกร้องไม่ได้
3)การมีส่วนในการทำาความเสียหาย การละเลยไม่ตักเตือน การ
ละเลยไม่บำาบัดปั ดป้ อง หรือไม่บรรเทาความเสียหายของตัวแทนหรือของ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


51

ผู้ท่ีเจ้าหนี้ ใช้ในการชำาระหนี้ ให้ถือเสมือนว่าเป็ นการกระทำาหรือละเลยของ


เจ้าหนี้ เอง เจ้าหนี้ ต้องรับผิดชอบด้วย

ทรัพย์สินที่จะใช้ชำาระหนี้
ที่ว่า เจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีจะให้ชำา ระหนี้ ของตนจากทรัพย์ สิน ของลู กหนี้
จนสิ้นเชิงนั้ นท่านเข้าใจอย่างไร
ที่ว่าเจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีจะให้ชำาระหนี้ ของตนจากทรัพย์สินของลูกหนี้ จน
สิ้นเชิงนั้ น หมายความว่า
1)ทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้ นำามาชำาระหนี้ ได้ เพราะกฎหมายถือ
หลักว่าทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้ เป็ นประกันการชำาระหนี้ เมื่อลูกหนี้ ไม่
ชำา ระหนี้ เจ้าหนี้ เสียหายอย่างไร มากน้อยแค่ ไหน เจ้าหนี้ ฟ้ องร้องเรียก
เอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ ได้ ถ้ามีเงินก็ขอให้ยึดเงินมาชำาระหนี้ ถ้าไม่มี
เงิ น ก็ ข อให้ ยึ ดทรัพ ย์ สิ น ของลู ก หนี้ มาขายทอดตลาดเอาเงิ น ชำา ระหนี้ ได้
ทรัพ ย์ สิ น ทั้ ง หมดของลุ ก หนี้ หมายความรวมถึ ง เงิ น และทรัพ ย์ สิ น ๆ ซึ่ ง
บุคคลภายนอกค้างชำาระแก่ลูกหนี้ ด้วย ซึ่งเงินและทรัพย์สินดังกล่าว แม้
จะอยู่กับบุคคลภายนอกก็เป็ นเงินและทรัพย์สินของลูกหนี้ นั ่นเอง
2)ทรัพ ย์ สิ น ของลู ก หนี้ ที่ จ ะนำา มาชำา ระหนี้ นั้ น มี ค วามหมายตาม
มาตรา 99 คือเป็ นทั้งวัตถุมีรูปร่างและไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและถือ
เอาได้ ทั้งที่เป็ นสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ รวมตลอดถึงสิทธิบาง
์ ่ึงสามารถที่จะจำาหน่ายจ่ายโอนนำาเงินมาชำาระหนี้ ให้เจ้า
อย่าง เช่นลิขสิทธิซ
หนี้ ได้
3)ที่ว่ าเจ้าหนี้ ชอบที่ จะบัง คับ ชำา ระหนี้ เอาจากทรัพ ย์ สิ น ของลุ กหนี้
โดยสิ้นเชิงนั้ น หมายความว่าเป็ นหนี้ อยู่เท่าใด เจ้าหนี้ บังคับชำา ระหนี้ ได้
เท่านั้ นจะไปยึดเอาเงินหรือทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้ มาเป็ นของเจ้าหนี้
ทั้ งหมดไม่ ได้ ถ้ ายึ ดเงิ น ของลุ ก หนี้ มาชำา ระหนี้ แล้ ว ได้ เ งิ น มายั ง ไม่ ค รบ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


52

จำานวนหนี้ เจ้าหนี้ ก็ยึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ มาขายทอดตลาดเอาเงินมา


ชำา ระหนี้ ให้ เ จ้ า หนี้ จนครบ เมื่ อได้ ค รบแล้ ว จะไปยึ ด มาอี ก ไม่ ไ ด้ ถ้ า
ทรัพ ย์ สิ น ของลู ก หนี้ เป็ นทรัพ ย์ สิ น มี ร าคามาก เมื่ อขายแล้ ว เอาเงิ น มา
ชำา ระหนี้ จนครบ ยั ง มี เ งิ น เหลื อ เงิ น ส่ ว นที่ เ หลื อ ต้ อ งคื น ให้ แ ก่ ลู ก หนี้
ทรัพ ย์ สิ น ของลู ก หนี้ ที่ เ จ้ า หนี้ มี สิ ท ธิ ยึ ด มาชำา ระหนี้ นั้ น หมายความถึ ง
ทรัพย์ที่ลูกหนี้ มีอยู่ในปั จจุบัน และที่จะมีในอนาคตด้วย
4)มีทรัพย์สินบางประเภทที่เจ้าหนี้ ยึดมาชำาระหนี้ ไม่ได้คือ
1)ทรัพย์สินที่หลุดออกจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ แล้ว
2)ทรัพย์สินต้องห้ามมิให้ยึด เพราะเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน เช่น ทรัพย์สินของรัฐ ทรัพย์สินที่ไม่อยู่
ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี เช่นเครื่องนุ่งห่มหลับนอน หรือเครื่องใช้
ที่ จำา เป็ น เครื่องมื อเครื่องใช้ท่ี จำา เป็ นใช้ใ นการประกอบอาชี พ วั ตถุ ห รือ
อุปกรณ์ท่ีใช้แทนอวัยวะของลูกหนี้ ทรัพย์สินที่เป็ นของส่วนตัวโดยเฉพาะ
เช่น จดหมายหรือสมุดบั ญ ชี เบี้ ยเลี้ยง เงิ น เดื อ น ค่ าจ้ างของข้ าราชการ
หรือลูกจ้างของรัฐบาลเป็ นต้น
3)เจ้ าหนี้ หลายคนอาจได้ ร บ
ั ชำา ระหนี้ เพี ย งบางส่ ว น เพราะเงิ น
และทรัพย์สินของลูกหนี้ มีไม่พอชำาระหนี้
5) ถ้าเอาทรัพย์สินจำานองหลุด และราคาทรัพย์สินนั้ นมีประมาณตำ่า
กว่าจำา นวนเงินที่ค้างชำา ระกันอยู่ก็ดี หรือถ้าเอาทรัพ ย์สิน ซึ่งจำา นองออก
ขายทอดตลาดใช้ ห นี้ จำา นวนสุ ท ธิ น้ อ ยกว่ า จำา นวนเงิ น ที่ ค้ างชำา ระกั น อยู่
ก็ ไ ด้ เงิ น ยั ง ขาดจำา นวนอยู่ เ ท่ า ใด ลู ก หนี้ ไม่ ต้ อ งรั บ ผิ ด ชอบเงิ น นั้ น
นอกจากจะมีข้อตกลงกั นว่ าถ้ านำา ทรัพ ย์สิ นที่ จำา นองออกขายทอดตลาด
ได้เงินไม่พอชำา ระหนี้ เจ้าหนี้ มีสิทธิยึดทรัพย์สินอย่างอื่นของลูกหนี้ ออก
ขายทอดตลาดเอาเงินมาชำาระหนี้ ให้เจ้าหนี้ ได้จนครบ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


53

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 3

1. สี รับจ้างทำา โอ่งมังกรให้ สา 100 ใบ ทำา เสร็จแล้ว สี ได้ว่าจ้ างให้


สอน ขนโอ่ง มั ง กรไปให้ สา โดยรถยนต์ ระหว่ างขั บ รถยนต์ บ รรทุ กโอ่ ง
มั ง กรไปส่ ง ให้ สา นั้ น สอน ได้ ขั บ รถยนต์ อ อกนอกเส้ น ทางไปบ้ า นสา
เพื่อไปเยี่ยม ส่อ เพื่อนของตนก่อนที่จะเอาโอ่งไปส่ง สา ระหว่างทางไป
บ้าน ส่อ สอน ขับรถยนต์บรรทุกโอ่งมังกรโดยประมาทชนกับรถยนต์คัน
อื่นเป็ นเหตุให้รถยนต์ของ สอน ควำ่าโอ่งที่บรรทุกในรถแตกเสียหายหมด
ดั ง นี้ สี จะต้ อ งรับ ผิ ด ชอบต่ อ สา เพราะสอนไม่ มีโ อ่ ง มั ง กรไปส่ ง ให้ สา
หรือไม่ คำำตอบ สีจะต้องรับผิดชอบต่อสาเพราะสอนเป็ นบุคคลที่สีใช้ให้ไป
ชำา ระหนี้ คื อส่ง โอ่ง มั ง กรไปให้ ส าแทนตน เป็ นความผิ ดของสอนที่ ขับ รถ
ประมาทถือเสมือนกับเป็ นความผิดของสีเอง
2. ก ทำา สั ญญาขายข้าวสารให้ ข 500 กระสอบ ก. ใช้ ให้ ค. ขนข้าว
รายนี้ ไปส่งมอบให้แก่ ข. แต่ ค. ได้นำาข้าวรายนี้ ไปขายให้ ง. แล้วนำาเงิน
ไปใช้เป็ นประโยชน์ส่วนตนเสียดังนี้ ก. จะต้องรับผิดต่อ ข. หรือไม่ คำำ
ตอบ ก . ต้ อ งรับ ผิ ด ชอบต่ อ ข . เพราะ ค . เป็ นบุ ค คลที่ ก . ใช้ ใ ห้ นำา
ข้าวสารไปส่งมอบให้แก่ ข. และ ข. ยังไม่ได้รบ
ั มอบข้าวสารที่สัง่ ซื้ อจาก
ก.
3. แดงว่าจ้างขาวให้วาดภาพของตน แต่ขาวได้ว่าจ้างเขียวให้วาดภาพ
ของแดงอี กต่ อ หนึ่ ง และขาวได้ ว าดภาพของแดงมาส่ ง มอบให้ แดงตาม
กำาหนดเวลาที่ตกลงกันไว้แดงไม่ยอมรับภาพวาดดังกล่าวเช่นนี้ แดงหรือ
ขาวเป็ นผู้ผิดสัญญา คำำตอบ ขาวผิดสัญญาเพราะการวาดภาพนี้ ขาวจะตั้ง
ตัวแทนหรือใช้ให้บุคคลอื่นทำาแทนตนไม่ได้ขาวจะต้องทำาด้วยตนเอง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


54

4. กรณี ต่อไปนี้ จะถื อว่ าเป็ นการบั ง คั บ ชำา ระหนี้ โดยเฉพาะเจาจง เช่ น
แดงขายที่ ดิ น ให้ ดำา แดงผิ ด สั ญ ญา ดำา ฟ้ องขอให้ ศ าลบั ง คั บ ให้ แ ดงโอน
์ ่ีดินให้ดำา
กรรมสิทธิท
5. ก. ปลูกบ้านลำ้ารุกเข้าไปในที่ดินของ ข. ข. บอกให้ ก. รื้ อถอนบ้าน
ออกไป ก. ไม่ ยอมทำา ดั ง นี้ ข. จะฟ้ องขอให้ศ าลบั ง คั บ อย่ างไร คำำ ตอบ
ฟ้ องขอให้ศาลบังคับให้บุคคลภายนอกทำา การรื้ อถอนบ้านออกไปโดยให้
ก. เป็ นผู้เสียค่าใช้จ่าย
6. แดงทำา สั ญ ญาขายที่ ดิ น ให้ ข าว แดงผิ ด สั ญ ญาไม่ ย อมขายที่ ดิ น ให้
ขาวจะฟ้ องขอให้ ศาลบั ง คั บ อย่ า งไร จึ ง จะได้ กรรมสิ ท ธิ์ใ นที่ ดิน ที่ ซื้ อ คำา
ตอบ ฟ้ องขอให้ศาลบังคับให้แดงโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้ขาว หากแดง
์ ่ีดินให้ขาว ก็ขอให้ถือเอาคำา พิพากษาแทนการ
ไม่ยอมไปโอนกรรมสิทธิท
แสดงเจตนาของแดง
7. ก. เช่ าอาคารจาก ข. เดื อ นละ 10,000 บาท ครบกำา หนดสั ญ ญา
เช่า ข. ไม่ต้องการให้ ก. เช่าอีก และได้บอกให้ ก. ออกจากอาคารที่เช่า
โดยบอกว่าจะเอาอาคารให้ ค. เช่าต่อ เมื่อครบสัญญาเช่า ก. ไม่ยอมออก
จากอาคารที่เช่า เป็ นเหตุให้ ข. เอาอาคารที่เช่าไปให้ให้ ค. เช่าไม่ได้ ทั้งนี้
ค. ทำา สั ญ ญาเช่ า อาคารจาก ข. เดื อ นละ 20,000 บาท และได้ เ งิ น กิ น
เปล่ า จาก ค. อี ก 100,000 บาท ดั ง นี้ ฃ. จะเรีย กค่ า เสี ย หายจาก ก.
เดือนละ 20,000 บาท ในระหว่างผิดนั ดและเรียกเงิน 100,000 บาท
ที่ ค วรได้ จ าก ค. เอาจาก ก. ได้ ห รือ ไม่ คำำ ตอบ ข . เรีย กเงิ น เดื อ นละ
20,000 บาท จาก ก. ได้ เพราะเป็ นค่าเสียหายธรรมดาที่เกิดจากการไม่
ชำาระหนี้ คือไม่ส่งมอบอาคารเช่าให้แก่ ข. ตามกำาหนด ส่วนเงินกินเปล่า
100,000 บาทนั้ น เป็ นค่าเสียหายที่เกิดจากพฤติการณ์พิเศษซึ่ง ก. ไม่
ทราบล่วงหน้า ข. จะเรียกเงินจาก ก . ไม่ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


55

8. ก. ทำา สัญญาซื้ อแร่ดีบุกจาก ข. โดยระบุในสัญญาว่าเพื่อนำา ไปขาย


ต่อให้แก่โรงถลุงแร่ ต่อมา ข. ผิดสัญญาไม่มีแร่ดีบุกขายให้แก่ ก. ก. จึง
ไม่มีแร่ดีบุกไปขายให้แก่โรงถลุงแร่ตามสัญญาเป็ นเหตุให้ ก. ขาดกำาไรที่
จะได้จากการขายแร่ดีบุกเป็ นเงิน 50,000 บาท เงินจำานวนนี้ ก. จะฟ้ อง
ร้องเอาจาก ข. ได้หรือไม่ คำาตอบ ฟ้ องได้เพราะแม้จะเป็ นค่าเสียหายที่
เกิ ด จากพฤติ ก ารณ์ พิ เ ศษก็ ต าม แต่ ข . ก็ รู้ ล่ ว งหน้ า แล้ ว ว่ า ก . จะนำา
แร่ดีบุกที่ซื้อไปขายต่อให้โรงถลุงแร่ พฤติการณ์เช่นนี้ ก. ย่อมมีโอกาสจะ
ได้กำาไร เมื่อ ข. ผิดนั ดไม่มีแร่ดีบุกขายให้แก่ ก. ก. ย่อมเสียหายและฟ้ อง
ร้องเอาค่าเสียหายจาก ข. ได้
9. มาทำาสัญญาซื้ อมะพร้าวจากสวนของนายมัน
่ เพื่อนำาไปขายในตลาด
เมืองจำานวน 1,000 ลูก ถึงกำาหนดส่งมอบ มัน
่ เก็บมะพร้าวขายให้แก่มา
ได้เพียง 500 ลูก แล้วนำาไปส่งมอบให้แก่มา แต่มาไม่ยอม เพราะส่งมอบ
ให้ไม่ครบ 1,000 ลูกตามสัญญา หากมัน
่ ส่งมอบให้ครบ 1,000 ลูกตาม
สัญญา มาจะขายในตลาดในเมืองได้กำาไรลูกละ 1 บาท เป็ นเงินกำาไรที่มา
ควรได้ท้ ังสิ้น 1,000 บาท มาจะฟ้ องเรียกค่าขาดกำาไรดังกล่าวจากมัน
่ ได้
หรือไม่เพียงใด คำาตอบ ฟ้ องเรียกได้ 500 บาท เพราะมามีส่วนผิดด้วย
เพราะไม่ย อมรับ มะพร้ าว 500 ลูกที่ มัน
่ นำา มาส่ งมอบแล้ ว นำา ไปขายเอา
กำาไร 500 บาท เพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น ความเสียหายในส่วน
นี้ มาจะต้องรับผิด จะเรียกเอากับมัน
่ ไม่ได้
10. แดงนำา ที่ดินมีโฉนดไปจำา นองไว้กับธนาคาร เพื่อเป็ นประกันเงิน กู้
จำานวน 50,000 บาท ต่อมาแดงผิดนั ดไม่ชำาระหนี้ ให้แก่ธนาคาร ธนาคาร
ยึดทรัพย์สินอื่นของแดงมาขายทอดตลาดชำาระหนี้ ที่เหลือไม่ได้ เพราะใน
สัญญาจำานองไม่ได้ระบุไว้ให้ทำาเช่นนั้ นได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


56

11. ก. ทำาสัญญาซื้ อไม้มะค่าโมงจาก ข. โดยตกลงให้ ข. ส่งไม้ไปให้ ก.


เมื่ อถึ ง กำา หนด ข. ได้ ใ ห้ ค. ลู ก จ้ า งขั บ รถยนต์ บ รรทุ ก ไม้ ไ ปส่ ง ให้ ก.
ระหว่างทาง ค. ขับรถยนต์โดยประมาทไปชนกับรถของคนอื่นเป็ นเหตุให้
ไฟไหม้รถยนต์และไม้ท่ีบรรทุกมาในรถเสียหายทั้งหมด ดังนี้ ข. จะต้อง
รับ ผิ ดต่ อ ก. หรือ ไม่ คำำ ตอบ ข . จะต้ อ งรับ ผิ ดต่ อ ก . เพราะความเสี ย
หายเกิดขึ้นจากความผิดของ ค. ซึ่งเป็ นบุคคลที่ ข. ใช้ให้นำา ไม้ไปส่งให้
ก.
12. ดำา ทำา สั ญ ญาซื้ อนำ้ ามั น เบนซิ น จากขาวจำา นวน 5,000 ลิ ต ร ถึ ง
กำาหนดส่งมอบ ขาวจ้างเขียวขนนำ้ามันไปส่งดำาโดยทางรถยนต์ แต่แทนที่
เขียวจะขนนำ้ามันไปส่งให้ดำา เขียวกับนำานำ้ามันไปขายแล้วนำาเงินที่ได้ไปใช้
เป็ นประโยชน์ส่วนตัวเสียดังนี้ ขาวจะต้องรับผิดใช้ราคานำ้ามันให้ดำาหรือไม่
คำำ ตอบ ขาวจะต้องรับ ผิดใช้ ราคานำ้ ามั น ให้ แ ก่ ดำา เพราะดำา ใช้ ใ ห้ เ ขี ยวนำา
นำ้ามันไปส่งให้ดำา เมื่อเขียวก่อให้เกิดความเสียหายแก่ดำา ขาวจะต้องรับ
ผิดเสมือนกับขาวได้ก่อความเสียหายขึ้นเอง
13. โต๊ะขายเครื่องเรือนของตนให้แก่ตู้ โดยชำาระราคากันเรียบร้อยแล้ว
และตกลงกั น ว่ า โต๊ ะ จะเอาเครื่อ งเรือ นไปส่ ง ให้ ท่ี บ้ า นของตู้ ใ นเย็ น วั น
เดียวกันเมื่อตู้กลับบ้านแล้ว โต๊ะได้ว่าจ้างตัง่ ให้เอาเครื่องเรือนไปส่งให้ตู้
โดยมี ข้ อ ตกลงว่ า ตั ่ ง จะต้ อ งนำา เครื่อ งเรือ นไปส่ ง ให้ ตู้ ถึ ง บ้ า นของตู้ ใ ห้
เรียบร้อย ถ้าหากตู้ไม่ได้รบ
ั เครื่องเรือนหรือเครื่องเรือนชำารุดเสียหายตัง่ จะ
ต้องรับผิดชอบต่อตู้แต่เพียงผู้เดียวโดยโต๊ะจะไม่รบ
ั ผิดชอบด้วยตกลงกัน
เสร็จแล้ว ตัง่ ได้เอาเครื่องเรือนบรรทุกรถยนต์ของตนเพื่อนำาไปส่ง แต่ใน
ระหว่างทาง ตัง่ กลับนำาเอาเครื่องเรือนไปขายให้เตียง ตู้เลยไม่ได้รบ
ั เครื่อง
เรือนตามสัญญาดังนี้ โต๊ะจะต้องรับผิดชอบต่อตู้ในการที่ตู้ไม่ได้รบ
ั เครื่อง
เรือนหรือไม่ คำำตอบ โต๊ะจะต้องรับผิดชอบต่อตู้เพราะตัง่ เป็ นบุคคลที่โต๊ะ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


57

ให้ไปชำา ระหนี้ ข้อตกลงที่โต๊ะกับตัง่ ให้ไว้ต่อกันไม่มีผลบังคับเพราะไม่ใช่


ข้อตกลงที่โต๊ะมีกับตู้
14. หลักทัว่ ไปของการบังคับชำา ระหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงคือ สภาพแห่ง
หนี้ ต้ องเปิ ดช่อ งให้บั งคั บได้โ ดยมีวั ตถุ แห่ งหนี้ เป็ นการส่ ง มอบทรัพ ย์ สิ น
และการชำาระหนี้ ยังเป็ นวิสัยที่กระทำาได้
15. ก. ซื้ อที่ดินมีโฉนดแปลงหนึ่ งจาก ข. ชำาระเงินกันเรียบร้อยแล้ว แต่
ข. ไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ท่ีดินให้ ก. ดังนี้ ก. จะฟ้ องร้อง
บั ง คั บ อย่ า งไร ก. จึ ง จะได้ ก รรมสิ ท ธิ์ใ นที่ ดิ น คำา ตอบ ฟ้ องขอให้ ศ าล
์ ่ีดินให้ ถ้า ข. ไม่ไปก็ถือเอาคำา
บังคับให้ ข. ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิท
พิพากษาแทนการแสดงเจตนาของ ข. ให้เจ้าพนั กงานที่ดินจดทะเบี ยน
โอนในที่ดินให้ ข.
16. ก. ทำาสัญญาซื้ อขายที่ของ ข. เพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยโดยมีข้อตกลง
ว่ า ข. ให้ ก. ใช้ ถนนส่ ว นบุ ค คลของ ข. ที่ ผ่ า นที่ ดิน ของ ก. เพื่ อออกสู่
ถนนใหญ่ได้ ต่อมา ก. กับ ข. มีเรื่องไม่ถูกกัน ข. จึงทำาประตูปิดกั้นถนน
ไม่ ใ ห้ ก. ใช้ เ ป็ นทางเดิ น ออกไปสู่ ถ นนใหญ่ ไ ด้ ดั ง นี้ ก. จะดำา เนิ น การ
อย่างไรเพื่อให้รอถอนประตู
ื้ ออกไปจากถนนเสีย คำาตอบ ก. จะต้องฟ้ อง
ให้ศาลสัง่ ให้บุคคลภายนอกจากตัว ข. จัดการรื้ อถอนประตูออกโดยให้ ข .
เป็ นผู้เสียค่าใช้จ่ายในการรื้ อถอน
17. กรณี ท่ีหนี้ มีวัตถุแห่งหนี้ เป็ นส่งมอบทรัพย์สินลูกหนี้ ผิดนั ดไม่ชำา ระ
หนี้ เจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีจะบังคับชำาระหนี้ คือ มีสิทธิท่ีจะฟ้ องศาลขอให้ส่งบังคับ
ให้ลูกหนี้ ส่งมอบทรัพย์สินและให้ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการไม่ชำา ระ
หนี้
18. มีหลักเกณฑ์อะไรบ้างที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากลูกหนี้ ได้
คำาตอบ (ก) ต้องมีการไม่ชำาระหนี้ และเจ้าหนี้ ได้รบ
ั ความเสียหาย (ข) การ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


58

ไม่ ชำา ระหนี้ เป็ นเพราะพฤติ ก ารณ์ ซึ่ ง จะโทษลู ก หนี้ ได้ (ค) ต้ อ งไม่ มี ข้ อ
สัญญาตัดสิทธิเจ้าหนี้ ไม่ให้เรียกร้องค่าเสียหาย
19. มี ว่าจ้าง มา ให้สร้างบ้านให้ มาสร้างบ้านไม่เสร็จตามกำาหนดเวลาที่
ตกลง มี ไม่ ส ามารถเอาบ้ า นไปให้ มา เช่ าตามสั ญ ญาที่ มี กั บ มาทำา กั น ไว้
เป็ นเหตุให้ มี ต้องถูกปรับเป็ นเงิน 10,000 บาท และขาดประโยชน์ไม่
ได้ค่าเช่าบ้านจาก มา เดือนละ 5,000 บาท เป็ นเวลา 4 เดือนเป็ นเงิน
20,000 บาท ดังนี้ มี จะฟ้ องเรียกค่าปรับที่เสียไปและขาดประโยชน์ที่
ควรจะได้ จ าก มา ได้ ห รื อ ไม่ คำา ตอบ ฟ้ องเรีย กค่ า ปรับ และค่ า ขาด
ประโยชน์จาก มา ไม่ได้เพราะเป็ นค่าเสียหายที่เกิดจากพฤติการณ์พิเศษ
ซึ่งมา ไม่คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็น
20. มาตรา 214 บัญญัติว่า เจ้าหน้าที่มีสิทธิท่ีจะให้ชำาระหนี้ ของตนจาก
ทรัพย์สินของลูกหนี้ จนสิ้นเชิงนั้ นท่านเข้าใจว่าอย่างไร คำา ตอบ เจ้าหนี้ มี
สิท ธิท่ี จะยึดทรัพย์สิ นของลู กหนี้ เพียงเท่าที่พอจะชำา ระหนี้ แก่ ตนเท่ านั้ น
จะยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ เกินกว่าที่จำาเป็ นจะต้องชำาระแก่ตนไม่ได้

หน่วยที่ 4 การรับช่วงสิทธิ การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ และการเพิก


ถอน การฉ้อฉล

1. การรับช่วงสิทธิ เป็ นผลพิเศษแห่งหนี้ อย่างหนึ่ ง และจะมีได้เฉพาะที่


กฎหมายระบุไว้เท่านั้ น ตามมาตรา 226 กฎหมายบัญญัติเรื่องการรับช่วง
สิทธิไว้ 2 กรณี คือ การรับช่วงสิทธิซ่ึงเรียกว่าช่วงบุคคล และการรับช่วง
สิทธิท่ีกฎหมายเรียกว่าช่วงทรัพย์

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


59

2. การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ เป็ นวิธีการซึ่งกฎหมายกำาหนดให้เจ้า


หนี้ สามารถควบคุมกองทรัพย์สินของลูกหนี้ เพื่อการที่เจ้าหนี้ จะได้บังคับ
ชำา ระหนี้ เอาจากกองทรัพ ย์ สิ น ของลู ก หนี้ เพื่ อมิ ใ ห้ เ ป็ นที่ เ สี ย หายแก่ ต น
รวมทั้งให้เจ้าหนี้ ใช้วิธีการที่จะให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่บุคคลภายนอกต้อง
ชำาระแก่ลูกหนี้ ด้วย
3. การเพิกถอนการฉ้อฉล เป็ นวิธีการควบคุมกองทรัพย์สินของลูกหนี้
อีกอย่างหนึ่ งคือ มิให้ลูกหนี้ จำา หน่าย จ่าย โอนทรัพย์สินที่มีอยู่ไป ทำา ให้
เจ้าหนี้ ไม่สามารถบังคับให้ใช้หนี้ ได้เพียงพอจากทรัพย์สินที่ลูกหนี้ มีเหลือ
อยู่

การรับช่วงสิทธิ
1. บุคคลผู้รบ
ั ช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ ชอบที่จะใช้สิทธิท้ ังหลายบรรดาที่เจ้า
หนี้ มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้ นั้ นได้ในนามของตนเอง
2. กรณี ท่ีมีการรับช่วงสิทธิน้ ั น มีได้โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายเท่านั้ น
โดยกฎหมายได้บัญญัติไว้สามกรณี คือ ตามมาตรา 227 229 และ 230
3. เมื่อเกิดการรับช่วงสิทธิข้ ึน สิทธิท้ ังหลายที่เจ้าหนี้ เดิมมีอยู่ในมูลหนี้
ตกมาเป็ นของผู้รบ
ั ช่วงสิท ธิ แต่ผู้ รบ
ั ช่ว งสิท ธิท่ี รบ
ั ช่วงมาให้ เป็ นที่ เสื่ อม
เสีย
4. ช่ วงทรัพย์ ได้ แก่ เอาทรัพ ย์สิน อันหนึ่ ง เข้ าแทนที่ ท รัพ ย์ สิ น อี กอั น
หนึ่ งในฐานะนิ ตินัยอย่างเดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน
5. กรณี ช่ ว งทรัพ ย์ น้ ั นมี ไ ด้ โ ดยบทบั ญ ญั ติ แ ห่ ง กฎหมายเท่ า นั้ น โดย
กฎหมายบังคับไว้ 2 กรณี คือ ตามมาตรา 228 และ 231

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


60

มาตรา 226 บุ คคลผู้ รบ


ั ช่ ว งสิ ท ธิข องเจ้ าหนี้ ชอบที่ จะใช้ สิ ท ธิ ทั้ ง
หลายบรรดาที่เจ้าหนี้ มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้ นั้ น ได้ในนาม
ของตนเอง
ช่ วงทรัพ ย์ ได้ แก่ เอาทรัพย์ สิน อัน หนึ่ ง เข้ าแทนที่ ท รัพ ย์สิ น อี ก อัน
หนึ่ งในฐานะนิ ตินัยอย่างเดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน
มาตรา 227 เมื่อเจ้าหนี้ ได้รบ
ั ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายเต็ม
ตามราคาทรัพย์ หรือสิท ธิซ่ึ งเป็ นวัตถุแห่ง หนี้ นั้ นแล้ ว ท่านว่าลูกหนี้ ย่อ ม
เข้าสู่ฐานะเป็ นผู้รบ
ั ช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ อันเกี่ยวกับทรัพย์หรือสิทธิ นั้ น ๆ
ด้วยอำานาจกฎหมาย
มาตรา 228 ถ้าพฤติการณ์ซ่ึงทำาให้การชำาระหนี้ เป็ นอันพ้นวิสัย นั้ น
เป็ นผลให้ลู กหนี้ ได้ ม าซึ่ ง ของแทนก็ ดี หรือ ได้ สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งค่ า สิ น ไหม
ทดแทนเพื่อทรัพย์อันจะพึงได้แก่ตนนั้ นก็ดี ท่านว่าเจ้าหนี้ จะ เรียกให้ส่ง
มอบของแทนที่ได้รบ
ั ไว้ หรือจะเข้าเรียกเอาค่าสินไหม ทดแทนเสียเอง
ก็ได้
ถ้ าเจ้ าหนี้ มี สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งค่ าสิ น ไหมทดแทนเพราะการไม่ ชำา ระหนี้
และถ้าใช้สิทธิน้ ั นดังได้ระบุไว้ในวรรคต้นไซร้ ค่าสินไหมทดแทนอัน จะพึง
ใช้แก่เจ้าหนี้ นั้ นย่อมลดจำานวนลงเพียงเสมอราคาแห่งของแทน ซึ่งลูกหนี้
ได้รบ
ั ไว้ หรือเสมอจำานวนค่าสินไหมทดแทนที่ลูกหนี้ จะเรียกร้องได้น้ ั น
มาตรา 229 การรับ ช่ ว งสิ ท ธิ ย่ อ มมี ข้ ึ นด้ ว ยอำา นาจกฎหมาย และ
ย่อมสำาเร็จเป็ นประโยชน์แก่บุคคลดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) บุ คคลซึ่ง เป็ นเจ้ าหนี้ อยู่ เ อง และมาใช้ ห นี้ ให้ แก่ เ จ้ าหนี้ อี ก คน
หนึ่ งผู้มีสท
ิ ธิจะได้รบ
ั ใช้หนี้ ก่อนตน เพราะเขามีบุรม
ิ สิทธิ หรือมี สิทธิจำานำา
จำานอง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


61

(2) บุคคลผู้ได้ไปซึ่งอสังหาริมทรัพย์ใด และเอาเงินราคาค่าชื้ อ ใช้


ให้แก่ผู้รบ
ั จำานองทรัพย์น้ ั นเสร็จไป
(3) บุคคลผู้มีความผูกพันร่วมกับผู้อ่ ืน หรือเพื่อผู้อ่ ืนในอันจะต้อง
ใช้หนี้ มีสว่ นได้เสียด้วยในการใช้หนี้ นั้ น และเข้าใช้หนี้ นั้ น
มาตรา 230 ถ้าในการที่เจ้าหนี้ นำาบังคับยึดทรัพย์อันหนึ่ งอันใด ของ
ลูกหนี้ นั้ น บุคคลผู้ใดจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิในทรัพย์อันนั้ นเพราะ การ
บั ง คั บ ยึ ด ทรัพ ย์ ไ ซร้ ท่ า นว่ า บุ ค คลผู้ น้ ั นมี สิ ท ธิ จ ะเข้ า ใช้ ห นี้ เสี ย แทน ได้
อนึ่ ง ผู้ครองทรัพย์อันหนึ่ งอันใด ถ้าจะต้องเสี่ยงภัยเสียสิทธิ ครองทรัพย์
นั้ นไปเพราะการบังคับยึดทรัพย์ ก็ย่อมมีสิทธิจะทำาได้ เช่นเดียวกับที่ว่ามา
นั้ น
ถ้าบุคคลภายนอกผู้ใดมาใช้หนี้ แทน จนเป็ นที่พอใจของเจ้าหนี้ แล้ว
บุคคลผู้น้ ั นย่อมเข้ารับช่วงสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ แต่สิทธิ เรียกร้องอัน
นี้ จะบังคับให้เป็ นที่เสื่อมเสียแก่เจ้าหนี้ หาได้ไม่
มาตรา 231 ถ้ า ทรัพ ย์ สิ น ที่ จำา นอง จำา นำา หรือ อยู่ ใ นบั ง คั บ บุ ร ิม ะ
สิ ท ธิ ป ระการอื่ นนั้ น เป็ นทรัพ ย์ อั น ได้ เ อาประกั น ภั ย ไว้ ไ ซร้ ท่ า นว่ า สิ ท ธิ
จำา นอง จำา นำา หรือ บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ อ ย่ างอื่ นนั้ น ย่ อ มครอบไปถึ ง สิ ท ธิ ที่ จะเรีย ก
ร้องเอาแก่ผู้รบ
ั ประกันภัยด้วย
ในกรณี ท่ีเป็ นอสังหาริมทรัพย์ ถ้าผู้รบ
ั ประกันภัยได้รู้ หรือควร จะได้
รู้ว่ามีจำา นองหรือบุรม
ิ ะสิทธิอย่างอื่นไซร้ ท่านยั งมิ ให้ ผู้รบ
ั ประ กันภัยใช้
เงิ น ให้ แ ก่ ผู้ เ อาประกั น ภั ย จนกว่ า จะได้ บ อกกล่ า วเจตนา เช่ น นั้ นไปยั ง
ผู้ รบ
ั จำา นอง หรือเจ้ าหนี้ มี บุ ร ม
ิ ะสิ ท ธิ ค นอื่ นแล้ ว และมิ ได้ รับ คำา คั ดค้ าน
การที่จะใช้เงินนั้ นมาภายในเดือนหนึ่ งนั บแต่วันบอกกล่าว แต่สิทธิอย่างใด
ๆ ที่ได้ไปจดทะเบียน ณ หอทะเบี ยนที่ดินนั้ น ท่านให้ถือว่าเป็ นอั นรู้ ถึง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


62

ผู้รบ
ั ประกันภัย วิธีเดียวกันนี้ ท่านให้ใช้ตลอด ถึงการจำานองสังหาริมทรัพย์
ที่กฎหมายอนุ ญาตให้ทำาได้น้ ั นด้วย
ในกรณี ท่ี เ ป็ นสั ง หาริม ทรัพ ย์ ผู้ ร ับ ประกั น ภั ย จะใช้ เ งิ น ให้ แ ก่ ผู้ เ อา
ประกันภัยโดยตรงก็ได้ เว้นแต่ตนจะได้รู้หรือควรจะได้รู้ว่าทรัพย์ นั้ นตก
อยู่ในบังคับจำานำา หรือบุรม
ิ ะสิทธิอย่างอื่น
ผู้ ร ับ ประกั น ภั ย ไม่ ต้ อ งรับ ผิ ด ต่ อ เจ้ า หนี้ ถ้ า ทรัพ ย์ สิ น อั น ได้ เ อา
ประกั น ภั ย ไว้ น้ ั นได้ คื น มา หรือ ได้ จั ด ของแทนให้ วิ ธี เ ดี ย วกั น นี้ ท่ า นให้
อนุ โลมบังคับแก่กรณี บังคับซื้ อ กับทั้งกรณี ที่ต้องใช้ค่าเสียหายอันควรจะ
ได้แก่เจ้าของทรัพย์สิน เพราะเหตุ ทรัพย์สินทำาลายหรือบุบสลายนั้ นด้วย
มาตรา 232 ถ้ า ตามความใน มาตรา ก่ อ นนี้ เป็ นอั น ว่ า จะเอาเงิ น
จำา นวนหนึ่ ง ให้ แ ทนทรัพ ย์ สิ น ที่ ทำา ลายหรือ บุ บ สลายไซร้ เงิ น จำา นวน นี้
ท่านยังมิให้ส่งมอบแก่ผู้รบ
ั จำานอง ผู้รบ
ั จำานำา หรือเจ้าหนี้ มีบุรม
ิ สิทธิ คน
อื่นก่อนที่หนี้ ซึ่งได้เอาทรัพย์น้ ี เป็ นประกัน ไว้ น้ ั นจะถึ งกำา หนด และ ถ้าคู่
กรณี ไม่สามารถจะตกลงกับลูกหนี้ ได้ไซร้ ท่านว่าต่างฝ่ ายต่าง มีสิทธิท่ีจะ
เรีย กร้ อ งให้ นำา เงิ น จำา นวนนั้ นไปวางไว้ ณ สำา นั กงานวาง ทรัพ ย์ เ พื่ อ
ประโยชน์อันร่วมกัน เว้นแต่ลูกหนี้ จะหาประกันให้ไว้ ตามสมควร

การรับช่วงสิทธิ (รับช่วงบุคคล)
การรับช่วงสิทธิ เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายประการเดียวเสมอไป
หรือไม่ และจะมีการรับช่วงสิทธิได้ในกรณี ใดบ้าง
การรับช่วงสิทธิเกิดโดยผลของกฎหมายเสมอไป ไม่อาจเกิดจากข้อ
ตกลงหรือสัญญาระหว่างคู่กรณี ได้ การรับช่วงสิทธิจะมีได้ กรณี ตามมาตรา
228 และ 231

การรับช่วงทรัพย์

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


63

ช่วงทรัพย์ เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายประการเดียวเสมอไปหรือไม่
และจะมีได้ในกรณี ใดบ้าง
ช่วงทรัพย์เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายเสมอไป ไม่อาจเกิ ดจากข้ อ
ตกลงหรือสัญญาระหว่างคู่กรณี ได้ กรณี ตามมาตรา 227 229 และ 230

การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
1. ถ้าลูกหนี้ ขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้อง หรือเพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียก
ร้อง เป็ นเหตุให้เจ้าหนี้ ต้องเสียประโยชน์ เจ้าหนี้ จะใช้สิทธิเรียกร้องนั้ นใน
นามของตนเองแทนลูกหนี้ เพื่อป้ องกันสิทธิของตนในมูลหนี้ นั้ นก็ได้ เว้น
แต่ในข้อที่เป็ นการของลูกหนี้ ส่วนตัวโดยแท้
2. วิธีการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ นั้ น คือ เจ้าหนี้ ผู้ใช้สิทธิเรียกร้อง
ของลูกหนี้ นั้ นจะต้องขอหมายเรียกลูกหนี้ มาในคดีน้ ั นด้วย
3. ผลของการใช้ สิ ท ธิ เ รี ย กร้ อ งของลู ก หนี้ ก็ คื อ หากมี ก ารได้ ร ั บ
ทรัพย์สินมาตามคำาพิพากษาทรัพย์สินนั้ นก็ตกเป็ นของลูกหนี้ เดิม

หลักเกณฑ์การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
อธิบายหลักเกณฑ์การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
หลักเกณฑ์การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ อธิบายได้โดยใช้หลักตาม
มาตรา 233 และ 234
การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
มาตรา 233 ถ้าลูกหนี้ ขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้อง หรือเพิกเฉย
เสียไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง เป็ นเหตุให้เจ้าหนี้ ต้องเสียประโยชน์ไซร้ ท่าน ว่า
เจ้าหนี้ จะใช้สิทธิเรียกร้องนั้ นในนามของตนเอง แทนลูกหนี้ เพื่อ ป้ องกัน
สิทธิของตนในมูลหนี้ นั้ นก็ได้ เว้นแต่ในข้อที่เป็ นการของ ลูกหนี้ ส่วนตัว
โดยแท้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


64

มาตรา 234 เจ้ า หนี้ ผู้ ใ ช้ สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งของลู ก หนี้ นั้ นจะต้ อ งขอ
หมายเรียกลูกหนี้ มาในคดีน้ ั นด้วย
มาตรา 235 เจ้ า หนี้ จะใช้ สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งของลู ก หนี้ เรีย กเงิ น เต็ ม
จำา นวนที่ยังค้างชำา ระแก่ลูกหนี้ โดยไม่ต้องคำา นึ งถึงจำา นวนที่ค้างชำา ระ แก่
ตนก็ได้ ถ้าจำาเลยยอมใช้เงินเพียงเท่าจำานวนที่ลูกหนี้ เดิมค้าง ชำาระแก่เจ้า
หนี้ นั้ นคดีก็เป็ นเสร็จกันไป แต่ถ้าลูกหนี้ เดิมได้เข้าชื่อเป็ น โจทก์ด้วย ลูก
หนี้ เดิมจะขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาต่อไปในส่วน จำานวนเงินที่ยังเหลือ
ติดค้างอยู่ก็ได้
แต่อ ย่างไรก็ ดี ท่านมิ ให้ เจ้ าหนี้ ได้ร บ
ั มากไปกว่ าจำา นวนที่ค้างชำา ระ
แก่ตนนั้ นเลย
มาตรา 236 จำาเลยมีข้อต่อสู้ลูกหนี้ เดิมอยู่อย่างใด ๆ ท่านว่าจะ ยก
ขึ้นต่อสู้เจ้าหนี้ ได้ท้ ังนั้ น เว้นแต่ข้อต่อสู้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยื่นฟ้ องแล้ว

วิธีการและผลของการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
ข. เป็ นหนี้ กู้ยืม ก. อยู่ 500,000 บาท ก. ฟ้ องเรียกเงินกู้ดังกล่าว
ต่อศาลแพ่ง ศาลพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้ องของ ก. ให้ ก. แพ้คดี ก.
อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากยืน ก. ไม่มีทรัพย์สินอื่นนอกจากเงินกู้จำานวน
นี้ และไม่ประสงค์จะฎีกาคัดค้านคำา พิพากษาของศาลอุทธรณ์ เพราะเห็น
ว่าแพ้คดีมาแล้วถึง 2 ศาลแล้ว ค. จึงเป็ นเจ้าหนี้ ก. ค้างจ้างทำาของ เป็ น
เงิน 400,000 บาท จะใช้สิทธิของ ก. เพื่อฎีกาคัดค้านคำา พิพากษาของ
ศาลอุทธรณ์ในนามของตนเองแทน ก. ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ค. สามารถฎีกาคัดค้ านคำา พิ พากษาของศาลอุท ธรณ์ได้ เพราะเป็ น
กรณี ที่ ก. เพิ ก เฉยไม่ ใ ช้ สิ ท ธิ เ รี ย กร้ อ ง เป็ นเหตุ ใ ห้ ค . เจ้ า หนี้ เสี ย
ประโยชน์ ค. ฎี ก าฯ เพื่ อป้ องกั น สิ ท ธิ ข องตนในมู ล หนี้ ที่ ต นเป็ นหนี้ อยู่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


65

และการฎีกาหาใช่เป็ นการที่ ก. ลูกหนี้ จักต้องกระทำา เป็ นการส่วนตัวโดย


แท้

การเพิกถอนการฉ้อฉล
1. เจ้าหนี้ ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้ซ่ึ งนิ ติกรรมใดๆ อัน
ลูกหนี้ ได้กระทำาลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็ นทางให้เจ้าหนี้ เสียเปรียบ แต่ความข้อนี้
ท่านมิให้ใช้ บังคับถ้าปรากฏว่าในขณะที่ทำานิ ติกรรมนั้ น บุคคลซึ่งเป็ นผู้ได้
ลาภงอกแต่การนั้ นมิได้รู้เท่าถึงข้อเท็จจริง อันเป็ นทางให้เจ้าหนี้ ต้องเสีย
เปรียบนั้ นด้วย แต่หากกรณี เป็ นการทำาโดยเสน่หา ท่านว่าเพียงแต่ลูกหนี้
เป็ นผู้รู้ฝ่ายเดียวนั้ นก็พอแล้วที่จะเพิกถอนได้ แต่กรณี ดังกล่าวมานี้ มิให้ใช้
บังคับแก่นิติกรรมใดอันมิได้มีวัตถุเป็ นสิทธิในทรัพย์สิน
2. ผลของการเพิกถอนการฉ้อฉลนั้ นย่อมได้ ประโยชน์แก่เจ้ าหนี้ หมด
ทุกคน แต่การเพิกถอนไม่กระทบกระทัง่ สิทธิของบุคคลภายนอกอันใดโดย
สุจริตก่อนเริม
่ คดีขอเพิกถอน

หลักเกณฑ์การเพิกถอนการฉ้อฉล
1) การเพิกถอนการฉ้อฉลมีหลักเกณฑ์และวิธีการอย่างไรบ้าง
การเพิกถอนการฉ้อฉลให้ใช้หลักตามมาตรา 237
เพิกถอนการฉ้อฉล
มาตรา 237 เจ้ า หนี้ ชอบที่ จ ะร้ อ งขอให้ ศ าลเพิ ก ถอนเสี ย ได้ ซึ่ ง
นิ ติกรรมใด ๆ อันลูกหนี้ ได้กระทำา ลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็ นทางให้เจ้าหนี้ เสีย
เปรียบ แต่ความข้อนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าปรากฏว่าในขณะที่ ทำานิ ติกรรม
นั้ น บุคคลซึ่งเป็ นผู้ได้ลาภงอกแต่การนั้ นมิ ได้รู้ เท่ าถึ ง ข้อ ความจริง อัน
เป็ นทางให้เจ้าหนี้ ต้องเสียเปรียบนั้ นด้วย แต่หาก กรณี เป็ นการทำาให้โดย
เสน่ ห าท่ านว่ าเพี ยงแต่ ลู กหนี้ เป็ นผู้ รู้ ฝ่ายเดี ย ว เท่ านั้ นก็ พ อแล้ ว ที่ จะขอ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


66

เพิ ก ถอนได้ บ ทบั ญ ญั ติ ดั ง กล่ า วมาในวรรคก่ อ นนี้ ท่ า นมี ใ ห้ ใ ช้ บั ง คั บ แก่


นิ ติกรรม ใดอันมิได้มีวัตถุเป็ นสิทธิในทรัพย์สิน
มาตรา 238 การเพิกถอนดังกล่าวมาในบท มาตรา ก่อนนั้ น ไม่อาจ
กระทบกระทั ่ง ถึ ง สิ ท ธิ ข องบุ ค คลภายนอก อั น ได้ ม าโดยสุ จ ริต ก่ อ นเริ่ม
ฟ้ องคดีขอเพิกถอนอนึ่ ง ความที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ
ถ้าสิทธิน้ ั น ได้มาโดยเสน่หา
มาตรา 239 การเพิกถอนนั้ นย่อมได้เป็ นประโยชน์ แก่เจ้ าหนี้ หมด
ทุกคน
มาตรา 240 การเรีย กร้ อ งขอเพิ กถอนนั้ น ท่ านห้ า มมิ ใ ห้ ฟ้ องร้ อ ง
เมื่อพ้นปี หนึ่ ง นั บแต่เวลาที่เจ้าหนี้ ได้รู้ต้นเหตุอันเป็ นมูลให้เพิกถอน หรือ
พ้นสิบปี นั บแต่ได้ทำานิ ติกรรมนั้ น

2) วั น ที่ 1 มกราคม 2524 ก. ทำา สั ญ ญากู้ เ งิ น 100,000 บาท


โดยกำา หนดเงื่อ นไขไว้ใ นสั ญญากู้ มีผ ลใช้บั งคั บเมื่อ ค. บุ ตรชายของ ก.
เดินทางไปต่างประเทศแล้ว ค. ออกเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4
สิงหาคม 2525
ก. มีทรัพย์สินเพียงอย่างเดียวคือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ก.
ไม่ ป ระสงค์ จ ะให้ ข. ได้ ร บ
ั ชำา ระหนี้ ตามที่ ต นกู้ ยื ม มา จึ ง โอนขายให้ ง.
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2525 เพื่อหลีกเลี่ยงการชำาระหนี้ ดังนี้ ข. จะฟ้ อง
เพิกถอนนิ ติกรรมการซื้ อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ทำา ขึ้นระหว่าง ก.
กับ ง.ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ข. จะฟ้ องให้เพิกถอนนิ ติกรรมการซื้ อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่
ทำา ขึ้ นระหว่าง ก. กับ ง. ไม่ได้ เพราะสั ญญากู้ ระหว่าง ก. และ ข. เป็ น
สั ญ ญาที่ มีเ งื่ อ นไขบั ง คั บ ก่ อ น มี ผ ลใช้ บั ง คั บ หลั ง การซื้ อขายระหว่ าง ก.

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


67

และ ง. และในขณะที่ ก. ขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ ง. นั้ น ข. ยังไม่


เป็ นเจ้าหนี้ ก. โดยสมบูรณ์ตามกฎหมาย

วิธีการและผลของการเพิกถอนการฉ้อฉล
เมื่อเจ้าหนี้ ฟ้ องให้เพิกถอนการฉ้อฉลและ จะมีผลต่อบุคคลภายนอก
หรือไม่เพียงใด
1. ไม่กระทบสิทธิของบุคคลภายนอกอันได้มาโดยสุจริตก่อนเริม
่ ฟ้ อง
คดีให้เพิกถอน เว้นแต่สิทธิน้ ั นจะได้มาโดยเสน่หาตามมาตรา 238
2. การเพิกถอนย่อมเป็ นประโยชน์แก่บรรดาเจ้าหนี้ ทุกคนตาม
มาตรา 235
มาตรา 235 เจ้ า หนี้ จะใช้ สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งของลู ก หนี้ เรีย กเงิ น เต็ ม
จำา นวนที่ยังค้างชำา ระแก่ลูกหนี้ โดยไม่ต้องคำา นึ งถึงจำา นวนที่ค้างชำา ระ แก่
ตนก็ได้ ถ้าจำาเลยยอมใช้เงินเพียงเท่าจำานวนที่ลูกหนี้ เดิมค้าง ชำาระแก่เจ้า
หนี้ นั้ นคดีก็เป็ นเสร็จกันไป แต่ถ้าลูกหนี้ เดิมได้เข้าชื่อเป็ น โจทก์ด้วย ลูก
หนี้ เดิมจะขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาต่อไปในส่วน จำานวนเงินที่ยังเหลือ
ติดค้างอยู่ก็ได้
แต่อ ย่างไรก็ ดี ท่านมิ ให้ เจ้ าหนี้ ได้ร บ
ั มากไปกว่ าจำา นวนที่ค้างชำา ระ
แก่ตนนั้ นเลย
มาตรา 238 การเพิกถอนดังกล่าวมาในบท มาตรา ก่อนนั้ น ไม่อาจ
กระทบกระทั ่ง ถึ ง สิ ท ธิ ข องบุ ค คลภายนอก อั น ได้ ม าโดยสุ จ ริต ก่ อ นเริ่ม
ฟ้ องคดี ข อเพิ ก ถอน อนึ่ ง ความที่ ก ล่ า วมาในวรรคก่ อ นนี้ ท่ า นมิ ใ ห้ ใ ช้
บังคับ ถ้าสิทธิน้ ั น ได้มาโดยเสน่หา

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 4

1. การรับช่วงสิทธิเกิดขึ้นได้โดย บทบัญญัติของกฎหมาย
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
68

2. ช่วงทรัพย์คือ การเอาทรัพย์สินอันหนึ่ ง เข้าแทนที่ทรัพย์สินอีกอัน


หนึ่ ง ในฐานะและนิ ตินัยอย่างเดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน
3. กรณี ท่ี เ จ้ า หนี้ จะใช้ สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งแทนลู ก หนี้ คื อ (ก) เจ้ า หนี้ เสี ย
ประโยชน์ เพราะการที่ลูกหนี้ ไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง (ข) ลูกหนี้ ขัดขืน หรือ
เพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียกร้องของตน (ค) สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ ที่เจ้าหนี้
จะเข้าใช้แทนได้ ต้องไม่ใช่สิทธิท่ีเป็ นการส่วนตัวของลูกหนี้ โดยแท้
4. ผลของการเพิกถอนการฉ้อฉล ย่อมได้เป็ นประโยชน์แก่เจ้าหนี้ หมด
ทุกคน
5. วิธีการที่เจ้าหนี้ ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ คือ เจ้าหนี้ สามารถฟ้ อง
ในนามของตนเอง และใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ เรียกเต็มจำานวนที่ค้าง
ชำาระแก่ลูกหนี้ โดยไม่ต้องคำานึ งจำานวนที่ค้างชำาระแก่ตนก็ได้
6. ผลของการรับช่วงสิทธิ คือ สิทธิท้ ังหลายที่เจ้าหนี้ เดิมมีอยู่ในมูลหนี้
ตกมาเป็ นของผู้รบ
ั ช่วงสิทธิ โดยอำานาจของกฎหมาย
7. กรณี ใดบ้างซึ่งเจ้าหนี้ จะใช้วิธีการเพิกถอนการฉ้อฉลเสียก็ได้ คำาตอบ
นิ ติกรรมซึ่งลูกหนี้ ทำาขึ้นเพื่อปลดหนี้ ให้แก่ลูกหนี้ ของตน
8. การเพิกถอนการฉ้อฉลมีกำาหนดอายุความดังนี้ (ก) ต้องฟ้ องภายใน
1 ปี นั บ แต่ เวลาที่บุ คคลภายนอกได้ รู้ ถึง สาเหตุท่ี เจ้ าหนี้ จะร้ องขอให้ เ พิ ก
ถอนได้ แต่ ต้ อ งไม่ เ กิ น 10 ปี นั บ แต่ ไ ด้ ทำา นิ ติ ก รรมนั้ น (ข) ต้ อ งฟ้ อง
ภายใน 10 ปี นั บแต่ได้ทำานิ ติกรรมนั้ น
9. การรับ ช่ว งสิท ธิคื อ การซึ่งบุคคลเข้าเป็ นเจ้าหนี้ แทนเจ้าหนี้ เดิมโดย
เข้ามาเป็ นเจ้าหนี้ คนใหม่หนี้ เดิมยังคงมีอยู่
10. ช่วงทรัพย์เกิดขึ้นโดย บทบัญญัติของกฎหมาย

หน่วยที่ 5 สิทธิยึดหน่วงและบุรม
ิ สิทธิ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


69

1. สิท ธิยึ ดหน่ว งและบุร ม


ิ สิ ทธิ เป็ นทรัพ ย์สิท ธิประเภทที่เ รีย กว่ าเป็ น
อุปกรณ์สิทธิ
2. ผู้ ใ ดเป็ นผู้ ค รอบครองทรัพ ย์ สิ น ของผู้ อ่ ื น และมี ห นี้ อั น เป็ นคุ ณ
ประโยชน์ แ ก่ ต นเกี่ ย วด้ ว ยทรัพ ย์ สิ น ซึ่ ง ครองนั้ นไซร้ ผู้ น้ ั นจะยึ ด หน่ ว ง
ทรัพย์สินนั้ นไว้จนกว่าจะได้รบ
ั ชำาระหนี้ ก็ได้ แต่มิให้ใช้บังคับเมื่อหนี้ ยังไม่
ถึงกำาหนด และมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบครองนั้ นเริม
่ มาแต่การอัน
ใดอันหนึ่ งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
3. ผู้ทรงบุรม
ิ สิทธิทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนื อทรัพย์สินของลูกหนี้ ในการที่จะ
ได้รบ
ั ชำา ระหนี้ อันค้างชำา ระแก่ ตนจากทรัพย์สินนั้ นก่อ นเจ้าหนี้ อื่น ๆ โดย
นั ยดังบัญญัติไว้ใน ปพพ. หรือกฎหมายอื่น

สิทธิยึดหน่วง
1. หลั ก เกณฑ์ ข องสิ ท ธิ ยึ ด หน่ ว งต้ อ งเป็ นการที่ เ จ้ า หนี้ ครอบครอง
ทรัพ ย์ สิ น ของลู ก หนี้ การครอบครองนั้ นมิ ใ ช่ เ กิ ด จากการอั น มิ ช อบด้ ว ย
กฎหมาย และหนี้ อันเกิดด้วยทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ ครอบครองอยู่
2. สิทธิยึดหน่วงเป็ นสิทธิท่ีแบ่งแยกไม่ได้ เจ้าหนี้ จึงยึดทรัพย์สินทั้งชิ้น
ไว้ได้ แม้จะได้มีการชำาระหนี้ บางส่วนแล้วตามนั ยมาตรา 244 แต่ในส่วน
ดอกผลของทรัพย์ที่ยึดหน่วงนั้ น ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะเก็บดอกผลแห่ง
ทรัพย์สินที่ยึดหน่วงไว้ และจัดสรรเอาไว้เพื่อการชำา ระหนี้ แก่ตนก่อนเจ้า
หนี้ คนอื่นก็ได้ และดอกผลเช่นว่านั้ นจะต้องจัดสรรเอาชำาระดอกเบี้ยแห่ง
หนี้ นั้ นก่อน ถ้ายังมีเหลือจึงให้จัดสรรให้ต้นเงิน
3. กรณี ท่ีสิทธิยึดหน่วงระงับไปมีดังนี้ คือ (1.) หนี้ เดิมระงับ (2.) ลูก
หนี้ หาประกั น ให้ แทนการยึ ดหน่ ว งทรัพ ย์สิ น ไว้ โ ดยจำา นวนที่ ส มควรตาม
มาตรา 249 (3.) เจ้ า หนี้ มิ ไ ด้ ค รอบครองทรัพ ย์ (มาตรา 250) และ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


70

(4.) เจ้ า หนี้ ทำา ผิ ด หน้ า ที่ ข องตนในการดู แ ลรัก ษาทรัพ ย์ ที่ ยึ ด หน่ ว งไว้
(มาตรา 246)

สิทธิยึดหน่วง
มาตรา 241 ผู้ใดเป็ นผู้ครองทรัพย์สิ นของผู้อ่ ื น และมีหนี้ อัน เป็ น
คุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งครองนั้ นไซร้ ท่านว่าผู้น้ ั น จะ
ยึดหน่วงทรัพย์สินนั้ นไว้จนกว่าจะได้ชำา ระหนี้ ก็ได้ แต่ความที่กล่าว มานี้
ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อหนี้ นั้ นยังไม่ถึงกำาหนด
อนึ่ ง บทบัญญัติในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบ
ครองนั้ นเริม
่ มาตั้งแต่ทำาการอันใดอันหนึ่ งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 242 สิ ท ธิ ยึ ดหน่ ว งอั น ใด ถ้ าไม่ ส มกั บ ลั กษณะที่ เ จ้ า หนี้ รับ
ภาระในมูลหนี้ ก็ดี ไม่สมกับคำาสัง่ อันลูกหนี้ ได้ให้ไว้ก่อน หรือให้ใน เวลาที่
ส่ ง มอบทรัพ ย์ สิ น นั้ นก็ ดี หรือ เป็ นการขั ด กั บ ความสงบเรีย บร้ อ ย ของ
ประชาชนก็ดี สิทธิยึดหน่วงเช่นนั้ นท่านให้ถือว่าหามีไม่เลย
มาตรา 243 ในกรณี ท่ีลูกหนี้ เป็ นคนสินล้นพ้นตัวไม่สามารถใช้หนี้
เจ้าหนี้ มีสิทธิจะยึดหน่วงทรัพย์สินไว้ได้แม้ท้ ังที่ยังไม่ถึงกำาหนดเรียก ร้อง
ถ้าการที่ลูกหนี้ ไม่สามารถใช้หนี้ นั้ นได้เกิดเป็ นขึ้นหรือรู้ถึงเจ้าหนี้ ต่อภาย
หลังเวลาที่ได้ส่งมอบทรัพย์สินไซร้ ถึงแม้ว่าจะไม่สมกับลักษณะ ที่เจ้าหนี้
รับภาระในมูลหนี้ ไว้เดิมหรือไม่สมกับคำาสัง่ อันลูกหนี้ ได้ให้ ไว้ก็ดีเจ้าหนี้ ก็
อาจใช้สิทธิยึดหน่วงได้
มาตรา 244 ผู้ ท รงสิ ท ธิ ยึ ด หน่ ว งจะใช้ สิ ท ธิ ข องตนแก่ ท รัพ ย์ สิ น
ทั้งหมดที่ยึดหน่วงไว้น้ ั นจนกว่าจะชำาระหนี้ สิ้นเชิงก็ได้
มาตรา 245 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะเก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ ยึด
หน่วงไว้และจัดสรรเอาไว้เพื่อการชำาระหนี้ แก่ตนก่อนเจ้าหนี้ คน อื่นก็ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


71

ดอกผลเช่นว่านี้ จะต้องจัดสรรเอาชำาระดอกเบี้ยแห่งหนี้ นั้ นก่อน ถ้า


ยังมีเหลือจึงให้จัดสรรใช้ต้นเงิน
มาตรา 246 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจำาต้องจัดการดูแลรักษาทรัพย์สิน
ที่ ยึ ดหน่ ว งไว้ น้ ั นตามสมควร เช่ น จะพึ ง คาดหมายได้ จ ากบุ ค คลในฐานะ
เช่นนั้ น
อนึ่ ง ทรัพย์สินซึ่งยึดหน่วงไว้น้ ั น ถ้ามิได้รบ
ั ความยินยอมของลูกหนี้
ท่านว่าผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงหาอาจจะใช้สอยหรือให้เช่า หรือเอาไปทำา เป็ น
หลักประกันได้ไม่ แต่ความที่กล่าวนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับไปถึงการใช้สอยเช่น
ที่จำาเป็ นเพื่อรักษาทรัพย์สินนั้ นเอง
ถ้ า ผู้ ท รงสิ ท ธิ ยึ ด หน่ ว งกระทำา การฝ่ าฝื นบทบั ญ ญั ติ ใ ดที่ ก ล่ า วมานี้
ท่านว่าลูกหนี้ จะเรียกร้องให้ระงับสิทธิน้ ั นเสียก็ได้
มาตรา 247 ถ้ า ผู้ ท รงสิ ท ธิ ยึ ด หน่ ว งต้ อ งเสี ย ค่ า ใช้ จ่ า ยไปตามที่
จำา เป็ นเกี่ยวด้วยทรัพย์สินอันตนยึดหน่วงไว้น้ ั นเพียงใด จะเรียกให้ เจ้า
ทรัพย์ชดใช้ให้ก็ได้
มาตรา 248 ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติ มาตรา 193/27 การใช้
สิทธิยึดหน่วงทำาให้อายุความแห่งหนี้ สะดุดหยุดลงไม่
มาตรา 249 ลูกหนี้ จะเรียกร้องให้ระงับสิทธิยึดหน่วงด้วยหาประกัน
ให้ไว้ตามสมควรก็ได้
มาตรา 250 การครองทรัพย์สินสูญสิ้ นไป สิท ธิยึ ดหน่ว งก็ เป็ นอั น
ระงับสิ้นไปด้วยแต่ความที่กล่าวนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับแก่กรณี ท่ีทรัพย์สิน อัน
ยึดหน่วงไว้น้ ั นได้ให้เช่าไปหรือจำานำาไว้ด้วยความยินยอมของลูกหนี้

หลักเกณฑ์ของสิทธิยึดหน่วง
ก. ต้องการได้สร้อยคอของ ข. เพื่อใส่ไปในงานแต่งงาน จึงบอก ข.
ว่าบิดาของ ข. ให้ฝากสร้อยคอนั้ นแก่ ก. ไว้ และบิดาของ ข. จะเอามาคืน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


72

จาก ก. ทีหลัง ซึ่งเป็ นความเท็ จ ข. หลงเชื่อจึงมอบสร้อยคอนั้ นแก่ ก.


วั น รุ่ ง ขึ้ น ข. มี ค วามจำา เป็ นต้ อ งใช้ เ งิ น จำา นวนหนึ่ ง จึ ง ขอกู้ จ าก ก. ก.
ตกลงให้ กู้ เ งิ น 20,000 บาท กำา หนดเวลาชำา ระเงิ น ในวั น ที่ 5 มี น าคม
2525 ครั้ง ถึ ง กำา หนดเวลาชำา ระเงิ น ก. ไม่ ส ามารถชำา ระเงิ น แก่ ข. ได้
และ ข. รู้ว่าสร้อยคอที่ฝากไว้ยังคงอยู่ท่ี ก. ข. จึงขอสร้อยคอคืนดังนี้ ก.
จะมีสิทธิยึดหน่วงสร้อยนั้ นได้หรือไม่ เพียงใดเพราะเหตุใด
ก. จะใช้สิทธิยึดหน่วงสร้อยนั้ นไม่ได้ ต้องส่งมอบคืนแก่ ข. เพราะ
การเข้าครอบครองถือเอาสร้อยคอของ ก. เกิดจาก ก. ใช้กลฉ้อฉล หลอก
ข. ให้ส่งมอบให้ เป็ นการครอบครองทรัพย์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายมาแต่
เริม
่ แรก ตาม มาตรา 241 วรรคท้าย
มาตรา 241 ผู้ใดเป็ นผู้ครองทรัพย์สิ นของผู้อ่ ื น และมีหนี้ อัน เป็ น
คุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งครองนั้ นไซร้ ท่านว่าผู้น้ ั น จะ
ยึดหน่วงทรัพย์สินนั้ นไว้จนกว่าจะได้ชำา ระหนี้ ก็ได้ แต่ความที่กล่าว มานี้
ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อหนี้ นั้ นยังไม่ถึงกำาหนด
อนึ่ ง บทบัญญัติในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบ
ครองนั้ นเริม
่ มาตั้งแต่ทำาการอันใดอันหนึ่ งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ผลของสิทธิยึดหน่วง
เมื่อ เจ้ าหนี้ ใช้สิ ทธิ ยึ ดหน่ ว งทรัพ ย์ สิ นของลู กหนี้ แล้ ว เจ้ าหนี้ ผู้ ท รง
สิทธิยึดหน่วงมีสท
ิ ธิและหน้าที่อย่างไรบ้างเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยึดหน่วง
เมื่อเจ้าหนี้ ใช้สิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินของลูกหนี้ แล้ว เจ้าหนี้ ผู้ทรง
สิทธิยึดหน่วงมีสท
ิ ธิและหน้าที่เกี่ยวกับทรัพย์ที่ยึดหน่วงดังนี้
สิทธิ
1.) นำาเอาทรัพย์ที่ยึดถือไว้มาชำาระหนี้ แก่ตนจนสิ้นเชิง ตามมาตรา
244

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


73

2.) เก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ยึดหน่วง และจัดสรรเอาไว้เพื่อ


การชำาระหนี้ แก่ตนก่อนเจ้าหนี้ คนอื่น ตามมาตรา 245
3.) เจ้ า หนี้ สามารถใช้ สิ ท ธิ บั ง คั บ จากทรัพ ย์ สิ น ที่ ยึ ด ถื อ ไว้ ไ ด้ แม้
สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้ มีต่อลูกหนี้ จะขาดอายุ ความแล้ วก็ ตาม เว้น แต่ จะ
เรีย กดอกเบี้ ยที่ ค้ า งชำา ระเกิ น กว่ า 5 ปี ขึ้ นไป ทั้ ง นี้ เป็ นไปตามมาตรา
189
หน้าที่
1.) ดูแลรักษาทรัพย์ท่ียึดหน่วง
2.) ห้ามใช้สอย ให้เช่า หรือนำาไปเป็ นหลักประกัน
ทั้งข้อ 1 และ 2 ตามมาตรา 246
มาตรา 189 นิ ติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับก่อนและเงื่อนไขนั้ นเป็ น
การพ้นวิสัย นิ ติกรรมนั้ นเป็ นโมฆะ
มาตรา 244 ผู้ ท รงสิ ท ธิ ยึ ด หน่ ว งจะใช้ สิ ท ธิ ข องตนแก่ ท รัพ ย์ สิ น
ทั้งหมดที่ยึดหน่วงไว้น้ ั นจนกว่าจะชำาระหนี้ สิ้นเชิงก็ได้
มาตรา 245 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะเก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ ยึด
หน่วงไว้และจัดสรรเอาไว้เพื่อการชำาระหนี้ แก่ตนก่อนเจ้าหนี้ คน อื่นก็ได้
มาตรา 246 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจำาต้องจัดการดูแลรักษาทรัพย์สิน
ที่ ยึ ดหน่ ว งไว้ น้ ั นตามสมควร เช่ น จะพึ ง คาดหมายได้ จ ากบุ ค คลในฐานะ
เช่นนั้ น
อนึ่ ง ทรัพย์สินซึ่งยึดหน่วงไว้น้ ั น ถ้ามิได้รบ
ั ความยินยอมของลูกหนี้
ท่านว่าผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงหาอาจจะใช้สอยหรือให้เช่า หรือเอาไปทำา เป็ น
หลักประกันได้ไม่ แต่ความที่กล่าวนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับไปถึงการใช้สอยเช่น
ที่จำาเป็ นเพื่อรักษาทรัพย์สินนั้ นเอง
ถ้ า ผู้ ท รงสิ ท ธิ ยึ ด หน่ ว งกระทำา การฝ่ าฝื นบทบั ญ ญั ติ ใ ดที่ ก ล่ า วมานี้
ท่านว่าลูกหนี้ จะเรียกร้องให้ระงับสิทธิน้ ั นเสียก็ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


74

ความระงับแห่งสิทธิยึดหน่วง
ก. นำารถยนต์มาซ่อมที่อู่ของ ข. และไม่มีเงินชำาระค่าซ่อม ข. จึงยึด
รถยนต์ของ ก. ไว้ก่อนจนกว่า ก. จะมาชำาระค่าซ่อมครบถ้วน แต่ ข. เห็น
ว่าอู่ซ่อมรถของตนไม่มีท่ีจอดเพียงพอ จึงบอกแก่ ก. ว่าจะนำารถของ ก.
ไปฝากไว้กับ ค. ซึ่งมีท่ีสำา หรับฝากรถ ก. ตกลงด้วยตามนั้ น ต่อมา ก.
ไปเอารถยนต์ ข องตนจาก ค. โดยไม่ ไ ด้ บ อกแก่ ข. ข. รู้ เ ข้ า จึ ง ไปยึ ด
รถยนต์ ข อง ก. คั น ดั ง กล่ า วเพื่ อมาไว้ ใ นความครอบครองของตน ก.
ปฏิเสธโดยอ้างว่า การครอบครองรถดังกล่าวของ ข. สูญสิ้นไปแล้ว สิทธิ
ยึดหน่วงเป็ นอันระงับสิ้นไป ข. อ้างว่าเมื่อ ก. อนุ ญาตยินยอมให้นำารถไป
ฝากไว้ กั บ ค. แล้ ว ถื อ ว่ า การครอบครองของ ข. ยั ง ไม่ ส้ ิ นสู ญ สิ ท ธิ ยึ ด
หน่วงยังไม่ระงับ หาก ก. และ ข. มาปรึกษาท่าน ท่านจะให้คำา แนะนำา
อย่างไร
เมื่อ ข. นำารถยนต์ไปฝาก ค. ไว้ การครอบครองรถยนต์ของ ข. สูญ
สิ้นไปแล้ว แม้จะเป็ นความยินยอมของ ก. ลูกหนี้ ที่ให้ ข. นำา รถยนต์ไป
ฝาก ค. ก็ตาม กรณี หาต้อ งด้ วยบทบั ญญั ติข อง ปพพ. มาตรา 250 ไม่
สิทธิยึดหน่วงจึงระงับไป ข. จะยึดรถยนต์ดังกล่าวจาก ก. ไม่ได้ ก. มีสิทธิ
ปฏิเสธการคืนการครอบครองรถยนต์ให้ ข.

บุรม
ิ สิทธิ
1. ผู้ทรงบุรม
ิ สิทธิย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนื อทรัพย์สินของลูกหนี้ ในการที่
จะได้รบ
ั ชำาระหนี้ อันค้างชำาระแก่ตนจากทรัพย์สินนั้ นก่อนเจ้าหนี้ อื่นๆ โดย
นั บดังบัญญัติไว้ใน ปพพ. หรือบทกฎหมายอื่น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


75

2. บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ ไม่ ว่ า จะเป็ นบุ ร ม
ิ สิ ท ธิ ส ามั ญ หรือ บุ ร ิม สิ ท ธิ พิ เ ศษ เป็ น
ทรัพย์สิทธิและเป็ นทรัพย์สิทธิประเภทที่เรียกว่าอุปกรณ์สิทธิ บุรม
ิ สิทธิน้ ั น
แบ่งแยกไม่ได้
3. บุรม
ิ สิทธิสามัญนั้ น ตามมาตรา 253 มีดังนี้
(1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
(2) ค่าปลงศพ
(3) ค่าภาษีอากร
(4) ค่าจ้างเสมียน คนใช้ และคนงาน
(5) ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็ นประจำาวัน
บุรม
ิ สิทธิ
มาตรา 251 ผู้ทรงบุรม
ิ สิทธิย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนื อทรัพย์สิน ของ
ลูกหนี้ ในการที่จะได้รบ
ั ชำาระหนี้ อันค้างชำาระแก่ตน จากทรัพย์สิน นั้ นก่อน
เจ้ า หนี้ อื่ น ๆ โดยนั ยดั ง บทบั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ นประมวลกฎหมายนี้ หรือ บท
กฎหมายอื่น
มาตรา 252 บทบัญญัติแห่ง มาตรา 244 นั้ น ท่านให้ใช้บงั คับ
ตลอดถึงบุรม
ิ สิทธิด้วยตามแต่กรณี
บุรม
ิ สิทธิสามัญ
มาตรา 253 ถ้าหนี้ มีอยู่เป็ นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่ ง อย่าง
ใดดังจะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้น้ ั นย่อมมีบุรม
ิ สิทธิเหนื อทรัพย์สิน ทั้งหมด
ของลูกหนี้ คือ
1)ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
2)ค่าปลงศพ
3) ค่าภาษีอากร และเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รบ
ั เพื่อการงานที่ได้ ทำาให้
แก่ ลูกหนี้ ซึ่งเป็ นนายจ้าง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


76

4)ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็ นประจำาวัน
มาตรา 254 บุรม
ิ สิทธิในมูลค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกันนั้ น
ใช้สำาหรับเอาค่าใช้จ่ายอันได้เสียไป เพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้ หมด ทุกคน
ร่วมกันเกี่ยวด้วยการรักษา การชำา ระบัญชี หรือการเฉลี่ย ทรัพย์สินของ
ลูกหนี้
ถ้ า ค่ า ใช้ จ่ า ยนั้ นมิ ไ ด้ เ สี ย ไป เพื่ อประโยชน์ ข องเจ้ า หนี้ หมดทุ ก คน
ไซร้บุรม
ิ ะสิทธิย่อมจะใช้ได้แต่เฉพาะต่อเจ้าหนี้ ผู้ท่ีได้รบ
ั ประโยชน์ จากการ
นั้ น
มาตรา 255 บุรม
ิ สิทธิในมูลค่าปลงศพนั้ น ใช้สำา หรับเอาค่าใช้จ่าย
ในการปลงศพตามควรแก่ฐานานุ รูปของลูกหนี้
มาตรา 256 บุรม
ิ สิทธิในมูลค่าภาษีอากรนั้ น ใช้สำา หรับเอาบรรดา
ค่าภาษีอากรในที่ดิน ทรัพย์สิน หรือค่าภาษีอากรอย่างอื่นที่ลูกหนี้ ยัง ค้าง
ชำาระอยู่ในปี ปั จจุบันและก่อนนั้ นขึ้นไปอีกปี หนึ่ ง
มาตรา 257 บุรม
ิ สิทธิในเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รบ
ั เพื่อการงานที่ ได้
ทำา ให้ แ ก่ ลู กหนี้ ซึ่ ง เป็ นนายจ้ า งนั้ น ให้ ใ ช้ สำา หรับ ค่ า จ้ า ง ค่ า ล่ ว งเวลา ค่ า
ทำา งานในวัน หยุด ค่ าชดเชย ค่าชดเชยพิ เศษ และเงิ นอื่ นใดที่ ลูกจ้ างมี
สิทธิได้รบ
ั เพื่อการงานที่ทำา ให้ นั บถอยหลังขึ้นไปสี่เดือน แต่รวมกันแล้ว
ต้องไม่เกินหนึ่ งแสนบาทต่อลูกจ้างคนหนึ่ ง
มาตรา 258 บุ ร ิม สิ ท ธิ ใ นมู ล ค่ า เครื่อ งอุ ป โภคบริโ ภคอั น จำา เป็ น
ประจำาวันนั้ น ใช้สำาหรับเอาค่าเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งยังค้างชำาระ อยู่นับ
ถอยหลังขึ้นไปหกเดือน เช่นค่าอาหาร เครื่องดื่ม โคมไฟ ฟื น ถ่าน อัน
จำาเป็ นเพื่อการทรงชีพของลูกหนี้ และบุคคลในสกุลซึ่งอยู่ กับลูกหนี้ และ
ซึ่งลูกหนี้ จำาต้องอุปการะกับทั้งคนใช้ของลูกหนี้ ด้วย

ความหมายและลักษณะสำาคัญของบุรม
ิ สิทธิ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


77

ให้อธิบายความหมายคำาว่าบุรม
ิ สิทธิ
บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ เ ป็ นสิ ท ธิ ประเภทหนึ่ ง ซึ่ ง เจ้ า หนี้ ผู้ มี บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ มีสิ ท ธิ ท่ี จ ะ
บั ง คั บ ชำา ระหนี้ เอาจากทรัพ ย์ สิ น ของลู ก หนี้ ที่ ต กอยู่ ภ ายใต้ บั ง คั บ ของ
บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ ได้ ก่อ นเจ้ าหนี้ อื่ นๆ ตามมาตรา 251 เช่ น ก. ติ ดค้ างชำา ระค่ า
ภาษี อ ากรกั บ กรมสรรพกร และเป็ นหนี้ ข. ซึ่ ง ได้ กู้ ยื ม มา ดั ง นี้ เมื่ อจะ
บั ง คั บ เอาจากทรัพ ย์ สิ น ของ ก. กรมสรรพกรมี สิ ท ธิ ยึ ด ทรัพ ย์ ม าบั ง คั บ
เพื่ อ ชำา ระหนี้ แก่ กรมฯ ก่ อ น ข. ซึ่ ง เป็ นเจ้ าหนี้ อี กคน เพราะกรมฯ เป็ น
ผู้ทรงบุรม
ิ สิทธิ (ค่าภาษีอากร) ดูมาตรา 253 ประกอบ

บุรม
ิ สิทธิมีลักษณะสำาคัญอย่างไร
(1) เป็ นทรัพย์สิทธิอาจใช้ยันบุคคลอื่น นอกจากตัวเจ้าหนี้ ลูก
หนี้ เฉพาะรายซึ่ ง เรีย กว่ า บุ ค คลสิ ท ธิ เจ้ า หนี้ ผู้ ท รงบุ ร ิ ม สิ ท ธิ อ าจอ้ า ง
บุ ร ิม สิ ท ธิ ยั น เจ้ า หนี้ อื่ นที่ ไ ม่ มี บุ ร ิม สิ ท ธิ เ ท่ า เที ย มกั น ได้ ต ามที่ ก ฎหมาย
กำา หนดลำา ดั บ บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ ไ ว้ (มาตรา 253 มาตรา 277-280) และผู้ ท รง
บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ ยั ง อาจติ ด ตามเอาทรัพ ย์ สิ น ที่ ต กอยู่ ใ ต้ บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ คื น จากบุ ค คล
ภายนอกได้อีกด้วย (มาตรา 268 วรรค 2)
(2) บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ แ บ่ ง แยกไม่ ไ ด้ เจ้ า หนี้ ผู้ ท รงบุ ร ิม สิ ท ธิ บั ง คั บ แก่
ทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งบุรม
ิ สิทธิได้เต็มทั้งชิ้นโดยไม่คำานึ งว่าได้มี
การชำาระหนี้ บางส่วนหรือไม่
(3) เป็ นทรัพย์สิทธิที่เรียกว่า เป็ นอุปกรณ์สิทธิในเรื่องหนี้ คือมี
ความสมบูรณ์และคงอยู่โดยอาศัยหนี้ เดิมเป็ นมูลให้เกิดทรัพย์สิทธิน้ ั นเป็ น
พื้ นฐาน กล่าวคือ จะมีบุรม
ิ สิทธิอยู่โดยไม่มีหนี้ เดิมไม่ได้นั่นเอง
ลำาดับแห่งบุรม
ิ สิทธิ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


78

มาตรา 277 เมื่อมีบุรม


ิ สิทธิสามัญหลายรายแย้ งกั น ท่านให้ถือว่ า
บุรม
ิ สิทธิท้ ังหลายนั้ นมีลำาดับที่จะให้ผลก่อนหลัง ดังที่ได้เรียงลำาดับ ไว้ใน
มาตรา 253
เมื่อมีบุรม
ิ สิทธิสามัญแย้งกับบุรม
ิ สิทธิพิเศษ ท่านว่าบุรม
ิ สิทธิพิเศษ
ย่อ มอยู่ใ นลำา ดั บก่ อน แต่บุ รม
ิ สิท ธิใ นมู ลค่ าใช้ จ่ายเพื่ อประโยชน์ ร่ว มกั น
นั้ นย่ อ มอยู่ ใ นลำา ดั บ ก่ อ น ในฐานที่ จะใช้ สิ ท ธิ น้ ั นต่ อ เจ้ า หนี้ ผู้ ไ ด้ ร ั บ
ประโยชน์จากการนั้ นหมดทุกคนด้วยกัน
มาตรา 278 เมื่อมีบุรม
ิ สิทธิแย้งกันหลายรายเหนื อสังหาริมทรัพย์
อันหนึ่ งอันเดียวกัน ท่านให้ถือลำาดับก่อนหลังดังที่เรียงไว้ต่อไปนี้ คือ
(1) บุรม
ิ สิทธิในมูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ พักอาศัยในโรงแรมและ รับ
ขน
(2) บุรม
ิ สิทธิในมูลรักษาสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้ามีบุคคลหลายคน เป็ น
ผู้รก
ั ษา ท่านว่าผู้ท่ีรก
ั ษาภายหลังอยู่ในลำาดับก่อนผู้ที่ได้รก
ั ษามาก่อน
(3) บุรม
ิ สิทธิในมูลซื้ อขายสังหาริมทรัพย์ ค่าเมล็ดพันธ์ุ ไม้พันธ์ุ หรือ
ปุ ุย และค่าแรงงานกสิกรรมและอุตสาหกรรม
ถ้าบุคคลผู้ใดมีบุรม
ิ ะสิทธิอยู่ในลำา ดับเป็ นที่หนึ่ งและรู้อยู่ในขณะ ที่
ตนได้ประโยชน์แห่งหนี้ มานั้ นว่ายังมีบุคคลอื่นซึ่งมีบุรม
ิ สิทธิอยู่ใน ลำาดับที่
สองหรือ ที่ ส ามไซร้ ท่ า นห้ า มมิ ใ ห้ บุ ค คลผู้ น้ ั นใช้ สิ ท ธิ ใ นการที่ ต น อยู่ ใ น
ลำาดับก่อนนั้ นต่อบุคคลอื่นเช่นว่ามา และท่านห้ามมิให้ใช้สิทธิ นี้ ต่อผู้ท่ีได้
รักษาทรัพย์ไว้ เพื่อประโยชน์แก่บุคคลผู้มีบุรม
ิ สิทธิในลำาดับ ที่หนึ่ งนั้ นเอง
ด้วย
ในส่วนดอกผล ท่านให้บุคคลผู้ได้ทำาการงานกสิกรรมอยู่ในลำาดับ ที่
หนึ่ ง ผู้ ส่ ง เมล็ ด พั น ธ์ุ ไม้ พั น ธ์ุ หรือ ปุ ุ ย อยู่ ใ นลำา ดั บ ที่ ส องและผู้ ใ ห้ เช่ า
ที่ดินอยู่ในลำาดับที่สาม

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


79

ม า ต ร า 279 เ มื่ อ มี บุ ริ ม สิ ท ธิ พิ เ ศ ษ แ ย้ ง กั น ห ล า ย ร า ย เ ห นื อ
อสัง หาริมทรัพ ย์ อั น หนึ่ ง อั น เดี ย วกั น ท่ านให้ ถือ ลำา ดั บ ก่ อ นหลั ง ดั ง ที่ ได้
เรียงลำาดับไว้ใน มาตรา 273
ถ้ า ได้ ซื้ อขายอสั ง หาริม ทรัพ ย์ น้ ั นสื บ ต่ อ กั น ไปอี ก ไซร้ ลำา ดั บ ก่ อ น
หลั ง ในระหว่ า งผู้ ข ายด้ ว ยกั น นั้ น ท่ า นให้ เ ป็ นไปตามลำา ดั บ ที่ ไ ด้ ซื้ อขาย
ก่อนและหลัง
มาตรา 280 เมื่อบุคคลหลายคนมีบุรม
ิ สิทธิในลำาดับเสมอกันเหนื อ
ทรัพย์อันหนึ่ งอันเดียวกัน ท่านให้ต่างคนต่างได้รบ
ั ชำาระหนี้ เฉลี่ยตามส่วน
มากน้อยแห่งจำานวนที่ตนเป็ นเจ้าหนี้

บุรม
ิ สิทธิสามัญ
บุรม
ิ สิทธิสามัญ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง อธิบายและยกตัวอย่าง
ประกอบ
ตามบทบัญญัติมาตรา 253 บุรม
ิ สิทธิสามัญแบ่งออกเป็ น 5
ประเภท ดังนี้ คือ
1)ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
2)ค่าปลงศพ
3)ค่าภาษีอากร
4)ค่าจ้างเสมียน คนใช้ และคนงาน
5)ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็ นประจำาวัน
มาตรา 253 ถ้าหนี้ มีอยู่เป็ นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่ ง อย่าง
ใดดังจะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้น้ ั นย่อมมีบุรม
ิ สิทธิเหนื อทรัพย์สิน ทั้งหมด
ของลูกหนี้ คือ
(1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
(2) ค่าปลงศพ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


80

(3) ค่าภาษีอากร และเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รบ


ั เพื่อการงานที่ได้ ทำาให้
แก่ ลูกหนี้ ซึ่งเป็ นนายจ้าง
(4) ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็ นประจำาวัน

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 5

1. บุรม
ิ สิทธิแบ่งออกเป็ น 2 ประเภทคือ บุรม
ิ สิทธิสามัญและบุรม
ิ สิทธิ
พิเศษ
2. บุรม
ิ สิทธิสามัญได้แก่ (1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน (2)
ค่าปลงศพ (3) ค่าภาษีอากร (4) ค่าจ้างเสมียน คนใช้ และคนงาน (5)
ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็ นประจำาวัน
3. บุรม
ิ สิทธิ คือ สิทธิท่ีจะบังคับชำาระหนี้ จากทรัพย์ท่ีอยู่ภายใต้บังคับ
บุรม
ิ สิทธิน้ ั น ก่อนเจ้าหนี้ รายอื่น
4. บุรม
ิ สิทธิเกิดขึ้นได้จาก บทบัญญัติของกฎหมาย
5. บุรม
ิ สิทธิมีลักษณะดังนี้ คือ (ก) ทรัพย์สิทธิซงึ่ อาจใช้ยันบุคคลอื่น
นอกจากตัวเจ้าหนี้ ลูกหนี้ เฉพาะราย (ข) สิทธิซ่ึงแบ่งแยกไม่ได้ (ค)
อุปกรณ์สิทธิ
6. สิทธิยึดหน่วงคือ สิทธิของเจ้าหนี้ ที่จะครอบครองทรัพย์สินของลูก
หนี้ โดยที่ทรัพย์สินนั้ นเป็ นมูลฐานให้เกิดหนี้ อันที่ตนเป็ นเจ้าหนี้ โดยมีสิทธิ
ครอบครองทรัพย์สินนั้ นไว้จนกว่าจะได้รบ
ั ชำาระหนี้ เสร็จสิ้น
7. ก. นำาปากกาและนาฬิกามาให้ ข. ซ่อม กำาหนดว่าจะชำาระเงินค่า
ซ่อมปากกาและนาฬิกาในวันเดียวกัน แต่ ก. มารับปากกาไปก่อน พอถึง
วันนั ดชำาระเงินค่าซ่อมปากกาและนาฬิกา ก. ชำาระเพียงค่าซ่อมนาฬิกา
ดังนี้ คือ ข. ไม่มีสิทธิยึดหน่วงนาฬิกาไว้ เพราะ ก. ได้จ่ายค่าซ่อมนาฬิกา
แล้ว

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


81

8. สิทธิยึดหน่วงระงับลงเมื่อ (ก) หนี้ เดิมระงับไป (ข) ลูกหนี้ หา


ประกันให้แทนการยึดหน่วงทรัพย์สินไว้โดยจำานวนที่สมควร (ค) เจ้าหนี้
มิได้ครอบครองทรัพย์สินหรือเจ้าหนี้ ทำาผิดหน้าที่ของตนในการดูแลรักษา
ทรัพย์ที่ยึดหน่วงไว้
9. สิทธิยึดหน่วงมีผลให้ (ก) เจ้าหนี้ ยึดทรัพย์สินทั้งอันไว้ได้แม้จะได้มี
การชำาระหนี้ บางส่วนแล้ว (ข) ผ้ท
ู รงสิทธิยึดหน่วงสามารถเก็บดอกผลของ
ทรัพย์ที่ยึดหน่วงไว้ชำาระหนี้ แก่ตนก่อนเจ้าหนี้ อื่น (ค) เกิดสิทธิพิเศษที่
ผู้ทรงสิทธิจะยึดหน่วงจนได้รบ
ั ชำาระหนี้ จากทรัพย์ที่ยึดหน่วงก่อนเจ้าหนี้
อื่น
10. สิทธิยึดหน่วงมีผลให้อายุความ ไม่สะดุดหยุดลงแต่แม้หนี้ จะขาด
อายุความผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงก็ยงั บังคับชำาระหนี้ ได้ แต่ห้ามคิดดอกเบี้ยที่
ค้างเกินกว่า 5 ปี

หน่วยที่ 6 บุรม
ิ สิทธิ (ต่อ)

1. บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ พิ เ ศษ แบ่ ง ออกได้ เ ป็ น 2 ประเภท คื อ บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ พิ เ ศษ
เหนื อสังหาริมทรัพย์ และบุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อ อสังหาริมทรัพย์
2. เมื่ อมี เ จ้ า หนี้ หลายรายในมู ล หนี้ ต่ า งๆกั น มี บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ เ หนื อ ทรัพ ย์
ทัว่ ไป และเหนื อ สังหาริมทรัพย์ หรืออสังหาริมทรัพย์อันเดียวกันจึง
ต้องจัดลำาดับบุรม
ิ สิทธิซึ่งจะให้ผลก่อนหลังเรียงตามลำาดับ

บุรม
ิ สิทธิพิเศษ
1. บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์มาตรา 259 บัญญัติไว้ 7
ประการ คือ
(1) เช่าอสังหาริมทรัพย์

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


82

(2) พักอาศัยในโรงแรม
(3) รับขนคนโดยสาร หรือของ
(4) รักษาสังหาริมทรัพย์
(5) ซื้ อขายสังหาริมทรัพย์
(6) ค่าเมล็ดพันธ์ุ ไม้พันธ์ุ หรือปุ ุย
(7) ค่าแรงงานกสิกรรม หรืออุตสาหกรรม
2. บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื ออสังหาริมทรัพย์ มาตรา 273 บัญญัติไว้ 3
ประการ คือ
(1) รักษาอสังหาริมทรัพย์
(2) จ้างทำาของเป็ นการงานทำาขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์
(3) ซื้ อขายอสังหาริมทรัพย์

บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์
บุรม
ิ สิทธิสามัญคืออะไร มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
บุรม
ิ สิทธิสามัญคือ สิทธิที่เจ้าหนี้ ผู้ทรงบุรม
ิ สิทธิสามารถบังคับเอา
ของทรัพย์ท้ ังหมดของลูกหนี้ ซึ่งตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งบุรม
ิ สิทธิสามัญ
ซึ่งได้แก่
(1) ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
(2) ค่าปลงศพ
(3) ค่าภาษีอากร
(4) ค่าจ้างเสมียน คนใช้ และคนงาน
(5) ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็ นประจำาวัน

บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื ออสังหาริมทรัพย์
บุรม
ิ สิทธิพิเศษมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ยกตัวอย่างในแต่ละประเภท

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


83

บุรม
ิ สิทธิมี 2 ประเภทคือ
(1) บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์ (มาตรา 259)
(2) บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื ออสังหาริมทรัพย์ (มาตรา 273)
บุรม
ิ สิทธิพิเศษ (ก) บุรม
ิ สิทธิเหนื อสังหาริมทรัพย์
มาตรา 259 ถ้าหนี้ มีอยู่เป็ นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่ ง อย่าง
ใดดัง่ จะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้น้ ั นย่อมมีบุรม
ิ สิทธิเหนื อสังหาริมทรัพย์
เฉพาะอย่างของลูกหนี้ คือ
(1) เช่าอสังหาริมทรัพย์
(2) พักอาศัยในโรงแรม
(3) รับขนคนโดยสาร หรือของ
(4) รักษาสังหาริมทรัพย์
(5) ซื้ อขายสังหาริมทรัพย์
(6) ค่าเมล็ดพันธ์ุ ไม้พันธ์ุ หรือปุ ุย
(7) ค่าแรงงานกสิกรรม หรืออุตสาหกรรม
บุรม
ิ สิทธิพิเศษ (ข) บุรม
ิ สิทธิเหนื ออสังหาริมทรัพย์
มาตรา 273 ถ้าหนี้ มีอยู่เป็ นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่ ง อย่าง
ใดดังจะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้น้ ั นย่อมมีบุรม
ิ สิทธิเหนื อ อสังหาริมทรัพย์
เฉพาะอย่างของลูกหนี้ คือ
(1) รักษาอสังหาริมทรัพย์
(2) จ้างทำาของเป็ นการทำางานขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์
(3) ซื้ อขายอสังหาริมทรัพย์

ลำาดับและผลแห่งบุรม
ิ สิทธิ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


84

1. ลำา ดับบุรม
ิ สิทธิสามัญด้วยกันตามมาตรา 253 ซึ่งแบ่งออกเป็ น 5
ลำา ดับ ผู้อยู่ในลำา ดับก่อนมีสิทธิดีกว่า คือจะได้รบ
ั ชำา ระหนี้ ก่ อนผู้ท่ี อยู่ ใน
ลำาดับถัดไป
2. ถ้าบุรม
ิ สิทธิสามัญแย้งกับบุรม
ิ สิทธิพิเศษแล้ว บุรม
ิ สิทธิพิเศษมาใน
ลำา ดับก่อนบุรม
ิ สิทธิสามัญ (มาตรา 277 วรรค 2) เว้นแต่ค่าใช้จ่ายเพื่อ
ประโยชน์ร่วมกันอันเป็ นบุรม
ิ สิทธิสามัญ (มาตรา 253)
3. กรณี บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์เดียวกันแย้งกันขึ้นเอง
มาตรา 278 จัดลำาดับดังนี้ คือ
1.) บุรม
ิ สิทธิในมูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ พักอาศัยในโรงแรมและรับ
ขน
2.) บุรม
ิ สิทธิในมูลรักษาสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้ามีบุคคลหลายคน
เป็ นผู้รก
ั ษา ท่านว่าผู้รก
ั ษาภายหลังอยู่ในลำาดับก่อนผู้ท่ีได้รก
ั ษามาก่อน
3.) บุรม
ิ สิทธิในมูลซื้ อขาย สังหาริมทรัพย์ ค่าเมล็ดพันธ์ุ ไม้พันธ์ุ
หรือปุ ุย และค่าแรงงานกสิกรรมและอุตสาหกรรม
4. ผลแห่ ง บุ ร ิม สิ ท ธิ ใ นส่ ว นบุ ร ิม สิ ท ธิ ส ามั ญ นั้ น บุ ค คลผู้ มี บุ ร ิม สิ ท ธิ
สามัญต้องรับชำา ระหนี้ เอาจากสังหา ริมทรัพย์ของลูกหนี้ ก่อน ต่อเมื่อยัง
ไม่พอจึงให้เอาชำาระจากอสังหาริมทรัพย์ได้ ผลของบุรม
ิ สิทธิอันมีอยู่เหนื อ
สังหาริมทรัพย์น้ ั น ท่านห้ามมิให้ใช้เมื่อบุคคลภายนอกได้ทรัพย์น้ ั นจากลูก
หนี้ และได้ ส่ ง มอบทรัพ ย์ ใ ห้ กั น ไปเสร็ จ แล้ ว หากกรณี มี บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ แ ย้ ง กั บ
สิทธิจำา นำา สังหาริมทรัพย์ ท่านว่าผู้รบ
ั จำา นำา ย่อมมีสิทธิเป็ นอย่างเดียวกับ
ผู้ทรงบุรม
ิ สิทธิในลำา ดับที่หนึ่ งดังที่เรียงไว้ในมาตรา 278 ส่วนบุรม
ิ สิทธิ
พิเศษเหนื ออสังหาริมทรัพย์น้ ั นเจ้าหนี้ ต้องไปบอกลงทะเบียนไว้ จึงจะมี
ผลบังคับเป็ นบุรม
ิ สิทธิเหนื ออสังหาริมทรัพย์น้ ั นได้

ลำาดับแห่งบุรม
ิ สิทธิ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


85

ให้อธิบายลำาดับแห่งบุรม
ิ สิทธิ
ลำาดับแห่งบุรม
ิ สิทธิ
(1) บุรม
ิ สิทธิหลายรายแย้งกันให้ดูลำาดับที่จะให้มีผลก่อนหลังกัน
ดัง่ ที่เรียงลำาดับไว้ในมาตรา 253
(2) บุรม
ิ สิทธิสามัญแย้งกับบุรม
ิ สิทธิพิเศษ ให้ถือว่าบุรม
ิ สิทธิพิเศษ
อยู่ในลำาดับก่อน แต่บุรม
ิ สิทธิในมูลค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกันตาม
มาตรา 253 (1) ย่อมอยู่ในลำาดับก่อน ในฐานะที่จะใช้สิทธิน้ ั นต่อเจ้าหนี้
ผู้ได้รบ
ั ประโยชน์จากการนั้ นหมดทุกคนด้วยกัน ตามมาตรา 277 วรรค 2
(3) บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์อันเดียวกัน กฎหมายจัด
อันดับไว้ในมาตรา 278
(4) บุรม
ิ สิทธิพิเศษแย้งกันหลายรายเหนื ออสังหาริมทรัพย์อันหนึ่ ง
อันเดียวกัน กฎหมายถือว่าให้ต่างคนต่างได้รบ
ั ชำาระหนี้ เฉลี่ยตามส่วนมาก
น้อยแห่งจำานวนที่ตนเป็ นเจ้าหนี้ ตามมาตรา 280
มาตรา 277 เมื่อมีบุรม
ิ สิทธิสามัญหลายรายแย้ งกั น ท่านให้ถือว่ า
บุรม
ิ สิทธิท้ ังหลายนั้ นมีลำาดับที่จะให้ผลก่อนหลัง ดังที่ได้เรียงลำาดับ ไว้ใน
มาตรา 253
เมื่อมีบุรม
ิ สิทธิสามัญแย้งกับบุรม
ิ สิทธิพิเศษ ท่านว่าบุรม
ิ สิทธิพิเศษ
ย่อ มอยู่ใ นลำา ดั บก่ อน แต่บุ รม
ิ สิท ธิใ นมู ลค่ าใช้ จ่ายเพื่ อประโยชน์ ร่ว มกั น
นั้ นย่ อ มอยู่ ใ นลำา ดั บ ก่ อ น ในฐานที่ จะใช้ สิ ท ธิ น้ ั นต่ อ เจ้ า หนี้ ผู้ ไ ด้ ร ั บ
ประโยชน์จากการนั้ นหมดทุกคนด้วยกัน
มาตรา 278 เมื่อมีบุรม
ิ สิทธิแย้งกันหลายรายเหนื อสังหาริมทรัพย์
อันหนึ่ งอันเดียวกัน ท่านให้ถือลำาดับก่อนหลังดังที่เรียงไว้ต่อไปนี้ คือ
(1) บุรม
ิ สิทธิในมูลเช่าอสังหาริมทรัพย์ พักอาศัยในโรงแรมและ รับ
ขน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


86

(2) บุรม
ิ สิทธิในมูลรักษาสังหาริมทรัพย์ แต่ถ้ามีบุคคลหลายคน เป็ น
ผู้รก
ั ษา ท่านว่าผู้ท่ีรก
ั ษาภายหลังอยู่ในลำาดับก่อนผู้ที่ได้รก
ั ษามาก่อน
(3) บุรม
ิ สิทธิในมูลซื้ อขายสังหาริมทรัพย์ ค่าเมล็ดพันธ์ุ ไม้พันธ์ุ หรือ
ปุ ุย และค่าแรงงานกสิกรรมและอุตสาหกรรม
ถ้าบุคคลผู้ใดมีบุรม
ิ ะสิทธิอยู่ในลำา ดับเป็ นที่หนึ่ งและรู้อยู่ในขณะ ที่
ตนได้ประโยชน์แห่งหนี้ มานั้ นว่ายังมีบุคคลอื่นซึ่งมีบุรม
ิ สิทธิอยู่ใน ลำาดับที่
สองหรือ ที่ ส ามไซร้ ท่ า นห้ า มมิ ใ ห้ บุ ค คลผู้ น้ ั นใช้ สิ ท ธิ ใ นการที่ ต น อยู่ ใ น
ลำาดับก่อนนั้ นต่อบุคคลอื่นเช่นว่ามา และท่านห้ามมิให้ใช้สิทธิ นี้ ต่อผู้ท่ีได้
รักษาทรัพย์ไว้ เพื่อประโยชน์แก่บุคคลผู้มีบุรม
ิ สิทธิในลำาดับ ที่หนึ่ งนั้ นเอง
ด้วย
ในส่วนดอกผล ท่านให้บุคคลผู้ได้ทำาการงานกสิกรรมอยู่ในลำาดับ ที่
หนึ่ ง ผู้ ส่ ง เมล็ ด พั น ธ์ุ ไม้ พั น ธ์ุ หรือ ปุ ุ ย อยู่ ใ นลำา ดั บ ที่ ส องและผู้ ใ ห้ เช่ า
ที่ดินอยู่ในลำาดับที่สาม
มาตรา 280 เมื่อบุคคลหลายคนมีบุรม
ิ สิทธิในลำาดับเสมอกันเหนื อ
ทรัพ ย์ อั น หนึ่ ง อั น เดี ย วกั น ท่ า นให้ ต่ า งคนต่ า งได้ ร ับ ชำา ระหนี้ เฉลี่ ย ตาม
ส่วนมากน้อยแห่งจำานวนที่ตนเป็ นเจ้าหนี้

ผลแห่งบุรม
ิ สิทธิ
เจ้าหนี้ ผู้ทรงบุรม
ิ สิทธิสามัญ บุรม
ิ สิทธิพิเศษ เมื่อจะบังคับเอาจาก
ทรัพย์สินของลูกหนี้ มีผลหรือหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง อธิบาย
บุรม
ิ สิทธิสามัญ
(1) ต้องบังคับเอาจากสังหาริมทรัพย์ก่อน ต่อเมื่อยังไม่พอจึง
ให้ เ อาชำา ระหนี้ จากอสั ง หาริม ทรัพ ย์ ไ ด้ และอสั ง หาริม ทรัพ ย์ น้ ั นก็ ต้ อ ง
บังคับเอาจากอสังหาริมทรัพย์ท่ีไม่ได้ตกอยู่ในฐานเป็ นหลักประกันพิเศษ
ตามมาตรา 283

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


87

(2) แม้จะไม่ได้ไปลงทะเบียนเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ย่อมมี


สิทธิดีกว่าเจ้าหนี้ ใดๆ ที่ไม่มีหลักประกันพิเศษ เว้นแต่บุคคลภายนอกผู้ได้
ไปลงทะเบียนสิทธิไว้ ตามมาตรา 284

บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื ออสังหาริมทรัพย์
(1) ตามมาตรา 273 (1) 274 เจ้าหนี้ ต้องจดทะเบียนจำานวนหนี้
ค่ า รัก ษาอสั ง หาริม ทรัพ ย์ จึ ง จะมี ผ ลบั ง คั บ เป็ นบุ ร ิ ม สิ ท ธิ พิ เ ศษเหนื อ
อสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 285
(2) สิทธิจำานองมาหลังบุรม
ิ สิทธิตามมาตรา 285-286
(3) ให้ นำา บทบั ญ ญั ติ ใ นลั ก ษณะจำา นองมาใช้ เ กี่ ย วกั บ ผลแห่ ง
บุรม
ิ สิทธิด้วยตามแต่กรณี (มาตรา 289)
(4) ผู้ ข ายอสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ มี บุ ร ิ ม สิ ท ธิ ใ นราคาทรั พ ย์ สิ น และ
ดอกเบี้ ยที่ ค้ า งชำา ระตาม มาตรา 273 (3) มาตรา 276 ผู้ ข ายต้ อ งจด
ทะเบียนหนี้ ที่ค้างชำาระในเวลาจดทะเบียนการโอนขายอสังหาริมทรัพย์ จึง
จะมีบุรม
ิ สิทธิน้ ี
(5) บุ ริ ม สิ ท ธิ ใ น มู ล จ้ า ง ทำา ข อ ง เ ป็ น ก า ร ง า น ทำา ขึ้ น บ น
อสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 273 (2) 275 ต้องทำา รายการประมาณการ
ราคาชัว่ คราวไปบอกลงทะเบียนไว้ก่อนเริมลงมือทำา การบุรม
ิ สิทธิจึงจะมี
ผลบังคับ
ผลแห่งบุรม
ิ สิทธิ
มาตรา 281 บุรม
ิ สิทธิอันมีอยู่เหนื อสังหาริมทรัพย์น้ ั น ท่านห้ามมิ
ให้ใช้ เมื่อบุคคลภายนอกได้ทรัพย์น้ ั นจากลูกหนี้ และได้ส่งมอบทรัพย์ ให้
กันไปเสร็จแล้ว

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


88

มาตรา 282 เมื่อมีบุรม


ิ สิทธิแย้งกับสิทธิจำา นำา สังหาริมทรัพย์ ท่าน
ว่าผู้รบ
ั จำา นำา ย่อมมีสิทธิเป็ นอย่างเดียวกัน กับผู้ท รงบุร ม
ิ สิ ทธิ ใน ลำา ดับ ที่
หนึ่ งดังที่เรียงไว้ใน มาตรา 278 นั้ น
มาตรา 283 บุ ค คลผู้ มี บุ ร ิม สิ ท ธิ ส ามั ญ ต้ อ งรับ ชำา ระหนี้ เอาจาก
สั ง หาริม ทรัพ ย์ ข องลู ก หนี้ ก่ อ น ต่ อ เมื่ อยั ง ไม่ พ อจึ ง ให้ เ อาชำา ระหนี้ จาก
อสังหาริมทรัพย์ได้
ใ น ส่ ว น อ สั ง ห า ริ ม ท รั พ ย์ นั้ น ก็ ต้ อ ง รั บ ชำา ร ะ ห นี้ เ อ า จ า ก
อสังหาริมทรัพย์อันมิได้ตกอยู่ในฐานเป็ นหลักประกันพิเศษเสียก่อน
ถ้าบุคคลใดมีบุรม
ิ สิทธิสามัญและละเลยด้วยความประมาทเลินเล่อ
ไม่สอดเข้าแย้งขัดในการแบ่งเฉลี่ยทรัพย์ ตามความที่กล่าวมาใน วรรคทั้ง
สองข้างบนนี้ ไซร้ อันบุคคลนั้ นจะใช้บุรม
ิ สิทธิของตนต่อ บุคคลภายนอกผู้
ได้จดทะเบียนสิทธิไว้แล้วเพื่อจะเอาใช้จนถึงขนาด เช่นที่ตนจะหากได้รบ

เพราะได้สอดเข้าแย้งขัดนั้ น ท่านว่าหาอาจ จะใช้ได้ไม่
อนึ่ งบทบัญญัติท่ีกล่าวมาในวรรคทั้งสามข้างต้นนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ
หากว่าเงินที่ขายอสังหาริมทรัพย์ได้น้ ั น จะพึ งต้ องเอามาแบ่ งเฉลี่ ยก่ อน
เงิ น ที่ ข ายทรัพ ย์ สิ น อย่ า งอื่ นก็ ดี ห รือ หากว่ า เงิ น ที่ ข าย อสั ง หาริม ทรัพ ย์
อันตกอยู่ในฐานเป็ นหลักประกันพิเศษนั้ นจะพึงต้องเอามาแบ่งเฉลี่ยก่อน
เงินที่ขายอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นก็ดุจกัน
มาตรา 284 บุรม
ิ สิทธิสามัญนั้ น ถึงแม้จะมิได้ ไปลงทะเบียนเกี่ยว
ด้ วยอสังหาริมทรัพ ย์ก็ดี ย่อมจะยกขึ้นเป็ นข้ อต่ อสู้ เ จ้ าหนี้ ใด ๆ ที่ ไม่ มี
หลั ก ประกั น พิ เ ศษนั้ นได้ แต่ ค วามที่ ก ล่ า วนี้ ท่ า นมิ ใ ห้ ใ ช้ ไ ปถึ ง การ ต่ อ สู้
บุคคลภายนอกผู้ได้ไปลงทะเบียนสิทธิไว้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


89

มาตรา 285 บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ ใ นมู ล รัก ษาอสั ง หาริม ทรัพ ย์ น้ ั น ถ้ า หากว่ า
เมื่อทำาการเพื่อบำารุงรักษานั้ นสำาเร็จแล้ว ไปบอกลงทะเบียนไว้โดย พลัน
ไซร้ บุรม
ิ ะสิทธิก็คงให้ผลต่อไป
มาตรา 286 บุ ร ิม สิ ท ธิ ใ นมู ล จ้ า งทำา ของเป็ นการงานทำา ขึ้ นบน
อสั ง หาริม ทรัพ ย์ น้ ั น หากทำา รายการประมาณราคาชั ่ว คราวไปบอก ลง
ทะเบียนไว้ก่อนเริม
่ ลงมือการทำาไซร้ บุรม
ิ สิทธิก็คงให้ผลต่อไป แต่ถ้าราคา
ที่ ทำา จริง นั้ นลำ้ าราคาที่ ไ ด้ ป ระมาณไว้ ชั่ว คราว ท่ า นว่ า บุ ร ิม สิ ท ธิ ใ นส่ ว น
จำานวนที่ล้ ำาอยู่น้ ั นหามีไม่
ส่ ว นการที่ จ ะวิ นิ จ ฉั ย ว่ า อสั ง หาริม ทรัพ ย์ น้ ั นมี ร าคาเพิ่ ม ขึ้ น เพราะ
การอันได้ทำาขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์มากน้อยเพียงใดนั้ น ท่านให้ศาล ตั้ง
แต่งผู้เชี่ยวชาญขึ้นเป็ นผู้กะประมาณ ในเวลาที่มีแย้งขัดในการ แบ่งเฉลี่ย
มาตรา 287 บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ ใ ดได้ ไ ปจดลงทะเบี ย นแล้ ว ตามบทบั ญ ญั ติ
แห่ ง มาตรา ทั้งสองข้ างบนนี้ บุร ม
ิ สิ ทธิ น้ ั นท่านว่ าอาจจะใช้ได้ ก่อนสิท ธิ
จำานอง
มาตรา 288 บุรม
ิ สิทธิในมูลซื้ อขายอสังหาริมทรัพย์น้ ั นหากว่า เมื่อ
ไปลงทะเบี ย นสั ญ ญาซื้ อขายนั้ น บอกลงทะเบี ย นไว้ ด้ ว ยว่ า ราคา หรือ
ดอกเบี้ยในราคานั้ นยังมิได้ชำาระไซร้ บุรม
ิ สิทธิน้ ั นก็คงให้ผลต่อไป
มาตรา 289 ว่ า ถึ ง ผลแห่ ง บุ ร ิ ม สิ ท ธิ น อกจากที่ ไ ด้ บั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ น
มาตรา 281 ถึง 288 นี้ แล้ว ท่านให้นำา บทบัญญัติท้ ังหลายแห่งลักษณะ
จำานอง มาใช้บังคับด้วยตามแต่กรณี
บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์
(1) หากสังหาริมทรัพย์น้ ั น ลูกหนี้ ได้ส่งมอบให้บุคคลภายนอก
แล้ว บุรม
ิ สิทธิเหนื อสังหาริมทรัพย์ ย่อมระงับไปเหนื อสังหาริมทรัพย์น้ ั น
ตามมาตรา 281

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


90

(2) เมื่อแย้งกับสิทธิจำานำาสังหาริมทรัพย์ ผู้รบ


ั จำานำาย่อมมีสิทธิ
เป็ นอย่างเดียวกันกับผู้ทรงบุรม
ิ สิทธิในลำาดับที่หนึ่ ง ดังที่เรียงไว้ในมาตรา
278

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 6

1. บุรม
ิ สิทธิพิเศษได้แก่ บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์และเหนื อ
อสังหาริมทรัพย์
2. ิ สิ ท ธิ ใ นมู ล ซื้ อขายสั ง หาริมทรัพ ย์ ห มายถึ ง กรณี ก รรมสิ ท ธิ์ใ น
บุ ร ม
ทรัพย์สินที่ต้องซื้ อขายโอนไปเป็ นของผู้ซื้อแล้ว แต่ผู้ซื้อยังต้องชำาระราคา
ซื้ อและดอกเบี้ย
3. บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์ได้แก่ ค่าเช่าสังหาริมทรัพย์ ค่า
พักอาศัยในโรงแรม
4. บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื ออสังหาริมทรัพย์ได้แก่ ค่าจ้างทำา ของเป็ นการ
งานทำาขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์ ค่ารักษาอสังหาริมทรัพย์
5. บุ ริ ม สิ ท ธิ พิ เ ศ ษ เ ห นื อ อ สั ง ห า ริ ม ท รั พ ย์ ไ ด้ แ ก่ ค่ า รั ก ษ า
อสังหาริมทรัพย์ จ้างทำาของเป็ นการงานทำาขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์
6. เมื่อมีบุรม
ิ สิทธิสามัญหลายรายแย้งกัน เรียงลำาดับได้ดังนี้ คือ ค่าใช้
จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน ค่าปลงศพ ค่าภาษีอากร ค่าจ้างเสมียน ค่า
คนใช้คนงาน และค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็ นประจำาวัน
7. ถ้ าบุ ร ม
ิ สิ ท ธิ ส ามั ญ แย้ ง กั บ บุ ร ม
ิ สิ ท ธิ พิ เ ศษ กฎหมายบั ญ ญั ติ ว่ า ให้
บุรม
ิ สิทธิพิเศษมาเป็ นลำา ดับก่อน เว้นแต่ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ร่วมกัน
อันเป็ นบุรม
ิ สิทธิสามัญได้รบ
ั ยกเว้นให้มาก่อนบุรม
ิ สิทธิพิเศษ
8. เจ้าหนี้ บุรม
ิ สิทธิสามัญจะบังคับชำา ระหนี้ จากทรัพย์สินของลูกหนี้ ได้
โดย ต้องเข้าขอเฉลี่ยทรัพย์สินของลูกหนี้ ก่อนที่จะถูกแบ่งชำาระเจ้าหนี้ อื่น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


91

9. บุรม
ิ สิทธิพิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์ ระงับสิ้นไปเมื่อ สังหาริมทรัพย์
อันเป็ นวัตถุแห่งบุรม
ิ สิทธิถูกโอนและส่งมอบให้แก่บุคคลภายนอก
10. ผู้รบ
ั จำานำาสังหาริมทรัพย์กับผู้มีบุรม
ิ สิทธิ พิเศษเหนื อสังหาริมทรัพย์
นั้ น ผู้รบ
ั จำานำามีสิทธิดีกว่า
11. เจ้าหนี้ จำานองนั้ นมีสิทธิ ดีกว่าเจ้าหนี้ สามัญ
12. ผู้ มี สิ ท ธิ พิ เ ศษเหนื อ สั ง หาริม ทรัพ ย์ กั บ ผู้ ร บ
ั จำา นำา สั ง หาริม ทรัพ ย์
ผู้รบ
ั จำานำามีสิทธิดีกว่า

หน่วยที่ 7 ลูกหนี้ เจ้าหนี้ หลายคน

1. เกี่ ย วกั บ การชำา ระหนี้ หนี้ แบ่ ง ออกเป็ นสองประเภทคื อ หนี้ ที่ ก าร
ชำาระหนี้ แบ่งชำาระได้และแบ่งชำาระไม่ได้
2. หนี้ ที่การชำาระหนี้ แบ่งชำาระได้ ถ้ามีลูกหนี้ หลายคนและเจ้าหนี้ หลาย
คน ลูกหนี้ แต่ละคนจะต้องรับผิดเพียงเป็ นส่วนเท่าๆกัน และเจ้าหนี้ แต่ละ
คนก็มีสิทธิท่ีจะได้รบ
ั แต่เพียงเป็ นส่วนเท่าๆกัน
3. ถ้าบุคคลหลายคนเป็ นหนี้ อันจะแบ่งกันชำาระมิได้บุคคลเหล่านั้ นต้อง
รับผิดเช่นอย่างลูกหนี้ ร่วมกัน
4. ถ้าการชำา รับหนี้ เป็ นการอันจะแบ่งกันชำา ระมิ ได้ และมีบุคคลหลาย
คนเป็ นเจ้าหนี้ ถ้าบุคคลเหล่านั้ นมิได้เป็ นเจ้าหนี้ ร่วมลูกหนี้ ได้แก่จะชำา ระ
หนี้ ไว้ได้ประโยชน์แก่บุคคลเหล่านั้ นทั้งหมดด้วยกัน และเจ้าหนี้ แต่ละคน
จะเรียกชำาระหนี้ ได้ก็แต่เพื่อได้ประโยชน์ด้วยกันหมดทุกคนเท่านั้ น
5. ลูกหนี้ ร่วม คือบุคคลหลายคนซึ่งมีหน้าที่ร่วมกันที่จะต้องรับผิดชำาระ
หนี้ ต่อเจ้าหนี้ จนกว่าจะได้รบ
ั ชำาระหนี้ โดยสิ้นเชิง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


92

6. ในระหว่างลูกหนี้ ร่วมกัน ต่างคนต่างต้องรับผิดชอบเป็ นส่วนเท่าๆ


กัน เว้นแต่จะได้กำาหนดไว้เป็ นอย่างอื่น
7. เจ้ า หนี้ ร่ ว มคื อ บุ ค คลหลายคนซึ่ ง มี สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งการชำา ระหนี้ โดย
ทำานอง ซึ่งแต่ละคนอาจเรียกให้ชำาระหนี้ สิ้นเชิงได้
8. ในระหว่ างเจ้ าหนี้ ร่ ว มกั น ต่ างคนย่ อ มที่ จะได้ ร บ
ั ชำา ระหนี้ เป็ นส่ ว น
เท่าๆ กัน เว้นแต่จะได้กำาหนดไว้เป็ นอย่างอื่น
9. ลู ก หนี้ ร่ ว มและเจ้ า หนี้ ร่ ว มเกิ ด ขึ้ นได้ โ ดยผลของนิ ติ ก รรมและโดย
บัญญัติของกฎหมาย

7.1 หนี้ ที่การชำาระหนี้ แบ่งชำาระได้และแบ่งชำาระไม่ได้


1. หนี้ ที่การชำาระหนี้ แบ่งชำาระได้หมายถึงหนี้ ที่สามารถแบ่งชำาระได้เป็ น
สั ด ส่ ว น โดยในที่ สุ ด เมื่ อรวมกั น เข้ า แล้ ว ก็ จ ะเป็ นการใช้ ห นี้ ครบถ้ ว น
บริบูรณ์ห นี้ ที่ การชำา ระหนี้ แบ่ง ชำา ระไม่ ได้ คือ หนี้ ซึ่งไม่ส ามารถแยกชำา ระ
เป็ นสั ด ส่ ว นได้ โดยพิ จ ารณาจากสภาพแห่ ง หนี้ นั้ น โดยบทบั ญ ญั ติ
กฎหมาย หรือโดยเจตนาของคู่กรณี
2. ถ้าการชำาระหนี้ เป็ นการอันจะแบ่งชำาระได้ และมีบุคคลหลายคนเป็ น
ลูกหนี้ หรือมีบุคคลหลายคนเป็ นเจ้าหนี้ เมื่อกรณี เป็ นที่สงสัย ลูกหนี้ แต่ละ
คนจะต้องรับผิดเพียงเป็ นส่วนเท่า ๆ กัน และเจ้าหนี้ แต่ละคนก็ชอบที่จะ
ได้รบ
ั เพียงเป็ นส่วนเท่า ๆ กัน
3. ถ้าบุคคลหลายคนเป็ นหนี้ อั นจะแบ่ง กัน ชำา ระไม่ ได้ บุ คคลเหล่านั้ น
ต้องรับผิดเช่นอย่างลูกหนี้ ร่วมกัน
4. ถ้าการชำาระหนี้ เป็ นการอันจะแบ่งกันชำาระมิได้ และมีบุคคลหลายคน
เป็ นเจ้าหนี้ ถ้าบุคคลเหล่านั้ นมิได้เป็ นเจ้าหนี้ ร่วมกัน ลูกหนี้ ได้แต่จะชำาระ
หนี้ ให้ได้ประโยชน์แก่บุคคลเหล่านั้ นทั้งหมดด้วยกัน และเจ้าหนี้ แต่ละคน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


93

จะเรีย กชำา ระหนี้ ได้ ก็ แ ต่ เ พื่ อ ได้ ป ระโยชน์ ด้ ว ยกั น หมดทุ ก คนเท่ า นั้ น วิ ธี
เดียวกันนี้ ใช้กับการที่ลูกหนี้ วางทรัพย์เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ด้วย
5. ข้อความจริงใดที่เท้าถึงเจ้าหนี้ คนหนึ่ งเท่านั้ น หาเป็ นไปเพื่อคุณหรือ
โทษแก่เจ้าหนี้ คนอื่นๆด้วยไม่

7.1.1 หนี้ ที่การชำาระหนี้ แบ่งชำาระได้


ในหนี้ ที่แบ่งกันชำาระได้น้ ั น ถ้ามีลูกหนี้ หลายคนหรือมีเจ้าหนี้ หลาย
คน ลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้ หลายคนเหล่านี้ มีความรับผิดซึ่งกันและกันอย่างไร
บ้าง
มาตรา 290 บัญญัติว่าถ้าหนี้ เป็ นอันจะแบ่งกันชำาระได้ และมีบุคคล
หลายคนเป็ นลู ก หนี้ หรือ มี บุ ค คลหลายคนเป็ นเจ้ า หนี้ เมื่ อกรณี เ ป็ นที่
สงสัย ลูกหนี้ แต่ละคนจะต้องรับผิดเพียงเป็ นส่วนเท่าๆ กัน และเจ้าหนี้
แต่ละคนก็มีสิทธิท่ีจะได้รบ
ั ชำา ระหนี้ เพียงเป็ นส่วนเท่าๆ กั น ที่ กฎหมาย
บัญญัติว่าเมื่อกรณี เป็ นที่สงสัยเพราะเหตุว่าการที่หนี้ มีลูกหนี้ หลายคนหรือ
เจ้าหนี้ หลายคนนั้ น มีความหมายได้สองประการ คืออาจเป็ นลูกหนี้ หรือ
เจ้ าหนี้ ธรรมดา หรือ อาจเป็ นลู กหนี้ ร่ ว มหรือ เจ้ าหนี้ ร่ ว มก็ ได้ ซึ่ ง มี ผลใน
ทางกฎหมายแตกต่างกันมาก เพราะการเป็ นลูกหนี้ ร่วมนั้ นลูกหนี้ ร่วมอาจ
ถูกเรียกให้ชำา ระโดยสิ้นเชิง และการเป็ นเจ้าหนี้ ร่วมก็เช่นกันคือเจ้าหนี้ มี
สิทธิท่ีจะเรียกให้ลูกหนี้ คนใดคนหนึ่ งชำา ระหนี้ โดยสิ้นเชิง ฉะนั้ นเมื่อไม่มี
พฤติการณ์แน่ชัดว่าลูกหนี้ หลายคนหรือเจ้าหนี้ หลายคนนั้ นเป็ นลูกหนี้ ร่วม
หรือเจ้าหนี้ ร่วมแล้ว ให้ถือว่าเป็ นลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้ ธรรมดา มีผลให้ลูกหนี้
แต่ละคนมีส่วนรับผิดชอบในหนี้ เพียงเป็ นส่วนเท่าๆ กัน ส่วนเจ้าหนี้ ก็มี
สิทธิท่ีจะได้รบ
ั ชำาระหนี้ เพียงเป็ นส่วนเท่าๆ กัน ที่กฎหมายให้รบ
ั ผิดชอบ
และรับชำาระหนี้ เพียงเป็ นส่วนเท่าๆ กัน เฉพาะสิทธิระหว่างลูกหนี้ และเจ้า

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


94

หนี้ เท่านั้ น ส่วนข้อตกลงระหว่างลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้ มีไว้อย่างไร ก็ย่อมเป็ น


ไปตามข้อตกลงการแบ่งส่วนกันก็ต้องเป็ นไปตามข้อตกลงระหว่างกัน

7.1.2 หนี้ ที่การชำาระหนี้ แบ่งชำาระไม่ได้


การชำาระหนี้ ที่แบ่งกันชำาระไม่ได้หมายความว่าอย่างไร กฎหมาย
บัญญัติเกี่ยวกับการชำาระหนี้ ที่แบ่งชำาระไม่ได้และมีบุคคลหลายคนเป็ นเจ้า
หนี้ แต่มิใช่เจ้าหนี้ ร่วมไว้อย่างไรบ้าง
การชำาระหนี้ ที่แบ่งชำาระกันไม่ได้หมายถึงหนี้ สินที่ไม่สามารถแบ่งกัน
ได้เป็ นส่วน หากแบ่งออกเป็ นสัดส่วนแล้วจะไม่ทำาให้การชำาระหนี้ ถูกต้อง
สมบูรณ์หรือทำาให้สภาพแห่งหนี้ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
หนี้ ที่การชำาระหนี้ แบ่งชำาระไม่ได้น้ ั น มาตรา 302 บัญญัติว่าถ้ามีลูก
หนี้ หลายคนหรือเจ้าหนี้ หลายคนแต่ไม่ได้เป็ นลูกหนี้ ร่วมหรือเจ้าหนี้ ร่วม
ลูกหนี้ จะชำาระหนี้ ได้ก็แต่เฉพาะแต่ให้ได้ประโยชน์ แก่เจ้าหนี้ ด้วยกันหมด
ทุกคนและเจ้าหนี้ จะเรียกให้ลูกหนี้ ชำา ระหนี้ ได้ก็เฉพาะแต่ให้ได้ประโยชน์
แก่เจ้าหนี้ ด้วยกันหมดทุกคนเท่านั้ น นอกจากนี้ ถ้าหากมีความจำาเป็ น เจ้า
หนี้ จะเรีย กให้ ลู ก หนี้ วางทรัพ ย์ ไ ว้ ณ สำา นั กงานวางทรัพ ย์ ก ระทรวง
ยุติธรรมเพื่อให้ได้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ ด้วยกันหมดทุกคน หรือถ้าทรัพย์ไม่
สมควรแก่การจะวางขอให้ศาลตั้งผู้พิทักษ์ทรัพย์เพื่อรักษาทรัพย์น้ ั นก็ได้

7.2 ลูกหนี้ ร่วม


1. ลูกหนี้ ร่วมคือ บุคคลหลายคนซึ่งมีหน้าที่ร่วมกันที่จะต้องรับผิด
ชำาระหนี้ ต่อเจ้าหนี้ จนกว่าเจ้าหนี้ จะได้รบ
ั ชำาระหนี้ โดยสิ้นเชิงและเกิดขึ้นได้
โดยนิ ติกรรมสัญญาและโดยบทบัญญัติของกฎหมาย

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


95

2. ลู ก หนี้ คนหนึ่ ง ชำา ระหนี้ ย่ อ มเป็ นประโยชน์ แ ก่ ลู ก หนี้ คนอื่ นด้ ว ย


การชำา ระหนี้ ให้รวมถึงการใดๆ อันพึงกระทำา แทนชำา ระหนี้ วางทรัพย์สิน
แทนชำาระหนี้ และหักกลบลบหนี้ ด้วย
3. ลูกหนี้ ร่วมกันคนหนึ่ งมีสิทธิเรียกร้องอะไรลูกหนี้ คนอื่นๆ จะเอา
สิทธิน้ ั นไปใช้หักกลบลบหนี้ ไม่ได้
4. การปลดหนี้ ให้แก่ลูกหนี้ ร่วมกันคนหนึ่ งนั้ นย่อมเป็ นประโยชน์แก่ลูก
หนี้ คนอื่นๆ เพียงเท่าส่วนของลูกหนี้ ที่ได้ปลดให้ เว้นแต่จะได้ ตกลงกัน
เป็ นอย่างอื่น
5. การผิ ด นั ด ของเจ้ า หนี้ ต่ อ ลุ ก หนี้ ร่ ว มคนหนึ่ ง ย่ อ มเป็ นคุ ณ แก่ ลู ก
หนี้ คนอื่นๆ ด้วย
6. ข้อความจริงใด เมื่อเท้าถึงตัวลูกหนี้ ร่วมกับคนใดๆ ย่อมเป็ นไป
เพื่ อคุ ณ และโทษแต่ เ ฉพาะแก่ ลู ก หนี้ คนนั้ น เว้ น แต่ จ ะปรากฏว่ า ขั ด กั บ
สภาพแห่งหนี้ นั้ นเอง
7. ในระหว่ า งลู ก หนี้ ร่ ว มกั น ต่ า งคนต่ า งต้ อ งรับ ผิ ด เป็ นส่ ว นเท่ า ๆ
กัน เว้นแต่จะได้กำาหนดไว้เป็ นอย่างอื่น
8. ถ้าส่วนที่ลูกหนี้ ร่วมกับคนใดคนหนึ่ งจะพึงชำา ระเป็ นอัน จะเรียก
เอาจากคนนั้ นไม่ ได้ยั งขาดจำา นวนอยู่ เท่ าไร ลูกหนี้ คนอื่น ๆ ก็ต้องรับ ใช้
แต่ถ้าลูกหนี้ ร่วมกันคนใดเจ้าหนี้ ได้ปลดให้หลุดพ้นจากหนี้ อันร่วมกันนั้ น
ส่วนที่ลูกหนี้ คนนั้ นจะพึงต้องชำาระหนี้ ตกเป็ นพับแก่เจ้าหนี้ ไป

7.2.1 ลักษณะของลูกหนี้ ร่วม


ลูกหนี้ ร่วมมีลักษณะสำาคัญอย่างไร อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
ลักษณะสำา คัญของลูกหนี้ ร่วมตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 291 นั้ นมี
ลักษณะสำาคัญดังนี้ คือ ลูกหนี้ ร่วมแต่ละคนอาจถูกเรียกร้องให้ชำาระหนี้ โดย
สิ้นเชิง ทั้งนี้ สุดแล้วแต่เจ้าหนี้ จะเรียกให้ลูกหนี้ ร่วมคนใดชำา ระ ถ้าลูกหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


96

ร่วมชำาระหนี้ โดยสิ้นเชิงแล้ว เจ้าหนี้ จะเรียกให้ลูกหนี้ คนอื่นชำาระหนี้ อีกไม่


ได้ เพราะลู ก หนี้ มี ห น้ า ที่ ชำา ระหนี้ เพี ย งครั้ง เดี ย วเท่ า นั้ น ถ้ า หากเจ้ า หนี้
เรียกถ้าหากเจ้าหนี้ เรียกให้ลูกหนี้ คนใดชำา ระหนี้ แล้วแต่ยังได้ไม่ครบ ลูก
หนี้ ร่วมทุกคนก็ยังคงต้องผูกพันที่จะถูกเรียกชำาระหนี้ อยู่ จนกว่าเจ้าหนี้ จะ
ได้ ร ับ ชำา ระหนี้ โดยสิ้ นเชิ ง เช่ น ก. ข. ค. เป็ นลู ก หนี้ ร่ ว มเงิ น กู้ ง. ไป
3,000 บาท เมื่อหนี้ ครบกำาหนดชำาระ ง. จะเรียกเก็บให้ ก. หรือ ข. หรือ
ค. คนใดคนหนึ่ งหรือทุกคนชำาระหนี้ ให้แก่ ง. จนสิ้นเชิงได้ หากเรียกจาก
คนใดคนหนึ่ ง ได้ เพี ยง 1,000 บาท ส่วนที่เหลือ อีก 2,000 บาท ก. ข.
ค. ทั้งสามคนก็ยังคงต้องรับผิดร่วมกันชำาระหนี้ ให้แก่ ง. อยู่จนกว่า ง. จะ
ได้รบ
ั ชำาระหนี้ ทั้งหมด

7.2.2 ผลแห่งการเป็ นลูกหนี้ ร่วม


ผลประโยชน์ท่ีได้จากการเป็ นลูกหนี้ ร่วมนั้ นมีอะไรบ้าง
การเป็ นลู ก หนี้ ร่ ว มนั้ น ลู ก หนี้ แต่ ล ะคนย่ อ มมี ผ ลประโยชน์ ไ ด้ เ สี ย
ร่วมกัน ผลประโยชน์ท่ีลูกหนี้ ร่วมได้ร่วมกันนั้ นคือ
1) ความไม่สมบูรณ์แห่งหนี้ ไม่ว่าหนี้ นั้ นจะไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุใดๆ
ก็ตาม ย่อมทำา ให้หนี้ นั้ นเกิดไม่ได้ เมื่อไม่มีหนี้ เกิดขึ้น ลูกหนี้ ทุกคนก็ ไม่
ต้องรับผิดในหนี้ เช่นหนี้ ที่เกิดจากการเล่นการพนั น ซึ่งกฎหมายบัญญัติไว้
ชั ด แจ้ ง ว่ า เป็ นการขั ด ต่ อ ความสงบเรี ย บร้ อ ยและศี ล ธรรมอั น ดี ข อง
ประชาชน ถ้ามีหนี้ ประเภทนี้ เกิดขึ้นก็เป็ นหนี้ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ลูก
หนี้ ไม่ต้องรับผิดชอบในหนี้ ดังกล่าว
2) ความระงับแห่งหนี้ หนี้ นั้ นไม่ว่าจะระงับไปด้วยประการใดๆ เช่น
ลูกหนี้ ชำา ระหนี้ ให้เ จ้าหนี้ ทั้ง หมด หนี้ ก็ ร ะงั บ ทั้ งหมดหรือ ชำา ระหนี้ ไปบาง
ส่วนหนี ก็ระงับไปบางส่วน หรือมีการกระทำาอย่างอื่นเทียบได้กับการชำาระ
หนี้ เช่นการยอมรับเอาทรัพย์สินอื่นแทนการชำาระหนี้ การวางทรัพย์การก

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


97

ลบในหนี้ การปลดหนี้ เป็ นต้น เมื่อหนี้ ระงับไปด้วยเหตุต่างๆ ดังกล่าว ลูก


หนี้ ทุกคนย่อมได้ประโยชน์ด้วยกันหมดทุกคน
3) การผิ ดนั ดของเจ้ าหนี้ ตามมาตรา 294 นั้ น หากเจ้ าหนี้ ผิ ดนั ด
ต่อลูกหนี้ คนหนึ่ งย่อ มถื อว่ าเจ้าหนี้ อื่น ผิดนั ดด้ วย คือ ลูกหนี้ ได้ ประโยชน์
ด้วยกันในการที่เจ้าหนี้ ผิดนั ดต่อลูกหนี้ ร่วมกันคนใดคนหนึ่ ง ทั้งนี้ ก็เพราะ
การเป็ นลูกหนี้ ร่วมนั้ น เจ้าหนี้ มีสิทธิท่ีจะเรียกให้ลูกหนี้ ชำาระได้โดยสิ้นเชิง
และลูกหนี้ จะเลือกชำา ระหนี้ ให้แก่เจ้าหนี้ คนใดก็ได้ เมื่อลูกหนี้ เลือกชำา ระ
หนี้ ให้เจ้าหนี้ แล้ว เจ้าหนี้ ผิดนั ดลูกหนี้ อื่นก็ย่อมได้ประโยชน์ด้วยเพราะลูก
หนี้ มีหน้าที่จะต้องชำาระหนี้ โดยสิ้นเชิงให้แก่เจ้าหนี้ แต่เพียงครั้งเดียว

นายมัน
่ กับนายเหมาะได้กู้เงินนายหมายไป 6,000 บาท โดยยอม
ตนผูกพันเป็ นลูกหนี้ ร่วมต่อมาเมื่อหนี้ เงินกู้น้ ี ขาดอายุความแล้ว นายมัน

ได้ชำา ระหนี้ ให้แก่น ายหมายไป 3,000 บาท แต่น ายเหมาะไม่ย อมชำา ระ
หนี้ เช่นนี้ ในหมายจะเรียกให้นายมัน
่ กับนายเหมาะชำาระหนี้ ที่เหลือให้แก่
ตนได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
เมื่อหนี้ ขาดอายุความแล้วลูกหนี้ ไม่จำาเป็ นต้องชำาระหนี้ ให้แก่เจ้าหนี้
แต่ เ มื่ อลู ก หนี้ ชำา ระหนี้ ให้ แ ก่ เ จ้ า หนี้ แล้ ว ลู ก หนี้ จะเรี ย กคื น ไม่ ไ ด้ ต าม
อุทาหรณ์ หนี้ ขาดอายุความแล้ว นายหมายจะเรียกให้นายมัน
่ นายเหมาะ
ชำาระหนี้ ร่วมที่เหลือไม่ได้ หากนายหมายนำาคดีข้ ึนฟ้ องศาล ทั้งนายมัน
่ กับ
นายเหมาะมีสิทธิท่ีจะยกอายุความขึ้นต่อสู้เพื่อไม่รบ
ั ผิดได้ แต่ถ้าหากผู้
หนึ่ งผู้ใดยกอายุความขึ้นต่อสู้แต่อีกคนไม่ยกเช่นนี้ การยกไม่ยกอายุความ
ขึ้นต่อสู้น้ ี ย่อมเป็ นไปเพื่อคุณและโทษแก่ลูกหนี้ ร่วมคนนั้ นโดยเฉพาะ

7.2.3 ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ ร่วม

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


98

นายมิ่ง นายมีและนายมา กู้เงินนายแมนไป 9,000 บาท โดยยอม


ผูกพันตนเป็ นลูกหนี้ ร่วม เมื่อหนี้ ถึงกำาหนดชำาระ นายมิ่งไม่ชำาระหนี้ และ
ได้ร บ
ั อุ บัติเหตุจากรถชนกั น จนแขนขาขาดทั้ งหมดประกอบอาชีพ ไม่ ได้
ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลยที่จะนำา ไปชำา ระหนี้ ได้ นายมีเองมีทรัพย์สินพอจะ
ชำา ระหนี้ แต่ ก็ ไ ม่ ย อมชำา ระหนี้ นายมาจึ ง ได้ ชำา ระหนี้ ให้ แ ก่ น ายแมนไป
ทั้งหมด 9,000 บาท เช่นนี้ นายมามีสิทธิท่ีจะไล่เบี้ยเอาจากนายมิ่งและ
นายมีได้เพียงใดหรือไม่
มาตรา 296 บัญญัติว่าในระหว่างลูกหนี้ ร่วมกันทั้งหลายนั้ น ต่างคน
ต่างรับผิดเป็ นส่วนเท่าๆ กัน เว้นแต่จะได้กำาหนดไว้เป็ นอย่างอื่น ถ้าส่วน
ที่ลูกหนี้ ร่วมกันคนใดคนหนึ่ งจะพึงชำาระนั้ นเป็ นอันจะเรียกเอาจากคนนั้ น
ไม่ได้ ยังขาดจำานวนอยู่เท่าไร ลูกหนี้ คนอื่นๆ ซึ่งจำาต้องออกส่วนด้วยนั้ น
ก็ต้องรับใช้
ฉะนั้ นตามอุทาหรณ์นายมิ่งไม่มีทรัพย์สินอะไรจะชำาระหนี้ นายมาจึง
ไม่สามารถจะเรียกให้นายมิ่งชำาระได้ แต่นายมามีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาส่วน
ที่ จ่ า ยเกิ น ไปจากนายมี ไ ด้ โ ดยนายมี ต้ อ งรับ ผิ ด ในส่ ว นของตน 3,000
บาท และเนื่ องจากไม่สามารถเรียกให้นายมิ่งชำาระหนี้ ได้ นายมีกับนายมา
จะต้ อ งเฉลี่ ย กั น รับ ผิ ด ชอบในส่ ว นของนายมิ่ ง อี ก คนละ 1,500 บาท
ฉะนั้ นนายมามีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากนายมีได้จำานวน 4,500 บาท

7.3 เจ้าหนี้ ร่วม


1. เจ้ าหนี้ ร่ ว มคื อ ในหนี้ รายเดี ย วกั น แต่ มีบุ ค คลหลายคนมี สิ ท ธิ เ รีย ก
ร้องการชำาระหนี้ โดยทำานองซึ่งแต่ละคนอาจจะเรียกให้ชำาระหนี้ สิ้นเชิง ถึง
แม้ว่าลูกหนี้ จำาต้องชำาระหนี้ สิ้นเชิงแต่ผู้เดียว
2. ในหนี้ ที่ มีเ จ้ าหนี้ ร่ ว ม ลู ก หนี้ จะชำา ระหนี้ ให้ แ ก่ เ จ้ า หนี้ คนใดคนหนึ่ ง
ก็ได้ตามแต่จะเลือก แม้เจ้าหนี้ คนหนึ่ งจะได้ย่ ืนฟ้ องเรียกชำาระหนี้ ไว้แล้ว

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


99

3. เจ้ า หนี้ ร่ ว มเกิ ด ขึ้ นโดยนิ ติ ก รรมสั ญ ญาและโดยบทบั ญ ญั ติ ข อง


กฎหมาย
4. เจ้าหนี้ ร่วมคนหนึ่ งผิดนั ดย่อมเป็ นโทษแก่เจ้าหนี้ คนอื่นๆด้วย
5. ถ้าสิทธิเรียกร้องและหนี้ สินเป็ นอันเกลื่อนกลืนกันไปในเจ้าหนี้ ร่วม
กันคนหนึ่ ง สิทธิของเจ้าหนี้ คนอื่นๆ อันมีต่อลูกหนี้ ย่อมระงับไป
6. เจ้ า หนี้ ร่ ว มกั น คนหนึ่ ง รับ ชำา ระหนี้ แล้ ว เจ้ า หนี้ คนอื่ นๆจะเรีย กให้
ชำา ระหนี้ นั้ นอีกไม่ได้ การรับชำา ระหนี้ ให้ร วมถึง การรับทรัพ ย์สิน อย่างอื่ น
แทนการชำาระหนี้ และการหักลบหนี้ ด้วย
7. การที่เ จ้าหนี้ ร่ว มกั นคนหนึ่ ง โอนสิ ทธิ เรียกร้อ งให้แก่บุ ค คลอื่ นๆไป
หากระทบกระทัง่ ถึงสิทธิของเจ้าหนี้ คนอื่นๆ ด้วยไม่
8. ถ้าเจ้าหนี้ ร่วมกันคนใดคนหนึ่ งปลดหนี้ ให้แก่ลูกหนี้ แล้ว มีผลให้หนี้
นั้ นระงับไปตามส่วนที่เจ้าหนี้ ได้ปลดให้ ถ้าปลดหนี้ ให้ส้ ินเชิ ง เจ้าหนี้ คน
อื่นๆก็หมดสิทธิท่ีจะเรียกให้ลูกหนี้ ชำาระหนี้ อีก
9. ถ้าข้อความจริงใดเท้าถึงเจ้าหนี้ ร่วมกันคนใด ย่อมเป็ นคุณและโทษ
แก่เ จ้าหนี้ คนนั้ นโดยเฉพาะ ไม่ กระทบกระทัง่ ถึ งสิท ธิของเจ้ าหนี้ ร่ วมคน
อื่นๆ

7.3.1 ลักษณะของเจ้าหนี้ ร่วม


เจ้าหนี้ ร่วมมีลักษณะสำาคัญอย่างไร และความรับผิดในฐานะเจ้าหนี้
ร่วมจะเกิดขึ้นได้ในกรณี ใดบ้าง
เจ้าหนี้ ร่วมมีลักษณะสำาคัญตามที่บัญญัติในมาตรา 298 ดังนี้
1. ในหนี้ รายเดียว แต่มีเจ้าหนี้ หลายคน
2. เจ้าหนี้ คนใดคนหนึ่ งมีสิทธิท่ีจะเรียกให้ลูกหนี้ ชำา ระหนี้ ได้โดย
สิ้นเชิง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


100

3. ลู ก หนี้ จะชำา ระหนี้ ให้ แ ก่ เ จ้ า หนี้ คนใดคนหนึ่ งก็ ไ ด้ ต ามแต่ จ ะ


เลือก แม้ท้ ังที่เจ้าหนี้ ร่วมคนหนึ่ งได้ฟ้องเรียกหนี้ จากลูกหนี้ แล้ว ลูกหนี้
ดังกล่าวก็ยังมีสิทธิท่ีจะเลือกชำาระหนี้ ให้แก่เจ้าหนี้ ร่วมคนอื่นได้
ความรับผิดในฐานะเจ้าหนี้ ร่วมนั้ นเกิดขึ้นได้ 2 ประการคือ
1. โดยนิ ติกรรมสัญญา
2. โดยบทบัญญัติของกฎหมาย

7.3.2 ผลแห่งการเป็ นเจ้าหนี้ ร่วม


นายเด็ ด นายดวง นายดำา เป็ นเจ้ า หนี้ ร่ ว มให้ น ายเดุ อ กู้ เ งิ น ไป
12,000 บาท ต่อมานายเด็ดตายและได้ทำาพินัยกรรมยกทรัพย์สินมรดก
ทั้งหมดของตนให้แก่นายเดุอดังนี้ นายดวง กับนายดำาจะเรียกให้นายเดุอ
ชำาระเงินให้แก่ตนได้หรือไม่เพียงใด
มาตรา 299 วรรคสอง บั ญญั ติว่ า ถ้าสิท ธิ เ รีย กร้ อ งและหนี้ สิ น นั้ น
เป็ นอั น เกลื่ อ นกลื น กั น ไปในเจ้ าหนี้ ร่ ว มกั น คนหนึ่ ง สิ ท ธิ ข องเจ้ า หนี้ คน
อื่นๆ อันมีต่อลูกหนี้ ย่อมเป็ นอันระงับสิ้นไป
ฉะนั้ นตามอุทาหรณ์ เมื่อนายเด็ดตาย และนายเดุอได้รบ
ั มรดกของ
นายเด็ด สิทธิเรียกร้องและหนี้ สินจึงตกแก่นายเดุอคนเดียว เมื่อเป็ นเช่น
นี้ หนี้ รายนี้ จึงเป็ นอันระงับไป นายดวงกับนายดำาจึงไม่มีสิทธิเรียกให้นาย
เดุอชำาระหนี้ รายนี้ ให้แก่ตนได้อีกเพราะสิทธิเรียกร้องของนายดวงกับนาย
ดำาที่มีต่อนายเดุอเป็ นอันระงับไปด้วย

7.3.3 ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหนี้ ร่วม


ที่ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิ ช ย์ มาตรา 300 บัญญั ติว่ า “ใน
ระหว่างเจ้ าหนี้ ร่ ว มกั น นั้ นเห็ น ว่ าต่ างคนต่ างชอบที่ จะได้ ร บ
ั ชำา ระหนี้ เป็ น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


101

ส่ ว นเท่ าๆ กั น เว้ น แต่ จะได้ กำา หนดไว้ เ ป็ นอย่ า งอื่ นนั้ น” หมายความว่ า
อย่างไร
หมายความว่า ถ้าเจ้าหนี้ คนใดคนหนึ่ งได้รบ
ั ชำาระหนี้ จากลูกหนี้ หรือ
ทำาการอย่างใดๆ ให้หนี้ ระงับเช่น รับทรัพย์อ่ ืนแทนการชำาระหนี้ ปลดหนี้
ให้แก่ลูกหนี้ หรือหนี้ เกลื่อนกลืนกันไปในเจ้าหนี้ ร่วมคนใดก็ตาม เจ้าหนี้
ร่วมคนอื่นไม่มีสิทธิ ท่ีจะเรีย กให้ลู กหนี้ ชำา ระหนี้ อี กซำ้ าสอง คงมี สิท ธิท่ี จะ
เรียกเอาส่วนของตนจากลูกหนี้ ที่รบ
ั ชำาระหนี้ หรือกระทำาการเสมือนการรับ
ชำา ระหนี้ ส่วนที่ว่านี้ ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ เจ้าหนี้ ก็มีส่วนเท่าๆ กัน ถ้ามีข้อ
ตกลงกันไว้ว่าเจ้าหนี้ คนใดมีส่วนเท่าใดก็ให้เป็ นไปตามที่ตกลง

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 7

1. หนี้ อันจะแบ่งกันชำา ระมิได้น้ ั นเกิดขึ้นได้จาก (ก) สภาพแห่งทรัพย์


อั นเป็ นวัตถุแห่ง การชำา ระหนี้ (ข) โดยผลของกฎหมาย (ค) โดยเจตนา
ของคู่กรณี
2. ก. ข. และ ค. เป็ นลู กหนี้ ร่ วมกัน กู้เ งิน ง. ไป 3,000 บาท ต่อ มา
ก. ล้มละลายไม่มีทรัพย์สินอะไรที่จะชำา ระหนี้ ให้ ง. ได้ และ ข. ได้ชำาระ
เงิน 3,000 บาทให้แก่ ง. ไปแล้วดังนี้ ข. จะเรียกเงินจาก ก. และ ค. ได้
หรือไม่ คำาตอบ ข. เรียกจาก ก . ไม่ได้แต่เรียกจาก ค . ได้ 1,500 บาท
3. ก. ข. ค. เป็ นลู ก หนี้ ร่ ว มกั น กู้ เ งิ น ง. ไป 6,000 บาท มี ข้ อ ตกลง
ระหว่าง ก. ข. และ ค. ว่า ให้ ก. รับผิดชอบ 1,000 บาท ข. รับผิดชอบ
2,000 บาท และ ค. รับผิดชอบ 3,000 บาท ดัง นี้ ง. จะเรีย กร้ อง ก.
ข. หรือ ค. ชำาระหนี้ ให้แก่ตนได้เพียงใด คำาตอบ ง. เรียกร้องให้ ก . ข. ค.
ร่วมกันหรือเรียกให้คนใดคนหนึ่ งชำาระหนี้ ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


102

4. นายถวิลกับนายณรงค์ รับจ้างสร้างบ้านให้นายวิชัย ต่อมานายถวิล


ได้ขับรถบรรทุกไม้เพื่อ จะนำา ไปสร้างบ้ านไปชนกั บรถยนต์บุ คคลอื่ นโดย
ประมาท ไฟไหม้รถและไม้ท่ีบรรทุกมาทั้งหมด เช่นนี้ นายถวิล นายณรงค์
หรือนายวิชัย จะต้องรับผิดชอบที่ไม้เสียหายไปดังกล่าวหรือไม่ คำา ตอบ
นายถวิลต้องรับผิดเพียงผู้เดียว นายณรงค์ไม่ต้องร่วมรับผิดด้วยเพราะ
ความเสียหายเกิดแก่ความผิดของนายถวิล
5. นายขาว นายเขียวและนายขม ทำา สัญญากู้เงินนายขามไป 9,000
บาท ต่อมาปรากฏว่านายขาวเป็ นผู้เยาว์ และนายขาวได้บอกล้างสัญญากู้
แล้ว เช่ นนี้ นายขาว นายเขียว และนายขม จะต้ องรับผิ ดชำา ระหนี้ ตาม
สัญญากู้หรือไม่เพียงใด คำา ตอบ นายขาวไม่ต้องรับผิด แต่นายเขียวกับ
นายขมรับผิดคนละ 3,000 บาท
6. นายม้ า นายแมว นายหมู เป็ นลู ก หนี้ ร่ ว มกั น กู้ เ งิ น นายเม่ น ไป
60,000 บาท ต่อมานายเม่นปลดหนี้ ให้แก่นายม้า 20,000 บาท เช่นนี้
นายเม่นจะเรียกให้นายม้า นายแมว นายหมูชำาระหนี้ ให้แก่ตนได้มากน้อย
เพียงใด คำา ตอบ นายเม่นเรียกให้นายม้าชำา ระหนี้ ไม่ ได้ แต่เรียกให้นาย
แมว นายหมูชำาระหนี้ 40,000 บาทได้
7. นายชอบ นายชัย ทำาสัญญารับจ้างสร้างเรือยนต์ให้แก่นายชิต ต่อมา
นายชอบตาย นายชัยจะต้องรับผิดสร้างเรือให้นายชิตต่อไปหรือไม่ เพราะ
เหตุ ใ ด คำา ตอบ นายชั ย จะต้ อ งรับ ผิ ด สร้ างเรือ ต่ อ ไปจนเสร็ จ เพราะโดย
สัญญาแล้ว นายชอบ นายชัย จะต้องร่วมกันรับผิดสร้างเรือให้เสร็จแม้ว่า
อีกคนจะไม่สามารถร่วมสร้างให้ได้
8. ก. ข. ค. เป็ นเจ้ า หนี้ ร่ ว มกั น ให้ ง. กู้ เ งิ น ไป 900 บาท โดยไม่ มี
กำาหนดเวลาชำาระ ต่อมา ง. ได้นำาเงิน 900 บาท ไปชำาระให้แก่ ก. แต่ ก.
ไม่ยอมรับชำาระ อ้างว่ากำาลังจะเดินทางไปต่างจังหวัดไม่อยากเอาเงินไปจำา

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


103

นวนมากๆ ติดตัวไป เช่นนี้ ก. ข. ค. ตกเป็ นผู้ผิดนั ดหรือไม่ เพราะเหตุ


ใด คำาตอบ ก. ข. ค. ตกเป็ นผู้ผิดนั ดทุกคน เพราะ ก. ข. ค. เป็ นเจ้าหนี้
ร่วม
9. ก. ข. ค. กู้เงิน ง. จ. ฉ. ไป 900 บาท กำาหนดชำาระคืนในวันที่ 10
มกราคม 2526 ถึงกำาหนดชำาระ ก. ข. ค. ไม่ชำาระหนี้ ง. จ. ฉ. จะเรียก
ให้ ก. ข. ค. ชำาระหนี้ อย่างไรจึงจะชอบด้วยกฎหมาย คำาตอบ ง. จ. หรือ
ฉ. คนใดคนหนึ่ งเรียกให้ ก. ข. ค. ชำาระเงิน 900 บาท ได้เพราะเป็ นเจ้า
หนี้ ร่วมกัน
10. ก. ข. ค. ซื้ อม้า 1 ตัว จาก ง. ถึงกำา หนดส่งมอบม้าให้ ดั งนี้
ก. ข. ค. จะมีสิทธิเรียกให้ ง. ส่งมอบม้าให้ได้หรือไม่เพราะเหตุใด คำาตอบ
ก. ข. หรือ ค. คนใดคนหนึ่ งหรือทุกคนเรียกให้ ง. ส่งมอบม้าให้ได้หาก
ทุกคนยินยอม
11. นายเขียว นายเหลือง กู้เงินนายขาวไป 5,000 บาท โดยมีข้อตกลง
ระหว่ า งนายเขี ย ว นายเหลื อ งว่ า นายเขี ย วจะรับ ผิ ด ชอบ 2,000 บาท
ส่วนนายเหลืองจะรับผิดชอบ 3,000 บาท ต่อมาหนี้ ถึงกำาหนดชำาระ นาย
เขียวนายเหลืองไม่ชำาระหนี้ นายขาวจะเรียกให้นายเขียวและนายเหลือง
ชำา ระหนี้ ให้ แก่ ตนได้ห รือ ไม่ เ พี ย งใด คำา ตอบ นายขาวเรีย กให้น ายเขี ย ว
หรือนายเหลืองชำาระหนี้ คนละ 2,500 บาท
12. ก. ข. ค. เป็ นเจ้ า ของรถยนต์ ได้ ข ายรถยนต์ ใ ห้ แ ก่ ง. ในราคา
50,000 บาท ง.ชำาระเงินแล้วแต่ ก. ข. ค. ไม่ยอมรับมอบรถยนต์ ให้ ง.
เช่ น นี้ ง. จะดำา เนิ น การอย่ างไรจึ ง จะได้ ร บ
ั มอบรถยนต์ ม าโดยชอบด้ ว ย
กฎหมาย คำาตอบ ง.เรียกให้ ก . ข. หรือ ค . คนใดคนหนึ่ งส่งมอบรถยนต์
ให้แก่ตนได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


104

13. ลูกหนี้ ร่วมมีคุณลักษณะสำาคัญอย่างไร คำาตอบ ลูกหนี้ ร่วมนั้ นลูกหนี้


แต่ละคนอาจถูกเจ้าหนี้ เรียกชำาระหนี้ ได้โดยสิ้นเชิง
14. ก. ข. ค. ได้ ว่ า จ้ า งให้ ง. ไปฆ่ า จ. ในราคาค่ า จ้ า ง 12,000 บาท
โดยทำาเป็ นหนั งสือสัญญากู้ว่า ก. ข. ค. ได้ร่วมกันกู้เงิน จ. ไป 12,000
บาท เมื่อ ง. ฆ่า จ. ตายแล้ว ก. ข. ค. ไม่ยอมชำา ระเงินค่าจ้าง ง. จึงได้
นำา สั ญ ญาเงิ น กู้ ดัง กล่ าวมาฟ้ องศาลเรีย กเงิ น ตามสั ญ ญาเงิ น กู้ 12,000
บาท ดังนี้ ก. ข. ค. จะต้องรับผิดเงินตามสัญญาเงินกู้หรือไม่เพียงใด คำา
ตอบ ก . ข . ค . ไม่ ต้อ งรับ ผิ ดชำา ระเงิ น ตามสั ญ ญากู้ เพราะวั ตถุ ประสงค์
ตามสัญ ญาเงิ นกู้ เป็ นการขั ดต่อ กฎหมายโดยชั ด แจ้ ง สั ญ ญากู้ เ ป็ นโมฆะ
หนี้ ตามสัญญาไม่เกิดขึ้น ลูกหนี ทุกคนได้รบ
ั ผลประโยชน์เหมือนกันหมด
คือไม่ต้องชำาระหนี้ ตามสัญญา
15. ก. ข. ค. เป็ นเจ้ า หนี้ ร่ ว มกั น ให้ ง. กู้ เ งิ น ไป 15,000 บาท โดย
ลักษณะที่ให้ ง. ชำาระหนี้ ทั้งหมดให้แก่ผู้ใดก็ได้ เมื่อหนี้ ถึงกำาหนดชำาระ ง.
นำา เงิน 15,000 บาทไปชำา ระหนี้ ให้แก่ ก. คนเดียว โดย ข. ก็รู้ แต่ ค.
ไม่รู้ แต่ ก. ไม่ยอมรับชำาระหนี้ โดยไม่มีมูลที่อ้างกฎหมายได้ เช่นนี้ ก. ข.
ค. ผู้ใดตกเป็ นผู้ผิดนั ด เพราะเหตุใด คำาตอบ ก. ข. ค. ตกเป็ นผู้ผิดนั ด
ทุกคนเพราะการผิดนั ดของเจ้าหนี้ ร่วมคนอื่นด้วย
16. นายดำา นายแดง นายดี ร่วมกันว่าจ้างนายดื่มให้สร้างเรือยนต์ให้ 1
ลำา ในราคา 100,000 บาท นายดื่มสร้างเรือให้แล้วเสร็จ แต่นายดำานาย
แดง นายดีไม่ยอมชำาระค่าจ้างให้แก่นายดื่มตามสัญญา สิทธิเรียกร้องเงิน
เช่นนี้ มีอายุความ 2 ปี ต่อมาอีก 3 เดือน จะขาดอายุความ นายดำา ชำา ระ
เงินค่าจ้าง 30,000 บาท และหลังขาดอายุความแล้ว 3 เดือน แดงชำาระ
เงินให้ด่ ืมอีก 20,000 บาท จากนั้ นก็ไม่มีผู้ใดชำา ระเงินให้แก่นายดื่มอีก
นายดื่มจึงฟ้ องเรียกเงินส่วนที่เหลือ 50,000 บาท จากนายดำา นายแดง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


105

และนายดีหลังจากคดีขาดอายุความแล้ว 6 เดือน ทั้งสามคนได้อ้างอายุ


ความขึ้นต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความแล้ว นายดื่มจะเรียกเงิน 50,000 บาท
จากลูกหนี้ ทั้งสามคนไม่ได้ ข้อต่อสู้ของนายดำา นายแดง และนายดี จะรับ
ฟั งได้หรือไม่ เพราะเหตุใ ด คำา ตอบ (ก) ข้อต่อสู้ของนายดำา รับฟั งไม่ได้
เพราะนายดำา ชำา ระหนี้ บางส่ว นทำา ให้อ ายุ ความสะดุดหยุ ดลง เป็ นเหตุใ ห้
อายุความเริม
่ นั บใหม่ ฟ้ องสำาหรับนายดำายังไม่ขาดอายุความ (ข) ข้อต่อสู้
ของนายแดงว่ าคดี ข าดอายุ ค วามนั้ นฟั งขึ้ น เพราะการชำา ระหนี้ บางส่ ว น
ของนายแดงภายหลังที่คดีขาดอายุความนั้ น ไม่ทำาให้อายุความสะดุดหยุด
ลง (ค) ข้อต่อสู้ของนายดีว่าขาดอายุความนั้ นฟั งขึ้น เพราะนายดื่มฟ้ อง
คดีเมื่อเลยเวลา 2 ปี แล้ว โดยนายดีไม่ได้ทำาให้อายุความสะดุดหยุดลง
17. นายเอ นายบี และนายซี ได้ร่วมกันกู้เงินของนายดีไป 9,000 บาท
โดยยอมเป็ นลูกหนี้ ร่วมกัน ต่อมาปรากฏว่าในขณะทำาสัญญา นายเอเป็ นผู้
เยาว์ นายบีถูกนายซี่ ข่มขู่ให้ทำาสัญญาเพื่อช่วยนายซี แต่นายบีไม่กลัวคำา
ขู่และได้ทำาสัญญาเพื่อช่วยนายซี ภายหลังทำาสัญญากู้แล้ว นายเอ นายบี
ได้บอกล้างสัญญากู้โดยอ้างว่าเป็ นผู้เยาว์และถูกข่มขู่ตามลำาดับ เช่นนี้ นาย
เอ นายบี นายซี จะต้องรับผิดต่อนายดีหรือไม่เพียงใด คำาตอบ นายเอไม่
ต้องรับผิด ส่วนนายบีและนายซีจะต้องรับผิดในส่วนของตนรวม 6,000
บาท
18. นายวิ นิ จ นายวิ ชิ ต นายวิ ร ั ช เป็ นเจ้ า หนี้ ของนายวิ นั ยเป็ นเงิ น
6,000 บาท ต่ อ มาปรากฏว่ า นายวิ นิ จตาย ก่ อ นตายนายวิ นิ จได้ ทำา
พินัยกรรมยกทรัพย์มรดกของตนทั้งหมดรวมทั้งหนี้ เงินรายนี้ ด้วยให้แก่
นายวินัย เช่นนี้ นายวิชิตและนายวิรช
ั จะมีสิทธิเรียกให้นายวินัยชำาระเงิน
ให้แก่ตนได้เพียงใดหรือไม่ คำาตอบ นายวิชิต นายวิรช
ั มีสิทธิเรียกให้นาย
วินัยชำาระเงินให้แก่ตนได้คนละ 2,000 บาท

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


106

19. ณ สำานั กงานวางทรัพย์ได้ในกรณี ที่มีเจ้าหนี้ ร่วมหลายคนลูกหนี้ จะ


ชำาระหนี้ ให้เจ้าหนี้ คนใดคนหนึ่ ง แต่เจ้าหนี้ อื่นไม่ยินยอม
20. ก. ข. ค. เป็ นเจ้าหนี้ ร่วมของ ง. เป็ นเงิน 15,000 บาท ต่อมา ก.
ได้ปลดหนี้ ให้แก่ ง. จำานวน 5,000 บาท ดังนี้ ก. ข. ค. มีสิทธิท่ีจะเรียก
ให้ ง. ชำาระได้เพียงใดหรือไม่ คำาตอบ ชำาระคนละ 5,000 บาท

หน่วยที่ 8 การโอนสิทธิเรียกร้อง

1. การโอนสิทธิเรียกร้องคือ นิ ติกรรมระหว่างเจ้าหนี้ กับบุคคลภายนอก


อันทำาให้สิทธิเปลี่ยนแปลงจากเจ้าหนี้ ผู้โอนไปยังบุคคลภายนอกผู้รบ
ั โอน
หนี้ เดิมยังคงอยู่
2. การโอนสิทธิเรียกร้องอันจะพึงชำา ระแก่เจ้าหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงจะ
ต้องทำาเป็ นหนั งสือมิฉะนั้ นจะไม่สมบูรณ์ ส่วนการโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้
อันพึงชำาระตามเขาสัง่ ทำาโดยสลักหลังไว้ในตราสารและส่งมอบให้แก่ผู้รบ

โอน
3. ผลโดยทัว่ ไปของการโอนสิทธิเรียกร้อง คือผู้รบ
ั โอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้
โอน คือรับไปเพียงเท่าที่ผู้โอนมีสิทธิอยู่ แต่ในบางกรณี ผู้รบ
ั โอนก็อาจมี
สิทธิดีกว่าผู้โอน

8.1 หลักเกณฑ์การโอนสิทธิเรียกร้อง

สิทธิเรียกร้องที่สามารถโอนกันได้ไม่ว่าสิทธิเรียกร้องนั้ น จะเกิดจาก
มูลหนี้ อะไรและมีวัตถุแห่งหนี้ เป็ นอย่างไร แต่มีข้อยกเว้น 3 ประการ ซึ่ง
กฎหมายบัญญัติถึงสิทธิเรียกร้องที่โอนกันไม่ได้คือ
1. สิทธิเรียกร้องซึ่งมีสภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องว่าง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


107

2. สิทธิเรียกร้องซึ่งคู่กรณี แสดงเจตนาห้ามโอน
3. สิทธิเรียกร้องที่ศาลยึดไม่ได้

8.1.1ลักษณะทัว
่ ไปของการโอนสิทธิเรียกร้อง
การโอนสิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งมี ห ลั ก เกณฑ์ อ ย่ า งไรบ้ า ง อธิ บ ายและยก
ตัวอย่างประกอบ
การโอนสิ ท ธิ เ รี ย กร้ อ ง เป็ นนิ ติ ก รรมระหว่ า งเจ้ า หนี้ กั บ บุ ค คล
ภายนอก อันทำาให้สิทธิเปลี่ยนจากเจ้าหนี้ ผู้โอนไปยังบุคคลภายนอกผู้รบ

โอน หนี้ เดิมยังคงอยู่ การโอนสิทธิเรียกร้องใดๆ ย่อมมี ไม่ว่าสิทธิเรียก
ร้องจะเกิดจากมูลหนี้ อะไร เว้นแต่ท่ีกฎหมายบัญญัติห้ามโอนไว้

8.1.2สิทธิเรียกร้องที่โอนกันไม่ได้

ข้ อ ยกเว้ น ของการโอนสิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งมี อ ย่ า งไร อธิ บ ายและยก


ตัวอย่างประกอบ
ข้อยกเว้นสิทธิเรียกร้องที่กฎหมายห้ามโอน คือ
1. สิทธิเรียกร้องซึ่งสภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่อง
2. สิทธิเรียกร้องซึ่งคู่กรณี มีเจตนาห้ามโอน
3. สิทธิเรียกร้องที่ศาลยึดไม่ได้

8.2 แบบของการโอนสิทธิเรียกร้อง
1. การโอนสิ ทธิ เรีย กร้ องในหนี้ อั น พึง ต้ อ งชำา ระแก่ เ จ้ าหนี้ คนหนึ่ ง โดย
เฉพาะเจาะจง ถ้ามิได้ทำาเป็ นหนั งสือ ไม่สมบูรณ์ การโอนนั้ นจะยกขึ้นเป็ น
ข้อต่อสู้ลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอกได้แต่เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูก
หนี้ หรือ ลู ก หนี้ จะได้ ยิ น ยอมด้ ว ย ในการโอนนั้ น คำา บอกกล่ า วหรือ คำา
ยินยอมเช่นว่านี้ ต้องทำาเป็ นหนั งสือ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


108

2. การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ อันพึงต้องชำาระตามเขาสัง่ จะยกขึ้นเป็ น


ข้ อ ต่ อ สู้ลู กหนี้ หรือ บุ คคล ภายนอกได้ เมื่ อการโอนนั้ นได้ ส ลั ก หลั ง ไว้ ใ น
ตราสารและได้ส่งมอบตัวตราสารนั้ นให้แก่ผู้รบ
ั โอนไปด้วย

8.2.1การโอนสิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งในหนี้ อั น พึ ง ต้ อ งชำา ระแก่ เ จ้ า หนี้ คนหนึ่ ง

โดยเฉพาะเจาะจง
ก. เป็ นเจ้าหนี้ เงินกู้ ข. 20,000 บาท ต่อมา ก. โอนสิทธิเรียกร้อง
ให้ ค. โดยทำาเป็ นหนั งสือและ ค. ได้ส่งจดหมายบอกกล่าวการโอนไปยัง
ข. โดยโทรศัพท์ไปบอก ข. แต่ ข. ไม่อยู่ จึงบอกลูกจ้างของ ข. ไว้ แต่ ข.
ได้ชำาระหนี้ ให้แก่ ก. ก่อนที่ ข. จะกลับบ้าน ดังนี้ ค. จะเรียกให้ ข. ชำาระ
หนี้ ตามสิทธิเรียกร้องซึ่งตนได้รบ
ั โอนมาจาก ก. ได้อย่างไร หรือไม่
ตามมาตรา 306 การโอนสิทธิเรียกร้องที่จะยกขึ้นเป็ นข้อต่อสู้ลูกหนี้
ได้เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ เป็ นหนั ง สือ แต่ ค. มิได้ทำา ตาม
มาตรา 306 และ ข. ได้ ชำา ระหนี้ แก่ ก. ผู้ โ อนไปแล้ ว ก. ไม่ ต้อ งรับ ผิ ด
ชดใช้เงินจำานวนนั้ นต่อ ค. อีก
มาตรา 306 การโอนหนี้ อันจะพึงต้องชำา ระแก่เจ้าหนี้ คนหนึ่ งโดย
เฉพาะเจาะจงนั้ น ถ้าไม่ทำา เป็ นหนั งสือ ท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่ งการ โอน
หนี้ นั้ นท่านว่าจะยกขึ้นเป็ นข้อต่อสู้ลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอกได้ แต่เมื่อได้
บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้ จะได้ยินยอมด้วย ในการโอน
นั้ น คำาบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ ท่านว่าต้องทำา เป็ นหนั งสือ
ถ้าลูกหนี้ ทำา ให้พอแก่ใจผู้โอนด้วยการใช้เงิน หรือด้วยประการอื่น
เสี ย แต่ ก่อ นได้ ร บ
ั บอกกล่ า ว หรือ ก่ อ นได้ ตกลงให้ โ อนไซร้ ลูกหนี้ นั้ น ก็
เป็ นอันหลุดพ้นจากหนี้

8.2.2การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ อันพึงต้องชำาระตามเขาสัง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


109

ก. เขียนเช็คสัง่ จ่ายให้ ข. ข. สลักหลังโอนเช็คให้แก่ ง. แต่ยังไม่ได้


ส่งมอบให้ ง. ดังนี้ ง. จะเป็ นผู้รบ
ั โอนโดยมีสิทธิเรียกให้ธนาคารจ่ายเงิน
แก่ตนได้หรือไม่
ตามมาตรา 309 ผู้รบ
ั โอนจะยกขึ้นเป็ นข้อต่อสู้ลูกหนี้ ได้แต่เฉพาะ
เมื่อการโอนนั้ นได้สลักหลังไว้ในตราสาร และตัวตราสารนั้ นได้ส่งมอบให้
แก่ผู้รบ
ั โอนไปด้วย แต่ ง. ยังไม่ได้รบ
ั โอนเช็ค ง. ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องให้
ธนาคารจ่ายเงินให้ตน
มาตรา 309 การโอนหนี้ อันพึงต้องชำาระตามเขาสัง่ นั้ น ท่านว่า จะ
ยกขึ้นเป็ นข้อต่อสู้ลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอกคนอื่นได้แต่เฉพาะ เมื่อการ
โอนนั้ นได้สลักหลังไว้ในตราสาร และตัวตราสารนั้ นได้ส่งมอบ ให้แก่ผู้รบ

โอนไปด้วย

8.3 ผลของการโอนสิทธิเรียกร้อง
1. ถ้ าพิ พ าทอ้ างสิ ท ธิ ใ นการโอนต่ างราย โอนรายใดได้ บ อกกล่ าวหรือ
ตกลงก่อนโอนรายนั้ นมีสิทธิดีกว่าโอนรายอื่นๆ
2. เมื่อมีการโอนสิทธิเรียกร้อง สิทธิเรียกร้องจากผู้โอนย่อมตกได้แก่
ผู้รบ
ั โอน หากสิทธิเรียกร้องนั้ นมีท้ ังหนี้ ประธานและหนี้ อุปกรณ์ เมื่อหนี้
ประธานโอนไปยังผู้รบ
ั โอนแล้ว หนี้ อุปกรณ์คือจำา นอง จำา นำา คำ้าประกั น
ย่อมโอนไปแก่ผู้รบ
ั โอนด้วย
3. เมื่อโอนสิทธิเรียกร้องแล้ว ผู้รบ
ั โอนกลายมาเป็ นเจ้าหนี้ ใหม่ ลูกหนี้
ต้องรับชำาระหนี้ แก่ผู้รบ
ั โอนโดยตรง
4. เมื่อลูกหนี้ ให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องโดยไม่อิดเอื้ อน
ลูกหนี้ จะยกข้อต่อสู้ผู้รบ
ั โอนไม่ได้ แต่ถ้าลูกหนี้ มิได้ยินยอมด้วยแล้วเป็ น
แต่ได้รบ
ั คำา บอกกล่าวการโอน ลูกหนี้ มีข้อต่อสู้ผู้โอนอย่างไรก็ยกขึ้นเป็ น
ข้อต่อส้ผ
ู ู้รบ
ั โอนได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


110

5. ในกรณี การโอนสิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งในมู ล หนี้ อั น พึ ง ต้ อ งชำา ระตามเขาสั ่ง


ลูกหนี้ จะยกข้อต่อสู้ซ่ึงมีต่อเจ้าหนี้ เดิมมาเป็ นข้อต่อสู้ผู้รบ
ั โอนโดยสุจริต
นั้ นไม่ได้ เว้นแต่ท่ีปรากฏในตัวตราสารนั้ นเอง หรือที่มีข้ ึนเป็ นธรรมดาสืบ
จากลักษณะแห่งตราสารนั้ น

8.3.1ผลระหว่างผู้รับโอนต่างรายและผลระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอน

ผลในกฎหมายระหว่างผู้โอนสิทธิเรียกร้อง และผู้รบ
ั โอนสิทธิเรียก
ร้องนั้ นมีอย่างไรบ้าง
ผลในกฎหมายระหว่ า งผู้ โ อนกั บ ผู้ ร ับ โอนสิ ท ธิ เ รีย กร้ อ ง คื อ สิ ท ธิ
เรียกร้องจากผู้โอนย่อมตกได้แก่ผู้รบ
ั โอน โดยทำาให้ผู้รบ
ั โอนเข้ามาเป็ นเจ้า
หนี้ แทนผู้โอน และหนี้ อุปกรณ์ท้ ังหลายซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิเรียกร้อง คือ
จำานอง จำานำา คำ้าประกัน ย่อมโอนไปแก่ผู้รบ
ั โอนด้วย

8.3.2ผลระหว่างผู้รับโอนกับลูกหนี้

ก. เป็ นเจ้าหนี้ เงินกู้ ข. อยู่ 5,000 บาท ข. ได้ชำาระหนี้ ให้แก่ ก. ไป


แล้ว 3,000 บาท ต่อมาภายหลัง ก. โอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมีอยู่เหนื อ ข.
ให้ ค. ค.จึงบอกกล่าวการโอนแก่ ข. เป็ นหนั งสือโดย ข. มิได้ยินยอมด้วย
ค. จะเรียกให้ ข. ชำาระหนี้ แก่ตนทั้ง 5,000 บาท ได้หรือไม่
ตามมาตรา 308 วรรคสอง ลูกหนี้ มีสิทธิยกข้อต่อสู้ทุกอย่างที่ตนมี
อยู่ต่อผู้โอนมาต่อสู้กับผู้รบ
ั โอนได้ ดังนั้ น เมื่อ ข. ชำาระหนี้ ให้ ก. ไปแล้ว
3,000 บาท ก็ชอบที่จะยกข้อต่อสู้น้ ี มาสู้กับ ค. ผลคือ ข. ต้องชำาระหนี้ ที่
ค้างอยู่เพียง 2,000 บาทให้แก่ ค.

มาตรา 308 ถ้ า ลู ก หนี้ ได้ ใ ห้ ค วามยิ น ยอมดั ง กล่ า วมาใน มาตรา


306 โดยมิได้อิดเอื้ อน ท่านว่าจะยกข้อต่อสู้ท่ีมีต่อผู้โอนขึ้นต่อสู้ผู้รบ
ั โอน
นั้ นหาได้ไม่ แต่ถ้าเพื่อจะระงับหนี้ นั้ นลูกหนี้ ได้ใช้เงินให้แก่ผู้โอน ไปไซร้
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
111

ลูกหนี้ จะเรียกคืนเงินนั้ นก็ได้ หรือถ้าเพื่อการเช่นกล่าวมานั้ น ลูกหนี้ รับ


ภาระเป็ นหนี้ อย่างใดอย่างหนึ่ งขึ้นใหม่ต่อผู้โอน จะถือเสมือน หนึ่ งว่าหนี้
นั้ นมิได้ก่อขึ้นเลยก็ได้
ถ้ า ลู ก หนี้ เป็ นแต่ ไ ด้ ร ับ คำา บอกกล่ า วการโอน ท่ า นว่ า ลู ก หนี้ มี ข้ อ
ต่อสู้ผู้โอนก่อนเวลาที่ได้รบ
ั คำาบอกกล่าวนั้ นฉันใด ก็จะยกขึ้นเป็ น ข้อต่อสู้
แก่ผู้รบ
ั โอนได้ฉันนั้ น ถ้าลูกหนี้ มีสิทธิเรียกร้องจากผู้โอน แต่สิทธิน้ ั นยังไม่
ถึ ง กำา หนดในเวลาบอกกล่ าวไซร้ ท่ านว่ าจะเอา สิ ท ธิ เ รีย กร้ องนั้ นมาหั ก
กลบลบกันก็ได้ หากว่าสิทธิน้ ั นจะได้ถึงกำาหนด ไม่ช้ากว่าเวลาถึงกำาหนด
แห่งสิทธิเรียกร้องอันได้โอนไปนั้ น

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 8

1. การโอนสิทธิเรียกร้อ ง คือนิ ติกรรมระหว่างเจ้าหนี้ กับบุคคลภายนอก


อันทำา ให้สิทธิเปลี่ยนจากเจ้าหนี้ ผู้โอนไปยังบุคคลภายนอกผู้รบ
ั โอน โดย
หนี้ เดิมยังคงอยู่
2. การโอนสิทธิเรียกร้องอันจะพึงชำา ระแก่เจ้าหนี้ โดยเฉพาะเจาะจงจะ
ต้องทำาเป็ นหนั งสือ
3. การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ อันพึงชำา ระตามเขาสัง่ ต้องทำา โดยสลัก
หลังในตราสารและส่งมอบให้แก่ผู้รบ
ั โอน
4. สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งดั ง ต่ อ ไปนี้ โอนกั น ไม่ ไ ด้ คื อ (ก) สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งซึ่ ง
สภาพแห่ งหนี้ ไม่ เ ปิ ดช่ อ ง (ข) สิ ท ธิ เ รีย กร้ องซึ่ ง คู่ กรณี แสดงเจตนาห้ า ม
โอน (ค) สิทธิเรียกร้องซึ่งศาลยึดไม่ได้
5. การโอนสิทธิเรียกร้องโดยไม่บอกกล่าวลูกหนี้ หรือลูกหนี้ ไม่ยินยอม
ด้วยมีผลทำาให้ ยกขึ้นเป็ นข้อต่อสู้ลูกหนี้ ไม่ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


112

6. ก. เป็ นเจ้ า หนี้ เงิ น กู้ ข. อยู่ 30,000 บาท แต่ ว่ า หนี้ นั้ นขาดอายุ
ความแล้วต่อมา ก. ได้โอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ นี้ ให้ ค. โดย ข. ก็ให้ความ
ยินยอมโดยไม่อิดเอื้ อน ค. จะเรียกให้ ข. ชำา ระหนี้ เงินจำา นวน 30,000
บาท แก่ตน ได้เพราะ ข. ยินยอมจึงต้องชำาระเต็มทั้ง 30,000 บาท
7. สิทธิเรียกร้องที่โอนกันได้คือ สิทธิในหนี้ เงินกู้
8. ก. กู้ เ งิ น ข. ไป 5,000 บาท และตกลงกั น ว่ า ข. จะไม่ โ อนสิ ท ธิ
เรียกร้องไปยังผู้อ่ ืน ต่อมา ข. โอนสิทธิเรียกร้องในหนี้ รายนี้ ให้ ค. บุคคล
ภายนอกผู้ สุ จ ริต ซึ่ ง เป็ นการฝ่ าฝื นข้ อ ตกลง ดั ง นี้ ก. จะปฏิ เ สธไม่ ย อม
ชำา ระหนี้ แก่ ค. ได้หรือไม่ ไม่ได้เพราะ ค. เป็ นบุคคลภายนอกซึ่งสุจริต
และต้องเสียหายจากข้อตกลงดังกล่าว
9. การโอนสิทธิเรียกร้องเป็ นการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ แต่หนี้ เดิมไม่ระงับ

หน่วยที่ 9 ความระงับแห่งหนี้

1. หนี้ เมื่อเกิดขึ้นและมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว อาจระงับลงได้ใน


หลายๆ กรณี ต่างๆ กัน การชำาระหนี้ เป็ นวิธีการหนึ่ งซึ่งมีผลทำาให้หนี้ ระงับ
คือ ความผูกพันระหว่างเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ที่มีอยู่ในมูลหนี้ นั้ นเป็ นอันสิ้นสุดลง
แต่การชำาระหนี้ ที่จะมีผลทำาให้หนี้ ระงับลงได้น้ ั นต้องเป็ นการชำา ระหนี้ โดย
ชอบ
2. การปลดหนี้ ก็เป็ นวิธีการระงับหนี้ อีกวิธีหนึ่ ง ซึ่งเจ้าหนี้ สละสิทธิเรียก
ร้องที่ตนมีอยู่ในมูลหนี้ ให้แก่ลูกหนี้ โดยเสน่หา ไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ

การชำาระหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


113

1. บุคคลที่จะมีอำานาจชำาระหนี้ ได้โดยชอบนั้ น ปกติได้แก่ ตัวลูกหนี้ แต่


บุ คคลภายนอกก็ อาจเข้ามาชำา ระหนี้ แก่ เ จ้าหนี้ แทนลูกหนี้ ได้ หากสภาพ
แห่งหนี้ เปิ ดช่องให้และไม่เป็ นการขัดกับเจตนาอันคู่กรณี ได้แสดงไว้
2. การชำา ระหนี้ โดยชอบต้อ งชำา ระแก่บุ คคลผู้ มีอำา นาจรับ ชำา ระหนี้ อัน
ได้ แ ก่ ตั ว เจ้ า หนี้ เองและบุ ค คลอื่ นๆ ซึ่ ง กฎหมายบั ญ ญั ติ ใ ห้ มี ก ารให้ มี
อำานาจรับชำาระหนี้
3. การชำา ระหนี้ ให้ ถู ก ต้ อ งตามความประสงค์ ท่ี แ ท้ จ ริง ของมู ล หนี้ ซึ่ ง
เป็ นการชำา ระหนี้ โดยชอบนั้ น นอกจากจะต้องพิจารณาในเรื่องผู้ชำา ระหนี้
และผู้รบ
ั ชำาระหนี้ แล้ว การชำาระหนี้ นั้ นต้องชอบด้วยวัตถุแห่งการชำาระหนี้
สถานที่ชำาระหนี้ และค่าใช้จ่ายในการชำาระหนี้ ด้วย
4. หลักฐานแห่งการชำา ระหนี้ มีไว้เพื่อประโยชน์ของผู้ชำา ระหนี้ ในการที่
จะพิสูจน์ในเบื้ องต้นว่า หนี้ ได้ระงับลงแล้วด้วยการชำาระหนี้
5. การจัดสรรชำา ระหนี้ เป็ นความจำา เป็ นในกรณี ท่ีลู กหนี้ มี ห นี้ อยู่ ห ลาย
ราย หรือหนี้ รายเดียวซึ่งต้องชำาระหลายอย่าง แล้วลูกหนี้ ไม่สามารถชำาระ
ได้ครบหมดทุกรายหรือทุกอย่างในการชำาระหนี้ ครั้งหนึ่ งๆ
6. เมื่ อใดมี ก ารขอปฏิ บั ติ ก ารชำา ระหนี้ โดยชอบแล้ ว ย่ อ มมี ผ ลทำา ให้
บรรดาความรับผิดชอบของลูกหนี้ อันจะเกิดจากการไม่ชำาระหนี้ เป็ นอันได้
ปลดเปลื้ องไป นั บแต่เวลาที่ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ นั้ น

ผู้ชำาระหนี้
หลักเกณฑ์สำาหรับบุคคลภายนอกที่จะเข้าชำาระหนี้ แทนลูกหนี้ ได้โดย
ชอบนั้ น มีสาระสำาคัญอย่างไร อธิบาย
ผู้ท่ีชำาระหนี้ ได้โดยชอบได้แก่บุคคลต่อไปนี้
(1) ตัวลูกหนี้ เอง
(2) บุคคลภายนอกซึ่งเข้าชำาระหนี้ แทนลูกหนี้ ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


114

ตาม มาตรา 14 วางข้อยกเว้นมิให้บุคคลภายนอกชำาระหนี้ แทนลูก


หนี้ ได้มี 3 ประการ คือ
1. เมื่ อสภาพแห่ง หนี้ ไม่ เ ปิ ดช่ อ งให้ บุ ค คลภายนอกชำา ระหนี้
แทนได้ เพราะเป็ นกรณี ท่ีวัตถุแห่งหนี้ เป็ นการกระทำา หรืองดเว้นการกระ
ทำา ซึ่งโดยสภาพของหนี้ เป็ นเรื่องที่เกี่ยวกับความสามารถเฉพาะตัวของ
ลู ก หนี้ หรือ เป็ นการที่ ลู กหนี้ จะต้ อ งปฏิ บั ติ ก ารชำา ระหนี้ ด้ ว ยตนเอง การ
ชำาระหนี้ นั้ นจึงจะสำาเร็จผลตามความประสงค์อันแท้จริงของมูลหนี้
2. ถ้าคู่กรณี แสดงเจตนาไว้ว่าบุค คลภายนอกจะทำา การชำา ระ
หนี้ ไม่ ไ ด้ เ ช่ น นี้ บุ ค คลภายนอกก็ จ ะเข้ า ทำา การชำา ระหนี้ ไม่ ไ ด้ การแสดง
เจตนาต้องเป็ นเรื่องตกลงกันระหว่างเจ้าหนี้ และลูกหนี้
3. บุคคลภายนอกซึ่ง ไม่ มีส่ วนได้ เสี ยในการชำา ระหนี้ จะเข้ า
ชำา ระหนี้ โดยขืนใจลูกหนี้ ไม่ได้ เพราะอาจเป็ นเรื่องเกี่ยวกับเกียรติยศชื่อ
เสียงของลูกหนี้

มาตรา 314 อั น การชำา ระหนี้ นั้ นท่ า นว่ า บุ ค คลภายนอกจะเป็ นผู้


ชำาระก็ได้ เว้นแต่สภาพแห่งหนี้ จะไม่เปิ ดช่องให้บุคคลภายนอกชำาระ หรือ
จะขัดกับเจตนาอันคู่กรณี ได้แสดงไว้
บุคคลผู้ไม่มีส่วนได้เสียด้วยในการชำา ระหนี้ นั้ น จะเข้าชำาระหนี้ โดย
ขืนใจลูกหนี้ หาได้ไม่

ก. และ ข. ร่ ว มกั น กู้ เ งิ น จาก ค. มา 1,000 บาท เมื่ อถึ ง กำา หนด
ชำา ระ ก. นำา เงิน 1,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยไปชำา ระให้แก่ ค. โดย ข.
ไม่ยินยอม ค. รับชำาระหนี้ ไว้ หนี้ รายนี้ ระงับหรือไม่ เพราะเหตุใด
กรณี ตามอุทาหรณ์ นี้ ไม่เข้าตามมาตรา 314 ก. เป็ นลูกหนี้ ร่วมกับ
ข. จึงเข้าชำาระหนี้ โดยขืนใจ ข. ได้ เพราะมีส่วนได้เสียตามบทบัญญัติใน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


115

เรื่องลูกหนี้ ร่วม (มาตรา 291 และ มาตรา 292) ก. ไม่ใช่บุคคลภายนอก


ตามมาตรา 314

มาตรา 291 ถ้าบุคคลหลายคนจะต้องทำา การชำา ระหนี้ โดยทำา นอง


ซึ่ ง แต่ ล ะคนจำา ต้ อ งชำา ระหนี้ สิ้ นเชิ ง ไซร้ แม้ ถึ ง ว่ า เจ้ า หนี้ ชอบที่ จ ะได้ ร ับ
ชำาระหนี้ สิ้นเชิงได้แต่เพียงครั้งเดียว (กล่าวคือลูกหนี้ ร่วมกัน) ก็ดี เจ้าหนี้
จะเรียกชำาระหนี้ จากลูกหนี้ แต่คนใดคนหนึ่ งสิ้นเชิง หรือแต่ โดยส่วนก็ได้
ตามแต่จะเลือกแต่ลูกหนี้ ทั้งปวงก็ยังคงต้องผูกพันอยู่ ทัว่ ทุกคนจนกว่า
หนี้ นั้ นจะได้ชำาระเสร็จสิ้นเชิง
มาตรา 292 การที่ ลู ก หนี้ ร่ ว มกั น คนหนึ่ ง ชำา ระหนี้ นั้ นย่ อ มได้ เ ป็ น
ประโยชน์แก่ลูกหนี้ คนอื่น ๆ ด้วย วิธีเดียวกันนี้ ท่านให้ใช้บังคับแก่ การใด
ๆ อันพึงกระทำา แทนชำา ระหนี้ วางทรัพย์สินแทนชำา ระหนี้ และ หักกลบ
ลบหนี้ ด้วย
ลูกหนี้ ร่วมกันคนหนึ่ งมีสิทธิเรียกร้องอย่างไร ลูกหนี้ คนอื่น ๆ จะ
เอาสิทธิอันนั้ นไปใช้หักกลบลบหนี้ หาได้ไม่

ผู้รับชำาระหนี้
บุคคลผู้มีอำานาจรับชำาระหนี้ ได้แก่ บุคคลประเภทใดบ้าง อธิบาย
บุคคลผู้มีอำานาจรับชำาระหนี้ ได้โดยชอบได้แก่
1) เจ้าหนี้ กับผู้มีอำานาจรับชำาระหนี้ ตามมาตรา 315
2) ผู้ครองตามปรากฏแห่งสิทธิ ตามมาตรา 316
3) ผู้ไม่มีสิทธิรบ
ั ชำาระหนี้ ได้รบ
ั ชำาระหนี้ ตามมาตรา 317
4) ผู้ถือใบเสร็จ ตามมาตรา 318
5) กรณี ลูกหนี้ ได้รบ
ั คำาสัง่ อายัดจากศาล ตามมาตรา 319

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


116

มาตรา 315 อั น การชำา ระหนี้ นั้ น ต้ อ งทำา ให้ แ ก่ ตั ว เจ้ า หนี้ หรือ แก่
บุคคลผู้มีอำา นาจรับชำา ระหนี้ แทนเจ้าหนี้ การชำา ระหนี้ ให้แก่บุคคลผู้ ไม่มี
อำานาจรับชำาระหนี้ นั้ น ถ้าเจ้าหนี้ ให้สัตยาบันก็นับว่าสมบูรณ์
มาตรา 316 ถ้าการชำาระหนี้ นั้ นได้ทำาให้แก่ผู้ครองตามปรากฏ แห่ง
สิทธิในมูลหนี้ ท่านว่าการชำาระหนี้ นั้ นจะสมบูรณ์ก็แต่เมื่อบุคคล ผู้ชำาระหนี้
ได้กระทำาการโดยสุจริต
มาตรา 317 นอกจากกรณี ท่ีกล่าวไว้ใน มาตรา ก่อน การชำาระหนี้
แก่บุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะได้รบ
ั นั้ น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์เพียงเท่าที่ตัว เจ้าหนี้
ได้ลาภงอกขึ้นแต่การนั้ น
มาตรา 318 บุคคลผู้ถือใบเสร็จเป็ นสำาคัญ ท่านนั บว่าเป็ นผู้มีสิทธิ
จะได้ชำา ระหนี้ แต่ความที่กล่าวนี้ ท่านมิให้ใช้ ถ้าบุคคลผู้ชำา ระหนี้ รู้ว่าสิทธิ
นั้ น หามีไม่ หรือไม่รู้เท่าถึงสิทธิน้ ั นเพราะความประมาทเลินเล่อของตน
มาตรา 319 ถ้ า ศาลสั ่ง ให้ ลู ก หนี้ คนที่ ส ามงดเว้ น ทำา การชำา ระหนี้
แล้ว ยังขืนชำาระหนี้ ให้แก่เจ้าหนี้ ของตนเองไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ ผู้ท่ีร้องขอ
ให้ ยึ ด ทรัพ ย์ จ ะเรีย กให้ ลู ก หนี้ คนที่ ส ามนั้ นทำา การชำา ระหนี้ อี ก ให้ คุ้ ม กั บ
ความเสียหายอันตนได้รบ
ั ก็ได้
อนึ่ ง ข้ อ ความซึ่ ง กล่ า วมาในวรรคข้ า งต้ น นี้ หาเป็ นข้ อ ขั ด ขวางใน
การที่ลูกหนี้ คนที่สามจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่เจ้าหนี้ ของตนเองนั้ นไม่

ดำา ขับรถไปชนกับรถของแดงซึ่งเอาประกันไว้กับบริษัทประกันภัย
รถของแดงเสี ย หายต้ อ งเสี ย ค่ า ซ่ อ ม 3,000 บาท ซึ่ ง บริษั ท ประกั น ภั ย
ชำาระให้แก่แดงไปตามสัญญาประกัน แล้วเรียกร้องให้ดำาชดใช้เงินจำานวน
ดังกล่าว ดำาเห็นว่าบริษัทประกันภัยไม่ใช่เจ้าของรถที่ถูกรถของตนชน จึง
ชำา ระให้ แก่ แดงไป การชำา ระหนี้ ของดำา เป็ นการชำา ระหนี้ โดยชอบหรือ ไม่
เพราะเหตุใด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


117

กรณี ตามอุ ท าหรณ์ บริษั ท ประกั น ภั ย เข้ า รับ ช่ ว งสิ ท ธิ ข องแดงตาม


กฎหมาย มาตรา 226 มาตรา 227 จึงชอบที่จะใช้สิทธิท่ีแดงมีอยู่ ต่อดำา
ผู้กระทำาละเมิดได้ ในนามของตนเอง บริษัทประกันภัยจึงเป็ นผู้มีอำานาจ
รับชำาระหนี้ โดยชอบ เพราะอำานาจรับชำาระหนี้ ของแดงหมดไปแล้ว การที่
ดำาชำาระหนี้ ให้แก่แดงไป จึงเป็ นการกระทำาโดยมิชอบ บริษัทประกันภัยมี
สิทธิเรียกร้องให้ดำาชำาระเงินดังกล่าวซำ้าสองได้

มาตรา 226 บุคคลผู้รบ


ั ช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ ชอบที่จะใช้สิทธิ ทั้ง
หลายบรรดาที่เจ้าหนี้ มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้ นั้ น ได้ในนาม
ของตนเอง
ช่วงทรัพย์ ได้แก่เอาทรัพย์สินอันหนึ่ งเข้าแทนที่ทรัพย์สินอีก อัน
ห นึ่ ง ใ น ฐ า น ะ นิ ติ นั ย อ ย่ า ง เ ดี ย ว กั น กั บ ท รั พ ย์ สิ น อั น ก่ อ น
มาตรา 227 เมื่อเจ้าหนี้ ได้รบ
ั ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายเต็ม
ตามราคาทรัพ ย์ห รือ สิทธิ ซ่ึง เป็ นวั ตถุ แห่ งหนี้ นั้ นแล้ว ท่านว่ าลู กหนี้ ย่ อม
เข้าสู่ฐานะเป็ นผู้รบ
ั ช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ อันเกี่ยวกับทรัพย์หรือสิทธิ นั้ น ๆ
ด้วยอำานาจกฎหมาย

หลักเกณฑ์ทัว่ ไปในการชำาระหนี้
การชำา ระหนี้ ให้ถูกต้องตามความประสงค์ท่ีแท้จริงของมูลหนี้ นอก
เหนื อจากเรื่องกำาหนดเวลาชำาระ และตัวบุคคลผู้มีอำานาจชำาระหนี้ และรับ
ชำาระหนี้ แล้ว ยังควรต้องคำานึ งถึงกรณี ใดอีกบ้าง อธิบายพอสังเขป
ต้องชอบด้วยวัตถุแห่งการชำา ระหนี้ สถานที่ในการชำา ระหนี้ และค่า
ใช้จ่ายในการชำาระหนี้ ตามมาตรา 320 –มาตรา 325

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


118

มาตรา 320 อั น จะบั ง คั บ ให้ เ จ้ า หนี้ รับ ชำา ระหนี้ แต่ เ พี ย งบางส่ ว น
หรือให้รบ
ั ชำาระหนี้ เป็ นอย่างอื่นผิดไปจากที่จะต้องชำาระแก่เจ้าหนี้ นั้ น ท่าน
ว่าหาอาจจะบังคับได้ไม่
มาตรา 321 ถ้าเจ้าหนี้ ยอมรับการชำาระหนี้ อย่างอื่นแทนการ ชำาระ
หนี้ ที่ได้ตกลงกันไว้ ท่านว่าหนี้ นั้ นก็เป็ นอันระงับ สิ้นไป
ถ้าเพื่อที่จะทำาให้พอแก่ใจเจ้าหนี้ นั้ น ลูกหนี้ รับภาระเป็ นหนี้ อย่างใด
อย่ า งหนึ่ งขึ้ นใหม่ ต่ อ เจ้ า หนี้ ไซร้ เมื่ อกรณี เป็ นที่ สงสั ย ท่ า นมิ ใ ห้
สันนิ ษฐานว่าลูกหนี้ ได้ก่อหนี้ นั้ นขึ้นแทนการชำาระหนี้
ถ้ า ชำา ระหนี้ ด้ ว ยออก-ด้ ว ยโอน-หรือ ด้ ว ยสลั ก หลั ง ตั ๋ว เงิ น หรือ
ประทวนสิ น ค้ า ท่านว่ าหนี้ นั้ นจะระงั บสิ้ นไปต่ อ เมื่ อตั ว๋ เงิ น หรือ ประทวน
สินค้านั้ นได้ใช้เงินแล้ว
มาตรา 322 ถ้าเอาทรัพย์ก็ดี สิทธิเรียกร้องจากบุคคลภายนอกก็ดี
หรือสิ ท ธิ อ ย่ า งอื่ น ก็ ดี ให้ แทนการชำา ระหนี้ ท่ านว่ าลู กหนี้ จะต้ อ งรับ ผิ ด
เพื่อชำารุดบกพร่องและเพื่อการรอนสิทธิทำานองเดียวกับผ้ข
ู าย
มาตรา 323 ถ้ า วั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ เป็ นอั น ให้ ส่ ง มอบทรัพ ย์ เ ฉพาะสิ่ ง
ท่านว่าบุคคลผู้ชำาระหนี้ จะต้องส่งมอบทรัพย์ตามสภาพที่เป็ นอยู่ใน เวลาที่
จะพึงส่งมอบ
ลู ก หนี้ จำา ต้ อ งรัก ษาทรัพ ย์ น้ ั นไว้ ด้ ว ยความระมั ด ระวั ง เช่ น อย่ า ง
วิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง จนกว่าจะได้ส่งมอบทรัพย์น้ ั น
มาตรา 324 เมื่อมิได้มีแสดงเจตนาไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าจะ พึง
ชำา ระหนี้ ณ สถานที่ ใ ดไซร้ หากจะต้ อ งส่ง มอบทรัพ ย์ เ ฉพาะสิ่ ง ท่ านว่ า
ต้องส่งมอบกัน ณ สถานที่ซ่ึงทรัพย์น้ ั นได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อ ให้เกิดหนี้ นั้ น
ส่ ว นการชำา ระหนี้ โดยประการอื่ น ท่ า นว่ า ต้ อ งชำา ระ ณ สถานที่ ซ่ึ ง เป็ น
ภูมิลำาเนาปั จจุบันของเจ้าหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


119

มาตรา 325 เมื่อมิได้มีแสดงเจตนาไว้ในข้อค่าใช้จ่ายในการชำา ระ


หนี้ ท่านว่าฝ่ ายลูกหนี้ พึงเป็ นผู้ออกค่าใช้จ่าย แต่ถ้าค่าใช้จ่ายนั้ นมี จำานวน
เพิ่มขึ้นเพราะเจ้าหนี้ ย้ายภูมิลำาเนาก็ดี หรือเพราะการอื่นใด อันเจ้าหนี้ ได้
กระทำาก็ดี ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเท่าใดเจ้าหนี้ ต้องเป็ นผู้ออก

หลักฐานแห่งการชำาระหนี้
หลักฐานแห่งการชำา ระหนี้ มีประโยชน์อย่างไรสำา หรับผู้ชำา ระหนี้ ให้
เหตุผลตามมาตรา 326 และ มาตรา 327
หลักฐานแห่งการชำาระหนี้ มีประโยชน์ต่อลูกหนี้ สำาหรับการพิสูจน์ข้อ
เท็จจริงว่าหนี้ ได้มีการชำาระแล้ว ซึ่งหลักฐานดังกล่าว เช่น ใบเสร็จรับเงิน
หรือการเวนคืนเอกสารอันเป็ นหลักฐานแห่งหนี้ นั้ นเป็ นสิ่งที่จะสามารถนำา
มาพิสูจน์ได้ดีกว่าพยานบุคคลซึ่งอาจมีการหลงลืมหรือเบิกความเท็จได้

การจัดสรรชำาระหนี้
หลั ก เกณฑ์ ใ นเรื่อ งการจั ด สรรชำา ระหนี้ เกิ ด ขึ้ นโดยอาศั ย เหตุ ผ ล
อย่างไร และมีสาระสำาคัญอย่างไรบ้าง อธิบาย
เหตุ ผ ลในเรื่อ งการจั ด สรรชำา ระหนี้ เป็ นลำา ดั บ ก่ อ นหลั ง ก็ เ พื่ อขจั ด
ปั ญหาข้ อ โต้ ถี ย งที่ อ าจเกิ ด ขึ้ นได้ ใ นกรณี ลู ก หนี้ เป็ นหนี้ ต่ อ เจ้ า หนี้ คน
เดียวกันในมูลหนี้ หลายราย เช่น เป็ นหนี้ เงินกู้บ้าง หนี้ ค่าเช่าบ้าง หรือหนี้
รายเดี ย วกั น แต่ มี ก ารต้ อ งชำา ระหนี้ หลายอย่ า ง เช่ น เป็ นหนี้ เงิ น กู้ ต้ อ ง
ชำาระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็ นต้น แต่ลูกหนี้ ไม่สามารถชำาระหนี้ เหล่านี้
ได้หมดทุกราย (ในกรณี มีมูลหนี้ หลายราย) หรือหมดทุกอย่าง (ในกรณี
มูลหนี้ รายเดียวแต่ต้องชำา ระหลายอย่าง) ในการชำา ระหนี้ ครั้งหนึ่ งๆ หาก
ไม่ มี ก ฎหมายบั ญ ญั ติ จั ด ลำา ดั บ แห่ ง การชำา ระหนี้ ก่ อ นหลั ง ไว้ ก็ จ ะเป็ น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


120

ปั ญหาโต้เถียงได้ส่วนจะเอาชำาระหนี้ รายใดก่อน จึงจะผ่อนคลายภาระของ


ลูกหนี้ ไปได้

มาตรา 328 ถ้าลูกหนี้ ต้องผูกพันต่อเจ้าหนี้ ในอันจะกระทำาการเพื่อ


ชำา ระหนี้ เป็ นการอย่างเดียวกันโดยมูลหนี้ หลายราย และถ้าการที่ ลูกหนี้
ชำา ระหนี้ นั้ นไม่เ พีย งพอจะเปลื้ องหนี้ สิ น ได้ ห มดทุ กรายไซร้ เมื่อ ทำา การ
ชำา ระหนี้ ลู กหนี้ ระบุ ว่ าชำา ระหนี้ สิ น รายใด ก็ ใ ห้ห นี้ สิ น รายนั้ น เป็ นอั น ได้
เปลื้ องไป
ถ้าลูกหนี้ ไม่ระบุ ท่านว่าหนี้ สินรายไหนถึงกำาหนด ก็ให้รายนั้ นเป็ น
อันได้เปลื้ องไปก่อน ในระหว่างหนี้ สินหลายรายที่ถึงกำาหนดนั้ น รายใดเจ้า
หนี้ มีประกันน้อยที่สุดก็ให้รายนั้ นเป็ นอันได้เปลื้ องไปก่อน ในระหว่างหนี้
สินหลายรายที่มีประกันเท่า ๆ กัน ให้รายที่ตกหนั ก ที่สุดแก่ลูกหนี้ เป็ น
อันได้เปลื้ องไปก่อนในระหว่างหนี้ สินหลายรายที่ ตกหนั กแก่ลูกหนี้ เท่าๆ
กัน ให้หนี้ สินรายเก่าที่สุดเป็ นอันได้เปลื้ องไป ก่อน และถ้ามีหนี้ สินหลาย
รายเก่าเท่ า ๆ กัน ก็ให้หนี้ สินทุกรายเป็ น อันได้เปลื้ องไปตามส่ว นมาก
แ ล ะ น้ อ ย
มาตรา 329 ถ้านอกจากการชำาระหนี้ อันเป็ นประธาน ลูกหนี้ ยัง จะ
ต้องชำาระดอกเบี้ยและเสียค่าฤชาธรรมเนี ยมอีกด้วยไซร้ หากการ ชำาระหนี้
ในครั้งหนึ่ งๆ ไม่ได้ราคาเพียงพอจะเปลื้ องหนี้ สินได้ท้ ังหมด ท่านให้เอา
จัดใช้เป็ นค่าฤชาธรรมเนี ยมเสียก่อนแล้วจึงใช้ดอกเบี้ยและ ในที่สุดจึงให้
ใช้ในการชำาระหนี้ อันเป็ นประธาน
ถ้าลูกหนี้ ระบุให้จัดใช้เป็ นประการอื่น ท่านว่าเจ้าหนี้ จะบอกปั ดไม่
ยอมรับชำาระหนี้ ก็ได้

ผลของการขอปฏิบต
ั ิการชำาระหนี้ โดยชอบ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


121

การขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ โดยชอบ คื ออย่างไร มี ผลตามกฎหมาย


อย่างไร อธิบาย
ถ้าได้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ โดยชอบแล้ว บรรดาความรับผิดชอบอัน
เกิดแต่ การไม่ ชำา ระหนี้ ก็ เป็ นอั น ได้ ปลดเปลื้ องไปนั บแต่ เวลาที่ ข อปฏิ บั ติ
การชำาระหนี้ โดยชอบ เพื่อความเป็ นธรรมแก่ลูกหนี้ เนื่ องจากมีกรณี ท่ีลูก
หนี้ ได้พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนในการชำา ระหนี้ ให้
แก่เจ้าหนี้ แต่เจ้าหนี้ ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับชำา ระหนี้ แม้ว่าจะเป็ นการขอ
ปฏิ บั ติก ารชำา ระหนี้ โดยชอบแล้ ว เช่ น เป็ นหนี้ เงิ น กู้ เ ขาก็ เ อาทั้ ง ต้ น และ
ดอกตามจำานวนที่จะต้องใช้จนครบถ้วนมาชำาระโดยถูกต้อง เจ้าหนี้ ก็ยังหา
ทางบ่ายเบี่ยงจะเอาประโยชน์อย่างอื่นโดยมิชอบ เหตุขัดข้องที่ยังไม่มีการ
ชำาระหนี้ เกิดแก่ฝ่ายเจ้าหนี้ เอง

มาตรา 330 เมื่อขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ โดยชอบแล้ว บรรดาความ


รับผิดชอบอันเกิดแต่การไม่ชำาระหนี้ ก็เป็ นอันปลดเปลื้ องไป นั บแต่เวลาที่
ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ นั้ น

ดำาเป็ นหนี้ เงินกู้แดงอยู่ 500 บาท เมื่อถึงกำาหนดชำาระดำาขอชำาระให้


แดงเพี ย ง 350 บาท ก่ อ น แดงไม่ ย อมรับ ชำา ระ ดั ง นี้ ดำา จะถื อ ว่ า แดง
ผิดนั ด เพราะตนได้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ ชำาระหนี้ โดยชอบแล้ว ได้หรือไม่
ตามมาตรา 320 จะบั ง คั บ ให้ เ จ้ า หนี้ รับ ชำา ระแต่ เ พี ย งบางส่ ว นจะ
กระทำาไม่ได้ เว้นแต่ลูกหนี้ จะขอปฏิบัติการชำาระหนี้ ต่อเจ้าหนี้ เสียก่อนตาม
มาตรา 208
แดงไม่ ผิ ด นั ด ยั ง ไม่ ถื อ ได้ ว่ า ดำา ได้ ข อปฏิ บั ติ ก ารชำา ระหนี้ โดยชอบ
เว้นเสียแต่ว่าดำาจะได้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ ต่อแดงเป็ นอย่างนั้ นโดยตรง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


122

มาตรา 207 ถ้าลูกหนี้ ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ และเจ้าหนี้ ไม่รบ


ั ชำาระ
หนี้ นั้ นโดยปราศจากมูล เหตุอั นจะอ้ างกฎหมายได้ ไซร้ ท่านว่าเจ้ าหนี้ ตก
เป็ นผู้ผิดนั ด
มาตรา 208 การชำา ระหนี้ จะให้สำา เร็จผลเป็ นอย่างใด ลูกหนี้ จะ
ต้องขอปฏิบัติการชำาระหนี้ ต่อเจ้าหนี้ เป็ นอย่างนั้ นโดยตรง
มาตรา 320 อั น จะบั ง คั บ ให้ เ จ้ า หนี้ รับ ชำา ระหนี้ แต่ เ พี ย งบางส่ ว น
หรือให้รบ
ั ชำาระหนี้ เป็ นอย่างอื่นผิดไปจากที่จะต้องชำาระแก่เจ้าหนี้ นั้ น ท่าน
ว่าหาอาจจะบังคับได้ไม่
มาตรา 330 เมื่อขอปฏิบัติการชำา ระหนี้ โดยชอบแล้ว บรรดาความ
รับผิดชอบอันเกิดแต่การไม่ชำาระหนี้ ก็เป็ นอันปลดเปลื้ องไป นั บแต่ เวลา
ที่ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ นั้ น

การวางทรัพย์
การวางทรัพย์ คืออะไร มีเหตุผลอย่างไร มีหลักเกณฑ์ที่ควรคำา นึ ง
ถึงอย่างไรบ้าง อธิบายโดยสังเขป
การวางทรัพย์เป็ นทางออกของลูกหนี้ ที่จะทำา ให้หลุดพ้นจากหนี้ ได้
หลักเกณฑ์ท่ีผู้ชำา ระหนี้ จะวางทรัพย์อันเป็ นวัตถุแห่งหนี้ ไว้เพื่อประโยชน์
แก่เจ้าหนี้ มีได้ 3 ประการคือ
1)เจ้าหนี้ บอกปั ดไม่ยอมชำาระหนี้ ทั้งๆ ที่ผู้ชำาระหนี้ ได้ขอปฏิบัติการ
ชำา ระหนี้ โดยชอบแล้ว ถ้าเป็ นการขอปฏิ บัติการชำา ระหนี้ โดยไม่ ชอบ เจ้า
หนี้ ย่อมมีสิทธิบอกปั ดได้
2)เจ้ า หนี้ ไม่ ส ามารถรับ ชำา ระหนี้ ได้ เช่ น เจ้ า หนี้ ถู ก ศาลสั ่ง ให้ เ ป็ น
บุคคลไร้ความสามารถ หรือมีเหตุขัดข้องอย่างอื่น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


123

3)ผู้ ชำา ระหนี้ ไม่ ส ามารถจะหยั ่ ง รู้ ถึ ง สิ ท ธิ ห รือ ไม่ รู้ ตั ว เจ้ า หนี้ โดย
แน่นอน โดยมิใช่ความผิดของตน เช่น เจ้าหนี้ ตายและมีบุคคลอื่นหลาย
คนมาอ้างเป็ นผู้มีสิทธิได้รบ
ั ชำาระหนี้ เพราะเป็ นทายาทโดยธรรม

มาตรา 331 ถ้ า เจ้ า หนี้ บอกปั ดไม่ ย อมรับ ชำา ระหนี้ ก็ ดี หรือ ไม่
สามารถจะรับชำาระหนี้ ได้ก็ดี หากบุคคลผู้ชำาระหนี้ วางทรัพย์อันเป็ น วัตถุ
แห่งหนี้ ไว้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ แล้ว ก็ย่อมจะเป็ นอันหลุดพ้นจากหนี้
ได้ความข้อนี้ ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณี ท่ีบุคคลผู้ชำาระหนี้ ไม่สามารถจะหยัง่ รู้
ถึงสิทธิ หรือไม่รู้ตัวเจ้าหนี้ ได้แน่นอนโดยมิใช่เป็ น ความผิดของตน
มาตรา 332 ถ้าลูกหนี้ จำาต้องชำาระหนี้ ต่อเมื่อเจ้าหนี้ จะต้องชำาระหนี้
ตอบแทนด้ ว ยไซร้ ท่ า นว่ า ลู ก หนี้ จะกำา หนดว่ า ต่ อ เมื่ อเจ้ า หนี้ ชำา ระหนี้
ตอบแทนจึงให้มีสิทธิรบ
ั เอาทรัพย์ท่ีวางไว้น้ ั นก็ได้
มาตรา 333 การวางทรัพ ย์ น้ ั นต้ อ งวาง ณ สำา นั ก งานวางทรัพ ย์
ประจำาตำาบลที่จะต้องชำาระหนี้
ถ้ า ไม่ มี บ ทบั ญ ญั ติ แ ห่ ง กฎหมาย หรือ กฎข้ อ บั ง คั บ เฉพาะการใน
เรื่องสำานั กงานวางทรัพย์ เมื่อบุคคลผู้ชำาระหนี้ ร้องขอ ศาลจะต้อง กำาหนด
สำานั กงานวางทรัพย์ และตั้งแต่งผู้พิทักษ์ท่ีวางนั้ นขึ้น
ผู้วางต้องบอกกล่าวให้เจ้าหนี้ ทราบการที่ได้วางทรัพย์น้ ั นโดยพลัน
มาตรา 334 ลูกหนี้ มีสิทธิจะถอนทรัพย์ท่ีวางนั้ นได้ ถ้าลูกหนี้ ถอน
ทรัพย์น้ ั นท่านให้ถือเสมือนว่ามิได้วางทรัพย์ไว้เลย สิทธิถอนทรัพย์น้ ี เป็ น
อันขาดในกรณี ต่อไปนี้
(1) ถ้ าลู กหนี้ แสดงต่ อสำา นั กงานวางทรัพ ย์ว่ าตนยอมละสิท ธิ ท่ี
จะถอน
(2) ถ้าเจ้าหนี้ แสดงต่อสำานั กงานวางทรัพย์ว่าจะรับเอาทรัพย์น้ ั น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


124

(3) ถ้าการวางทรัพย์น้ ั นได้เป็ นไปโดยคำา สัง่ หรืออนุ มัติของศาล


และได้บอกกล่าวความนั้ นแก่สำานั กงานวางทรัพย์
มาตรา 335 สิทธิถอนทรัพย์น้ ั น ตามกฎหมาย ศาลจะสัง่ ยึดหา ได้
ไม่
เมื่ อได้ ฟ้ องคดี ล้ ม ละลายเกี่ ย วกั บ ทรัพ ย์ สิ น ของลู ก หนี้ แล้ ว ท่ า น
ห้ า ม มิ ใ ห้ ใ ช้ สิ ท ธิ ถ อ น ท รั พ ย์ ใ น ร ะ ห ว่ า ง พิ จ า ร ณ า ค ดี ล้ ม ล ะ ล า ย
มาตรา 336 ถ้าทรัพย์อันเป็ นวัตถุแห่งการชำา ระหนี้ ไม่ควรแก่ การ
จะวางไว้ ก็ ดี หรือ เป็ นที่ พึ ง วิ ต กว่ า ทรัพ ย์ น้ ั นเกลื อ กจะเสื่ อมเสี ย หรือ
ทำาลาย หรือบุบสลายได้ก็ดี เมื่อได้รบ
ั อนุ ญาตจากศาล บุคคลผู้ ชำาระหนี้
จะเอาทรัพย์น้ ั นออกขายทอดตลาด แล้วเอาเงินที่ได้แต่ การขายวางแทน
ทรัพย์น้ ั นก็ได้ ความข้อนี้ ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณี ที่ค่ารักษาทรัพย์จะแพง
เกินควรนั้ นด้วย
มาตรา 337 ท่ า นไม่ อ นุ ญาตให้ เ อาทรั พ ย์ อ อกขายทอดตลาด
จนกว่าจะได้บอกให้เจ้าหนี้ รู้ตัวก่อน การบอกนี้ จะงดเสียก็ได้ ถ้า ทรัพย์
นั้ นอาจเสื่อมทรามลงหรือภัยมีอยู่ในการที่จะหน่วงการขาย ทอดตลาดไว้
ในการที่ จ ะขายทอดตลาดนั้ น ท่ านให้ลู ก หนี้ บอกกล่ า วแก่ เ จ้ า หนี้
โดยไม่ชักช้า ถ้าละเลยเสียไม่บอกกล่าว ลูกหนี้ จะต้องรับผิดใช้ค่า สินไหม
ทดแทน
การบอกให้ รู้ตัวและบอกกล่ าวนี้ ถ้าไม่ เ ป็ นอัน จะทำา ได้ จะงดเสี ย
ก็ได้
เวลาและสถานที่ท่ีจะขายทอดตลาดกับทั้งคำาพรรณนาลักษณะแห่ง
ทรัพย์น้ ั น ท่านให้ประกาศโฆษณาให้ประชาชนทราบ
มาตรา 338 ค่าฤชาธรรมเนี ยมในการวางทรัพย์หรือขายทอดตลาด
นั้ นให้ ฝ่ ายเจ้ า หนี้ เป็ นผู้ อ อก เว้ น แต่ ลู ก หนี้ จะได้ ถ อนทรั พ ย์ ท่ี ว าง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


125

มาตรา 339 สิทธิของเจ้าหนี้ เหนื อทรัพย์ท่ีวางไว้น้ ั นเป็ นอันระงับ


สิ้ นไปเมื่ อพ้ น เ วล าสิ บ ปี นั บ แต่ ได้ รั บ คำา บ อกกล่ า วการว าง ท รั พ ย์
อนึ่ ง เมื่อสิทธิของเจ้าหนี้ ระงับสิ้นไปแล้ว ถึงแม้ลูกหนี้ จะได้ละสิทธิ
ถอนทรัพย์ ก็ยังชอบที่จะถอนทรัพย์น้ ั นได้

ปลดหนี้
1. การปลดหนี้ เป็ นวิธีการระงับหนี้ อีกวิธีหนึ่ ง กระทำาได้โดยเจ้าหนี้
แสดงเจตนาที่แจ้งชัดแต่เพียงฝ่ ายเดียวต่อลูกหนี้ โดยไม่จำาเป็ นต้องได้รบ

ความยินยอมจากลูกหนี้ ว่าปลดหนี้ ให้โดยเสน่หา ไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ
ทั้งสิ้น
2. โดยปกติการปลดหนี้ กระทำาโดยวาจาก็เพียงพอแล้ว และจะปลดหนี้
ให้ท้ งั หมดหรือแต่เพียงบางส่วนก็ได้
3. การปลดหนี้ มีผลให้หนี้ ระงับลงเท่าส่วนที่เจ้าหนี้ ได้ปลดให้

หลักเกณฑ์ในการปลดหนี้
ผลของการปลดหนี้
การปลดหนี้ มีหลักเกณฑ์ท่ีเป็ นสาระสำาคัญอย่างไรบ้าง และมีผลตาม
กฎหมายอย่างไร อธิบาย
นายโตเป็ นหนี้ เงินกู้นายเล็กอยู่ 1,000 บาท ต่อมานายโตกลายเป็ น
บุคคลที่มีหนี้ สินล้นพ้นตัว นายเล็กเกิดความเบื่อหน่ายในการติดตามทวง
ให้ น ายโตชำา ระหนี้ รายนี้ แก่ ต น จึ ง มี จ ดหมายแจ้ ง ไปยั ง นายโตว่ า ยกหนี้
1,000 บาท นี้ ให้นายโตทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย ต่อมานายเล็กตาย และ
นายโตได้ทราบข่าวการตายของนายเล็กก่อนที่นายโตจะเปิ ดจดหมายของ
นายเล็ กออกอ่ าน ถ้ าทายาทของนายเล็ กมาเรีย กร้ อ งให้ น ายโตชำา ระหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


126

1,000 บาท นี้ นายโตจะอ้างว่าตนหลุดพ้นจากหนี้ เพราะนายเล็กปลดหนี้


ให้แล้วได้หรือไม่
การปลดหนี้ วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปลดหนี้ ได้ดังต่อไปนี้
1. การปลดหนี้ เป็ นนิ ติกรรมที่เจ้าหนี้ แสดงเจตนาสละสิทธิเรียกร้อง
ในหนี้ ที่มีต้อลูกหนี้ ให้โดยเสน่หา คือไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
2. การปลดหนี้ ทำา ให้สำา เร็จผลได้ก็โดยการที่เจ้ าหนี้ แสดงเจตนาต่อ
ลูกหนี้ แต่เพียงฝ่ ายเดียวว่าจะปลดหนี้ ให้ก็เป็ นการเพียงพอแล้วไม่จำาเป็ น
ต้ องรับ ความยิ น ยอมจากลู กหนี้ หลั กสำา คั ญ คื อ การแสดงเจตนานั้ นต้ อ ง
เป็ นการชั ด แจ้ ง โดยปราศจากข้ อ เคลื อ บแคลงสงสั ย การแสดงเจตนานี้
ต้ องกระทำา ต่ อลู กหนี้ ด้ วย ถ้าเพี ยงแต่บ อกกล่ าวคนอื่น โดยยั ง ไม่ ไ ด้ บ อก
กล่าวแสดงเจตนาต่อลูกหนี้ จะถือว่าเป็ นการปลดหนี้ ยังไม่ได้
3. การปลดหนี้ นั้ นเจ้ า หนี้ จะปลดหนี้ ให้ ท้ ั ง หมด หรือ แต่ เ พี ย งบาง
ส่วนก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจของเจ้าหนี้ หนี้ ที่จะปลดให้เพียงบางส่วนได้
นั้ น จะต้องเป็ นหนี้ ที่มีลักษณะแบ่งชำาระได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็ นหนี้ เงิน
4. การปลดหนี้ นั้ นโดยปกติ ก ระทำา โดยทางวาจาก็ เ ป็ นการเพี ย ง
พอแล้ ว แต่ ถ้ า เป็ นหนี้ ที่ มี ห นั งสื อ เป็ นหลั ก ฐาน มาตรา 340 วรรค 2
กล่าวว่า การปลดหนี้ ต้องทำาเป็ นหนั งสือด้วย หรือเวนคืนเอกสารอันเป็ น
หลั กฐานแห่ งหนี้ ให้แก่ลู กหนี้ ไป มิฉะนั้ นการปลดหนี้ จะตกเป็ นโมฆะ มี
ผลทำาให้หนี้ ยังไม่ระงับ

มาตรา 340 ถ้าเจ้าหนี้ แสดงเจตนาต่อลูกหนี้ ว่าจะปลดหนี้ ให้ ท่าน


ว่าหนี้ นั้ นก็เป็ นอันระงับสิ้นไป
ถ้าหนี้ มีหนั งสือเป็ นหลักฐาน การปลดหนี้ ก็ต้องทำา เป็ นหนั งสือด้วย
หรือต้องเวนคืนเอกสารอันเป็ นหลักฐานแห่งหนี้ ให้แก่ลูกหนี้ หรือขีดฆ่า
เอกสารนั้ นเสีย

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


127

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 9

1. ขาวเป็ นหนี้ เงินกู้เขียวอยู่ 200 บาท หนี้ รายนี้ อาจระงับหรือสิ้นสุด


ลงได้ในกรณี หนี้ ถึงกำาหนดชำาระแล้วเขียวไม่เรียกร้องให้ขาวชำาระจนเวลา
ล่วงพ้น 10 ปี
2. ในกรณี ต่อไปนี้ บุคคลผู้มีอำา นาจชำา ระหนี้ ได้ โ ดยชอบด้ วยกฎหมาย
แม้ท้ ังเจ้าหนี้ และลูกหนี้ จะไม่ยินยอมด้วยคือ ผู้คำาประกันลูกหนี้
3. ผู้จัดการมรดกของเจ้าหนี้ เป็ นบุคคลผู้มีอำานาจรับชำาระหนี้ โดยชอบ
4. ในกรณี ท่ีมิได้มีการตกลงกันไว้ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการชำาระหนี้ ตาม
ปกติ ลูกหนี้ เป็ นผู้ต้องออกค่าใช้จ่ายนั้ น
5. กรณี ท่ีเ ป็ นหนี้ เงิ นกู้ ถ้าเจ้ าหนี้ ออกใบเสร็ จให้ เ พื่ อการชำา ระเงิ น ต้ น
แล้ว ให้สันนิ ษฐานไว้ก่อนว่าเจ้าหนี้ ได้รบ
ั ดอกเบี้ยแล้ว
6. ดำา เป็ นหนี้ แดงในมู ล หนี้ 2 รายคื อ เป็ นหนี้ เงิ น กู้ 800 บาท โดย
ไม่มีกำาหนดชำาระ และเป็ นหนี้ ค่าเช่าบ้านอีก 800 บาท ถึงกำาหนดชำาระใน
วั น ที่ 31 มี น าคม 2526 ในวั น ที่ 5 เมษายน 2526 ดำา นำา เงิ น 800
บาท มาชำาระให้แก่แดงโดยไม่ได้บอกว่าจะชำาระรายใดก่อน เช่นนี้ จะต้อง
จัดสรรเงินจำานวน 800 บาทนี้ ชำาระให้แก่แดงอย่างไรจึงจะเป็ นการชอบ
ด้วยกฎหมาย ต้องชำา ระเงิน 800 บาทให้แก่แดงสำา หรับหนี้ ค่าเช่าบ้าน
ก่อน
7. กรณี ต่ อ ไปนี้ เป็ นการขอปฏิ บั ติ ก ารชำา ระหนี้ โดยชอบ ซึ่ ง จะมี ผ ล
ทำา ให้ลูกหนี้ ไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะเหตุท่ีไม่มี
การชำา ระหนี้ คื อ นั ด ไปทำา สั ญ ญาซื้ อขายที่ ดิ น ที่ ก รมที่ ดิ น เมื่ อถึ ง วั น ที่
กำาหนดผู้ขายไปตามนั ดหมาย แต่ผู้ซื้อไม่มา

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


128

8. ในกรณี ที่ ลู ก หนี้ จะวางทรั พ ย์ ไ ว้ ณ สำา นั กงานวางทรั พ ย์ เพื่ อ


ประโยชน์ ข องเจ้ าหนี้ ซึ่ ง จะมี ผ ลให้ ตนหลุ ดพ้ น จากหนี้ ได้ คือ เจ้ า หนี้ เกิ ด
ตายลงในเวลาที่ลูกหนี้ มาชำา ระหนี้ ตามกำา หนด และมีบุคคลหลายคนอ้าง
ว่ามีสิทธิรบ
ั ชำาระหนี้ ดีกว่าคนอื่น
9. การปลดหนี้ ได้แก่กรณี ดังต่อไปนี้ (ก) นายมัง่ มีซ่ึงเป็ นเจ้าหนี้ พูดกับ
นางสาวโสภายกหนี้ สินที่นางสาวโสภามีอยู่ต่อตนให้เพราะเกิดความรักใคร่
ในตัวนางสาวโสภาในภายหลัง แต่น างสาวโสภาไม่ยิ นยอมรับ ยืนยั นจะ
ชำาระหนี้ ให้ดังเดิม (ข) นายมัง่ มีพูดกับนางสาวโสภาว่ายกหนี้ ให้เพราะเกิด
ความเบื่อหน่ายรำาคาญในการติดตามทวงให้นางสาวโสภาชำาระหนี้ แก่ตน
10. การปลดหนี้ มีผลทำาให้หนี้ ระงับลงเท่าส่วนที่เจ้าหนี้ ปลดให้ ส่วนที่ไม่
ได้ ป ลดหนี้ ให้ ลู ก หนี้ ยั ง คงต้ อ งผู ก พั น อยู่ ดั ง นั้ นจึ ง มี ก ารปลดหนี้ ให้ บ าง
ส่วนได้

หน่วยที่ 10 ความระงับแห่งหนี้ (ต่อ)

1. เมื่อบุคคลสองคนต่างเป็ นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ซึ่งกันและกัน ในมูลหนี้ สอง


รายอันมีวัตถุเป็ นการอย่างเดียวกัน และหนี้ ทั้งสองรายนั้ นถึงกำาหนดชำาระ
แล้ว หนี้ นั้ นอาจระงับลงได้ด้วยการหักกลบลบหนี้ เท่าจำานวนที่ตรงกัน
2. การแปลงหนี้ ใหม่ก็เป็ นการระงับหนี้ อีกวิธีหนึ่ ง โดยคู่กรณี ตกลงกัน
เปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็ นสาระสำาคัญในหนี้ อันมีผลทำาให้หนี้ เดิมระงับไปแล้วเกิด
หนี้ ใหม่ข้ ึนมาแทน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


129

3. เมื่อมีเหตุท่ีทำาให้สิทธิเรียกร้องและความรับผิดในหนี้ รายใดตกไปอยู่
กับบุคคลคนเดียวกัน ย่อมเป็ นผลให้หนี้ นั้ นระงับสิ้นไปเพราะหนี้ เกลื่อน
กลืนกัน

หักกลบลบหนี้
1. การหักกลบลบหนี้ กระทำาได้เมื่อบุคคลสองคนต่างเป็ นเจ้าหนี้ ลูกหนี้
ซึ่งกันและกัน ในมูลหนี้ สองรายซึ่งถึงกำาหนดชำาระ โดยฝ่ ายที่ต้องการให้มี
การหักกลบลบหนี้ แสดงเจตนาเพียงฝ่ ายเดียวไปยังคู่กรณี โดยไม่จำาต้อง
ได้รบ
ั ความยินยอมจากอีกฝ่ ายนั้ น
2. การหักกลบลบหนี้ อาจกระทำาไม่ได้แม้จะเข้าหลักเกณฑ์ทัว่ ไปของ
การหักกลบลบหนี้ เนื่ องจากมีกรณี ท่ีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้หลายกรณี
ด้วยกัน
3. การหักกลบลบหนี้ มีผลทำาให้หนี้ ระงับไปเท่าส่วนที่ตรงกันในมูลหนี้

หลักเกณฑ์และวิธีการในการหักกลบลบหนี้
การหั ก กลบลบหนี้ มี ลั ก ษณะทั ่ว ไปและวิ ธี ก ารที่ จ ะต้ อ งพิ จ ารณา
อย่ า งไรบ้ า ง อธิ บ าย และเหตุ ใ ดจึ ง มี ก ารหั ก กลบลบหนี้ กั น ได้ แ ม้ จ ะ
เป็ นการขืนใจคู่กรณี อีกฝ่ ายหนึ่ ง
สรุปหลักเกณฑ์ท่ีจะต้องพิจารณาคือ (มาตรา 341 342 343)
1) เป็ นกรณี ท่ีบุคคล 2 คน มีความผูกพันเป็ นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ซึ่งกัน
และกั น ในหนี้ สองรายและหนี้ ดั ง กล่ า วนั้ นฟ้ องร้ อ งบั ง คั บ กั น ได้ ต าม
กฎหมาย
2) หนี้ ทั้งสองรายนั้ นมีวัตถุเป็ นอย่างเดียวกัน
3) หนี้ ทั้งสองรายนั้ นต่างถึงกำาหนดชำาระในเวลาที่มีการขอหักกลบ
ลบหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


130

4) สภาพแห่งหนี้ เปิ ดช่องให้กระทำาได้


วิธีหักกลบลบหนี้ คือ
(1) ผู้ขอหักกลบลบหนี้ แสดงเจตนาฝ่ ายเดียวต่อคู่กรณี อีกฝ่ ายหนึ่ ง
โดยไม่จำาต้องได้รบ
ั ความยินยอมจากคู่กรณี อีกฝ่ ายหนึ่ งนั้ น เพราะเป็ นวิธี
การที่จะทำาให้หนี้ ระงับสิ้นไป คู่กรณี หมดความผูกพัน กฎหมายจึงบัญญัติ
ให้กระทำาได้โดยไม่จำาเป็ นต้องให้คู่กรณี อีกฝ่ ายหนึ่ งยินยอม ทั้งนี้ การแสดง
เจตนาขอหั กกลบลบหนี้ ก็ ต้อ งเป็ นไปตามหลั กเรื่อ งการแสดงเจตนาใน
ลักษณะนิ ติกรรมด้วย
(2) การแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้ จะมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาไม่ได้
(3) การหั ก กลบลบหนี้ กระทำา ได้ แม้ ส ถานที่ ซ่ึ ง จะต้ อ งชำา ระหนี้ ทั้ ง
สองรายจะต่างกัน แต่ฝ่ายที่ขอหักกลบลบหนี้ ต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่อีก
ฝ่ ายหนึ่ งหากเกิดความเสียหายอย่างใดๆ ขึ้น

มาตรา 341 ถ้าบุคคลสองคนต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดย


มูลหนี้ อันมีวัตถุเป็ นอย่างเดี ยวกัน และหนี้ ทั้งสองรายนั้ นถึง กำา หนด จะ
ชำา ระไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ ฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ ง ย่อมจะหลุดพ้นจากหนี้ ของตน
ด้วยหักกลบลบกันได้เพียงเท่าจำา นวนที่ตรงกันในมูลหนี้ ทั้งสอง ฝ่ ายนั้ น
เว้นแต่สภาพแห่งหนี้ ฝ่ ายหนึ่ งจะไม่เปิ ดช่องให้หักกลบลบกันได้
บทบัญญัติดัง่ กล่าวมาในวรรคก่ อนนี้ ท่านมิให้ ใช้ บัง คับ หากเป็ น
การขัดกับเจตนาอันคู่กรณี ได้แสดงไว้ แต่เจตนาเช่ นนี้ ท่านห้ามมิให้ ยก
ขึ้นเป็ นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำาการโดยสุจริต
มาตรา 342 หั ก กลบลบหนี้ นั้ น ทำา ได้ ด้ ว ยคู่ ก รณี ฝ่ ายหนึ่ ง แสดง
เจตนาแก่ อี ก ฝ่ ายหนึ่ ง การแสดงเจตนาเช่ น นี้ ท่ า นว่ า จะมี เ งื่ อนไขหรือ
เงื่อนเวลาเริม
่ ต้นหรือเวลาสิ้นสุดอีกด้วยหาได้ไม่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


131

การแสดงเจตนาดัง่ กล่ าวมาในวรรคก่ อ นนี้ ท่ านว่ามีผ ลย้ อ นหลัง


ขึ้นไปจนถึงเวลาซึ่งหนี้ ทั้งสองฝ่ ายนั้ นจะอาจหักกลบลบกั นได้ เป็ น ครั้ง
แรก
มาตรา 343 การหั ก กลบลบหนี้ นั้ น ถึ ง แม้ ว่ า สถานที่ ซ่ึ ง จะต้ อ ง
ชำาระหนี้ ทั้งสองจะต่างกัน ก็หักกันได้ แต่ฝ่ายผู้ขอหักหนี้ จะต้องใช้ ค่าเสีย
หายให้แก่อีกฝ่ ายหนึ่ ง เพื่อความเสียหายอย่างหนึ่ งอย่างใด อันเกิดแต่การ
นั้ น

กรณีท่ีหักกลบลบหนี้ กันไม่ได้
ข้อห้ามมิให้มีการหักกลบลบหนี้ มีก่ีกรณี อย่างไรบ้าง อธิบายพอ
เป็ นสังเขป
จากมาตรา 341 และมาตรา 344-347 สรุปได้คือ จะหักลบกลบ
หนี้ กันไม่ได้ถ้า
1) สภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องให้กระทำาได้
2) คู่กรณี แสดงเจตนาไม่ให้มีการหักกลบลบหนี้
3) สิทธิเรียกร้องนั้ นเป็ นสิทธิเรียกร้องที่ยังมีข้อต่อสู้
4) หนี้ นั้ นเกิดจากการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
5) หากเป็ นสิทธิเรียกร้องที่ศาลสัง่ ยึดไม่ได้ก็ขอหักกลบลบหนี้ ไม่ได้
6) เป็ นกรณี ซ่ึงศาลสัง่ ห้ามลูกหนี้ ใช้เงินแก่ลูกหนี้ แล้ว

มาตรา 341 ถ้าบุคคลสองคนต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดย


มูลหนี้ อันมีวัตถุเป็ นอย่างเดี ยวกัน และหนี้ ทั้งสองรายนั้ นถึง กำา หนด จะ
ชำา ระไซร้ ท่านว่าลูกหนี้ ฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ ง ย่อมจะหลุดพ้นจากหนี้ ของตน
ด้วยหักกลบลบกันได้เพียงเท่าจำา นวนที่ตรงกันในมูลหนี้ ทั้งสอง ฝ่ ายนั้ น
เว้นแต่สภาพแห่งหนี้ ฝ่ ายหนึ่ งจะไม่เปิ ดช่องให้หักกลบลบกันได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


132

บทบัญญัติดัง่ กล่าวมาในวรรคก่ อนนี้ ท่านมิให้ ใช้ บัง คับ หากเป็ น


การขัดกับเจตนาอันคู่กรณี ได้แสดงไว้ แต่เจตนาเช่ นนี้ ท่านห้ามมิให้ ยก
ขึ้นเป็ นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้กระทำาการโดยสุจริต
มาตรา 344 สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งใดยั ง มี ข้ อ ต่ อ สู้ อ ยู่ สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งนั้ น
ท่ า นว่ า หาอาจจะเอามาหั ก กลบลบหนี้ ได้ ไ ม่ อนึ่ ง อายุ ค วามย่ อ มไม่
ตัดรอนการหักกลบลบหนี้ แม้สิทธิเรียกร้องขาดอายุความแล้ว แต่ว่าใน
เวลาที่อาจจะหักกลบลบกับสิทธิเรียกร้องฝ่ ายอื่นได้น้ ั น สิทธิยังไม่ขาด
มาตรา 345 หนี้ รายใดเกิดแต่ การอันมิ ชอบด้วยกฎหมายเป็ นมู ล
ท่านห้ามมิให้ลูกหนี้ ถือเอาประโยชน์แห่งหนี้ รายนั้ น เพื่อหักกลบ ลบหนี้
กับเจ้าหนี้
มาตรา 346 สิทธิเรียกร้องรายใด ตามกฎหมาย ศาลจะสัง่ ยึด มิได้
สิ ท ธิ เ รี ย ก ร้ อ ง ร า ย นั้ น ห า อ า จ จ ะ เ อ า ไ ป หั ก ก ล บ ล บ ห นี้ ไ ด้ ไ ม่
มาตรา 347 ลู ก หนี้ คนที่ ส ามหากได้ ร บ
ั คำา สั ่ง ศาลห้ า มมิ ใ ห้ ใ ช้ เ งิ น
แล้ว จะยกเอาหนี้ ซึ่งตนได้มาภายหลังแต่น้ ั นขึ้นเป็ นข้อต่อสู้เจ้าหนี้ ผู้ท่ีขอ
ให้ยึดทรัพย์น้ ั น ท่านว่าหาอาจจะยกได้ไม่

ผลของการหักกลบลบหนี้
การหักกลบลบหนี้ ทำาให้เกิดผลทางกฎหมายอย่างไรบ้าง อธิบาย
การหักกลบลบหนี้ มี 4 ประการ
1) ผลโดยตรงตามมาตรา 341 คือ เมื่อมีการหักกลบลบหนี้ แล้ว
หนี้ ของทั้งสองฝ่ ายก็ได้ระงับสิ้นไปเท่าส่วนจำา นวนที่ตรงกัน เช่น ถ้าต่าง
เป็ นเจ้าหนี้ ลูกหนี้ ด้วยเงิน 100 บาทเท่ากัน เมื่อมีการหักกลบลบหนี้ ก็มี
ผลทำาให้หนี้ ระงับไปโดยสิ้นเชิงทั้งคู่ แต่ถ้าทั้งสองรายมีจำานวนไม่เท่ากัน
เมื่อมีการหักกลบลบหนี้ ผลก็จะเป็ นไปตามมาตรา 341 ที่ว่าลูกหนี้ ฝ่ าย

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


133

ใดฝ่ ายหนึ่ งหลุดพ้นจากหนี้ ของตนด้วยหักกลบลบกันได้เพียงที่จำานวนที่


ตรงกัน
2) ผลของการหักกลบลบหนี้ ย้อนไปถึงเวลาซึ่งหนี้ ทั้งสองฝ่ ายนั้ น
อาจจะหั กกลบลบกั น ได้ เ ป็ นครั้ง แรก มิ ใ ช่ มีผ ลในวั น แสดงเจตนา ตาม
หลักเกณฑ์ในมาตรา 342
3) การหักกลบลบหนี้ ในกรณี ท่ีสถานที่ซึ่งจะต้องชำาระหนี้ ทั้งสองนั้ น
ต่างกัน หากเป็ นผลทำา ให้เกิดความเสียหายแก่อีกฝ่ ายหนึ่ ง ฝ่ ายที่ขอหัก
กลบลบหนี้ จะต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่ฝ่ายหนึ่ งนั้ น ตามมาตรา 343
4) ในกรณี ท่ีบุคคลซึ่งต่างเป็ นเจ้าหนี้ และลูกหนี้ ซึ่งกันและกันอยู่มี
หนี้ ที่จะหักกลบลบหนี้ กันนั้ นอยู่หลายราย ปั ญหาว่าจะเอาหนี้ รายใดมาหัก
กลบลบกันก่อน นั้ นมีบัญญัติไว้ในมาตรา 348

ก. เป็ นลูกหนี้ เงินกู้ของ ข. อยู่ 500 บาท กำาหนดชำาระในวันที่ 2


มิถุนายน 2520 ต่อมาวันที่ 10 กรกฎาคม ปี เดียวกัน ข. เป็ นหนี้ ค่าซื้ อ
สิน ค้าจาก ก. 300 บาท และยังไม่ได้ ชำา ระเรื่อ ยมา จนกระทัง่ วั น ที่ 10
มิถุนายน 2521 ข. เรียกให้ ก. ชำาระหนี้ เงินกู้ 500 บาท แก่ตน ก. จะมี
ทางขอหักกลบลบหนี้ กับ ข. ในหนี้ ค่าซื้ อสินค้าซึ่ง ข. มีต่อตนอยู่ได้เพียง
ใดหรือไม่
ตามอุทาหรณ์ ก. ขอหักกลบลบหนี้ กับ ข. ได้ในจำานวนหนี้ ที่ตรง
กัน คือ 300 บาท และผลของการหักกลบลบหนี้ ย้อนหลังไปถึงวันที่ 10
กรกฎาคม 2520

แปลงหนี้ ใหม่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


134

1. การแปลงหนี้ ใหม่มีสาระสำาคัญซึ่งเป็ นลักษณะเฉพาะของตัวมันเอง


ซึ่งแตกต่างจากหลักเกณฑ์ในเรื่องความระงับหนี้ อื่นๆ และหลักเกณฑ์ใน
ลักษณะอื่นที่คล้ายคลึงกัน
2. การแปลงหนี้ ใหม่กระทำา ได้โ ดยคู่กรณี ตกลงทำา สัญญาเปลี่ ยนสิ่ง ซึ่ง
เป็ นสาระสำาคัญในหนี้ นั้ น
3. ผลของการแปลงหนี้ ใหม่ ทำา ให้ ห นี้ เดิ ม รวมทั้ ง ประกั น ของหนี้ เดิ ม
ระงับสิ้นไปโดยมีหนี้ ใหม่เกิดขึ้นมาแทนผูกพันคู่กรณี ต่อไป

บทนำา
การแปลงหนี้ ใหม่มีลักษณะแตกต่างจากเรื่องต่อไปนี้ อย่างไร
1. การชำาระหนี้ อย่างอื่นตามมาตรา 321
2. การโอนสิทธิเรียกร้อง
3. การรับช่วงสิทธิ
หลักเกณฑ์ตามมาตรา 321 306 และมาตรา 226 และ 229
มาตรา 321 ถ้าเจ้าหนี้ ยอมรับการชำา ระหนี้ อย่างอื่นแทนการชำา ระ
ห นี้ ที่ ไ ด้ ต ก ล ง กั น ไ ว้ ท่ า น ว่ า ห นี้ นั้ น ก็ เ ป็ น อั น ร ะ งั บ สิ้ น ไ ป
ถ้าเพื่อที่จะทำาให้พอแก่ใจเจ้าหนี้ นั้ น ลูกหนี้ รับภาระเป็ นหนี้ อย่างใด
อ ย่ าง ห นึ่ ง ขึ้ น ใ ห ม่ ต่ อ เ จ้ า ห นี้ ไ ซ ร้ เ มื่ อ ก ร ณี เ ป็ น ที่ ส ง สั ย ท่ า น มิ ใ ห้
สันนิ ษฐานว่าลูกหนี้ ได้ก่อหนี้ นั้ นขึ้นแทนการชำาระหนี้
ถ้ า ชำา ระหนี้ ด้ ว ยออก-ด้ ว ยโอน-หรือ ด้ ว ยสลั ก หลั ง ตั ๋ว เงิ น หรือ
ประทวนสิ น ค้ า ท่านว่ าหนี้ นั้ นจะระงั บสิ้ นไปต่ อ เมื่ อตั ว๋ เงิ น หรือ ประทวน
สินค้านั้ นได้ใช้เงินแล้ว
มาตรา 306 การโอนหนี้ อันจะพึงต้องชำา ระแก่เจ้าหนี้ คนหนึ่ งโดย
เฉพาะเจาะจงนั้ น ถ้าไม่ทำา เป็ นหนั งสือ ท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่ งการ โอน
หนี้ นั้ นท่านว่าจะยกขึ้นเป็ นข้อต่อสู้ลูกหนี้ หรือบุคคลภายนอกได้ แต่เมื่อได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


135

บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้ จะได้ยินยอมด้วย ในการโอน


นั้ น คำาบอกกล่าวหรือความยินยอมเช่นว่านี้ ท่านว่าต้องทำา เป็ นหนั งสือ
ถ้าลูกหนี้ ทำา ให้พอแก่ใจผู้โอนด้วยการใช้เงิน หรือด้วยประการอื่น
เสี ย แต่ ก่อ นได้ ร บ
ั บอกกล่ า ว หรือ ก่ อ นได้ ตกลงให้ โ อนไซร้ ลูกหนี้ นั้ น ก็
เป็ นอันหลุดพ้นจากหนี้
มาตรา 226 บุคคลผู้รบ
ั ช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ ชอบที่จะใช้สิทธิ ทั้ง
หลายบรรดาที่เจ้าหนี้ มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้ นั้ น ได้ในนาม
ของตนเอง
ช่วงทรัพย์ ได้แก่เอาทรัพย์สินอันหนึ่ งเข้าแทนที่ทรัพย์สินอีก อัน
หนึ่ งในฐานะนิ ตินัยอย่างเดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน
มาตรา 229 การรับช่วงสิทธิย่อมมีข้ ึนด้วยอำานาจกฎหมายและย่อม
สำาเร็จเป็ นประโยชน์แก่บุคคลดังจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) บุคคลซึ่งเป็ นเจ้าหนี้ อยู่เอง และมาใช้หนี้ ให้แก่เจ้าหนี้ อีก คน
หนึ่ งผู้มีสิทธิจะได้รบ
ั ใช้หนี้ ก่อนตน เพราะเขามีบุรม
ิ สิทธิ หรือมี สิทธิจำานำา
จำานอง
(2) บุคคลผู้ได้ไปซึ่งอสังหาริมทรัพย์ใด และเอาเงินราคาค่าชื้ อ
ใช้ให้แก่ผู้รบ
ั จำานองทรัพย์น้ ั นเสร็จไป
(3) บุคคลผู้มีความผูกพันร่วมกับผู้อ่ ืน หรือเพื่อผู้อ่ ืนในอันจะ
ต้อง ใช้หนี้ มีส่วนได้เสียด้วยในการใช้หนี้ นั้ น และเข้าใช้หนี้ นั้ น

หลักเกณฑ์ของการแปลงหนี้ ใหม่
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการแปลงหนี้ ใหม่ มีสาระสำาคัญอย่างไรบ้าง
อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
หลักเกณฑ์สำาคัญตามมาตรา 349-351

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


136

มาตรา 349 เมื่อคู่กรณี ท่ีเ กี่ย วข้ องได้ทำา สั ญญาเปลี่ ยนสิ่ง ซึ่งเป็ น
สาระสำา คั ญ แห่ ง หนี้ ไซร้ ท่ านว่ าหนี้ นั้ นเป็ นอั น ระงั บ สิ้ นไปด้ ว ยแปลงหนี้
ใหม่
ถ้าทำา หนี้ มีเงื่อนไขให้กลายเป็ นหนี้ ปราศจากเงื่อนไขก็ดี เพิ่มเติม
เงื่อนไขเข้าในหนี้ อันปราศจากเงื่อนไขก็ดี เปลี่ยนเงื่อนไขก็ดี ท่านถือว่า
เป็ นอันเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็ นสาระสำาคัญแห่งหนี้ นั้ น
ถ้าแปลงหนี้ ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติ
ทั้ ง ห ล า ย แ ห่ ง ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย นี้ ว่ า ด้ ว ย โ อ น สิ ท ธิ เ รี ย ก ร้ อ ง
มาตรา 350 แปลงหนี้ ใหม่ ด้ ว ยเปลี่ ย นตั ว ลู ก หนี้ นั้ น จะทำา เป็ น
สัญญาระหว่างเจ้าหนี้ กับลูกหนี้ คนใหม่ก็ได้ แต่จะทำาโดยขืนใจลูกหนี้ เดิม
หาได้ไม่
มาตรา 351 ถ้ า หนี้ อั น จะพึ ง เกิ ด ขึ้ นเพราะแปลงหนี้ ใหม่ น้ ั นมิ ไ ด้
เกิด มีข้ ึนก็ดี ได้ยกเลิกเสียเพราะมูลแห่งหนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ
เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ งอันมิรู้ถึงคู่กรณี ก็ดี ท่านว่าหนี้ เดิมนั้ น ก็ยังหา
ระงับสิ้นไปไม่

ก. เป็ นหนี้ ข. อยู่ 3,000 บาท แล้วไม่มีเงินชำาระ จึงตกลงกับ ข.


ด้วยวาจาขายม้าให้ ข. 1 ตัว โดยเอาหนี้ เงินกู้ 3,000 บาท เป็ นราคาม้า
กรณี น้ ี เป็ นการแปลงหนี้ ใหม่ท่ีมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่
ตามอุทาหรณ์ หนี้ ใหม่คือการซื้ อขายถ้าไม่เกิด เพราะไม่ได้ทำา เป็ น
หนั งสือและจดทะเบียนต่อพนั กงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 456 หนี้ เงินกู้
ไม่ระงับ ข. ยังมีสิทธิฟ้องร้องให้ชำาระหนี้ เงินกู้อยู่
มาตรา 456 การซื้ อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำาเป็ นหนั งสือ
และจดทะเบียนต่อพนั กงานเจ้าหน้าที่ไซร้ ท่านว่าเป็ นโมฆะวิธีน้ ี ให้ ใช้ถึง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


137

ซื้ อขายเรือกำาปั ่ นหรือเรือมีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟ หรือเรือ


ยนต์มีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้ อขายแพและสัตว์พาหนะ ด้วย

ผลของการแปลงหนี้ ใหม่
การแปลงหนี้ ใหม่ทำา ให้เกิดผลในทางกฎหมายในหนี้ นั้ น แตกต่าง
จากความระงับหนี้ ในประการอื่นที่ได้ศึกษามาแล้ว เช่นการชำา ระหนี้ การ
ปลดหนี้ การหักกลบลบหนี้ อย่างไร อธิบายให้เหตุผลประกอบ
หลักในมาตรา 349 ซึ่งมีผลเกี่ยวเนื่ องไปถึงมาตรา 352
การแปลงหนี้ ใหม่ ทำา ให้ เ กิ ด ผลโดยตรงตามที่ บั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ นมาตรา
349 วรรค 1 ซึ่งบัญญัติไว้ชัดแจ้งว่า หนี้ เก่าเป็ นอันระงับสิ้นไปโดยมีหนี้
ใหม่เข้าผูกพันแทนที่

มาตรา 349 เมื่อคู่กรณี ท่ีเ กี่ย วข้ องได้ทำา สั ญญาเปลี่ ยนสิ่ง ซึ่งเป็ น
สาระสำา คั ญ แห่ ง หนี้ ไซร้ ท่ านว่ าหนี้ นั้ นเป็ นอั น ระงั บ สิ้ นไปด้ ว ยแปลงหนี้
ใหม่
ถ้าทำา หนี้ มีเงื่อนไขให้กลายเป็ นหนี้ ปราศจากเงื่อนไขก็ดี เพิ่มเติม
เงื่อนไขเข้าในหนี้ อันปราศจากเงื่อนไขก็ดี เปลี่ยนเงื่อนไขก็ดี ท่านถือว่า
เป็ นอันเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็ นสาระสำาคัญแห่งหนี้ นั้ น
ถ้าแปลงหนี้ ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ท่านให้บังคับด้วยบทบัญญัติ
ทั้ ง ห ล า ย แ ห่ ง ป ร ะ ม ว ล ก ฎ ห ม า ย นี้ ว่ า ด้ ว ย โ อ น สิ ท ธิ เ รี ย ก ร้ อ ง
มาตรา 350 แปลงหนี้ ใหม่ ด้ ว ยเปลี่ ย นตั ว ลู ก หนี้ นั้ น จะทำา เป็ น
สัญญาระหว่างเจ้าหนี้ กับลูกหนี้ คนใหม่ก็ได้ แต่จะทำาโดยขืนใจลูกหนี้ เดิม
หาได้ไม่
มาตรา 351 ถ้ า หนี้ อั น จะพึ ง เกิ ด ขึ้ นเพราะแปลงหนี้ ใหม่ น้ ั นมิ ไ ด้
เกิด มีข้ ึนก็ดี ได้ยกเลิกเสียเพราะมูลแห่งหนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


138

เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ งอันมิรู้ถึงคู่กรณี ก็ดี ท่านว่าหนี้ เดิมนั้ น ก็ยังหา


ระงับสิ้นไปไม่
มาตรา 352 คู่ ก รณี ใ นการแปลงหนี้ ใหม่ อ าจโอนสิ ท ธิ จำา นำา หรือ
จำานองที่ได้ให้ไว้เป็ นประกันหนี้ เดิมนั้ นไปเป็ นประกันหนี้ รายใหม่ได้ เพียง
เท่ า ที่ เ ป็ นประกั น วั ต ถุ แ ห่ ง หนี้ เดิ ม แต่ ห ลั ก ประกั น เช่ น ว่ า นี้ ถ้ า บุ ค คล
ภายนอกเป็ นผู้ ใ ห้ ไ ว้ ไ ซร้ ท่ า นว่ า จำา ต้ อ งได้ ร บ
ั ความยิ น ยอม ของบุ ค คล
ภายนอกนั้ นด้วยจึงโอนได้

หนี้ เกลื่อนกลืนกัน
1. หนี้ โดยทัว่ ๆ ไปอาจเกลื่อนกลืนกันได้ถ้าสิทธิและความรับผิดในหนี้
รายใดรายหนึ่ ง มาตกอยู่ในบุคคลคนเดียวกัน
2. การที่หนี้ เกลื่อนกลืนกันไปในบุ ค คลคนเดี ยวกัน มี ผลทำา ให้ห นี้ นั้ น
ระงับสิ้นไปตลอดถึงหนี้ อุปกรณ์ด้วย
3. มีกรณี ท่ีบุคคลจะอ้างว่าหนี้ ระงับสิ้นไปเพราะเหตุท่ีมีการเกลื่อนกลืน
กันไม่ได้ หากหนี้ นั้ นตกไปอยู่บังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก หรือเมื่อ
มีการสลักหลังตัว๋ เงินกลับคืนตามข้อบัญญัติในเรื่องตัว๋ เงิน

หลักเกณฑ์ในเรื่องหนี้ เกลื่อนกลืนกัน
ผลของการที่หนี้ เกลื่อนกลืนกัน
การที่หนี้ เกลื่อนกลืนกันได้มีหลักเกณฑ์อย่างไร และทำาให้เกิดผลอ
ย่างไร อธิบาย
หลักเกณฑ์ตาม มาตรา 353

มาตรา 353 ถ้าสิทธิและความรับผิดในหนี้ รายใดตกอยู่แก่บุ ค คล


คนเดียวกัน ท่านว่าหนี้ รายนั้ นเป็ นอันระงับสิ้นไป เว้นแต่ เมื่อหนี้ นั้ นตก

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


139

ไปอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก หรือเมื่อสลักหลังตัว๋ เงินกลับ


คืนตามความใน มาตรา 917 วรรค 3
มาตรา 917 อันตัว๋ แลกเงินทุกฉบับ ถึงแม้ว่าจะมิใช่สัง่ จ่ายให้แก่
บุคคลเพื่อเขาสัง่ ก็ตาม ท่านว่าย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลักหลังและส่งมอบ
เมื่อผู้สัง่ จ่ายเขียนลงในด้านหน้าแห่งตัว๋ แลกเงินว่า "เปลี่ยนมือไม่
ได้ " ดัง่ นี้ ก็ดี หรือเขียนคำา อื่นอันได้ความเป็ นทำา นองเช่นเดียวกั นนั้ นก็ดี
ท่านว่าตัว๋ เงินนั้ นย่อมจะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการ
โอนสามัญ
อนึ่ ง ตัว๋ เงินจะสลักหลังให้แก่ผู้จ่ายก็ได้ ไม่ว่าผู้จ่ายจะได้รบ
ั รองตัว๋
นั้ นหรือไม่ หรือจะสลักหลังให้แก่ผู้สัง่ จ่าย หรือให้แก่คู่สัญญาฝ่ ายใด แห่ง
ตัว๋ เงินนั้ นก็ได้ ส่วนบุคคลทั้งหลายเหล่านี้ ก็ย่อมจะสลักหลังตัว๋ เงิน นั้ นต่อ
ไปอีกได้

ก. เป็ นหนี้ ข. โดยมี ค. เป็ นผู้ค้ ำาประกัน ต่อมา ข. ตายโดย ค. ได้


รับมรดกของ ข. แต่เพียงผ้เู ดียว ถ้า ค. จะใช้สท
ิ ธิในฐานะเป็ นทายาทของ
ข. ฟ้ อง ก. ให้ชำาระหนี้ รายนี้ จะกระทำาได้หรือไม่
กรณี ตามอุทาหรณ์ ค. ฟ้ อง ก. ให้ชำา ระหนี้ ได้ กรณี น้ ี เป็ นเรื่องหนี้
เกลื่อนกลืนกันเฉพาะหนี้ อุปกรณ์ซ่ึงกระทบถึงหนี้ ประธาน หนี้ ประธานยัง
ไม่ระงับ

กรณีท่ีหนี้ เกลื่อนกลืนกันไม่ได้
มีกรณี ใดบ้างที่หนี้ ไม่ระงับเพราะเหตุท่ีจะอ้างที่หนี้ เกลื่อนกลืนกัน
ไม่ได้ อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
อ้างตามมาตรา 353 ตอนท้าย ซึ่งมีอยู่ 2 กรณี คือ
1) เมื่อหนี้ นั้ นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


140

2) เมื่อสลักหลังตัว๋ เงินกลับคืนตามความใน มาตรา 917 วรรค 3

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 10

1. การหักกลบลบหนี้ จะกระทำา มิได้ ถ้า (ก) คู่กรณี ตกลงกันไว้ไม่ให้มี


การหักกลบลบหนี้ (ข) หนี้ ที่จะขอให้มีการหักกลบลบกับหนี้ อีกรายหนึ่ ง
นั้ นเป็ นหนี้ ละเมิด (ค) สภาพแห่งหนี้ ไม่เปิ ดช่องให้หักกลบลบหนี้ ได้
2. การหั กกลบลบหนี้ มี ผลตั้ง แต่ เวลาที่ หนี้ ทั้ งสองฝ่ ายจะหั กกลบลบ
กันได้เป็ นครั้งแรก
3. การแปลงหนี้ ใหม่ เป็ นสัญญาระหว่างคู่กรณี ท่ีเกี่ยวข้องเปลี่ยนสิ่งซึ่ง
เป็ นสาระสำา คัญ แห่ งหนี้ เพื่อ เลิกหรือระงั บหนี้ เดิ มแล้ว ก่อ หนี้ ใหม่ข้ ึ นมา
แทน
4. การเปลี่ ย นสิ่ ง ซึ่ ง เป็ นสาระสำา คั ญ แห่ ง หนี้ ในการแปลงหนี้ ใหม่ เ ช่ น
เปลี่ยนหนี้ เงินกู้เป็ นขายฝากที่ดิน
5. การเปลี่ยนแปลงหนี้ ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ กระทำาได้โดย เจ้าหนี้
ทำาสัญญากับลูกหนี้ คนใหม่ได้เลยโดยลูกหนี้ คนเดิมไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง
ในการทำาสัญญาด้วย แต่จะทำาโดยขืนใจลูกหนี้ เดิมไม่ได้
6. การที่หนี้ เกลื่อนกลืนกันได้แก่กรณี ดังต่อไปนี้ ดำา เป็ นหนี้ แดง แดง
ตาย ดำา ได้ ร ับ มรดกจากแดงแต่ เ พี ย งผู้ เ ดี ย ว ดำา จึ ง กลั บ มาเป็ นเจ้ า หนี้
ตนเองในฐานะทายาทผู้มีสิทธิรบ
ั ชำาระหนี้ ของแดง
7. การที่หนี้ เกลื่อนกลืนกันมีผลทำาให้ หนี้ นั้ นระงับสิ้นไปโดนสิ้นเชิงทั้ง
หนี้ ประธานและหนี้ อุปกรณ์
8. ในกรณี ต่อไปนี้ บุคคลจะยกข้ออ้างว่าหนี้ เกลื่อนกลืนกันไม่ได้ เมื่อหนี้
นั้ นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


141

หน่วยที่ 11 ความรับผิดเพื่อละเมิดในการกระทำาของตนเอง

1. ความรับผิดเพื่อละเมิดของบุคคลในการกระทำาของตน ต้องมีการก
ระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ โดยผิดกฎหมายและมีความเสียหาย
แก่บุคคลอื่น และความเสียหายนั้ นเป็ นผลมาจากการกระทำาของผู้กระทำา
ความเสียหาย
2. ผู้เยาว์และบุคคลวิกลจริตอาจกระทำาละเมิดและมีความรับผิดได้ ซึ่ง
แล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็ นกรณี ไป
3. การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่ าฝื นความจริงและ
การร่ว มกั นกระทำา ละเมิ ดก็ เป็ นความรับผิ ดของบุค คลในการกระทำา ของ
ตนเอง

11.1 ลักษณะทัว่ ไปของความรับผิดของบุคคลในการกระทำาของตนเอง


1. การกระทำา หมายถึ ง ความเคลื่ อนไหวของบุ ค คลโดยรู้ สึ ก ในความ
เคลื่อนไหวของตน และหมายถึงการงดเว้นหรือละเว้นไม่กระทำาการตาม
หน้าที่ท่ีต้องกระทำา
2. จงใจ หมายถึงการกระทำาโดยรู้สำานึ กถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการก
ระทำาของตน
3. ประมาทเลินเล่อ หมายถึงไม่จงใจ แต่ไม่ใช้ความระมัดระวังตามควร
ที่จะใช้รวมถึงในลักษณะที่บุคคลผู้มีความระมัดระวังจะไม่กระทำาด้วย
4. การกระทำา โดยผิ ด กฎหมายมี ค วามหมายกว้ า ง มิ ใ ช่ ห มายแต่ เ พี ย ง
ฝ่ าฝื นกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยชัดแจ้ง แต่หมายรวมถึงการกระทำาโดยไม่มี
สิทธิหรือขอแก้ตัวตามกฎหมาย
5. ความเสียหายแก่ผู้อ่ ืน หมายถึงความเสียหายที่เกิดแก่สิทธิของบุคคล
อื่น
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
142

6. ความเสี ย หายอั น เป็ นผลมาจากการกระทำา ความเสี ย หายนั้ น ตาม


กฎหมายไทยเห็นว่าควรใช้ทฤษฎีความเท่ากันแห่งเหตุ หรือทฤษฎีเงื่อนไข
บั ง คั บ แต่ ศ าลอาจให้ จำา เลยรับ ผิ ด ทั้ งหมดหรือ แต่ เ พี ย งบางส่ ว นหรือ
ยกเว้นความผิดเสียเลยก็ได้

11.1.1 ความหมายของการกระทำา
ความเคลื่อนไหวของบุคคลในเวลาหลับ ถือว่าเป็ นการกระทำา หรือ
ไม่
ความเคลื่ อ นไหวของบุ ค คลในเวลาหลั บ ไม่ ถือ ว่ าเป็ นการกระทำา
เพราะแม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวในอิรย
ิ าบถ แต่ก็ถือไม่ได้ว่าบุคคลที่หลับ
รู้สำานึ กในความเคลื่อนไหวในอิรย
ิ าบถของตน

ที่เรียกว่า “การกระทำา” นั้ น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร


การกระทำาหมายถึงความเคลื่อนไหวในอิรย
ิ าบถโดยรู้สำานึ กในความ
เคลื่อนไหวนั้ น

ความเคลื่อนไหวของผู้เยาว์ห รือบุ คคลวิ กลจริต จะถื อว่ าเป็ นการ


กระทำาได้เสมอไปหรือไม่
ความเคลื่อนไหวของผู้เยาว์ห รือบุ คคลวิ กลจริต จะถื อว่ าเป็ นการ
กระทำา ไม่ ไ ด้ เ สมอไป ถ้ า ผู้ เ ยาว์ ห รื อ บุ ค คลวิ ก ลจริต รู้ สำา นึ กในความ
เคลื่อนไหวในอิรย
ิ าบถของตน ก็เป็ นการกระทำา ถ้าไม่รู้สำานึ กก็ไม่เป็ น ซึ่ง
เป็ นปั ญหาข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องๆ ไป

การงดเว้นไม่กระทำา จะเป็ นการกระทำาเสมอไปหรือไม่


การงดเว้นไม่กระทำา ไม่เป็ นการกระทำาเสมอไป ที่จะถือว่าเป็ นการ
กระทำาต้องเป็ นการงดเว้นไม่กระทำาการที่มีหน้าที่ต้องกระทำา หน้าที่น้ ี อาจ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


143

เกิดจากกฎหมายก็ ได้ หรือเกิดจากสัญญาหรือความสัมพันธ์ทางข้อเท็จ


จริงที่มีอยู่ระหว่างผู้งดเว้นกับผู้เสียหายก็ได้ หรือเป็ นผลมาจากฐานะทาง
ข้อเท็จจริงซึ่งผู้งดเว้นได้ก่อขึ้นก็ได้

ให้ยกตัวอย่างการงดเว้นไม่กระทำา ตามสัญญาอัน มีผ ลเสีย หายแก่


บุคคลอื่น นอกจากตัวอย่างตามเอกสารการสอนนี้ มา 2 ตัวอย่าง

ยกตัวอย่างการงดเว้นไม่กระทำาตามหน้าที่อันเกิดจากความสัมพันธ์
ทางข้อเท็จจริง

11.1.2 การกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง จะถือว่าเป็ นจงใจได้หรือไม่ ก . เห็น
ร่มของ ข. วางไว้บนโต๊ะทำางานของตน คิดว่าเป็ นร่มของตนที่หายไปแล้ว
และได้คืนมาแล้ว เพราะมีลักษณะเหมือนกันทุกอย่าง จึงหยิบเอาไปเป็ น
ของตน ดังนี้ ก. ได้กระทำาต่อ ข. โดยจงใจหรือไม่
จงใจหมายถึ ง ความรู้ สำา นึ ก ว่ า จะเกิ ดผลเสี ย หายแก่ บุ ค คลอื่ นจาก
การกระทำาของตน ฉะนั้ นความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงจะถือว่าเป็ นจงใจหา
ได้ไม่
ที่ ก. คิดว่าร่มของ ข. เป็ นของตน จึงมีความเข้าใจผิดในข้อ เท็ จ
จริง ก. มิได้กระทำาต่อ ข. โดยจงใจ หรือประมาทเลินเล่อ

แมวของ จ. เข้ามาลักอาหารกินในครัว จ. เห็นเข้า จึงเอาไม้ไล่ตี


บังเอิญไม้พลาดไปถูกศีรษะของ ส. เพื่อนบ้านของ จ. ที่มาหาและโผล่เข้า
มาทางประตู ครัว พอดี โดยที่ จ. ไม่ ทั น เห็ น ดั ง นี้ จ. กระทำา ต่ อ ส. โดย
จงใจหรือประมาทเลินเล่อหรือไม่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


144

ก. มิได้กระทำา โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อข่อ ข. แต่เป็ นความ


เสียหายที่เกิดแต่เหตุสุดวิสัย

11.1.3 การกระทำาโดยผิดกฎหมาย
ที่ว่า “โดยผิดกฎหมาย” ตามมาตรา 420 นั้ น เข้าใจว่าอย่างไร
คำาว่า “โดยผิดกฎหมาย” ตามมาตรา 420 มีความหมายแต่เพียง
ว่า “มิชอบด้วยกฎหมาย” ดังเช่นที่บัญญัติไว้ในมาตรา 421 เท่านั้ น ถ้า
ได้ ก ระทำา โดยไม่ มี สิ ท ธิ ห รือ ข้ อ แก้ ตั ว ตามกฎหมายให้ ทำา แล้ ว ก็ ถื อ ว่ า
เป็ นการกระทำาโดยผิดกฎหมาย
มาตรา 420 ผู้ใ ดจงใจหรือ ประมาทเลิ น เล่ อ ทำา ต่ อบุ ค คลอื่ นโดย
ผิ ด กฎหมายให้ เ ขาเสี ย หายถึ ง แก่ ชี วิ ต ก็ ดี แก่ ร่ า งกายก็ ดี อนามั ย ก็ ดี
เสรีภ าพก็ ดี ทรัพ ย์ สิ น หรือ สิ ท ธิ อ ย่ า งหนึ่ งอย่ า งใดก็ ดี ท่ า นว่ า ผู้ น้ ั นทำา
ละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้ น
มาตรา 421 การใช้สิทธิซ่ึงมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้ น
ท่านว่าเป็ นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย

ที่ว่า “การใช้สิทธิซ่ึงมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น” นั้ น


ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
หมายถึงกรณี ท่ีผู้ทำาความเสียหายมีสิทธิตามกฎหมายเสียก่อน มิใช่
กระทำา โดยไม่มีสิท ธิห รือ ทำา เกิ น ไปกว่ าสิ ท ธิ ที่ มีอ ยู่ ตามกฎหมายแล้ ว ซึ่ง
ต้องพิจารณากันตามมาตรา 420 อันเป็ นหลักทัว่ ไป ข้อสำาคัญอยู่ท่ีว่าสิทธิ
นั้ นมีอยู่แล้ว แต่การใช้หรือวิธีใช้น้ ั นดำาเนิ นไม่ถูกต้อง ตามวิธีการที่เหมาะ
สมหรือผิดกาลเทศะ จึงเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น และต้องเป็ นการ
กระทำาที่มุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อ่ ืนแต่ถ่ายเดียว ไม่ใช่โดยประสงค์
ต่อผลอันเป็ นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


145

ที่ว่า “ลำาพังแต่เพียงบทบัญญัติมาตรา 421 จะเป็ นหลักเกณฑ์อัน


ก่อให้เกิดความรับผิดทางละเมิดไม่ได้” ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
มาตรา 421 เป็ นบทขยายของคำาว่า “โดยผิดกฎหมาย” ในมาตรา
420 ฉะนั้ น หลักเกณฑ์ประการอื่นที่จะก่อให้เกิดความรับผิดตามมาตรา
420 นั้ นยัง คงต้ อ งพิ จารณาให้ ค รบถ้ ว น กล่ าวคื อ ต้ อ งมี การกระทำา โดย
จงใจหรือประมาทเลินเล่อให้คนอื่นเสียหายอยู่ด้วย

การที่ เ จ้ า หน้ า ที่ ตำา รวจเข้ า จั บ กุ ม ผู้ ต้ อ งหาว่ า กระทำา ความผิ ด ตาม
หน้าที่จะเป็ นการใช้สิทธิท่ีมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ต้องหาเสมอไป
หรือไม่
เกิดความเสียหายแก่ผู้ต้องหา ไม่เสมอไป ถ้าเป็ นการจับตามหน้าที่
เว้นแต่เป็ นการใช้สิทธิท่ีมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้ถูกจับแต่ถ่ายเดียว
หรือเป็ นการจับที่ไม่ถูกต้องตามวิธีการที่เหมาะสมหรือผิดกาลเทศะ เช่น
จับผู้ต้องหาว่ากระทำาผิดโดยแกล้งไปจับขณะที่เข้าพิธีสมรสเป็ นต้น

ก. เป็ นหนี้ เงินกู้ ข. อยู่จำานวน 10,000 บาท ขณะที่ ก. กำาลังพูด


คุยกับนางสาว ค. ซึ่งเป็ นคู่รก
ั กันอยู่ตามลำาพัง ข. เห็นนึ กหมัน
่ ไส้ต้องการ
จะแกล้ง ก. ให้ขายหน้า จึงพูดทวงหนี้ ต่อหน้านางสาว ค. ดังนี้ ท่านเห็น
ว่า ข. ใช้สท
ิ ธิมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่ ก. หรือไม่
ข. เป็ นเจ้าหนี้ เงินกู้ของ ก. จึงมีสิทธิทวงถามจาก ก. ได้ แต่การที่
ไปทวงถามต่อหน้านางสาว ค. ย่อมเป็ นการใช้สิทธิท่ีมีแต่จะให้ความเสีย
หายแก่ ก. ลูกหนี้ ของตน

หลั ก ที่ ว่ า “ความยิ น ยอมไม่ ทำา ให้ เ ป็ นละเมิ ด ” มี บั ญ ญั ติ ไ ว้ ใ น


ลักษณะละเมิดหรือไม่ เข้าใจหลักนี้ กันอย่างไร

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


146

ไม่มีบัญญัติไว้ในลักษณะละเมิด เพียงแต่บัญญัติเป็ นหลักเกณฑ์ท่ี


จะถื อ ว่ า เป็ นการกระทำา ละเมิ ด หรือ ความรับ ผิ ด เพื่ อละเมิ ด เท่ า นั้ น ที่ ว่ า
“ความยินยอมไม่ทำาให้เป็ นละเมิด” นั้ นเป็ นหลักกฎหมายทัว่ ไป มีความ
หมายที่ บุ คคลซึ่ ง ยอมต่ อ การกระทำา อย่ างหนึ่ ง หรือบุ ค คลที่ เ ข้ าเสี่ ย งภั ย
ยอมรับความเสียหาย จะฟ้ องคดีเกี่ยวกับการกระทำาหรือความเสียนั้ นมิได้
และความยินยอมทำา ให้ผู้กระทำา ความเสียหายไม่ต้องรับผิดสำา หรับความ
เสียหายที่เกิดขึ้น และถือว่าไม่มีการละเมิดเกิดขึ้นเลยทีเดียว

ก. ยอมให้ ข. ชกต่อยที่บริเวณใบหน้า เพื่อแสดงความแข็งแรง


ของ ก. ปรากฏว่าฟั นของ ก. หักหลุดออกมา 1 ซี่ ก. จะเรียกค่าเสียหาย
จาก ข. อ้างว่าไม่รู้ว่าการให้ ข. ชก ฟั นจะหลุดออกมา จะเรียกค่าเสีย
หายได้หรือไม่
ก. ยอมให้ ข. ชกต่อยแล้ว เป็ นความยินยอมของ ก. ก. จะอ้างว่า
ไม่รู้ว่าการให้ ข. ชกต่อย จะทำา ให้ฟันหักหลุดออกมาไม่ได้ การที่ ข. ชก
ก. ไม่เป็ นละเมิด

ค. ยอมให้ ง. ใช้ไม้เรียวเฆี่ยน 3 ที แต่ ง. หาไม้ไม่ได้ จึงเตะ ค.


3 ที ค. ได้รบ
ั บาดเจ็บดังนี้ ค. จะเรียกค่าเสียหายจาก ง. ได้หรือไม่
ค. ยอมให้ ง. เอาไม้เรียวเฆี่ยน จึงเป็ นความยินยอมของ ค. แต่
ง. กั บ เตะ ค. ซึ่ ง ค. ไม่ ไ ด้ ยิ น ยอม จึ ง เป็ นการกระทำา ละเมิ ด ต่ อ ค. ค.
ย่อมเรียกค่าเสียหายจาก ง. ได้

การกระทำาการฝ่ าฝื นกฎหมายใดจนเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น


จะสันนิ ษฐานไว้ก่อนว่า ผู้กระทำาการฝ่ าฝื นเป็ นผู้กระทำาผิดเสมอไปหรือไม่
จะสันนิ ษฐานว่าผู้กระทำา การฝ่ าฝื นกระทำา ผิด ไม่เสมอไป ที่ถือว่า
กระทำา การฝ่ าฝื นกฎหมายใดจนเกิ ด ความเสี ย หายแก่ บุ ค คลอื่ น จะ
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
147

สันนิ ษฐานไว้ก่อนว่าผู้กระทำาการฝ่ าฝื นเป็ นผู้ผิดนั้ น จะต้องเป็ นการฝ่ าฝื น


กฎหมายอันมีท่ีประสงค์เพื่อปกป้ องบุคคลอื่นๆ เท่านั้ น

ตามบทบัญญัติมาตรา 422 นั้ น รวมถึงหลักเกณฑ์ท่ีว่าความเสีย


หายเป็ นผลเนื่ องจากการกระทำาฝ่ าฝื นกฎหมายนั้ นด้วยหรือไม่
ไม่รวมถึง หลักเกณฑ์ท่ีว่าความเสียหายเป็ นผลเนื่ องจากการกระ
ทำา ฝ่ าฝื นกฎหมายด้วย หลักเกณฑ์ประการอื่นคือได้มีความเสียหายเป็ น
ผลเนื่ องจากการกระทำา การฝ่ าฝื นกฎหมายนั้ น ยังต้องพิสูจน์ให้ได้ความ
ต่อไป

11.1.4 การกระทำาที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
ที่เรียกว่า “สิทธิน้ ั น” เข้าใจว่าอย่างไร ยกตัวอย่าง

ในบทบัญ ญัติมาตรา 420 มีค วามจำา เป็ นต้อ งบั ญญั ติคำา ว่ า “ชี วิ ต
ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน” ไว้อย่างไร หรือไม่ เพราะเหตุใด
ไม่มีความจำาเป็ นต้องบัญญัติ เพราะสิ่งเหล่านี้ ย่อมอยู่ในความหมาย
ของคำาว่า “สิทธิ” อย่างหนึ่ งอย่างใด ดังที่ได้บัญญัติในมาตรา 420
มาตรา 420 ผู้ใ ดจงใจหรือ ประมาทเลิ น เล่ อ ทำา ต่ อบุ ค คลอื่ นโดย
ผิ ด กฎหมายให้ เ ขาเสี ย หายถึ ง แก่ ชี วิ ต ก็ ดี แก่ ร่ า งกายก็ ดี อนามั ย ก็ ดี
เสรีภ าพก็ ดี ทรัพ ย์ สิ น หรือ สิ ท ธิ อ ย่ า งหนึ่ งอย่ า งใดก็ ดี ท่ า นว่ า ผู้ น้ ั นทำา
ละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้ น
มาตรา 421 การใช้สิทธิซ่ึงมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้ น
ท่านว่าเป็ นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย

ที่ว่า “ทำาต่อบุคคล” ในมาตรา 420 นั้ น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


148

ที่ว่า “ทำาต่อบุคคล” นั้ น หมายความว่าทำาต่อสิทธิของบุคคลนั ่นเอง

ก. จองตัว๋ ไปดูภาพยนตร์ ณ โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่ ง แต่ยังไม่ทัน


เข้ า ไปนั ่ ง ณ ที่ จ องไว้ ข. ก็ เ ข้ า ไปนั ่ ง ที่ ก. จองไว้ เ สี ย ก่ อ น โดย ก. ไม่
อนุ ญาต โดยที่ ข. ก็รู้ว่าเป็ นที่นั่งที่ ก. จองไว้แล้วดังนี้ ข. กระทำา ละเมิด
ต่อ ก. หรือไม่
การที่ ก. จองตัว๋ เข้าดูภาพยนตร์ เป็ นการได้สิ ทธิ ในที่นั่ งที่ จองไว้
การที่ ข. เข้ า ไปนั ่ ง โดย ก. ไม่ อ นุ ญ าต และรู้ ว่ า เป็ นที่ ข อง ก. จองไว้
เป็ นการที่ ข. กระทำาละเมิดต่อ ก.

ที่เรียกว่า “ความเสียหายในอนาคต” นั้ น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร ยก


ตัวอย่างประกอบ

11.1.5 ความเสียหายนั้นเป็ นผลมาจากการกระทำาของผู้ทำาความเสีย


หาย
ที่เรียกว่าทฤษฎีความเท่ากันแห่งเหตุหรือทฤษฎีเงื่อนไขกับทฤษฎี
มูลเหตุเหมาะสมนั้ น ท่านเข้ใจว่าอย่างไร ยกตัวอย่างประกอบ

เด็กชาย ก. เล่นเตะลูกฟูตบอลในสนามหญ้าหน้าบ้าน บังเอิญลูกฟู


ตบอลไปถูกกระจกหน้าต่างบ้านของ ข. แล้วกระดอนไปถูกหน้าต่างบ้าน
ของ ค. ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันเสียหายโดยประมาทเลินเล่อ โดยที่เด็กชาย ก.
ก็ไม่คาดเห็นว่าจะเป็ นดังนี้ เด็กชาย ก. ต้องรับผิดต่อ ข. และ ค. หรือไม่
เด็กชาย ก. ต้องรับผิดต่อ ข. และ ค. เพราะความเสียหายเป็ นผล
โดยตรงจากการที่เด็กชาย ก. เตะลูกฟุตบอล แม้ตนจะไม่คาดเห็นว่าจะ
เป็ นเช่นนั้ น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


149

ส. ขโมยรถยนต์ เ กุ ง ของ บ. ที่ จ อดอยู่ ห น้ า ที่ ทำา การของ บ. ไป


ปรากฏว่าที่ท้ายรถซึ่งที่เก็บของมีเครื่องรับโทรทัศน์สีของ บ . เก็บไว้ด้วย
ซึ่งขณะที่เอารถไป ส. ไม่คิดว่าจะมีเครื่องรับโทรทัศน์ และระหว่างที่เอารถ
ไปนั้ น ส. ไม่เคยเปิ ดท้ายรถดู บ. จึงไม่มีเครื่องรับโทรทัศน์ดู ต้องไปเช่า
ของผู้อ่ ืนใช้ ดังนี้ ส. ต้องรับผิดต่อ บ. ที่ไปเช่าเครื่องรับโทรทัศน์ดูหรือไม่
ส. ต้องรับผิดต่อ บ. แม้จะไม่รู้ว่าเครื่องรับโทรทัศน์ของ บ. อยู่ท้าย
รถ

11.2 หมิ่นประมาททางแพ่ง การพิพากษาคดี และการร่วมกันทำาละเมิด


1. หมิ่ น ประมาททางแพ่ ง คื อ การกล่ า วหรื อ ไขข่ า วแพร่ ห ลาย ซึ่ ง
ข้อความอันฝ่ าฝื นต่อความเป็ นจริงอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล
อื่น
2. การวิ นิ จ ฉั ย ความรับ ผิ ด เพื่ อละเมิ ด ในทางแพ่ ง ต้ อ งเป็ นไปตาม
กฎหมายส่ ว นแพ่ ง ไม่ จำา เป็ นต้ อ งพิ เ คราะห์ ถึ ง การที่ ผู้ ก ระทำา ผิ ด ต้ อ งคำา
พิพากษาลงโทษทางอาญาหรือไม่
3. การร่วมกันทำาละเมิดเป็ นเรื่องที่บุคคลหลายคนร่วมกันกระทำาผิด จะ
ต้องมีการกระทำา ร่วมกันโดยมีเจตนาหรือความมุ่งหมายร่วมกันหรือการ
ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำาละเมิด

11.2.1 หมิ่นประมาททางแพ่ง
ก. กล่าวหาว่า ข. ซึ่งเป็ นเจ้าพนั กงานกินสินบน ค. ก็นำาความที่ ก.
กล่าวหานั้ นเที่ยวพูดแก่บุคคลทัว่ ไปว่า ข. กินสินบน โดยบอกว่ารู้จาก ก.
อีกทีหนึ่ ง เท็จจริงอย่างไรอยู่ท่ี ก. ทั้งๆที่ ค. ก็รู้ว่าตามที่กล่าวหานั้ น ไม่
เป็ นความจริงแต่ประการใด ดังนี้ ค. ต้องรับผิดต่อ ข. หรือไม่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


150

การไขข่าว คือการพูดข่าวจากคนอื่น ซึ่งข้อความอันฝ่ าฝื นต่อความ


เป็ นจริงก็เป็ นละเมิดได้ ข้อความที่ ค. ไขข่าวว่า ข. กินสินบน ทั้งๆ ที่รู้ว่า
ตามที่กล่าวหานั้ นไม่เป็ นความจริง ย่อมเป็ นสิ่งเสียหายแก่ช่ ือเสี ยงหรือ
เกียรติคุณของ ค. จึงต้องรับผิดต่อ ข. ด้วย

11.2.2 การพิพากษาคดี
ในคดีอาญาเรื่องหนึ่ ง ก. ฟ้ อง ข. ว่า ข. บุกรุกเข้ามาในที่ดินของ
ก. ศาลพิพากษายกฟ้ องอ้างว่า ข. ไม่มีเจตนาบุกรุก คดีถึงที่สุด ดังนี้ ก.
จะฟ้ อง ข. เป็ นคดี แพ่ ง ว่ า ข. บุ ก รุ ก เข้ าไปในที่ ดิน ของ ก. อั น เป็ นการ
กระทำาละเมิดโดยประมาทเลินเล่อและเรียกค่าเสียหาย จะได้หรือไม่
ตามมาตรา 424 ดังนั้ น ก. จึงฟ้ อง ข. เพื่อเรียกค่าเสียหายในมูล
ละเมิดได้
มาตรา 422 ถ้ า ความเสี ย หายเกิ ด แต่ ก ารฝ่ าฝื นบทบั ง คั บ แห่ ง
กฎหมายใดอันมีท่ีประสงค์เพื่อจะปกป้ องบุคคลอื่น ๆ ผู้ใดทำาการ ฝ่ าฝื น
เช่นนั้ น ท่านให้สันนิ ษฐานไว้ก่อนว่าผู้น้ ั นเป็ นผู้ผิด

11.2.3 การร่วมกันทำาละเมิด
ที่ว่าร่วมกันกระทำาละเมิด หมายความว่าอย่างไร
การร่ ว มกั น ทำา ละเมิ ด จะต้ อ งมี เ จตนาหรือ ความมุ่ ง หมายร่ ว มกั น
และมีการกระทำาร่วมกันเพื่อความมุ่งหมายร่วมกันนั้ น

ก. เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านของ ข. ได้มาหลายสิ่ง ค. ทราบดังนั้ น ก็


เข้าไปลักบ้าง ขณะกำาลังเก็บทรัพย์อยู่ในบ้านของ ข. ง. เพื่อนกันผ่านมา
พอดีก็ช่วยกันรับทรัพย์จาก ค. ออกจากประตูบ้านได้ทรัพย์ออกมาหลาย
สิ่งด้วยกัน ดังนี้ ก. ค. และ ง. ต้องร่วมกันรับผิดต่อ ข. หรือไม่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


151

ก. ค. ต่างคนต่างกระทำาละเมิดต่อ ข. มิได้กระทำาละเมิดร่วมกัน จึง


ไม่ต้องร่วมกันรับผิดต่อ ข. ส่วน ค. ง. ร่วมกันกระทำา ละเมิดต่อ ข. จึง
ต้องร่วมกันรับผิดต่อ ข.

ก. ขับรถจักรยานยนต์ชน ข. โดยประมาทเลินเล่อ ข. นอนเจ็บอยู่


กลางถนน ขณะนั้ นพอดี ค. ขับรถยนต์ผ่านมาและเฉี่ยวถูก ข. ซึ่งนอน
เจ็บอยู่โดยประมาทเลินเล่อ ค. สลบไป ดังนี้ ก. ค. ต้องร่วมกันรับผิดต่อ
ข. หรือไม่
ก. ค. ต่ างกระทำา ละเมิ ดต่ อ ข. ไม่ได้ ร่ว มกั น กระทำา ละเมิ ด จึ ง ไม่
ต้องร่วมกันรับผิดต่อ ข.

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 11

1. ก. ใช้ ไ ม้ ตี ข. โดยไม่ ต้ อ งการให้ ข. ถึ ง ตาย แต่ ข. บาดเจ็ บ และ


ถึ ง แก่ ค วามตายในเวลาต่ อ มา ดั ง นี้ ก. กระทำา ต่ อ ข. โดยจงใจหรือ ไม่
เป็ นการกระทำาโดยจงใจ เพราะรู้สำานึ กในผลเสียหาย
2. แดงกับดำา เป็ นเพื่อนกัน แดงยอมให้ดำา ชกต่อยที่หน้า ดำา ก็ชกต่อย
แดงได้รบ
ั บาดเจ็บเล็กน้อย ดังนี้ แดงจะเรียกค่าเสียหายจากดำา ได้หรือไม่
เรียกไม่ได้ เพราะแดงยินยอมให้ทำา ไม่เป็ นกระทำาละเมิด
3. ก. บุกรุกเข้าไปในตึกแถวที่ ข. เช่าจาก ค. แต่ไม่มีส่ิงของอื่นใดของ
ข. เสียหาย ดังนี้ ข. จะได้รบ
ั ความเสียหายหรือไม่ ถือว่า ข. ได้รบ
ั ความ
เสียหายแล้ว แม้ไม่ใช่เจ้าของตึกแถว
4. ก. ขุดหลุมในถนนสาธารณะซึ่งเป็ นทางเข้าบ้านของ ข. ข. จึงเอารถ
เข้าบ้านไม่ได้ ดังนี้ ข. ได้รบ
ั ความเสียหายหรือไม่ ข. ได้รบ
ั ความเสียหาย
แล้วเพราะ ข. เอารถเข้าบ้านไม่ได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


152

5. ส. ขั บ รถชน น. ส. หนี ไ ป ส่ ว น น. บาดเจ็ บ และสลบอยู่ ร ม


ิ ถนน
คนร้ายฉวยโอกาสขโมยนาฬิกาข้อมือของ น. ไป ดังนี้ ส. ต้องรับผิดต่อ
น. ในการที่นาฬิกาถูกคนร้ายรักไปหรือไม่ ต้องรับผิด เพราะเป็ นผลมา
จากการกระทำาของ ส.
6. จ. ยืมรถของ ส. ไปใช้ แล้วถูก บ. ลักไป ดังนี้ จ. ได้รบ
ั ความเสีย
หายหรือไม่ ได้รบ
ั ความเสียหายแล้ว เพราะ จ . มีสิทธิท่ีจะขอใช้รถ
7. ความเสียหายต่อไปนี้ ที่คำานวณเป็ นตัวเงินไม่ได้เช่น ค่าที่เสียแขนขา
ทุพพลภาพพิการตลอดชีวิต
8. ด. กับ ส. เจ้าพนั กงานที่ดินสนทนากันต่อหน้า อ. ด. ถาม ส. ว่า
“นายรับสินบนจากผู้ขายเท่าไรแล้ ว” ซึ่ง ส. ไม่เคยรับสินบนจากผู้ ขาย
และ ด. ก็ รู้ ดั ง นี้ ถื อ ว่ า ด. กล่ า วหมิ่ น ประมาท ส. หรือ ไม่ เป็ นหมิ่ น
ประมาท แม้เป็ นคำาถามของ ด.
9. ในคดี อ าญาเรื่อ งหนึ่ ง ศาลพิ พ ากษายกฟ้ องโดยฟั งข้ อ เท็ จ จริง ว่ า
จำาเลยมิได้มีเจตนาเอารถยนต์ของโจทย์ไป โจทย์จะฟ้ องทางแพ่งเรียกคืน
รถจากจำาเลยได้หรือไม่ ฟ้ องได้ เพราะเป็ นการฟ้ องทางแพ่งให้คืนรถ
10. จ. กับ อ. เกิดทะเลาะวิวาทกัน จ. ใช้มีดแทง อ. บาดเจ็บล้มลง ต.
เห็นเข้าก็ใช้ปืนยิง อ. อ. ถึงแก่ความตาย ดังนี้ จ. กับ ต. ร่วมกันกระทำา
ละเมิ ดต่ อ อ. หรือ ไม่ ไม่ เ ป็ นการร่ ว มกั น ทำา ละเมิ ด เพราะมิ ได้ มีเ จตนา
และการกระทำาร่วมกัน

หน่วยที่ 12 ความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น

1. ความรับผิดในการกระทำา ของตนเอง บุค คลผู้ร บ


ั ผิดจะต้อ งกระทำา
โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดยผิดกฎหมาย มีความเสียหายแก่บุคคล

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


153

อื่น และความเสียหายนั้ นเป็ นผลมาจากการกระทำาของผู้ทำาความเสียหาย


ส่ ว นความรับ ผิ ดในการกระทำา ของบุ ค คลอื่ นเป็ นความรับ ผิ ด ของบุ ค คล
หนึ่ งในการกระทำาละเมิดของบุคคลอีกคนหนึ่ ง โดยที่บุคคลก่อนที่ต้องรับ
ผิดนั้ นมิได้ กระทำา ละเมิดเอง ซึ่งความรับผิ ดในการกระทำา ของบุค คลอื่น
เกิดขึ้นโดยบทบัญญัติของกฎหมาย
2. บุคคลผู้ต้องรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่นคือ นายจ้าง ตัวการ
บิดามารดา ผ้อ
ู นุ บาล และครูบาอาจารย์ แต่ไม่รวมถึงความรับผิดของผู้ว่า
จ้างทำาของ
3. บุคคลที่ต้องรับผิด เมื่อใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว มีสิทธิเรียกร้อง
ชดใช้เอาจากผู้ก่อการละเมิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้

ความรับผิดในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
1. ที่ว่า “นายจ้าง” “ลูกจ้าง” หมายถึงความสัมพันธ์ตามสัญญาจ้าง
แรงงาน
2. ความรับผิดในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง เป็ น
ความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น
3. ความหมายของ “ในทางการที่จ้าง” ไม่ใช่เรื่องมอบอำานาจให้กระทำา
แต่เป็ นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานที่จ้าง
4. เมื่ อเป็ นเหตุ ล ะเมิ ด ที่ เ กิ ด ขึ้ นในทางการที่ จ้ า งแล้ ว วิ ธี ป ฏิ บั ติ ข อง
ลูกจ้างหรือกรณี ท่ีนายจ้างมีคำาสัง่ ห้ามไม่เป็ นข้อต่อสู้ของนายจ้าง
5. โดยเหตุท่ีตัวแทนมิใช่ลูกจ้าง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งสิทธิของตัวการ
ที่จะควบคุมตัวแทน โดยปกติตัวแทนย่อมมีความรับผิดแต่ผู้เดียว ตัวการ
ไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ตัวแทนก่อขึ้น

ลักษณะของนายจ้างลูกจ้างและในทางการที่จ้าง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


154

ที่เรียกว่าเป็ นนายจ้างลูกจ้างกันนั้ นเกิดจากสัญญาอะไร


เกิดจากสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมาย
แพ่งและพาณิ ชย์มาตรา 575 มิใช่สัญญาจ้างทำาของ

ที่เรียกว่า “ในทางการจ้าง” นั้ น จะเข้าใจว่าอย่างไร


เข้าใจว่าเป็ นกรณี ท่ีลูกจ้างได้ปฏิบัติงานตามที่จ้างมาหรือเกี่ยวข้อง
กับงานที่จ้าง ไม่ใช่เรื่องที่นายจ้างสัง่ ให้ลูกจ้างกระทำาการ

สัง่ ให้ ข. ลูกจ้างตีศีรษะ จ. ลูกค้าของ ก. ข. ก็ทำาตามคำาสัง่ นี้ การก


ระทำาของ ข. เกิดขึ้นในทางการที่จ้างหรือไม่
ตามตั ว อย่ างไม่ ถือ ว่ าเป็ นการกระทำา ของ ข. เกิ ดขึ้ นในทางการที่
จ้าง แต่เป็ นกรณี ท่ีนายจ้างกระทำาละเมิดโดยนายจ้างเป็ นผู้ยุยงส่งเสริมให้
ลูกจ้างกระทำา จึงเป็ นการกระทำา ละเมิดร่วมกันตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา
432
มาตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดย
ร่วมกันทำาละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้ นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนเพื่ อความเสี ย หายนั้ น ความข้ อ นี้ ท่ า นให้ ใ ช้ ต ลอดถึ ง กรณี ที่ ไ ม่
สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำา พวกที่ทำา ละเมิดร่วมกันนั้ น คนไหน เป็ นผู้
ก่อให้เกิดเสียหายนั้ นด้วย
อนึ่ ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำาละเมิด ท่านก็ ให้
ถือว่าเป็ นผู้กระทำาละเมิดร่วมกันด้วย
ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน
นั้ น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็ นส่วนเท่าๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาล
จะวินิจฉัยเป็ นประการอื่น

การละเมิดโดยประมาทเลินเล่อ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


155

ข. ลูกจ้าง ก. มีหน้าที่ขับรถไปส่งบุตรของ ก. ไปโรงเรียน ขณะขับ


รถอยู่ได้จุดบุหรีส
่ ูบโดยประมาทเลินเล่อ ข. จึงขับรถชน ค. ที่เดินอยู่รม

ถนนดังนี้ ก. ต้องร่วมกับ ข. รับผิดต่อ ค. หรือไม่
เป็ นเหตุท่ีเกิดขึ้นในทางการที่จ้าง ก. ต้องร่วมกับ ข. รับผิดต่อ ค.

ข. เป็ นลูกจ้ างของ ก. เจ้าของร้านขายหนั งสือ กฎหมายแห่ง หนึ่ ง


มีหน้าที่ขายและรับเงินค่าหนั งสือจากลูกค้า ค. มาซื้ อหนั งสือกฎหมายเล่ม
หนึ่ ง ข. ก็ทอนเงินเป็ นธนบัตรปลอมให้ ค. ดังนี้ ก. ต้องร่วมกับ ข. รับ
ผิดต่อ ค. ได้หรือไม่
เป็ นเหตุท่ีเกิดขึ้นในทางการที่จ้าง ก. ข. ต้องร่วมกันรับผิดต่อ ค.

การละเมิดโดยจงใจ
ยกตัวอย่างเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นโดยจงใจ นอกจากตัวอย่างใน
เอกสาร

ลักษณะตัวการตัวแทนและความรับผิดของตัวการ
ก. เป็ นตัวแทนขายรถยนต์ของบริษัท ข. ก. ในฐานะตัวแทนตกลง
ขายรถยนต์คันหนึ่ งให้แก่ ส. โดยตกลงกันว่าเครื่องอะไหล่ทุกชิ้นต้องเป็ น
ของแท้ กรรมสิทธิใ์ นรถได้โอนมาเป็ นของ ส. แล้ว ก่อนที่จะนำา รถไปส่ง
มอบแก่ ส. ก. ได้ถอดเครื่องอะไหล่แท้ของรถออกเป็ นประโยชน์แก่ ตน
แล้วเอาเครื่องอะไหล่เทียมใส่แทน แล้วนำา รถมาส่งมอบแก่ ส. โดยที่ ส.
ลูกค้าไม่ทราบถึงความจริงดังกล่าว ดังนี้ บริษัท ข. ต้องร่วมรับผิดต่อ ส.
หรือไม่
การที่ ก. ถอดเอาเครื่อ งอะไหล่ แ ท้ อ อก แล้ ว เอาของเที ย มใส่ ไ ว้
แทนนั้ นเป็ นเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นในขอบเขตของการปฏิบัติตามหน้าที่หรือ
โดยฐานได้ทำาการแทนบริษัท ข. ข. จึงต้องร่วมรับผิดต่อ ส. ด้วย
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
156

ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำาของ
1. ความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้างทำาของมิใช่เรื่องความรับผิดในการกระ
ทำาของบุคคลอื่น ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำาของเป็ นความรับผิดของผู้ว่า
จ้าง ในการกระทำาของตนตามกฎเกณฑ์ท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา 420
2. ผู้ว่าจ้างทำาของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รบ
ั จ้างได้ก่อให้
เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำาการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะ
เป็ นผู้ ผิ ดในส่ ว นการงานที่ สั ่ง ให้ ทำา หรือ ในคำา สั ง่ ที่ ต นให้ ไ ว้ หรือ ในการ
เลือกหาผู้รบ
ั จ้าง

ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำาของไม่เป็ นความรับผิดในการกระทำาของ
บุคคลอื่น
ที่ ว่ า บทบั ญ ญั ติ ว่ า ด้ ว ยความรั บ ผิ ด ของผู้ ว่ า จ้ า งทำา ของ ไม่ ใ ช่
บทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่นนั้ น ท่านเข้าใจว่า
อย่างไร
มาตรา 428 ผู้ว่าจ้างทำา ของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้
รับ จ้ างได้ ก่อ ให้ เ กิ ดขึ้ นแก่ บุ ค คลภายนอกในระหว่ า งทำา การงานที่ ว่ า จ้ า ง
เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็ นผู้ผิดในส่วนการงานที่สัง่ ให้ทำา หรือในคำาสัง่ ที่ตน ให้
ไว้หรือในการเลือกหาผู้รบ
ั จ้าง

ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำาของ
ที่ว่าผู้ว่าจ้างเป็ นผู้ผิดตามมาตรา 428 นั้ น จะเข้าใจว่าอย่างไร
ที่ว่าผู้ว่าจ้างเป็ นผู้ติดตามมาตรา 428 นั้ น หมายความว่าผู้ว่าจ้าง
กระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา
420

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


157

มาตรา 420 ผู้ใ ดจงใจหรือ ประมาทเลิ น เล่ อ ทำา ต่ อบุ ค คลอื่ นโดย
ผิ ด กฎหมายให้ เ ขาเสี ย หายถึ ง แก่ ชี วิ ต ก็ ดี แก่ ร่ า งกายก็ ดี อนามั ย ก็ ดี
เสรีภ าพก็ ดี ทรัพ ย์ สิ น หรือ สิ ท ธิ อ ย่ า งหนึ่ งอย่ า งใดก็ ดี ท่ า นว่ า ผู้ น้ ั นทำา
ละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้ น

ก. จ้ าง ข. ทำา โต๊ะ เก้ าอี้ ชุ ดรับ แขก ข. ก็ลั กเอาไม้ ข อง ค. มาเป็ น


สัมภาระจัดทำาโดยที่ ข. ก็รู้ว่าเป็ นไม้ของ ค. แต่ ก. ไม่รู้เห็นด้วย ก. และ
ข. ต้องรับผิดต่อ ค. หรือไม่
ก. ไม่ต้องรับผิดต่อ ค. เพราะมิได้รู้เห็นในการที่ ข. เอาไม้ของ ค.
มาทำาชุดรับแขก ก. จึงมิได้กระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ

ความรับผิดของบิดาหรือผู้อนุบาลในการกระทำาละเมิด ของผู้เยาว์หรือ
บุคคลวิกลจริตและความรับผิดชอบของครูบาอาจารย์ นายจ้าง หรือบุคคล
อื่นในการกระทำาละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
1. หลั ก เกณฑ์ ค วามรับ ผิ ด ทางละเมิ ด ของผู้ เ ยาว์ ห รือ บุ ค คลวิ ก ลจริต
ย่อ มเป็ นไปตามมาตรา 420 แต่ มิได้ หมายความว่าถ้ าผู้เ ยาว์ห รือ บุค คล
วิกลจริตก่อความเสียหายขึ้นแล้วจะต้องรับผิดฐานละเมิดทุกกรณี ไป
2. บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็ นผู้เยาว์หรือวิกลจริตก็ยัง
ต้ อ งรับ ผิ ด ในผลที่ ต นทำา ละเมิ ด บิ ด ามารดาหรือ ผู้ อ นุ บาล หรือ ครู บ า
อาจารย์ นายจ้างหรือบุคคลอื่นที่รบ
ั ดูแล ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย
3. บิดามารดาหรือผู้อนุ บาลที่มีหน้าที่ดูแล อาจต้องรับผิดละเมิดเป็ น
ส่วนตัวโดยการกระทำาผิดตามมาตรา 420

ความรับผิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตทางละเมิด
ผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริต จะต้องรับผิดในความเสียหายที่ตนก่อ
ขึ้นเสมอไปหรือไม่
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
158

ไม่เสมอไป กรณี ท่ีผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตทำา ความเสียหาย ถ้า


มิได้กระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ก็ย่อมไม่เป็ นละเมิด ถ้าเป็ นเด็ก
ไร้เดียงสา ไม่รู้สำานึ กในการกระทำาของตนหรือบุคคลวิกลจริตที่ไม่รู้สภาพ
ของการกระทำาของตน ย่อมจะถือว่าทำา โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่
ได้ แต่ถ้ารู้ได้ว่าทำาอะไรลงไป เพียงแต่ไม่รู้สึกผิดชอบหรือยับยั้งไม่ได้ อาจ
เป็ นการกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อได้ เพราะผู้เยาว์หรือบุคคล
วิกลจริตย่อมมีฐานะทางจิตใจอยู่หลายระดับต่างกันไป

ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาล
ก. มาเยี่ยม ข. เพื่อนกัน โดยอุ้ม น. บุตร ซึ่งเป็ นทารกอายุ 6
เดือน มาด้วย ก. นึ กสนุ กคิดจะแกล้ง ข. เล่น โดยรู้ว่าบุตรของตนจวนจะ
ได้เวลาปั สสาวะออกมาแล้ว จึงส่งเด็กให้ ข. อุ้ม เด็กปั สสาวะรด ข. จน
เปี ยกโชก ดังนี้ ก. และ น. จะต้องรับผิดต่อ ข. หรือไม่
ก. ต้องรับผิดต่อ ข. เพราะได้กระทำาโดยจงใจโดยใช้เด็กชาย น.
บุตรของตนเป็ นเครื่องมือ ส่วนเด็กชาย น. ไม่ต้องรับผิดต่อ ข. เพราะ
เป็ นเด็กทารกอายุเพียง 6 เดือน ไม่มีการกระทำาโดยจงใจหรือประมาท
เลินเล่อ

ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
น้อยอายุ 5 ขวบ ขณะที่อยู่กับนิ ดซึ่งเป็ นมารดา เกิดทะเลาะกับปู
ซึ่งเป็ นเพื่อนเด็กด้วยกัน ได้ใช้ไม้ไล่ตีปูบาดเจ็บดังนี้ นิ ดและน้อยต้องรับ
ผิดต่อปูหรือไม่
เด็กชายน้อยต้องรับผิดต่อเด็กชายปู เพราะการใช้ไม้ไล่ตีเป็ นการ
กระทำา ละเมิดตามมาตรา 420 429 นิ ดซึ่งเป็ นมารดาจึงต้องร่วมรับผิด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


159

ด้วยตามมาตรา 429 เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตาม


สมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำาอยู่น้ ั น
มาตรา 429 บุ ค คลใดแม้ ไ ร้ ค วามสามารถเพราะเหตุ เ ป็ นผู้ เ ยาว์
หรือ วิ ก ลจริต ก็ ยั ง ต้ อ งรับ ผิ ด ในผลที่ ต นทำา ละเมิ ด บิ ด ามารดาหรือ ผู้
อนุ บาลของบุคคลเช่นว่านี้ ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์
ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล ซึ่งทำาอยู่น้ ั น

ก. ไม่ถูกกับ ข. เพื่อนบ้าน และรู้ว่า ค. บุตรชายของตนซึ่งมีอายุ


10 ขวบชอบเล่นปื นอาจเอาปื นไปยิงกระจกบ้านของ ข. เล่น ได้อย่างที่
ค. เคยพูดให้ฟัง ก. จึงส่งปื นให้ ค. เล่น ค. ใช้ปืนยิงกระจกบ้านของ ข.
แตกเสียหาย ต่อ มา ก. ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ ค. ไปแล้ว จึ งไล่
เบี้ยเรียกคืนจากเด็กชาย ค. ทั้งหมด ดังนี้ จะทำาได้หรือไม่
การที่ ก. ส่งปื นให้ ค. เล่น ค. จึงเอาปื นไปยิงกระจกบ้านของ ข.
แตก เป็ นการที่ ก. กระทำา ละเมิดต่อ ข. โดยจงใจ มิใช่ความรับผิ ดของ
บิดาในการกระทำาละเมิดของบุตร เมื่อ ก. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ ค.
ไปแล้ว จึงไล่เบี้ยเรียกคืนจากเด็กชาย ค. ไม่ได้ท้ ังหมด

ก. เป็ นบุตรของ ข. ก. ออกจากบ้านไปโรงเรียนโดยรถยนต์โดยสาร


ประจำา ทาง ระหว่างเดิน ทางอยู่บนรถ เกิดชกต่อ ย ค. ผู้โดยสารด้ว ยกั น
โดยละเมิด ดังนี้ ข. ต้องร่วมกับ ก. รับผิดต่อ ค. หรือไม่
ข. ไม่ต้องร่วมรับผิดกับเด็กชาย ก. เพราะขณะเกิดเหตุละเมิดนั้ น
อยู่ในระหว่างเวลาที่เด็กชาย ก. เดินทางอยู่ เด็กชาย ก. มิได้อยู่ในความ
ดูแลของ ข. เป็ นเรื่องที่เด็กชาย ก. ผู้เดียวจะต้องรับผิดต่อ ค. ตาม
มาตรา 420 และ 429 ตอนแรก

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


160

ความรั บ ผิ ด ของครู บ าอาจารย์ นายจ้ า ง หรือ บุ ค คลอื่ นในการทำา


ละเมิดของผู้ไร้ความสามารถ
ความรับผิดตามมาตรา 429 และ 430 มีหลักเกณฑ์เหมือนกัน
และแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
มี ห ลั ก เกณฑ์ เ หมื อ นกั น ในข้ อ ที่ ว่ า ต่ า งก็ เ ป็ นบทบั ญ ญั ติ เ กี่ ย วกั บ
ความรับผิดในการกระทำา ของบุคคลอื่นอันเนื่ องมาจากความบกพร่องใน
การดู แ ลบุ ค คลผู้ ไ ร้ ค วามสามารถ ต่ า งกั น ในข้ อ ที่ ว่ า ตามมาตรา 429
กฎหมายบั ญ ญั ติใ ห้ บิ ดามารดาหรือ ผู้ อ นุ บ าลผู้ ทำา หน้ าที่ ดู แ ลรับ ผิ ด ก่ อ น
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
ซึ่งทำาอยู่น้ ั น ส่วนมาตรา 430 ครูบาอาจารย์นายจ้าง หรือบุคคลอื่นซึ่งรับ
ดูแลนั้ น จะต้องรับผิดก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าบุคคลดังกล่าวมานี้ มิได้ใช้ความ
ระมัดระวังตามสมควร

ที่ว่า “บุคคลผู้ไร้ความสามารถ” ตามมาตรา 430 นั้ น หมายความ


ถึงบุคคลเช่นไร
หมายถึงผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริต เพราะบทบัญญัติมาตรา 430
เป็ นบทบัญญัติต่อจากมาตรา 429 ในเรื่องบุคคลผู้ไร้ความสามารถกระทำา
ละเมิดด้วยกัน
มาตรา 430 ครู บ าอาจารย์ นายจ้ า ง หรือ บุ ค คลอื่ นซึ่ ง รับ ดู แ ล
บุคคลผู้ไร้ความสามารถอยู่เป็ นนิ ตย์ก็ดี ชัว่ คราวก็ดี จำาต้องรับผิด ร่วมกับ
ผู้ ไ ร้ ค วามสามารถในการละเมิ ด ซึ่ ง เขาได้ ก ระทำา ลงในระหว่ า ง ที่ อ ยู่ ใ น
ความดู แ ลของตน ถ้ า หากพิ สู จ น์ ไ ด้ ว่ า บุ ค คลนั้ น ๆ มิ ไ ด้ ใ ช้ ความ
ระมัดระวังตามสมควร

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 12

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


161

1. ผู้ต้องรับผิดต้องมิได้กระทำา ละเมิด แต่บุคคลอื่นต้องกระทำา ละเมิด


ถือว่าเป็ นความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น
2. นายแสงส่งปื นให้ลูกจ้างยิงคนร้ายที่เข้ามาขโมยสินค้าในโกดังของ
นายแสง ดังนี้ เป็ นความผิดของนายแสงนายจ้างในการกระทำาของบุคคล
อื่นหรือไม่ ไม่เป็ นความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น แต่เป็ นความรับ
ผิดในการกระทำาของตนเอง
3. ส. เป็ นลูกจ้างของ จ. มีหน้าที่ซ่อมรถที่ลูกค้ามาจ้าง จ. ซ่อม โดย
ประมาทเลิน เล่อ ขณะทำา การซ่อ มตามหน้าที่ ส. ทำา ให้ร ถลู กค้ าเสีย หาย
ดั ง นี้ จ. ต้ อ งรับ ผิ ด ต่ อ ลู ก ค้ า ด้ ว ยหรือ ไม่ ต้ อ งรั บ ผิ ด เพราะเป็ นเหตุ
ละเมิดที่เกิดขึ้นในทางการที่จ้าง
4. ม. ลูกจ้าง ว. มีหน้าที่เติมนำ้ามันใส่รถให้ลูกค้าที่ป้ ั ม ว. ออกระเบียบ
เป็ นคำา สัง่ ไว้ว่าห้ามมิให้ลูกจ้างสูบบุหรีข
่ ณะทำา งาน โดยประมาทเลินเล่อ
ม. สู บ บุ ห รีท
่ ำา ให้ เ กิ ด ไฟลุ ก ไหม้ ร ถลู ก ค้ า เสี ย หายดั ง นี้ ว. ต้ อ งรับ ผิ ด ต่ อ
ลูกค้าด้วยหรือไม่ ต้องรับผิด เพราะเหตุละเมิดเกิดขึ้นในทางการที่จ้าง
5. ความรับผิ ดของผู้ ว่ าจ้ างทำา ของเป็ นความรับ ผิ ดในการกระทำา ของ
บุคคลอื่นหรือไม่ ไม่ใช่ความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น
6. ส. จ้ า ง น. ทำา ถนนเข้ า บ้ า นของ ส. ปรากฏว่ า น. ทำา ถนนรุ ก ลำ้ า
เข้าไปในที่ดินของ ถ. โดยประมาทเลินเล่อ ซึ่ง ส. ไม่ทราบว่าเป็ นที่ดิน
ของ ก. ดังนี้ ส. ต้องรับผิดต่อการกระทำา ของ น. หรือไม่ ไม่ต้องรับผิด
เพราะไม่อาจมีการกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อได้
7. เด็ ก ไร้ เ ดี ย งสาต้ อ งรับ ผิ ดในความเสี ย หายที่ ต นก่ อ ขึ้ นหรือ ไม่ ไม่
ต้องรับผิด เพราะไม่อาจมีการกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อได้
8. ม. ส่งระเบิ ดขวดให้ อ. บุตรชายผู้เ ยาว์ซ่ึ งอยู่ ในความดูแลของตน
โดยรู้ว่า อ. อาจนำาไปก่อความเสียหายแก่บุคคลอื่นได้ อ. นำาระเบิดขวดไป

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


162

ขว้างปาใส่บ้าน ส. เสียหาย ดังนี้ ม. ต้องรับผิดต่อ ส. หรือไม่ ต้องรับ


ผิด เพราะเป็ นความรับผิดในการกระทำาของตนเอง
9. เกี่ ย วกั บ ความรับ ผิ ด ในการกระทำา ของตนเอง ผู้ เ ยาว์ ห รือ บุ ค คล
วิกลจริตกระทำาละเมิด จะต้องมีการกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
หรือไม่ ต้องมีการกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
10. น. เป็ นบุตรผู้เยาว์ของ ส. และ ม. ส. และ ม. แยกกันอยู่ โดย ส.
รับ ราชการอยู่ ที่ เ ชี ย งใหม่ ม. อยู่ ท่ี กรุ ง เทพฯ ระหว่ า งที่ อ ยู่ ใ นความดู แล
ของ ม. น. ทำาร้าย ค. โดยละเมิด ดังนี้ ส. จะต้องรับผิดด้วยหรือไม่ ไม่
ต้องรับผิดเพราะขณะเกิดเหตุละเมิด ส. ไม่มีหน้าที่ดูแล น.

หน่วยที่ 13 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากทรัพย์

1. ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทรัพย์เป็ นความรับผิดที่ไม่
ต้องมีการกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
2. ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เจ้าของหรือบุคคลผู้รบ
ั เลี้ยงรับ
รักษาไว้แทนเจ้าของสัตว์ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย
3. ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น
ก่อสร้างไว้ชำารุดบกพร่องหรือบำารุงรักษาไม่เพียงพอ ผ้ค
ู รองโรงเรือน หรือ
สิ่งปลูกสร้างนั้ นๆ จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
4. บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดเพราะของ
ตกหล่นจากโรงเรือนหรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในที่อันมิควร

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


163

5. ผู้ครอบครองหรือควบคุมยานพาหนะอันเดินด้วยกำาลังเครื่องจักรกล
จะต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่ย านพาหนะนั้ น ผู้ ครอบครอง
ทรัพย์อันตรายก็จะต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดจากทรัพย์น้ ั นด้วย

13.1 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์
1. บุคคลอาจใช้สัตว์เป็ นเครื่องมือก่อการละเมิดได้ตามมาตรา 420 ซึ่ง
ต้องกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่ใช่เรื่องความรับผิดในความ
เสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ เป็ นความรับผิดของบุคคลในการกระทำาของ
ตนเอง
2. ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์เป็ นเรื่องที่บุคคลที่
ต้องรับผิด มีความบกพร่องในการดูแล มิได้กระทำาโดยจงใจหรือประมาท
เลินเล่อ กฎหมายจึงได้จำากัดตัวบุคคลที่ต้องรับผิดเอาไว้ คือเจ้าของสัตว์
และบุคคลผู้รบ
ั เลี้ยงรับรักษาไว้ แทนเจ้าของ แต่มีข้อยกเว้นว่า ถ้าได้ใ ช้
ความระมั ดระวั ง อั น สมควรแก่ การเลี้ ยงการรักษาตามชนิ ดและวิ สั ย ของ
สัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่นหรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายย่อมจะเกิด
ขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้ น ก็พ้นความรับผิด
3. บุคคลที่ต้องรับผิดจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลที่เร้าหรือยัว่ สัตว์โดย
ละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อ่ ืนอันมาเร้าหรือยัว่ สัตว์ก็ได้
4. คำา ว่ า “โดยละเมิด” ตามมาตรา 433 วรรค 2 มิได้ห มายความว่ า
เป็ นการกระทำาโดยละเมิดดังที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 420 ซึ่งเป็ นแม่บท
อันเป็ นบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในการกระทำา ของตนเอง
แต่เป็ นเรื่องที่บุคคลที่เร้าหรือยัว่ สัตว์กระทำาไปโดยไม่มีสิทธิ

มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำา ต่อบุคคลอื่น โดย


ผิ ด กฎหมายให้ เ ขาเสี ย หายถึ ง แก่ ชี วิ ต ก็ ดี แก่ ร่ า งกายก็ ดี อนามั ย ก็ ดี

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


164

เสรีภ าพก็ ดี ทรัพ ย์ สิ น หรือ สิ ท ธิ อ ย่ า งหนึ่ งอย่ า งใดก็ ดี ท่ า นว่ า ผู้ น้ ั นทำา
ละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้ น
มาตรา 433 ถ้ าความเสี ย หายเกิ ด ขึ้ นเพราะสั ต ว์ ท่ า นว่ าเจ้ า ของ
สั ต ว์ ห รือ บุ ค คลผู้ ร บ
ั เลี้ ยงรับ รัก ษาไว้ แ ทนเจ้ า ของ จำา ต้ อ งใช้ ค่ า สิ น ไหม
ทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิด แต่
สัตว์น้ ั น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวัง อันสมควร แก่การ
เลี้ ยงการรักษาตามชนิ ด และวิ สั ยของสั ตว์ห รือ ตามพฤติ การณ์ อย่ างอื่ น
หรือพิ สู จน์ ได้ ว่ าความเสี ย หายนั้ นย่ อ มจะต้ อ งเกิ ด มี ข้ ึ นทั้ ง ที่ ได้ ใ ช้ ค วาม
ระมัดระวังถึงเพียงนั้ น
อนึ่ ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดัง่ กล่าวมาในวรรคต้นนั้ น จะใช้สิทธิ
ไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ท่ีเร้าหรือยัว่ สัตว์น้ ั นโดยละเมิด หรือเอาแก่ เจ้าของ
สัตว์อ่ ืนอันมาเร้าหรือยัว่ สัตว์น้ ั น ๆ ก็ได้

13.1.1 การกระทำาละเมิดโดยใช้สัตว์เป็ นเครื่องมือ


ก. โดยประมาทเลินเล่อ จูงกระบือของตนผ่านเข้าไปในนาข้าวของ
ข. ทำาให้ต้นข้าวในนาที่กำาลังแตกรวงเสียหาย ดังนี้ ก. จะต้องรับผิดต่อ
ข. ตามมาตรา 420 หรือ 433
ก. ต้องรับผิดต่อ ข. ตามมาตรา 420 เพราะได้กระทำาโดยประมาท
เลินเล่อจูงกระบือของตนผ่านเข้าไปในนาข้าวของ ข. ไม่ใช่ความรับผิดใน
ความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ตามมาตรา 433

13.1.2 ความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์
ความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ ต้องมีการกระทำาของสัตว์หรือไม่
ต้องมีการกระทำาของสัตว์

13.1.3 บุคคลที่ตอ
้ งรับผิดและข้อยกเว้นความรับผิด
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
165

ก. ยืมสุนัขตัวผู้ของ ข. มาผสมพันธ์กับสุนัขของ ก. ที่บ้าน ต่อมา


ก. มีธุระไปต่างจังหวัดจึงเอาสุนัขที่ยืมมานั้ นไปฝาก ค. ไว้ระหว่างนั้ นสุนัข
แอบหนี ค. ไปขโมยของของแม่ ค้ า ที่ ต ลาดสด ดั ง นี้ ท่ า นเห็ น ว่ า ก. ข.
และ ค. ผู้ใดต้องรับผิดต่อแม่ค้า
แม้สุนัขจะเป็ นของ ข. แต่ก็อยู่ในการเลี้ยงรักษาของ ค. ผู้รบ
ั ฝาก
ค. จึงต้องรับผิดต่อแม่ค้า ข. เจ้าของสุนัขและ ก. ผู้ยืมไม่ต้องรับผิด

ก. ข. มีบ้านพักอยู่ติดกัน ข. เลี้ยงนกแก้วไว้ตัวหนึ่ งซึ่งเป็ นนกช่าง


พูดช่างจำา ก. ด่าคนใช้ของ ก. ด้วยถ้อยคำาหยาบคายบ่อยๆ นกแก้วของ
ข. ก็จำามาด่า ค. บ้าง ดังนี้ ก. หรือ ข. ต้องรับผิดต่อ ค. และรับผิดตาม
มาตรา 420 หรือ 433
ข. เจ้าของนกแก้วต้องรับผิดต่อ ค. ตามมาตรา 433 ก. ไม่ต้องรับ
ผิด ไม่ว่าตามมาตรา 420 หรือ 433 เพราะมิได้สอนนกให้ด่า ค. ก. มิได้
เป็ นเจ้าของนกหรือรับเลี้ยงรับรักษานกไว้แทนเจ้าของ

สุนัขของ ก. เห็นแมวของ ข. ก็เห่ากรรโชก แมวกลัวจึงหนี้ ขึ้นไป


บนต้นมะม่วงของ ค. มะม่วงตกหล่นลงมา ดังนี้ ก. หรือ ข. ต้องรับผิด
ต่อ ค. และ ก. ต้องรับผิดต่อ ข. หรือไม่
ข. เจ้ า ของแมว ต้ อ งรั บ ผิ ด ต่ อ ค . แต่ ก ารที่ สุ นั ขของ ก. เห่ า
กรรโชกแมวของ ข. เป็ นการที่ สั ตว์ อ่ ื นมาเร้ าหรือ ยั ว่ สั ตว์ ที่ ก่อ ความเสี ย
หายแม้ ก. ไม่ต้องรับผิดต่อ ค. เมื่อ ข. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ ค. ไป
แล้ว ข. จึงใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาจาก ก. เจ้าของสุนัขได้

เด็กชาย ก. นึ กสนุ ก จึง เอาประทัดผูกที่ห างสุ นัข ของ ข. แล้ว จุด


ประทัดๆ ระเบิดดังสนั ่น สุนัขตกใจวิ่งหนี้ เข้าไปในสวนของ ค. ต้นผลไม้
เสียหาย ดังนี้ ถ้า
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
166

(1) เด็ ก ชาย ก. รู้ ดี ว่ า การที่ ต นทำา ดั ง นั้ นสุ นั ขจะวิ่ ง เข้ า ไป
ทำาความเสียหายแก่ต้นไม้ในสวนของ ค.
(2) เด็ ก ชาย ก. ไม่ รู้ สำา นึ ก ว่ า สุ นั ข จะวิ่ ง เข้ า ไปทำา ความเสี ย
หายแก่ต้นไม้ในสวนของ ค. และไม่ประมาทเลินเล่อ
ดังนี้ เด็กชาย ก. หรือ ข. ต้องรับผิดต่อ ค. และเด็กชาย ก. ต้องรับ
ต่อ ข. หรือไม่
แยกตอบได้ดังนี้
1. เด็กชาย ก. กระทำาละเมิดต่อ ค. ตามมาตรา 420 โดยใช้
สุนัขของ ข. เป็ นเครื่องมือจึงต้องรับผิดต่อ ค. โดยตรง ข. ไม่ต้องรับผิด
ต่อ ค.
2. เด็กชาย ก. มิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำา ต่อ ค.
ข. เจ้าของสุนัขจึงต้องรับผิดต่อ ค. ตามมาตรา 433 แต่เด็กชาย ก. เป็ น
ผู้ เ ร้ าหรือ ยัว่ สุ นั ข โดยละเมิ ดตามมาตรา 433 วรรค 2 เมื่ อ ข. ชดใช้ ค่ า
สินไหมทดแทนให้ ค. ไปแล้ว ย่อมใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาจากเด็กชาย ก. ได้

13.1.4 การใช้สิทธิไล่เบี้ย
ตามมาตรา 433 วรรคสอง ที่ว่าใช้สิทธิไล่เบี้ยนั้ น ท่านเข้าใจว่า
อย่างไร
ตามมาตรา 433 วรรคสอง หมายความว่าผู้ต้องรับผิดตามมาตรา
433 วรรคแรก ต้ อ งชดใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทนให้ ผู้ ต้ อ งเสี ย หายไปก่ อ น
แล้ ว จึ ง จะมาไล่ เ บี้ ยเอาจากผู้ ท่ี เ ล้ า หรือ ยั ่ว สั ต ว์ โ ดยละเมิ ด หรือ เอาจาก
เจ้าของสัตว์อ่ ืนอันมาเร้าหรือยัว่ สัตว์น้ ั นๆ

13.2 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้าง
อย่างอื่น และของตกหล่นหรือทิ้งขว้างจากโรงเรือน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


167

1. บุคคลอาจใช้โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นเป็ นเครื่องมือก่อการ
ละเมิดได้ตามมาตรา 420 ซึ่งมิใช่เรื่องความรับผิดในความเสียหายที่เกิด
จากโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างไว้ชำารุดหรือบำารุงรักษาไม่เพียงพอ แต่เป็ น
ความรับผิดบุคคลในการกระทำาของตนเอง
2. ความรับผิ ดในความเสีย หายที่ เกิ ดจากโรงเรือ น หรือ สิ่ ง ปลุ กสร้ าง
อย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำารุดบกพร่อง หรือบำารุงรักษาไม่เพียงพอเป็ นเรื่องที่
บุคคลที่ต้องรับผิดมีความบกพร่องในการดูแล มิได้กระทำา โดยจงใจหรือ
ประมาทเลิ น เล่ อ กฎหมายจึ ง ได้ จำา กั ด ตั ว บุ ค คลที่ ต้ อ งรับ ผิ ด เอาไว้ คื อ ผู้
ครอง แต่มีข้อยกเว้นความรับผิดว่าถ้าผู้ครองได้ใ ช้ความระมั ดระวังตาม
สมควรเพื่อปั ดป้ องมิให้เกิดความเสียหายแล้ว ผู้เป็ นเจ้าของจำาต้องใช้ค่า
สินไหมทดแทน
3. ผู้ครองหรือเจ้าของจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้อ่ ืนที่ต้องรับผิดในการ
ก่อให้เกิดความเสียหายก็ได้
4. บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหายอันเกิดเพราะ
ของตกหล่นจากโรงเรือนนั้ น หรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในอันที่มิควร

13.2.1 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากโรงเรือนหรือสิ่งปลูก
สรัางอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำารุดบกพร่องหรือบำารุงรักษาไม่เพียงพอ
ก. พักอาศัยอยู่กับ ข. ที่บ้านของ ข. ซึ่งเป็ นบ้านเก่าแก่ทรุดโทรมที่
ข. ครอบครอง ก. เห็นฝาบ้านแผ่นหนึ่ งกำาลังจะหลุดตกลงมาอยู่แล้วและ
เห็น ค. เดินผ่านมา คิดจะแกล้ง ค. เล่น จึงใช้ไม้เคาะฝาบ้านตกลงไปถูก
ค. บาดเจ็บ ดังนี้ ก. หรือ ข. ต้องรับผิดต่อ ค.
แม้ จ ะเป็ นผู้ อ ยู่ อ าศั ย อยู่ กั บ ข. ก. ก็ ต้ อ งรับ ผิ ด ต่ อ ค. เพราะได้
กระทำา ละเมิ ด ต่ อ ค. โดยจงใจโดยใช้ ฝ าบ้ า นเป็ นเครื่อ งมื อ ตามมาตรา

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


168

420 ส่วน ข. แม้จะเป็ นเจ้าของและผู้ครอบครองบ้านก็ไม่ต้องรับผิดต่อ


ค. ตามมาตรา 434
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำา ต่อบุคคลอื่น โดย
ผิ ด กฎหมายให้ เ ขาเสี ย หายถึ ง แก่ ชี วิ ต ก็ ดี แก่ ร่ า งกายก็ ดี อนามั ย ก็ ดี
เสรีภ าพก็ ดี ทรัพ ย์ สิ น หรือ สิ ท ธิ อ ย่ า งหนึ่ งอย่ า งใดก็ ดี ท่ า นว่ า ผู้ น้ ั นทำา
ละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้ น
มาตรา 434 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุท่ีโรงเรือน หรือ สิ่ง
ปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำารุดบกพร่องก็ดี หรือบำารุงรักษาไม่ เพียง
พอก็ดีท่านว่าผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้ น ๆ จำาต้องใช้ ค่าสินไหม
ทดแทนแต่ถ้าผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร เพื่อปั ดป้ องมิให้
เกิดเสียหายฉะนั้ นแล้ว ท่านว่าผู้เป็ นเจ้าของจำาต้อง ใช้ค่าสินไหมทดแทน
บทบัญญัติท่ีกล่าวมาในวรรคก่อนนั้ น ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงความ
บกพร่องในการปลูกหรือคำ้าจุนต้นไม้หรือกอไผ่ด้วย
ในกรณี ท่ีกล่าวมาในสองวรรคข้างต้นนั้ น ถ้ายังมีผู้อ่ ืนอีกที่ต้องรับ
ผิดชอบในการก่อให้เกิดเสียหายนั้ นด้วยไซร้ ท่านว่าผู้ครองหรือเจ้าของจะ
ใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้น้ ั นก็ได้

จ. เช่ า บ้ า นของ ส. อยู่ อ าศั ย ปรากฏว่ า กระจกส่ อ งแสงของบ้ า น


แผ่นหนึ่ งแตกร้าวกำาลังจะหลุดลงมาอยู่แล้ว จ. จึงเอากระดาษปิ ดไว้ แล้ว
บอกให้ ส. จัดการซ่อมแซมตามสัญญา แต่ ส. ไม่จัดการซ่อม อ้างว่ายัง
ไม่มีเงิน ไม่มีเวลาไปตามช่างมาซ่อม ขอให้รอไปก่อน ต่อมากระจกหลุด
ตกลงมาถูก ว. ที่มาเยี่ยม จ. บาดเจ็บ ดังนี้ จ. หรือ ส. ต้องรับผิดต่อ ว.
กระจกส่องแสงเป็ นส่วนประกอบของโรงเรือน การที่ กระจกแตก
และ จ. ได้เอากระดาษปิ ดไว้ เป็ นกรณี ท่ีปัดป้ องมิให้เกิดความเสียหาย จ.
จึงไม่ต้องรับผิด แต่ ส. เจ้าของบ้านต้องรับผิดตาม มาตรา 434 วรรค

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


169

แรกตอนท้าย การที่อ้างว่าไม่มีเงิน ไม่มีเวลาตามช่างมาซ่อม ไม่เป็ นข้อ


แก้ตัว

ค. มาเยี่ ย ม ต. ที่ บ้ านซึ่ ง ต. เช่ าจาก ถ. และ ต. ครอบครองอยู่


เมื่อ ค. ขึ้นมาชั้นบนซึ่งมีพื้นชำารุดอยู่ โดยที่ ค. ไม่ได้สังเกตหรือรู้มาก่อน
ค. เหยียบกระดานแผ่นหนึ่ งจนหล่นไปถูก ม. บาดเจ็บ ดังนี้ ค. หรือ ต.
หรือ ถ. ต้องรับผิดต่อ ม.
ค. ไม่ได้กระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่ต้องรับผิดต่อ ม .
ตาม มาตรา 420 ต. ผู้เช่าซึ่งครองบ้านอยู่ต้องรับผิดต่อ ม. ถ. เจ้าของ
บ้านไม่ต้องรับผิด แต่แม้ ค. ไม่ต้องรับผิดต่อ ม. ก็ต้องรับผิดต่อ ต. เมื่อ
ต. ชดใช้สินไหมทดแทนให้ ม. ไปแล้ว ก็ย่อมใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาจาก ค. ได้

13.2.2 ความรับผิดในความเสียหายเพราะของตกหล่นหรือทิ้งขว้าง
จากโรงเรือนไปในที่อันมิควร
บ้านของ ส. อยู่รม
ิ ซอยแห่งหนึ่ ง ซึ่งแต่ละครอบครัวอยู่ในบ้านหลัง
นั้ น วันหนึ่ ง อ. มาเยี่ยม ส. ที่บ้าน ขณะที่พูดกันอยู่โดยไม่จงใจหรือ
ประมาทเลินเล่อ อ. ทิ้งก้นบุหรีล
่ งไปในซอยซึ่งขณะนั้ น บ. เดินผ่านมา
พอดี บุหรีถ
่ ูกเสื้ อของ บ. มีรอยไหม้ ดังนี้ ส. หรือ อ. ต้องรับผิดต่อ บ.
อ. ไม่ได้กระทำาต่อ บ. โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่ต้องรับ
ผิดต่อ บ. ตามมาตรา 420 แต่การที่ อ. ทิ้งก้นบุหรีไ่ ปในซอยที่อาจมีคน
เดินมานั้ น เป็ นการทิ้งไปในอันที่อันมิควร ส. เป็ นผู้อยู่ในบ้านหลังนั้ น แม้
จะไม่เป็ นผู้กระทำา ก็ต้องรับผิดต่อ บ. ตาม มาตรา 436
มาตรา 435 บุคคลใดจะประสบความเสียหายอันพึงเกิดจาก โรง
เรือนหรือ สิ่ง ปลู กสร้ างอย่ างอื่ นของผู้ อ่ ื น บุ คคลผู้ น้ ั นชอบที่ จะเรีย ก ให้
จัดการตามที่จำาเป็ นเพื่อบำาบัดปั ดป้ องภยันตรายนั้ นเสียได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


170

มาตรา 436 บุ ค คลผู้ อ ยู่ ใ นโรงเรือ นต้ อ งรับ ผิ ด ชอบในความเสี ย


หาย อันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนนั้ น หรือเพราะทิ้งขว้างของไป
ตกในที่อันมิควร

13.3 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากยานพาหนะหรือทรัพย์
อันตราย
1. บุคคลอาจใช้ยานพาหนะอย่างใดๆ อันเดินด้วยกำา ลังเครื่องจักร
กลหรือทรัพย์อันตรายเป็ นเครื่องมือก่อนการละเมิดได้ตามมาตรา 420
ดั งนี้ มิใ ช่ความรับผิ ดในความเสี ย หายที่ เ กิ ด จากยานพาหนะหรือ ทรัพ ย์
อันตราย แต่เป็ นความรับผิดของบุคคลในการกระทำาของตนเอง
2. ความรับ ผิ ดในความเสี ย หายที่ เ กิ ดจากยานพาหนะอั น เดิ น ด้ ว ย
กำา ลั ง เครื่อ งจั กรกลหรือ ทรัพ ย์ อั น ตรายเป็ นเรื่อ งที่ บุ ค คลที่ ต้ อ งรับ ผิ ด มี
ความบกพร่องในการดูแลมิได้กระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
3. กฎหมายกำา หนดตั ว บุ ค คลที่ ต้ อ งรับ ผิ ด ไว้ สำา หรับ ยานพาหนะ
ได้แก่ผู้ครอบครองหรือควบคุมสำาหรับทรัพย์อันตรายได้แก่ผู้ครอบครอง
4. กฎหมายได้บัญญัติข้อยกเว้นความรับผิดเอาไว้ คือพิสูจน์ว่าความ
เสียหายเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้ นเอง

13.3.1 การกระทำาละเมิดโดยใช้ยานพาหนะหรือทรัพย์อันตรายเป็ น
เครื่องมือ
ขณะที่ ว. กำาลังจุดไม้ขีดไฟเพื่อสูบบุหรี่ ค. แกล้งเอานำ้ามันเบ็นซิน
ซึ่งใส่อยู่ในถาดล้างเครื่องอะไหล่ รถเข้าไปใกล้ ๆ เกิดลุกลวกร่ างกาย ว.
บาดเจ็บหลายแห่ง ค. ต้องรับผิดต่อ ว. ตามบทมาตราใด
ค. กระทำาละเมิดต่อ ว. โดยใช้น้ ำามันเบนซีนเป็ นเครื่องมือ แม้ ว.
กำาลังจุดไม้ขีดเพื่อสูบบุหรี่ ค. ต้องรับผิดต่อ ว. ตาม มาตรา 420

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


171

ต. จอดรถเกุงอยู่รม
ิ เนิ นแห่งหนึ่ ง โดยใส่ห้ามล้อมือเอาไว้ แล้วนั ่ ง
เล่นอยู่ใกล้ๆ รถ ว. ต้องการจะแกล้ง ข. ซึ่งอยู่ข้างหน้ารถของ ต. ที่จอด
ไว้ จึงปล่อยห้ามล้อมือ รถจึงไหลไปถูก ข. บาดเจ็บดังนี้ ต. หรือ ว. ต้อง
รับผิดต่อ ข.
แม้ ต. จะเป็ นผู้ครอบครองรถซึ่งมิได้ว่ิงอยู่ แต่จอดไว้รม
ิ เนิ นโดย
ต. ใส่ห้ามล้อมือไว้ การที่ ว. ปล่อยห้ามล้อมือ รถไหลไปถูก ข. บาดเจ็บ
จึ ง เป็ นการกระทำา ละเมิ ด ต่ อ ข. ตาม มาตรา 420 ไม่ ใ ช่ มาตรา 437
วรรคแรก
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำา ต่อบุคคลอื่น โดย
ผิ ด กฎหมายให้ เ ขาเสี ย หายถึ ง แก่ ชี วิ ต ก็ ดี แก่ ร่ า งกายก็ ดี อนามั ย ก็ ดี
เสรีภ าพก็ ดี ทรัพ ย์ สิ น หรือ สิ ท ธิ อ ย่ า งหนึ่ งอย่ า งใดก็ ดี ท่ า นว่ า ผู้ น้ ั นทำา
ละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้ น
มาตรา 437 บุ ค คลใดครอบครองหรือ ควบคุ ม ดู แ ลยานพาหนะ
อย่ างใด ๆ อัน เดิ นด้ ว ยกำา ลั ง เครื่อ งจั กรกล บุ คคลนั้ นจะต้ อ งรับ ผิ ด
ชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่ยานพาหนะนั้ น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการ
เสียหายนั้ นเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือเกิดเพราะความผิดของผู้ต้องเสียหาย
นั้ นเอง
ความข้อนี้ ให้ใ ช้บัง คับ ได้ ตลอดถึงผู้มีไว้ในครอบครองของตนซึ่ง
ทรัพย์อันเป็ นของเกิดอันตรายได้โดยสภาพหรือโดยความมุ่งหมายที่จะใช้
หรือโดยอาการกลไกของทรัพย์น้ ั นด้วย

13.3.2 ความรั บ ผิ ด ในความเสี ย หายที่ เ กิ ด จากยานพาหนะอั น เดิ น


ด้วยกำาลังเครื่องจักรกล หรือทรัพย์อันตราย
ก. นำาเอาเสาเข็มคอนกรีตขนาดใหญ่ บรรทุกรถซึ่งยืมมาจากบริษัท
ข. ไปส่ ง ลู ก ค้ า โดย ก. เป็ นผู้ ขั บ ไปด้ ว ยความระมั ด ระวั ง เพราะรู้ ดี ว่ า

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


172

บรรทุ ก ของหนั ก อาจเกิ ด ความเสี ย หายแก่ บุ ค คลใดก็ ไ ด้ แต่ บั ง เอิ ญ โซ่


เหล็กที่ผูกมัดเกิดขาด เสาหลุดลงมาถูกหลังคารถเก็งของ ค. ที่จอดอยู่
ข้างทางพอดีรถเสียหาย ก. และ บริษัท ข. เจ้าของรถต้องรับผิดต่อ ค.
หรือไม่
ก. ต้ อ งรับ ผิ ด ต่ อ ค. ตาม มาตรา 437 วรรคแรก ไม่ ใ ช่ มาตรา
420 ส่วนบริษัท ข. แม้จะเป็ นเจ้าของรถ แต่ไม่ได้ครอบครอง จึงไม่ต้อง
รับผิด

ขณะที่ ก. ขับรถไปตามถนนขรุขระอย่างช้าๆ โดยมี ข. นั ่งไปข้างๆ


รถสัน
่ สะเทือนกระจกสำาหรับดูด้านหลังรถหลุดตกลงมาถูกศีรษะ ข. บาด
เจ็บ ก. ต้องรับผิดต่อ ข. หรือไม่
ก. ต้องรับผิดต่อ ข. ตาม มาตรา 437 วรรคแรก ไม่ใช่ มาตรา
420

น. เช่ ารถของ อ. มาใช้ เ ป็ นส่ ว นตั ว หลั ง จากที่ น. ขับ รถมาเป็ น


เวลานาน รู้สึกเมื่อยล้าจึงเปลี่ยนให้ ส. ลูกจ้างขับต่อไป ส่วน น. เข้าไป
นอนหลับอยู่ด้านหลังภายในรถ บังเอิญฝนตกหนั ก ส. ขับรถช้าๆ อย่าง
ระมัดระวัง แม้กระนั้ น รถก็ยังลุยนำ้าฝนในท้องถนนกระเซ็นไปถูก บ. ที่
ยืนรอรถโดยสารประจำาทางอยู่ข้างถนน น. หรือ อ. หรือ ส. ต้องรับผิดต่อ
บ. หรือไม่
อ. เป็ นเจ้าของรถ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง ไม่ต้องรับผิดต่อ บ. น. เป็ น
ผู้ครอบครอง แม้นอนหลับอยู่ในรถขณะเกิดเหตุ ก็ต้องรับผิดต่อ บ. ส.
เป็ นผู้ ค วบคุ ม รถ แม้ จ ะขั บ อย่ า งระมั ด ระวั ง ก็ ต้ อ งรับ ผิ ด ต่ อ บ . เช่ น
เดียวกัน ทั้งนี้ ตามมาตรา 437 วรรคแรก

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


173

จ. ขับรถตามรถยนต์ของ ส. ไปอย่างช้าๆ โดยมี ร. นั ่ งไปกับ จ.


ด้วย บังเอิญมีเด็กวิ่งตัดหน้ารถ ส. ในระยะกระชั้นชิด ส. จึงหยุดรถโดย
กะทันหัน จ. จึงรีบห้ามล้อให้รถหยุดทันทีทำาให้ ร. หน้ากระแทกกับหน้า
รถบาดเจ็บ จ. ต้องรับผิดต่อ ร. หรือไม่
แม้ จ. จะขับรถตามหลัง ส. ไปอย่างช้าๆ และห้ ามล้อ ให้ร ถหยุด
เพราะรถของ ส. ได้หยุดโดยกะทันหัน ก็เนื่ องจากรถ จ. ได้ว่ิงอยู่ จ. ต้อง
รับผิดต่อ ร. ตามมาตรา 437 วรรคแรก

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 13

1. จ. คุ้นเคยกับสุนัขของ ล. ได้สอนให้สุนัขขโมยปลาสดของแม่ค้าใน
ตลาด สุนัขทำา ตามที่ จ. สอน ดังนี้ จ. หรือ ล. ต้องรับผิดต่อแม่ค้าปลา
จ. ต้องรับผิด เพราะเป็ นผู้ใช้สุนัขเป็ นเครื่องมือกระทำาละเมิด
2. ว. ยืมลิงจาก ด. เพื่อให้ข้ ึนมะพร้าว ระหว่างที่อยู่ในการเลี้ยงดูรก
ั ษา
ของ ว. ซึ่งพักผ่อนนอนหลับอยู่ ลิงเข้าไปขโมยมะพร้าวจากสวนของ ม.
ดังนี้ ว. ต้องรับผิดต่อ ม. หรือไม่ ต้องรับผิด เพราะเป็ นผ้รู ับเลี้ยงรักษาไว้
แทน ด. เจ้าของลิง
3. เด็กชายนิ ดซึ่งเป็ นเด็กซุกซนเอาก้อนหินขว้างหยอกสุนัขของนายดี
เล่นด้วยความสนุ กสนานสุนัขวิ่งหนี เข้าไปในสวนไม้ ดอกของนายมาเสีย
หาย โดยที่เด็กชายนิ ดไม่รู้สำานึ กว่าสุนัขจะวิ่งเข้าไปในสวนไม้ดอกนั้ นและ
ไม่ประมาทเลินเล่อ ดังนี้ นายดีต้องรับผิดต่อนายมาหรือ ไม่ ต้องรับผิ ด
เพราะเป็ นเจ้าของสุนัข แล้วไล่เบี้ยเอาจากเด็กชายนิ ด
4. คำาว่า “โดยละเมิด” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ มาตรา
433 วรรค 2 หมายความว่า โดยไม่มีสิทธิ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


174

มาตรา 433 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ ท่านว่าเจ้าของ


สัตว์หรือบุคคลผู้รบ
ั เลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของ จำาต้องใช้ค่าสินไหม
ทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่
สัตว์น้ ั น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังอันสมควรแก่การ
เลี้ยงการรักษาตามชนิ ด และวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น
หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้ นย่อมจะต้องเกิดมีข้ ึนทั้งที่ ได้ใช้ความ
ระมัดระวังถึงเพียงนั้ น
อนึ่ ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดัง่ กล่าวมาในวรรคต้นนั้ น จะใช้สิทธิ
ไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ท่ีเร้าหรือยัว่ สัตว์น้ ั น โดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของ
สัตว์อ่ ืนอันมาเร้าหรือยัว่ สัตว์น้ ั น ๆ ก็ได้
5. กระเบื้ องหลังคาบ้าน ส. แผ่นหนึ่ งเผยออก จะหลุดตกลงมาอยู่แล้ว
จ. มาเยี่ยม ส. ที่บ้าน เห็น ม. ทอดกล้วยแขกอยู่ข้างล่างริมซอยข้างบ้าน
จึงใช้ไม้เขี่ยกระเบื้ องให้หลุดตกลงมาถูก ม. บาดเจ็บ ดังนี้ จ. ต้องรับผิด
ต่อ ม. หรือไม่ ต้องรับผิด เพราะได้กระทำาละเมิดโดยจงใจต่อ ม.
6. ป้ ายโฆษณาตั้งอยู่บนดาดฟ้ าตึกอย่างไม่แน่นหนา ถูกพายุท่ีมีได้ตาม
ธรรมดาพัดพังลงถูกบุคคลข้างร่างเสียหาย ดังนี้ ผู้ครอบครองป้ ายต้องรับ
ผิ ดหรือ ไม่ ต้ อ งรั บ ผิ ด เพราะเป็ นผู้ ค รอบครองป้ ายอั น เป็ นสิ่ ง ปลู ก
สร้างอย่างอื่น
7. ล. มาเยี่ ย ม อ. ที่ บ้ า นพั ก ซึ่ ง อ. เป็ นเจ้ า ของและอยู่ อ าศั ย เมื่ อ
ล.กินกล้วยหอมแล้ว จึงขว้างเปลือกออกไปทางหน้าต่าง บังเอิญเปลือก
กล้วยไปถู ก ป. ขณะนั ่ งเล่นอยู่ท่ี สนามข้างบ้ าน โดยที่ ล. ไม่ทัน เห็ นมา
ก่อน อ. ต้องรับผิดต่อ ป. หรือไม่ ต้องรับผิด เพราะเป็ นผู้อยู่ในโรงเรือน
8. ศ. เช่ารถยนต์นั่งมาจากบุคคลอื่น แล้วให้ ม. ลูกจ้างขับไป ธุระโดย
ศ. นั ่งไปด้วย ขณะที่ม. ขับรถลุยนำ้าไปอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง นำ้า

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


175

กระเซนไปถู ก ท. ที่ ยื น รอรถประจำา ทางอยู่ ร ม


ิ ถนนเปี ยกโชก โดยที่ ม.
คนขับ และ ศ. เองก็มองไม่เห็น ดังนี้ ศ. ต้องรับผิดต่อ ท. หรือไม่ ต้อง
รับผิด เพราะเป็ นผู้ครอบครองยานพาหนะที่เดินด้วยกำาลังเครื่องจักรกล
9. ท. เกิ ดทะเลาะวิ ว าทกั บ ม. จึ ง คว้ า ระเบิ ดขวดที่ อ ยู่ ใ นครอบครอง
ของ ช. ขว้ างไปที่ ม. บาดเจ็ บ ดั ง นี้ ท. หรือ ช. ต้ อ งรับ ผิ ดต่ อ ม. ท .
กระทำาละเมิดโดยใช้ระเบิดขวดที่อยู่ในครอบครองของ ช. เป็ นเครื่องมือ
ต้องรับผิดต่อ ม.
10. นายสายซึ่งเป็ นเจ้าของบ้านและครอบครองแก๊สบรรจุอยู่ในถังและ

ใช้หุงต้มในครัว ขณะที่นางสายนอนหลับ ถังแก๊สระเบิด ไฟไหม้รุกลามไป


ยังบ้านของนางสุดที่อยู่ใกล้เคียงกันเสียหาย ดังนี้ นางสายต้องรับผิดต่อ
นางสุ ด หรือ ไม่ ต้ อ งรั บ ผิ ด เพราะเป็ นผู้ ค รอบครองแก๊ ส อั น เป็ นทรั พ ย์
อันตรายโดยสภาพ

หน่วยที่ 14 ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดและนิ รโทษกรรม

1. ความมุ่ ง หมายในการชดใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทน อั น เป็ นหลั กการพื้ น


ฐานก็ คื อ ให้ ผู้ เ สี ย หาย กลั บ คื น สู่ ฐ านะเดิ ม เมื่ อยั ง ไม่ มี ก ารกระทำา ละเมิ ด
ศาลเป็ นผู้วินิจฉัยว่าค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดตาม
สมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
2. กรณี ท รัพ ย์ ทำา ลายลงหรือ การคื น ตกเป็ นพ้ น วิ สั ย หรือ
เสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุบุคคลผู้ต้องคืนทรัพย์ก็ต้องรับผิด และผู้ต้องเสีย
หายมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในราคาทรัพย์ด้วย
3. เมื่ อบุ ค คลผู้ ทำา ละเมิ ด ใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทนแก่ ผู้ ค รอง
ทรัพย์ ก็หลุดพ้นจากหนี้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


176

4. ในกรณี ทำา ให้ ต าย ต้ อ งชดใช้ ค่ า ปลงศพ ค่ า ใช้ จ่ า ยอั น


จำา เป็ นอย่ า งอื่ น ค่ า รัก ษาพยาบาล ค่ า ที่ ต้ อ งขาดประโยชน์ ค่ า ขาดไร้
อุปการะตามกฎหมาย
5. ในกรณี ทำาให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ต้องชดใช้ค่า
ใช้จ่ายอันได้เสียไป และค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบ
การงาน
6. ในกรณี ทำาให้ตายหรือเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยหรือ
เสรีภาพ บุคคลผู้ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่
บุคคลภายนอกเพื่อการที่เขาขาดแรงงาน
7. ในกรณี ทำาให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนาคตหรือเสรีภาพ
ผู้เสียหายย่อมเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างอื่น
อันมิใช่ตัวเงินได้อีก ศาลมีอำา นาจสัง่ ให้บุคคลที่ทำา ให้เขาต้องเสียหายแก่
ชื่อเสียงจัดการตามควรเพื่อทำาให้ช่ ือเสียงกลับคืนดี
8. การฟ้ องร้ อ งเรีย กค่ า เสี ย หายต้ อ งฟ้ องเสี ย ภายในกำา หนดอายุ ค วาม

ตามแต่กรณี ท่ีกฎหมายกำาหนด
9. นิ รโทษกรรมคือ ข้อ แก้ ตัว ซึ่ ง ทำา ให้ ผู้ กระทำา ไม่ ต้อ งรับ ผิ ด
ฐานละเมิด

ค่าสินไหมทดแทน
1. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ใช่เพียงการคืนทรัพย์สิน
การใช้ราคาหรือค่าเสียหายเท่านั้ น แต่เป็ นเรื่องให้ผู้เสียหายกลับคืนสู่ฐานะ
เดิม หรือใกล้เคียงกับฐานะเดิมมากที่สุดที่จะทำาได้
2. การใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทนรวมถึ ง การที่ ต้ อ งขาดผล
ประโยชน์และกำาไรที่ควรจะได้ด้วย

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


177

3. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเป็ นค่าเสียหายรวมทั้งค่า
เสียหายในความเสียหายที่คำานวณ เป็ นตัวเงินได้หรือไม่อาจคำา นวณเป็ น
ตัวเงินได้ด้วย
4. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต้องเสียดอกเบี้ยในหนี้ เงิน
ในระหว่างผิดนั ดด้วย
5. ศาลเป็ นผู้ วิ นิ จ ฉั ย ว่ า จะพึ ง ชดใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทนกั น
สถานใด เพียงใด ตามควรแก่พฤติการณ์ และความร้ายแรงแห่งละเมิด

ลักษณะค่าสินไหมทดแทน
การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้ น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหมายความว่า ให้ผู้เสียหายกลับคืนสู่
ฐานะเดิมเมื่อยังไม่มีการกระทำา ละเมิด ให้ผู้เสียหายได้กลับคืนใกล้เคียง
กับฐานะเดิมมากที่สุดที่จะทำาได้ ถ้าไม่มีทางอื่นก็ต้องใช้กันเป็ นเงินอันเป็ น
วิธีชดใช้กันโดยทัว่ ไป ในเมื่อไม่สามารถหาวิธีอ่ ืนใดให้ดีกว่านี้ ได้

ก. ปลูกสร้างโรงเรือนรุกลำ้าเข้าไปในที่ดินของ ข. โดยละเมิด ดังนี้


ข. จะให้ ก. รื้ อโรงเรือนออกไปได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ข. ให้ ก. รื้ อโรงเรือ นออกไปได้ เพราะเป็ นการชดใช้ ค่ า สิ น ไหม
ทดแทนอย่างหนึ่ ง โดยให้ผู้เสียหายกลับคืนสู่ฐานะเดิมเมื่อยังไม่มีการกระ
ทำาละเมิด

การวินิจฉัยในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
เมื่ อวั น ที่ 1 ตุ ล าคม 2525 ค. ขั บ รถยนต์ ช นรถของ ง. โดย
ประมาทเลินเล่อ รถของ ง. เสียหายต้องเสียค่าซ่อม 15,000 บาท ต้อง
ใช้เวลาซ่อมประมาณ 20 วัน ระหว่างนั้ น ง. จะต้องเสียค่าเช่ารถผู้อ่ ืนขับ
ใช้ ง านอี ก วั น ละ 200 บาท รวมเป็ นเงิ น 4,000 บาท แต่ ง. ยั ง ไม่ ทั น
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
178

ซ่อมรถ ยังไม่ทันได้เช่ารถ พอวันที่ 5 ตุลาคม 2525 ก็มาฟ้ องเรียกค่า


เสียหายดังกล่าวจาก ค. รวม 19,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตรา
ร้อยละเจ็ดครึง่ ต่อปี นั บแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2525 จนกว่า ค. จะใช้เงิน
เสร็จ ท่านเห็นว่า ง. มีสิทธิเรียกร้องเงินจำานวนต่างๆ ดังกล่าวหรือไม่
ง. มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในค่าซ่อมรถ ค่าเช่ารถได้ แม้เป็ นค่า
ซ่อม ค่าเช่าก็ยังมิได้จ่ายไป ซึ่งเป็ นความเสียหายในอนาคต ก็เรียกร้อง
เอาได้ พร้ อ มด้ ว ยดอกเบี้ ยร้ อ ยละเจ็ ด ครึ่ง ต่ อ ปี นั บ แต่ วั น ที่ 1 ตุ ล าคม
2525 อันเป็ นวันละเมิดตามมาตรา 206 224
มาตรา 206 ในกรณี หนี้ อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ ได้ช่ ือว่าผิดนั ด
มาแต่เวลาที่ทำาละเมิด
มาตรา 224 หนี้ เงินนั้ น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนั ด
ร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ถ้าเจ้าหนี้ อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้ น โดย อาศัย
เหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้ น
ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนั ด
การพิสูจน์ค่าเสียหายอย่างอื่นนอกกว่านั้ น ท่านอนุ ญาตให้พิสูจน์ได้

กรณีทรัพย์ทำาลายลงหรือการคืนตกเป็ นพ้นวิสัยหรือเสื่อมเสียลงโดย
อุบต
ั ิเหตุและดอกเบี้ยในราคาทรัพย์
1. บุคคลผู้จำา ต้องคืนทรัพย์ต้องรับผิดตลอดถึงการที่ทรัพย์ทำา ลายลง
โดยอุ บั ติเ หตุ หรือ การคื น ทรัพ ย์ ต กเป็ นพ้ น วิ สั ย เพราะเหตุ อ ย่ างอื่ นโดย
อุบัติเหตุ หรือทรัพย์น้ ั นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุ
2. ผู้ต้องเสียหายมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในราคาทรัพย์ คิดตั้ง แต่เ วลาอั น
เป็ นฐานที่ต้ ัง แห่งการประมาณราคา
3. เวลาอันเป็ นฐานที่ต้ ังแห่งการประมาณราคา จะเป็ นเวลาใดในเวลา
ใดก็ได้ระหว่างผิดนั ด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


179

กรณีทรัพย์ทำาลายลงหรือการคืนตกเป็ นพ้นวิสัยหรือเสื่อมเสียลง
โดยอุบัติเหตุ
ตามมาตรา 439 ที่ว่าด้วยทรัพย์ทำาลายลงหรือเสื่อมเสียลง ท่าน
เข้าใจว่าอย่างไร
ทรัพย์ทำาลายลงหมายความว่า ทรัพย์เสียหายทั้งหมด ส่วนทรัพย์
เสื่ อมเสีย ลงนั้ น หมายความว่ ายั งเป็ นวิ สั ย ที่ จะคื น ได้ อ ยู่ แต่ ไ ด้ ร บ
ั ความ
เสียหาย
มาตรา 439 บุ ค คลผู้ จำา ต้ อ งคื น ทรัพ ย์ อั น ผู้ อ่ ื นต้ อ งเสี ย ไปเพราะ
ละเมิดแห่งตนนั้ น ยังต้องรับผิด ชอบตลอดถึงการที่ทรัพย์น้ ั นทำาลายลง
โดยอุ บั ติ เ หตุ ห รือ การคื น ทรัพ ย์ ต กเป็ นพ้ น วิ สั ย เพราะเหตุ อ ย่ า งอื่ นโดย
อุบัติเหตุ หรือทรัพย์น้ ั นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุน้ ั นด้วย เว้นแต่เมื่อ การ
ที่ทรัพย์สินทำา ลาย หรือตกเป็ นพ้นวิสัยจะคืนหรือเสื่อมเสียนั้ น ถึงแม้ว่า
จะมิได้มีการทำาละเมิด ก็คงจะต้องตกไปเป็ นอย่างนั้ นอยู่เอง

การเรียกดอกเบี้ยในราคาทรัพย์กรณีทรัพย์บุบสลาย
ที่ว่ามาตรา 225 440 ใช้เฉพาะกรณี ท่ีเป็ นดอกเบี้ยในราคาทรัพย์
นั้ น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
เข้าใจว่าไม่เกี่ยวกับราคาทรัพย์ที่จะต้องใช้เป็ นค่าสินไหมทดแทน
แก่กัน ซึ่งแม้ตอนหลังราคาทรัพย์จะลดลงหรือเพิ่มขึ้นก็ต้องใช้ราคาเดิม
อยู่นั่นเอง แต่สำา หรับดอกเบี้ยที่จะคิดกันนั้ น มาตรา 225 440 เป็ นข้อ
ยกเว้ น มาตรา 224 ที่ ว่ า คิ ด ดอกเบี้ ยในระหว่ า งเวลาผิ ด นั ด เป็ นให้ คิ ด
ดอกเบี้ยตั้งแต่เวลาอันเป็ นฐานที่ต้ ังแห่งการประมาณราคากัน

คำาว่า “เสื่อมเสียไป” และ “เสื่อมเสียลง” ตามมาตรา 225 นั้ น


ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
180

คำา ว่ า “เสื่ อมเสี ย ไป” ในมาตรา 225 ตอนแรกหมายถึ ง สู ญ เสี ย


หรือหลุดมือไป ต่างกับคำาว่า “เสื่อมเสียลง” ในมาตรา 225 ตอนหลังซึ่ง
หมายถึงวัตถุหรือทรัพย์เสื่อมลงเลวลง จึงทำาให้ราคาตกตำ่า

ที่ว่า “เวลาอันเป็ นฐานที่ต้ ังแห่งการประมาณราคา” ท่านเข้าใจว่า


อย่างไร
เข้าใจว่าจะคิดเอาราคาทรัพย์ที่ข้ ึนลงอยู่ในระหว่างผิดนั ดในเวลา
ไหนก็ได้ เป็ นฐานที่ต้ ังแห่งการประมาณราคา

ที่กล่าวว่า “เวลาอันเป็ นฐานที่ต้ ังแห่งการกะประมาณราคาก็คือ


เวลาที่ทำาละเมิดนั ่นเอง” ท่านเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด
มาตรา 225 ถ้าลูกหนี้ จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อราคาวัตถุ
อันได้เสื่อมเสียไประหว่างผิดนั ดก็ดี หรือวัตถุอันไม่อาจส่งมอบได้ เพราะ
เหตุอย่างใดอย่างหนึ่ งอันเกิดขึ้นระหว่างผิดนั ดก็ดี ท่านว่าเจ้าหนี้ จะเรียก
ดอกเบี้ยในจำานวนที่จะต้องใช้เป็ นค่าสินไหมทดแทน คิดตั้งแต่ เวลาอัน
เป็ นฐานที่ต้ ังแห่งการกะประมาณราคานั้น ก็ได้ วิธีเดียวกันนี้ ท่านให้ใช้
ตลอดถึงการที่ลูกหนี้ จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน เพื่อการที่ราคาวัตถุ
ตกตำ่าเพราะวัตถุน้ ั นเสื่อมเสียลงในระหว่างเวลาที่ผิดนั ดนั้ นด้วย

เมื่ อ วั น ที่ 1 มกราคม 2524 ก. ลั กเครื่อ งรับ โทรทั ศ น์ ไ ปจาก ข .


เครื่อ งหนึ่ ง ขณะนั้ นมี ร าคา 15,000 บาท ต่ อ มาเมื่ อวั น ที่ 1 มี น าคม
2524 ระหว่างที่ ก. ครอบครองอยู่น้ ั น ราคาเครื่องรับโทรทัศน์ได้ข้ ึนไปถึง
24,000 บาท เครื่อ งรับ โทรทั ศ น์ ไ ด้ เ กิ ด เพลิ ง ไหม้ โ ดยอุ บั ติ เ หตุ เ มื่ อ 1
พฤษภาคม 2524 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2524 ข. จึงมาเรียกร้องให้ ก.
ชดใช้ราคาโดยคิดจากราคา 20,000 บาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2524
เป็ นเกณฑ์และเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ ดครึง่ ต่อ ปี ในจำา นวนเงิ นดั งกล่าว
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
181

ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2524 ดังนี้ ท่านเห็นว่า ข. จะเรียกเอาได้หรือ


ไม่
ข. ย่ อ มเรี ย กร้ อ งให้ ก . ใช้ ร าคาเครื่ องรั บ โทรทั ศ น์ ไ ด้ เ พี ย ง
15,000 บาท ไม่ใช่ 20,000 บาท เพราะขณะลักไปเครื่องรับโทรทัศน์มี
ราคาเพี ย ง 15,000 บาท แต่ ข. อาจเรีย กดอกเบี้ ยในราคา 20,000
บาท ได้ต้ ังแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2524 เป็ นต้นไป

การใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ครองทรัพย์และความผิดของผู้ตอ
้ งเสีย
หาย
1. เมื่อบุคคลผู้ทำา ละเมิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ ครองทรัพย์ ใน
การทำาละเมิด บุคคลนั้ นเป็ นอันหลุดพ้นไป เพราะการที่ได้ใช้ให้น้ ั น
2. ถ้ า ผู้ เ สี ย หายได้ มี ส่ ว นทำา ความผิ ด ด้ ว ย หนี้ อั น จะต้ อ งใช้ ค่ า
สิ น ไหมทดแทนต้ อ งอาศั ย พฤติ การณ์ เ ป็ นประมาณ ข้อ สำา คั ญ ก็ คือ ความ
เสียหายได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ ายไหนเป็ นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงใด

การใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ครองทรัพย์
ก. รับฝากรถยนต์ไว้จาก ข. ค. ขับรถยนต์ชนรถของ ข. ที่ ก. ขับ
โดยประมาทเลินเล่อ ค. ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ ก. เรียบร้อยไปแล้ว ดังนี้
ค. จะหลุดพ้นจากความรับผิดในการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ ข. หรือไม่
ก. ผู้ ครองรถยนต์ ข อง ข. ในขณะที่ ขั บ เมื่ อ ค. ชดใช้ ค่ าสิ น ไหม
ทดแทนให้แก่ ก. ไปแล้ว ค. จึงหลุดพ้นไม่ต้องชำาระให้แก่ ข. อีก

ความผิดของผู้ต้องเสียหาย
บทบัญญัติตามมาตรา 442 223 มีความสัมพันธ์กับบทบัญญัติ
มาตรา 438 ประการใดบ้าง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


182

ตามมาตรา 438 ศาลมี อำา นาจกำา หนดค่ า สิ น ไหมทดแทนตาม


พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด กรณี ผู้เสียหายมีส่วนทำาผิดก่อให้
เกิดความเสียหายขึ้นด้วย ศาลย่อมกำาหนดให้ลดลงได้ตามส่วน ซึ่งมาตรา
442 ได้ บั ญ ญั ติ ใ ห้ นำา มาตรา 223 มาใช้ บั ง คั บ โดยอนุ โ ลม ย่ อ มเป็ นไป
ตามหลักการตามมาตรา 438 นั ่นเอง
มาตรา 223 ถ้าฝ่ ายผู้เสียหายได้มีส่วนทำาความผิดอย่างใด อย่าง
หนึ่ งก่อให้เกิดความเสียหายด้วยไซร้ ท่านว่าหนี้ อันจะต้องใช้ ค่าสินไหม
ทดแทนแก่ฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้ น ต้องอาศัย พฤติการณ์เป็ น
ประมาณ ข้อสำาคัญก็คือว่าความเสียหายนั้ นได้เกิดขึ้น เพราะฝ่ ายไหนเป็ น
ผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร
วิธีเดียวกันนี้ ท่านให้ใช้แม้ท้ ังที่ความผิดของฝ่ ายผู้ท่ีเสียหายจะมี
แต่เพียงละเลยไม่เตือนลูกหนี้ ให้รู้สึกถึงอันตราย แห่งการเสียหาย อัน
เป็ นอย่างร้ายแรงผิดปกติ ซึ่งลูกหนี้ ไม่รู้หรือไม่อาจจะรู้ได้ หรือเพียง
แต่ละเลยไม่บำาบัดปั ดป้ อง หรือบรรเทาความเสียหายนั้ นด้วย อนึ่ ง
บทบัญญัติแห่ง มาตรา 220 นั้ น ท่านให้นำามาใช้บังคับด้วยโดยอนุ โลม
มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้ น
ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ ง ค่าสินไหมทดแทนนั้ นได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้อง
เสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้ นรวมทั้งค่าเสียหาย อันจะพึง
บังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้นนั้ นด้วย
มาตรา 442 ถ้าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่ ง
อย่างใดของผู้ต้องเสียหายประกอบด้วยไซร้ ท่านให้นำาบทบัญญัติ แห่ง
มาตรา 223 มาใช้บังคับ โดยอนุ โลม

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


183

ตามมาตรา 442 223 ศาลจะไม่ให้จำาเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน


เสียเลยจะได้หรือไม่
ตัวอย่างเช่น ก. ต้องการที่จะหยอกล้อกับ ข. หญิงสาวที่ไม่เคยรู้จัก
กันมาก่อน จึงจับแก้มของ ข. เล่น ข. เกิดโทสะจึงตบหน้า ก. ดังนี้ ก.
มาฟ้ อง ข. เป็ นจำาเลยต่อศาลเรียกค่าเสียหาย ถ้าท่านเป็ นศาลจะพิจารณา
พิพากษาให้ ข. ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ ก. หรือไม่ เพราะเหตุใด
ตามมาตรา 442 และ 223 ศาลจะไม่ ใ ห้ จำา เลยชดใช้ ค่ า สิ น ไหม
ทดแทนเสียเลยก็ย่อมได้ ตามตัวอย่าง ข้าพเจ้าเป็ นศาลจะไม่พิพากษาให้
ข. ต้องชดใช้ค่าเสียกายแก่ ก. เพราะ ก. มีส่วนผิดอยู่ด้วย โดยเหตุท่ีไป
จับแก้มของ ข. ทำาให้ ข. บันดาลโทสะ จึงตบหน้า ก.

ค่าสินไหมทดแทนในกรณีทำาให้ตายเพราะการขาดไร้อุปการะตาม
กฎหมาย
1. ในกรณี ทำา ให้ เ ขาตาย ค่ า สิ น ไหมทดแทนได้ แ ก่ ค่ า
ปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำาเป็ นอย่างอื่นๆ
2. ถ้ า มิ ไ ด้ ต ายทั น ที ค่ า สิ น ไหมทดแทนได้ แ ก่ ค่ า รัก ษา
พยาบาล รวมทั้ ง ค่ า เสี ย หายที่ ต้ อ งขาดประโยชน์ ทำา มาหาได้ เพราะไม่
สามารถประกอบการงานด้วย
3. บุ ค คลภายนอกที่ ต้ อ งขาดไร้ ผู้ อุ ป การะตามกฎหมาย
ชอบที่จะได้ค่าสินไหมทดแทนด้วย

ค่าสินไหมทดแทนกรณีทำาให้ตาย
ก. ตายเพราะถู ก ก. ยิงโดยละเมิ ด ข. ซึ่ง เป็ นทายาทของ ก. ได้
พิมพ์หนั งสือแจกในงานศพของ ก. หมดเงินไป 10,000 บาท ดังนี้ ข.
จะเรียกให้ ค. ชดใช้ให้แก่ตนได้หรือไม่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


184

ถ้ าหากเป็ นค่ าใช้ จ่ ายตามสมควรแก่ ฐ านะของ ก. ถือ ว่ าเป็ นค่ าใช้


จ่ายอันจำาเป็ นอย่างอื่นตามมาตรา 443 วรรคแรก
มาตรา 443 ในกรณี ทำา ให้เขาถึงตายนั้ น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่
ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำาเป็ นอย่างอื่น ๆ อีกด้วย
ถ้ามิได้ตายในทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวม
ทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์ทำา มาหาได้ เพราะไม่ส ามารถประกอบ
การงานนั้ นด้วย
ถ้าว่าเหตุท่ีตายลงนั้ นทำา ให้บุคคลหนึ่ งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตา
มกฏหมายไปด้ ว ยไซร้ ท่ า นว่ า บุ ค คลคนนั้ นชอบที่ จ ะได้ ร ับ ค่ า สิ น ไหม
ทดแทนเพื่อการนั้ น

ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย
ที่ว่า “การขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย” นั้ น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
เข้าใจว่ามีตัวบทกฎหมายให้จำาต้องอุปการะเลี้ยงดูกัน เช่นบุตรจำา
ต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดา มารดา (มาตรา 1563) เป็ นต้น

ก. ข. เป็ นเพื่อนกัน ก. เคยขอเงิน ข. ใช้บ่อยๆ ต่อมา ข. ถูก ค.


ฆ่าตายโดยละเมิด ทำาให้ ก. ไม่อาจได้รบ
ั เงินจาก ข. อีก ดังนี้ ก. จะเรียก
ค่าสินไหมทดแทนจาก ค. เนื่ องจากตนไม่อาจขอเงินจาก ข. ได้อีก จะได้
หรือไม่
ก. กับ ข. เป็ นเพียงเพื่อนกัน การที่ ก. เคยขอเงิน ข. ใช้บ่อยๆ
ไม่ใช่การอุปการะเลี้ยงดูตามกฎหมาย ก. จะเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก
ค. ไม่ได้

น. เป็ นบุตรผู้เยาว์ของ จ. โดย น. ได้รบ


ั มรดกเป็ นบ้านเช่าจากย่า
ของ น. เป็ นจำานวนหลายหลัง น. ใช้ค่าเช่าที่ได้รบ
ั ใช้จ่ายในการกินอยู่และ
ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
185

การศึกษาเล่าเรียน จนไม่ต้องขอเงินจาก จ. ใช้จ่ายแต่ประการใด จ. ถูก


ส. ยิงตายโดยละเมิด ดังนี้ จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในการที่ตนต้อง
ขาดไร้อุปการะจาก จ. บิดาจาก ส. ได้หรือไม่
น. เรียกค่าสินไหมทดแทนจาก ส. ในการที่ตนต้องขาดไร้อุปการะ
จาก จ. บิดาได้ แม้ น. ไม่จำาต้องได้รบ
ั เงินจาก จ. เป็ นค่าใช้จ่ายก็ตาม

ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยหรือการที่
ขาดแรงงาน
1. ในกรณี ทำาให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะ
ได้รบ
ั ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไปและค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความ
สามารถประกอบการงานสิ้นเชิง หรือแต่บางส่วนทั้งในเวลาปั จจุบันและใน
อนาคต
2. ในกรณี ท่ีทำาให้เขาตาย หรือเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย หรือเสีย
หายแก่เสรีภาพ ถ้าผู้ต้องเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมาย ต้องทำางาน
ให้เป็ นคุณแก่บุคคลภายในครัวเรือนหรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอก
บุ ค คลผู้ ต้อ งใช้ ค่ าสิ น ไหมทดแทนนั้ นจะต้ อ งใช้ ค่า สิ น ไหมทดแทนให้ แ ก่
บุคคลภายนอกเพื่อการที่เขาขาดแรงงานอันนั้ นไปด้วย

ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย
ก. ถู ก ข ทำา ร้ายร่ างกายได้ร บ
ั อั น ตรายสาหัส โดยละเมิ ด ก. นอน
ป่ วยอยู่ท่ีบ้าน จึงจ้าง ค. เป็ นคนครัวปรงอาหารให้กินชัว่ คราว เพราะ ก.
ไม่อาจทำา ได้เองตามปกติ ดังนี้ ก. จะเรียกค่าใช้จ่ายในการที่ต้องจ้าง ค.
เป็ นคนครัวทำาอาหารให้กินได้หรือไม่

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


186

เรียกได้ตามมาตรา 444 วรรคแรก ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่า


ใช้ จ่ า ยอั น ตนต้ อ งเสี ย ไป และค่ า เสี ย หายเพื่ อการที่ เ สี ย ความสามารถ
ประกอบการงานสิ้นเชิง
มาตรา 444 ในกรณี ทำา ให้ เ สี ย หายแก่ ร่ า งกายหรือ อนามั ย นั้ น ผู้
ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไปและค่าเสียหาย
เพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้งใน
เ ว ล า ปั จ จุ บั น นั้ น แ ล ะ ใ น เ ว ล า อ น า ค ต ด้ ว ย
ถ้าในเวลาที่พิพากษาคดี เป็ นพ้นวิสัยจะหยัง่ รู้ได้แน่ว่าความ เสีย
หายนั้ นได้มีแท้จริงเพียงใด ศาลจะกล่าวในคำา พิพากษาว่ายังสงวนไว้ซ่ึง
สิทธิท่ีจะแก้ไขคำาพิพากษานั้ นอีกภายในระยะเวลาไม่เกินสองปี ก็ได้

ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่ขาดแรงงาน
ส. จับ น. ซึ่งเป็ นลูกจ้างของบริษัท จ. ในโรงงานอุตสาหกรรมทอ
ผ้ าของบริษัท จ. ไปกักขัง ไว้ โดยที่ ส. ก็ไม่ท ราบว่ า น. เป็ นลู กจ้ างของ
บริษั ท จ. ทำา ให้ น. ไปทำา งานในโรงงานทอผ้ าให้ บ ริษั ท จ. ไม่ ไ ด้ ดั ง นี้
บริษัท จ. จะเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก ส. ได้หรือไม่
การที่ ส. จับ น. ลูกจ้างของ จ. ไปกักขังเป็ นกรณี ท่ีทำา ให้ น. เสีย
เสรีภ าพ โดยเหตุ ที่ ส. มี ค วามผู ก พั น ตามสั ญ ญาจ้ า งแรงงาน จะต้ อ ง
ทำาการงานให้แก่ จ. จ. จึงเรียกค่าสินไหมทดแทนได้จาก ส. ในการที่ จ.
ต้องขาดแรงงานของ น. ไปตามมาตรา 445
มาตรา 445 ในกรณี ทำา ให้ เ ขาถึ ง ตาย หรือให้ เสี ย หายแก่ ร่ างกาย
หรืออนามัยก็ดี ในกรณี ทำาให้เขาเสียเสรีภาพก็ดีถ้าผู้ต้องเสียหายมีความ
ผูกพันตามกฎหมาย จะต้องทำา การงานให้เป็ นคุณแก่บุคคล ภายนอกใน
ครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนั้ นไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้จำา

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


187

ต้ อ งใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทนนั้ นจะต้ อ งใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทนให้ แ ก่ บุ ค คล


ภายนอก เพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้ นไปด้วย

ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันมิใช่ตัวเงินและการจัดการเพื่อ
ให้ช่ ือเสียงกลับคืนดี
1. ในกรณี ท่ีทำา ให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย หรือเสรีภาพ ผู้
ต้องเสียหายย่อมเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่าง
อื่นอันมิใช่ตัวเงินได้อีกด้วย
2. ศาลมีอำา นาจสัง่ ให้บุคคลที่ทำา ให้เขาต้องเสียหายแก่ช่ ือเสียงจัดการ
ตามควรเพื่อทำาให้ช่ ือเสียงกลับคืนดี

ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันมิใช่ตัวเงิน
กรณี ดังต่อไปนี้ เป็ นความเสียหายที่เป็ นตัวเงินหรือไม่เป็ นตัวเงิน
ค่าขาดประโยชน์ทำามาหาได้ เพราะไม่สามารถประกอบการงานได้
เป็ นความเสียหายที่เป็ นตัวเงิน

ความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานระหว่างรักษาพยาบาล
เป็ นความเสียหายที่ไม่เป็ นตัวเงิน

ค่ารักษาพยาบาลบาดแผลที่ต้องถูกตัดแขนขา
เป็ นความเสียหายที่เป็ นตัวเงิน

การที่เสียแขนขาทุพพลภาพพิการไปตลอดชีวิต
เป็ นความเสียหายที่ไม่เป็ นตัวเงิน

การจัดการเพื่อให้ช่ ือเสียงคืนดี

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


188

ก. กล่ า วหมิ่ น ประมาท ข. ว่ า ข. โกงเงิ น บริษั ท ที่ ข. ทำา งานอยู่


ดั ง นี้ เมื่ อ ข. ฟ้ อง ก. ต่ อ ศาล ก. จะขอให้ ศ าลประกาศโฆษณาทาง
หนั งสือพิมพ์ว่า ที่ ก. กล่าวนั้ นไม่เป็ นความจริง จะทำาได้หรือไม่
ทำาได้ตามมาตรา 447
มาตรา 447 บุคคลใดทำาให้เขาต้องเสียหายแก่ช่ ือเสียง เมื่อผู้ต้อง
เสียหายร้องขอ ศาลจะสัง่ ให้บุคคลนั้ นจัดการตามควรเพื่อทำา ให้ ชื่อเสียง
ของผู้น้ ั นกลับคืนดีแทนให้ใช้ค่าเสียหายหรือทั้งให้ใช้ค่า เสียหายด้วยก็ได้

อายุความเรียกร้องค่าเสียหาย
1. สิ ท ธิ เ รีย กร้ อ งของเจ้ า ของทรัพ ย์ สิ น ในการติ ด ตามและเอาคื น ซึ่ ง
ทรัพย์สินของตน ไม่มีกำาหนดอายุความ แต่ต้องมีตัวทรัพย์สินให้ติดตาม
เอาคืน
2. อายุความตามมาตรา 448 ใช้เฉพาะสิทธิเรียกร้องในค่าเสียหายไม่
รวมถึงการเรียกร้องทรัพย์สินคืน หรือเรียกร้องให้ระงับหรือเพิกถอนการก
ระทำาละเมิดที่ยังมีอยู่ ไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งอายุความตามมาตรา 448
3. ตามมาตรา 448 ไม่จำา กั ดเฉพาะในกรณี ท่ี ผู้ เ สี ย หายโดยตรงเรีย ก
ร้องเอาค่าเสียหายจากผู้กระทำาละเมิดหรือผู้ต้องรับผิดในมูลละเมิดเท่านั้ น
บุคคลอื่นที่กฎหมายบัญญัติให้มีสิทธิเรียกร้องเอาได้ ย่อมมีสิทธิเรียกร้อง
เอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตามมาตรานี้ ด้วยเช่นกัน
4. ผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนหมายถึงบุคคลที่ต้องรับผิดในการกระ
ทำาของบุคคลอื่น หรือในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทรัพย์ด้วย
5. ตามมาตรา 448 ใช้ตลอดถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในความเสีย
หายในอนาคตด้วย
6. สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดอันเป็ นความผิดอาญาให้เป็ น
ไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


189

สิทธิเรียกร้องทรัพย์สินคืน
เมื่อวันที่ 1 ตุลาตม 2524 ก. เช่ารถยนต์ของ ข. ไปใช้ กำาหนดส่ง
คืนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2524 ถึงกำาหนด ก. ไม่ส่งคืน ยังคงยึดถือและ
ใช้รถอยู่ตลอดมา ข. จึงต้องไปเช่ารถยนต์ของผู้อ่ ืนเช่ามีกำา หนดเวลา 3
เดือน ๆ ละ 3,000 บาท ต่อมา 1 กุมภาพันธ์ 2526 ข. มาฟ้ องเรียกรถ
คืนจาก ก. และเรียกค่าเสียหายในค่าเช่า 3 เดือนที่ ก. ได้จ่ายไปรวมเป็ น
เงิน 9,000 บาท ก. ต่อสู้คดีว่าฟ้ องของ ข. ขาดอายุความแล้ว จะเรียก
ร้องเอาไม่ได้ ข้อต่อสู้ของ ก. ฟั งขึ้นหรือไม่
สิทธิเ รีย กร้ องให้คื นรถยนต์ ไม่ มีอายุค วาม เจ้าของทรัพ ย์สิน ย่อ ม
ฟ้ องเรียกคืนได้เสมอ จึงไม่เห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของ ก.
เมื่อถึงกำาหนดส่งคืน ก. ไม่ส่งคืนรถ กลับยึดถือและใช้รถอยู่ตลอด
มา จึงเป็ นละเมิดต่อ ข. ตั้งแต่เวลานั้ น
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในค่าเช่าที่ ข. ได้จ่ายไปนั้ น ข. มิได้ฟ้อง
เรียกเอาภายในหนึ่ ง ปี นั บ แต่ วั น ที่ ก. ไม่ ส่ง คื น รถนั้ น สิท ธิเ รียกร้ อ งดัง
กล่าวจึงขาดอายุความ เห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของ ก.

สิทธิเรียกร้องราคาทรัพย์สินหรือเงินที่เอาไปโดยละเมิด
สิ ท ธิ เ รีย กร้ องค่ าเสี ย หายในราคาทรัพ ย์ สิ น คื น โดยมู ล ละเมิ ดนั้ นมี
กำาหนดอายุความเท่าใด
ขาดอายุ ค วามเมื่ อพ้ น ปี หนึ่ งนั บแต่ วั น ที่ ผู้ ต้ อ งเสี ย หายรู้ ถึ ง การ
ละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปี นั บแต่
วันทำาละเมิด
มาตรา 448 สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้ น ท่าน
ว่ าขาดอายุ ความเมื่ อ พ้ น ปี หนึ่ ง นั บ แต่ วั น ที่ ผู้ ต้อ งเสี ย หายรู้ ถึง การละเมิ ด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


190

และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปี นั บแต่วันทำา


ละเมิด
แต่ ถ้ า เรี ย กร้ อ งค่ า เสี ย หายในมู ล อั น เป็ นความผิ ด มี โ ทษตาม
กฎหมาย ลักษณะอาญา และมีกำาหนดอายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าว
มา นั้ นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้ นมาบังคับ

สิทธิเรียกร้องในค่าเสียหาย
เมื่ อวั น ที่ 1 ตุ ล าคม 2524 ข. ถู ก ก.ขั บ รถชนรถของ ข. ได้ ร บ

ความเสี ย หาย ยั ง ไม่ ทั น ที่ ข. จะเอารถไปซ่ อ ม ได้ ร ออยู่ จ นวั น ที่ 1
มีนาคม 2526 ทั้งๆ ที่รู้ดีแล้วว่า ก. เป็ นผู้ขับรถชนตั้งแต่วันนั้ น ข. มา
ฟ้ องร้องค่าซ่อมรถจาก ก. คิดเป็ นเงิน 6,000 บาท ก. ให้การต่อสู้ว่าคดี
โจทก์ขาดอายุความแล้ว ท่านเห็นด้วยกับข้อต่อส้ข
ู อง ก. หรือไม่
แม้ ข. จะยั ง ไม่ นำา รถไปซ่ อ ม ข. ก็ ต้ อ งฟ้ องเรีย กค้ า เสี ย หายใน
ความเสียหายคือค่าซ่อมที่จะจ่ายภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2525 แต่ ข. มา
ฟ้ องวันที่ 1 มีนาคม 2526 ทั้งๆ ที่รู้แล้วว่า ก. เป็ นผุ้ขับรถชนตั้งแต่วัน
นั้ น คดีของ ข. จึงขาดอายุความแล้ว เห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของ ก.

วั นที่ 1 ตุ ลาคม 2524 สุนัขของ ค. กั ด จ. บาดเจ็บ ต้ องเสีย ค่ า


รักษาไป 1,000 บาท แต่ จ. ก็ไม่รู้ว่าเป็ นสุนัขของใคร ต่อมามาวันที่ 1
พฤศจิกายน 2524 จึงสืบรู้ได้ความว่าเป็ นสุนัขของ ค. ได้เจรจาขอค่าเสีย
หายจาก ค. 1,000 บาท แต่ ค. ก็ปฏิเสธว่าตนมิได้เป็ นเจ้าของสุนัข จน
วันที่ 1 ธันวาคม 2525 จ. จึงมาฟ้ อง ค. เรียกค่าเสียหายในค่ารักษาที่
ตนได้เสียไปแล้ว ค. ได้ต่อสู้ว่าคดีขาดอายุความแล้ว จ. โต้แย้งว่ามิใช่มูล
ละเมิดอันจะมีอายุครบ 1 ปี แต่เป็ นเรื่องความผิดในความเสียหายที่เกิด

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


191

ขึ้ นเพราะสั ต ว์ ท่ า นเห็ น ด้ ว ยกั บ ข้ อ ต่ อ สู้ ข อง ค. หรือ ข้ อ โต้ แ ย้ ง ของ จ.


หรือไม่
แม้ จ ะเป็ นความรับ ผิ ด ในความเสี ย หายที่ เ กิ ด ขึ้ นเพราะสั ต ว์ อายุ
ความที่ จ ะเรีย กร้ อ งค่ า เสี ย หายก็ ย่ อ มต้ อ งอยู่ ใ นบั ง คั บ แห่ ง มาตรา 448
เช่นเดียวกัน จ. สืบรู้ว่าเป็ นสุนัขของ ค. เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2524
ก็ต้องฟ้ องคดีภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2525 แต่ จ. มาฟ้ องเรียกค่า
เสียหายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2525 คดีของ จ. จึงขาดอายุความแล้ว จึง
เห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของ ค. ไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งของ จ.

สิทธิเรียกร้องในค่าเสียหายในมูลละเมิดอันเป็ นความผิดทางอาญา
ก. ขับ รถยนต์ชนรถของ ข. โดยประมาทเลิน เล่ อ ดัง นี้ การที่ ข.
จะเรียกร้องค่าเสียหายมีกำาหนดอายุความเมื่อไร
การทำาให้เสียทรัพย์โดยประมาทเลินเล่อ ไม่ใช่ความรับผิดทาง
อาญา แต่เป็ นความรับผิดทางแพ่ง จึงมีอายุความตามมาตรา 448 วรรค
แรก

นิ รโทษกรรม
1. นิ รโทษกรรมคือข้อแก้ตัวซึ่งบุคคลผู้กระทำาไม่ต้องรับผิดฐานละเมิด
2. บุคคลใดที่กระทำาการป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือทำาตามคำาสัง่
อันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน
3. บุ ค คลใดทำา บุ บ สลายหรือ ทำา ลายทรัพ ย์ ส่ิ ง หนึ่ งสิ่ ง ใด เพื่ อบำา บั ด
ป้ องกั น ภยั น ตรายซึ่ ง มี ม าเป็ นสาธารณะโดยฉุ ก เฉิ น ฯลฯ ไม่ ต้ อ งใช้ ค่ า
สินไหมทดแทน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


192

4. บุคคลใดใช้กำาลังเพื่อป้ องกันสิทธิของตน ถ้าตามพฤติการณ์จะขอให้


ศาลหรือ เจ้ าหน้ าที่ ช่ว ยเหลื อให้ ทั น ท่ วงที ไม่ ได้ ฯลฯ ไม่ ต้อ งรับ ผิ ด ใช้ ค่ า
สินไหมทดแทน
5. ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อ่ ืนอันเข้ามาทำาความ
เสียหายในอสังหาริมทรัพย์น้ ั น และยึดไว้เป็ นประกันค่าสินไหมทดแทน

การป้ องกันและการกระทำาตามคำาสัง่ อันชอบด้วยกฎหมาย


ก. ข. เกิดโต้เถียงกันในร้านอาหารของ ค. ก. ชักปื นขึ้นจะยิง ข.
จวนจะลัน
่ ไกอยู่ แล้ ว ข. คว้าไม้ท่ีอยู่ข้างๆ ตั ว แล้ว ตีถูกปื นของ ก. ปื น
กระเด็ นหลุ ดจากมื อ ก. ไปถู กถ้ว ยชามของ ค. ซึ่ง อยู่ด้านหลั งแตกเสี ย
หาย ดังนี้ ค. จะเรียกค่าเสียหายในการที่ถ้วยชามแตกเสียหายจากใครได้
บ้าง
เป็ นกรณี ท่ี ข. ทำาการป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ค. ย่อมเรียก
ค่าเสียหายในการที่ถ้วยชามแตกจาก ก. ผู้เป็ นต้นเหตุให้ต้องป้ องกันโดย
ชอบด้วยกฎหมายได้ จะเรียกเอาจาก ข. ผู้ทำาการป้ องกันไม่ได้

การทำาบุบสลายหรือทำาลายทรัพย์
ก. ข. กับพวกรวม 7 คนด้วยกัน เช่าเรือใบขนาดเล็กไปเที่ยวเกาะ
กลางทะเล ขณะทะเลกำาลังสงบ พอตกเย็น ขณะเรือกลับเข้าฝั ่ ง ห่างจาก
ฝั ่ งประมาณ 500 เมตร เกิดลมพายุจัด เรือโคลงไปมา ก. กับพวกเกรง
ว่ าเรือ จะร่ม จึง ร่ ว มกั น จั บ ข. โยนลงทะเล แต่ ข. ซึ่ง เป็ นนั กว่ ายนำ้ ามา
ก่ อ น ก็ ส ามารถว่ ายนำ้ าเข้ า ฝั ่ งจนได้ ดั ง นี้ ก. กั บ พวกต้ อ งร่ ว มกั น รับ ผิ ด
ชดใช้ค่าเสียหายแก่ ข. หรือไม่
เป็ นกรณี ท่ี ก. กั บพวกร่ ว มกั น ทำา ละเมิ ดต่ อ ข. ตามมาตรา 420
432 ไม่ต้องด้วยมาตรา 450 ซึ่งจำากัดเฉพาะการกระทำาต่อทรัพย์เท่านั้ น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


193

ที่ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ตามปั ญหาเป็ นกรณี ทำาความเสีย


หายต่อตัวบุคคล แม้ ข. สามารถว่ายนำ้าเข้าฝั ่ งได้ แต่ก็เกิดความเสียหาย
ขึ้นแก่ ข. แล้ว ก. กับพวกต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ ข.
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำาต่อบุคคลอื่น โดย
ผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี
เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่ งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้น้ ั นทำา
ละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้ น
มาตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดย
ร่วมกันทำาละเมิด ท่านว่าบุคคลเหล่านั้ นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสิน ไหม
ทดแทนเพื่อความเสียหายนั้ น ความข้อนี้ ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณี ท่ีไม่
สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำาพวกที่ทำาละเมิดร่วมกันนั้ น คนไหน เป็ นผู้
ก่อให้เกิดเสียหายนั้ นด้วย
อนึ่ ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำาละเมิด ท่านก็ ให้
ถือว่าเป็ นผู้กระทำาละเมิดร่วมกันด้วย
ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน
นั้ น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็ นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาล
จะวินิจฉัยเป็ นประการอื่น
มาตรา 450 ถ้าบุคคลทำาบุบสลายหรือทำาลายทรัพย์ส่งิ หนึ่ งสิ่งใด
เพื่อจะบำาบัดปั ดป้ องภยันตรายซึ่งมีมาเป็ นสาธารณะโดยฉุกเฉิน ท่านว่าไม่
จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หากความเสียหายนั้ นไม่เกิน สมควรแก่เหตุ
ภยันตราย ถ้าบุคคลทำาบุบสลาย หรือทำาลายทรัพย์ส่ิงหนึ่ งสิง่ ใด เพื่อจะ
บำาบัดปั ดป้ องภยันตรายอันมีแก่เอกชนโดยฉุกเฉิน ผู้น้ ั นจะต้องใช้คืน
ทรัพย์น้ ั น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


194

ถ้าบุคคลทำาบุบสลายหรือทำาลายทรัพย์ส่ิงหนึ่ งสิ่งใด เพื่อจะป้ องกัน


สิทธิของตนหรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดย ฉุกเฉิน
เพราะตัวทรัพย์น้ ั นเองเป็ นเหตุ บุคคลเช่นว่านี้ หาต้องรับผิด ใช้ค่าสินไหม
ทดแทนไม่ หากว่าความเสียหายนั้ นไม่เกินสมควรแก่เหตุ แต่ถ้า
ภยันตรายนั้ นเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลนั้ นเองแล้วท่านว่าจำาต้อง
รับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้

จ. เห็นสุนัขของ ส. ซึ่งเป็ นสุนัขบ้า วิ่งไปตามถนนสาธารณะซึ่งมี


คนผ่านไปมาอยู่มาก เกรงว่าสุนัขจะกัดคนเหล่านั้ นเข้า จึงใช้ปืนยิงสุนัข
ตาย ดังนี้ จ. ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ ส. เจ้าของสุนัขหรือไม่
เป็ นกรณี ท่ี จ. ทำา การเพื่อป้ องกันสิทธิของบุคคลภายนอก เพราะ
สุนัขบ้าที่ว่ิงไปตามถนนนั้ น อาจจะกัดทำาร้ายบุคคลใดก็ได้ เป็ นภยันตราย
อันมีมาโดยฉุ กเฉินเพราะตัวทรัพย์น้ ั นเองเป็ นเหตุต้องด้วยมาตรา 450
ข. ไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อ ส. เจ้าของสุนัข

การใช้กำาลังป้ องกันสิทธิ
ก. เช่าห้องของ ข. อยู่อาศัย ถึ งกำา หนด ก. ไม่ยอมออกจากห้อ ง
เช่า ข. จึงใช้กำา ลังฉุดกระชากลาก ก. ออกมาจากห้องเช่า ก. ได้รบ
ั บาด
เจ็บ ดังนี้ ข. ต้องรับผิดต่อ ก. หรือไม่
ข. กระทำาละเมิดต่อ ก. ตามมาตรา 420 ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่
ก. กรณี น้ ี ไม่เป็ นนิ รโทษกรรมตามมาตรา 451
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำา ต่อบุคคลอื่น โดย
ผิ ด กฎหมายให้ เ ขาเสี ย หายถึ ง แก่ ชี วิ ต ก็ ดี แก่ ร่ า งกายก็ ดี อนามั ย ก็ ดี
เสรีภ าพก็ ดี ทรัพ ย์ สิ น หรือ สิ ท ธิ อ ย่ า งหนึ่ งอย่ า งใดก็ ดี ท่ า นว่ า ผู้ น้ ั นทำา
ละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้ น

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


195

มาตรา 451 บุ ค คลใช้ กำา ลั ง เพื่ อป้ องกั น สิ ท ธิ ข องตนถ้ า ตาม


พฤติการณ์จะขอให้ศาลหรือเจ้าหนี้ ที่ช่วยเหลือให้ทันท่วงทีไม่ได้ และถ้า
มิได้ทำาในทันใด มีภัยอยู่ด้วยการที่ตนจะได้สมดัง่ สิทธิน้ ั น จะต้องประวิงไป
มากหรือถึงแก่สาบสูญได้ไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้ น หาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหม
ทดแทนไม่
การใช้กำาลังดัง่ กล่าวมาในวรรคก่อนนั้ น ท่านว่าต้องจำากัดครัดเคร่ง
แ ต่ เ ฉ พ า ะ ที่ จำา เ ป็ น เ พื่ อ จ ะ บำา บั ด ปั ด ป้ อ ง ภ ยั น ต ร า ย เ ท่ า นั้ น
ถ้ า บุ ค คลผู้ ใ ดกระทำา การดั ่ ง กล่ า วมาในวรรคต้ น เพราะหลง
สันนิ ษฐานพลาดไปว่ามี เหตุอั น จำา เป็ นที่ จะทำา ได้โ ดยชอบด้ว ย กฎหมาย
ไซร้ ท่านว่าผู้น้ ั นจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ แก่บุคคลอื่น แม้
ทั้งการที่หลงพลาดไปนั้ นจะมิใช่เป็ นเพราะความ ประมาทเลินเล่อของตน

สิทธิของผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ที่จะจับสัตว์ของผู้อ่ ืน
ลิงของ ช. เข้ามาขโมยมะพร้าวในสวนของ ว. โดยได้เอามะพร้าว
ไปหลายผลแล้ว กลับมาเอาอีก ว. เห็นเข้าจึงเอาแหเหวี่ยงจับลิงไว้ได้ ลิง
จะกัด ว. ว. จึงใช้ไม้ตีลิงสลบไป แล้วนำา ลิงไปส่งมอบคืนแก่ ช. ดังนี้ ช.
กับ ว. ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อกันและกันหรือไม่
การที่ ว. ใช้ ไ ม้ ตี ลิ ง จนสลบ ก็ เ พราะลิ ง จะกั ด ว. ว. จึ ง ทำา การ
ป้ องกันตัวเองได้โดยชอบ การที่ ว. นำา ลิงส่งมอบคืนแก่ ช. แสดงว่า ว.
ไม่ใช้สิทธิยึดลิงไว้เป็ นประกันค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา 452 แต่การ
ที่ลิงเข้ามาทำาความเสียหายในสวนของ ว. เป็ นกรณี ต้องด้วยมาตรา 433
อันเป็ นบทบัญญัติว่าด้วยความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ ช. ต้องชดใช้
ค่ า สิ น ไหมทดแทนให้ แ ก่ ว. เจ้ า ของ แต่ ว. ไม่ ต้ อ งชดใช้ ค่ า สิ น ไหม
ทดแทนให้แก่ ช. ตามมาตรา 449

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


196

มาตรา 433 ถ้ าความเสี ย หายเกิ ด ขึ้ นเพราะสั ต ว์ ท่ า นว่ าเจ้ า ของ


สั ต ว์ ห รือ บุ ค คลผู้ ร บ
ั เลี้ ยงรับ รัก ษาไว้ แ ทนเจ้ า ของ จำา ต้ อ งใช้ ค่ า สิ น ไหม
ทดแทนให้แก่ฝ่ายที่ต้องเสียหายเพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิด แต่
สัตว์น้ ั น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวัง อันสมควร แก่การ
เลี้ ยงการรักษาตามชนิ ด และวิ สั ยของสั ตว์ห รือ ตามพฤติ การณ์ อย่ างอื่ น
หรือพิ สู จน์ ได้ ว่ าความเสี ย หายนั้ นย่ อ มจะต้ อ งเกิ ด มี ข้ ึ นทั้ ง ที่ ได้ ใ ช้ ค วาม
ระมัดระวังถึงเพียงนั้ น
อนึ่ ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดัง่ กล่าวมาในวรรคต้นนั้ น จะใช้สิทธิ
ไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ท่ีเร้าหรือยัว่ สัตว์น้ ั นโดยละเมิด หรือเอาแก่ เจ้าของ
สัตว์อ่ ืนอันมาเร้าหรือยัว่ สัตว์น้ ั น ๆ ก็ได้
มาตรา 449 บุคคลใดเมื่อกระทำาการป้ องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ก็ดีกระทำาตามคำาสัง่ อันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากก่อให้เกิดเสียหายแก่ผู้
อื่นไซร้ท่านว่าบุคคลนั้ นหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
ผู้ต้องเสียหายอาจเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้เป็ นต้นเหตุให้ต้อง
ป้ องกัน โดยชอบด้ว ยกฎหมาย หรือ จากบุ ค คลผู้ ใ ห้ คำา สั ง่ โดย ละเมิ ดนั้ น
ก็ได้
มาตรา 452 ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อ่ ืนอัน
เข้ามาทำาความเสียหายในอสังหาริม ทรัพย์น้ ั น และยึดไว้เป็ นประกัน ค่า
สิ น ไหมทดแทนอั น จะพึ ง ต้ อ งใช้ แ ก่ ต นได้ และถ้ า เป็ นการจำา เป็ น โดย
พฤติการณ์ แม้จะฆ่าสัตว์น้ ั นเสียก็ชอบที่จะทำาได้
แต่ว่าผู้น้ ั นต้องบอกกล่าวแก่เจ้าของสัตว์โดยไม่ชักช้า ถ้าและหาตัว
เจ้ า ของสั ต ว์ ไ ม่ พ บ ผู้ ท่ี จั บ สั ต ว์ ไ ว้ ต้ อ งจั ด การตามสมควรเพื่ อสื บ หาตั ว
เจ้าของ

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 14

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


197

1. ส. บุกรุกเข้าไปทำาการค้าในตึกแถวของ อ. ได้ชดใช้ค่าเสียหายฐาน
ละเมิ ด ให้ อ. แล้ ว อ. ไม่ ย อมให้ ส. อยู่ ต่ อ ไป ดั ง นี้ ส. ต้ อ งออกจาก
ตึ ก แถวหรือ ไม่ ต้ อ งออก เพราะการออกจากตึ ก แถวเป็ นการชดใช้ ค่ า
สินไหมทดแทนอย่างหนึ่ งด้วย
2. จำา เลยขั บ รถยนต์ นั่ ง ชนรถบรรทุ กของโจทก์ ท่ี จ อดอยู่ เ สี ย หายโดย
ละเมิด โจทก์จึงเอารถบรรทุกออกให้เช่าไม่ได้ ดังนี้ โจทก์จะเรียกค่าเสีย
หายในการที่โจทก์ขาดรายได้ท่ีเป็ นค่ าเช่าจากจำา เลย ได้หรือไม่ เรียกได้
เพราะเป็ นค่าเสียหายในความเสียหายจากการกระทำาละเมิดของจำาเลย
3. โจทก์ด่าจำาเลยด้วยถ้อยคำาหยาบคายเพราะพาดพิงไปถึงบิดามารดา
ของจำาเลย จำาเลยจึงชกต่อยโจทก์บาด เจ็บดังนี้ ศาลจะลดค่าเสียหายลง
ได้หรือไม่ ลดได้ เพราะความเสียหายเกิดเพราะความผิดของโจทก์ท่ีด่าว่า
จำาเลย
4. ผู้เยาว์ซ่ึงเป็ นบุตรนอกกฎหมายของบิดา จะมีสิทธิเรียกค่าเสียหาย
เพราะขาดไร้ อุ ป การะตามกฎหมายจากผู้ ทำา ละเมิ ด ให้ บิ ด าตายหรือ ไม่
ไม่มีสิทธิ เพราะมิใช่การขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย
5. ส. เป็ นข้าราชการของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ถูก ป. ขับรถ
ชนโดยละเมิดได้รบ
ั บาดเจ็บต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ส. ได้
เบิกค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการไปแล้วตามสิทธิ ดังนี้ ส. จะมีสิทธิ
เรียกค่ารักษาพยาบาลจาก ป . ได้ห รือ ไม่ มี สิท ธิเ รีย กจาก ป . ได้ ตาม
หลักทัว่ ไป
6. โจทก์ถูกจำาเลยขับเรือยนต์ชนโดยประมาทเลินเล่อ ทำาให้ต้องตัดขา
ไปข้างหนึ่ งต้องทุพพลภาพพิการตลอดชีวิต ได้รบ
ั ค่ารักษาพยาบาลไปจาก
จำาเลยแล้ว ดังนี้ โจทก์ก็จะเรียกค่าเสียหายในการที่ต้องเสียขาไป ได้หรือ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


198

ไม่ เรียกได้ เพราะเป็ นค่าเสียหายในความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน


คนละส่วนกับค่ารักษาพยาบาล
7. จำาเลยลักรถยนต์ของโจทก์ไป โจทก์จึงฟ้ องเรียกรถคืน ดังนี้ คดีของ
โจทก์ ไม่มีกำาหนดอายุความ
8. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2526 รถของ ช. ถูก ส. ขับรถชนโดยประมาท
เลิ น เล่อ และ ช. ก็ รู้ ว่ าถู กชนและรู้ ตัว ส. ในวั น นั้ น พอวั น ที่ 5 ตุ ล าคม
2526 ช. ก็เอารถไปจ้างซ่อม พอซ่อมเสร็จ วันที่ 10 ตุลาคม 2526 ก.
ก็ จ่ายค่ าซ่ อ มไปในวั น ที่ 10 ตุ ล าคม นั้ น ดั ง นี้ ช. ต้ อ งฟ้ องเรีย กค่ า เสี ย
หายในค่าซ่อมภายใน วันที่ 1 ตุลาคม 2527
9. ร้อยตำารวจเอกกิจไม่ถูกกับนายนิ ติ จึงสัง่ ให้สิบตำารวจตรีโกยผู้อยู่ใต้
บังคับบัญชาไปจับ กุ มนายนิ ติใ นข้ อหาว่ านายนิ ติมีข องผิดกฎหมายไว้ ใน
ครอบครอง ซึ่งไม่เป็ นความจริง สิบตำารวจตรีโกยก็ไม่ทราบว่าร้อยตำารวจ
เอกกิจสัง่ โดยมิชอบ จึงไปจับกุมตามคำาสัง่ ดังนี้ สิบตำารวจตรีโกยต้องรับ
ผิ ด ต่ อ นายนิ ติ ห รือ ไม่ ไม่ ต้ อ งรับ ผิ ด เพราะมิ ไ ด้ ก ระทำา โดยจงใจหรือ
ประมาทเลินเล่อ
10. แมวของนายจู เข้ ามาขโมยกิ นลู ก ไก่ข องนายดี ในบริเ วณบ้ า นหลาย

ครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายนายดีเห็นเข้า จึงจับแมวไว้ได้ นางจูขอแมวคืน นาย


ดีไม่ยอมคืนให้ ดังนี้ นายดีกระทำาละเมิดต่อนางจูหรือไม่ ไม่เป็ นการกระทำา
ละเมิด เพราะนายดีมีสิทธิยึดแมวไว้เป็ นประกันค่าสินไหมทดแทน

หน่วยที่ 15 จักการงานนอกสัง่ และลาภมิควรได้

1. จัดการงานนอกสัง่ และลาภมิควรได้ เป็ นบ่อเกิดแห่งหนี้ ซึ่งไม่ได้


อาศัยเจตนาของบุคคล คือเป็ นหนี้ ที่เกิดจากนิ ติเหตุ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


199

2. จัดการงานนอกสัง่ คือ การที่บุคคลเข้าทำากิจการแทนผู้อ่ ืนโดยเขา


มิได้ว่าขานวานใช้ให้ทำา หรือเข้าทำาโดยไม่มีสิทธิ
3. ลาภมิควรได้คือ การที่บุคคลได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใดจากการที่บุคคลอีก
คนหนึ่ งกระทำาเพื่อชำาระหนี้ หรือได้มาด้วยประการอื่นโดยปราศจากมูลอัน
อ้างกฎหมายได้ และเป็ นทางให้บุคคลอีกบุคคลหนึ่ งเสียเปรียบ

15.1 จัดการงานนอกสัง่
1. สาระสำาคัญของการจัดการงานนอกสัง่ มี 3 ประการ ดังนี้ คือ
1. ต้องเป็ นการเข้าทำากิจการอย่างใดอย่างหนึ่ ง
2. กิจการที่เข้าทำานั้ นจะต้องเป็ นการทำาแทนผู้อ่ ืน
3. กิจการที่ทำาแทนผู้อ่ ืนนั้ น ต้องกระทำาไปโดยเขามิได้ว่าขานใช้
หรือกระทำาโดยมิได้มีสิทธิ
2. ผู้จัดการจะต้องจัดการงานไปในทางที่จะให้สมประโยชน์ของตัวการ
ตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือตามที่จะพึงสันนิ ษฐานได้ว่า
เป็ นความประสงค์ ข องตั ว การ หากการจั ด การทำา ถู ก ต้ อ งตามหน้ า ที่ ผู้
จัดการมีสิทธิเรียกให้การชดใช้เงินที่ตนออกไปคืนได้ แต่ถ้าจัดการไม่ถูก
ต้องตามหน้าที่ ผู้จัดการต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ตัวการเพื่อความ
เสียหาย
3. กรณี ท่ี บุ คคลคนหนึ่ ง เข้ าทำา การงานของผู้ อ่ ื นโดยสำา คั ญ ว่ า เป็ นงาน
ของตนเอง ไม่ใช่จัดการงานนอกสัง่

15.1.1 หลักเกณฑ์เรื่องจัดการงานนอกสัง่
อธิบายหลักเกณฑ์เรื่องจัดการงานนอกสัง่
ตามมาตรา 395 ซึ่งประกอบด้วยสาระสำาคัญ 3 ประการคือ
1)ต้องเป็ นการเข้าทำากิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ ง

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


200

2)กิจการที่เข้าทำานั้ นต้องเป็ นการเข้าทำาแทนผู้อ่ ืน


3)กระทำาโดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ หรือโดยมีได้มีสิทธิจะทำาแทน
เขาได้
มาตรา 395 บุ คคลใดเข้ าทำา กิ จการแทนผู้ อ่ ื นโดยเขามิ ไ ด้ ว่ าขาน
วานใช้ ให้ ทำา ก็ ดี หรือ โดยมิ ไ ด้ มี สิ ท ธิ ที่ จ ะทำา การงานนั้ นแทนผู้ อ่ ื นด้ ว ย
ประการใดก็ ดี ท่ า นว่ า บุ ค คลนั้ นจะต้ อ งจั ด การงานไปในทางที่ จ ะให้ ส ม
ประโยชน์ของตัวการ ตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือตามที่
จะพึงสันนิ ษฐานได้ว่าเป็ น ความประสงค์ของตัวการ

15.1.2 ผลของการจัดการงานนอกสัง่
ก. มีบ้านอยู่ในกรุงเทพ แต่ ก. ต้องเดินทางไปราชการต่างจังหวัด
หลายเดือน ขณะที่ ก. ไม่อยู่บ้าน เกิดลมพายุพัดหน้าต่างและหลังคาบ้าน
เสี ยหาย ข. เพื่อ นบ้ าน จึง จัดการซ่อ มหลัง คาให้ เพราะเป็ นฤดูฝน ดั ง นี้
ผลในกฎหมายระหว่าง ก. กับ ข. คืออย่างไร
ผลในกฎหมายระหว่าง ก. และ ข. นั้ นเป็ นเรื่องจัดการงานนอกสัง่
มาตรา 395 และมาตรา 401 คื อ ข. เข้ า จั ด การซ่ อ มแซมหลั ง คาและ
หน้าต่างโดย ก. มิได้ว่าขานวานใช้ และ ข. ได้เข้าจัดการโดยสมประโยชน์
ของตัว การ ข. ย่อมมีสิ ทธิ เรียกให้ ก. ชดใช้เ งิน ซึ่ง ตนได้ ออกไปเป็ นค่ า
ซ่อมแซมบ้านได้
มาตรา 401 ถ้าการที่เข้าจัดการงานนั้ นเป็ นการสมประโยชน์ ของ
ตั ว การและต้ อ งตามความประสงค์ อั น แท้ จ ริง ของตั ว การ หรือ ความ
ประสงค์ตามที่จะพึงสันนิ ษฐานได้น้ ั นไซร้ ท่านว่าผู้จัดการจะเรียกให้ชดใช้
เงิ น อั น ตนได้ อ อกไปคื น แก่ ต นเช่ น อย่ า งตั ว แทนก็ ไ ด้ และ บทบั ญ ญั ติ
มาตรา 816 วรรค 2 นั้ น ท่านก็ให้นำามาใช้บังคับด้วยโดย อนุ โลม

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


201

อนึ่ ง ในกรณี ท่ีกล่าวมาใน มาตรา 397 นั้ น แม้ถึงว่าที่เข้าจัดการ


งานนั้ นจะเป็ นการขัดกับความประสงค์ของตัวการก็ดี ผู้จัดการก็ ยัง คงมี
สิทธิเรียกร้องเช่นนั้ นอยู่

15.1.3 กรณีไม่ใช่จัดการงานนอกสัง่
อธิบายกรณี ท่ีไม่ใช่จัดการงานนอกสัง่
ตามมาตรา 405 หากบุคคลเข้าทำางานของผู้อ่ ืนโดยสำาคัญว่า
เป็ นการงานของตนเองไม่ถือว่าเป็ นเรื่องจัดการงานนอกสัง่
มาตรา 405 บทบัญญัติท้ ังหลายที่กล่าวมาในสิบ มาตราก่อนนั้ น
ท่าน มิให้ใช้บังคับแก่กรณี ท่ีบุคคลหนึ่ งเข้าทำาการงานของผู้อ่ ืนโดยสำาคัญ
ว่าเป็ นการงานของตนเอง
ถ้าบุคคลใดถือเอากิจการของผู้อ่ ืนว่าเป็ นของตนเอง ทั้งที่รู้แล้วว่า
ตนไม่มีสิทธิจะทำาเช่นนั้ นไซร้ ท่านว่าตัวการจะใช้สิทธิเรียกร้องบังคับ โดย
มูลดัง่ บัญญัติไว้ใน มาตรา 395 , 396 , 399 และ 400 นั้ นก็ได้ แต่
เมื่อได้ใช้สิทธิดัง่ ว่ามานี้ แล้ว ตัวการจะต้องรับผิดต่อผู้จัดการดัง่ บัญญัติไว้
ใน มาตรา 402 วรรค 1

15.2 ลาภมิควรได้
1. สาระสำาคัญ 3 ประการ ของลาภมิควรได้คือ
1. บุคคลได้ทรัพย์สิ่งใดของบุคคลอีกคนหนึ่ งมาด้วยประการใดๆ
2. การได้ทรัพย์น้ ั นมาไม่มีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
3. การได้ทรัพย์มานั้ นทำาให้บุคคลอื่นเสียเปรียบ
2. ข้อยกเว้นของสิทธิเรียกทรัพย์คืน มี 7 ประการคือ
1)การกระทำาตามอำาเภอใจเพื่อชำาระหนี้ โดยผู้กระทำารู้อยู่ว่าตนไม่มี
ความผูกพันที่จะต้องชำาระ

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


202

2)การชำาระหนี้ อันมีเงื่อนเวลาบังคับเมื่อก่อนถึงกำาหนดเวลานั้ น
3)การชำาระหนี้ ซึ่งขาดอายุความแล้ว
4)การชำาระหนี้ ตามหน้าที่ศีลธรรมหรือตามควรแก่อัธยาศัยใน
สมาคม
5)การชำาระหนี้ โดยบุคคลผู้สำาคัญผิดเป็ นเหตุให้เจ้าหนี้ ผู้สุจริตต้อง
เสียหาย
6)การชำาระหนี้ โดยมุ่งต่อผลโดยผู้ชำาระรู้ว่าการที่จะเกิดผลเป็ นการ
พ้นวิสย
ั หรือผู้ชำาระได้เข้าป้ องปั ดขัดขวางมิให้เกิดผลโดยไม่สุจริต
7)การชำาระหนี้ ที่ฝ่าฝื นข้อห้ามตามกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี
3. ในกรณี ท รัพ ย์ สิ น ที่ ร บ
ั ไว้ เ ป็ นลาภมิ ค วรได้ เ ป็ นเงิ น จะต้ อ งคื น เต็ ม
จำานวนกรณี ทรัพย์สินที่รบ
ั ไว้เป็ นทรัพย์สินอย่างอื่นนอกจากเงิน ทรัพย์สิน
มี ส ภาพเป็ นอยู่ อ ย่ างไรก็ ใ ห้ คืน ไปเพี ย งตามสภาพที่ เ ป็ นอยู่ หากการคื น
ทรัพย์สินตามสภาพที่ได้รบ
ั มรดกเป็ นพ้นวิสัย ให้คืนเพียงส่วนที่ยงั มีอยู่ใน
ขณะเรียกคืน
4. มิให้ฟ้องคดีเรื่องลาภมิควรได้ พ้นกำาหนด 1 ปี นั บแต่เวลาที่ฝ่ายผู้
เสียหายรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือเมื่อพ้น 10 ปี นั บแต่เวลาที่สิทธิน้ ั น
ได้มีข้ ึน

15.2.1 หลักเกณฑ์เรื่องลาภมิควรได้
อธิบายหลักเกณฑ์เรื่องลาภมิควรได้
ลาภมิ ค วรได้ ตามมาตรา 406 ซึ่ ง ประกอบด้ ว ยสาระสำา คั ญ 3
ประการคือ
1)บุคคลหนึ่ งได้ทรัพย์ส่ิงใดของบุคคลอีกคนหนึ่ งมาด้วยประการ
ใดๆ
2)การได้ทรัพย์น้ ั นมาไม่มีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


203

3)การได้ทรัพย์น้ ั นมาทำาให้บุคคลอื่นเสียเปรียบ
มาตรา 406 บุ คคลใดได้มาซึ่ง ทรัพ ย์ สิ่ ง ใด เพราะการที่ บุ ค คลอี ก
คนหนึ่ งกระทำา เพื่ อชำา ระหนี้ ก็ ดี หรื อ ได้ ม าด้ ว ยประการอื่ นก็ ดี โดย
ปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็ นทางให้บุคคลอีกคนหนึ่ ง นั้ น
เสี ยเปรีย บไซร้ ท่านว่ าบุ คคลนั้ นจำา ต้ อ งคื น ทรัพ ย์ ใ ห้ แก่ เ ขา อนึ่ ง การรับ
สภาพหนี้ สินว่ามีอยู่หรือหาไม่น้ ั น ท่านก็ให้ถือว่าเป็ นการ กระทำาเพื่อชำาระ
หนี้ ด้วย
บทบัญญัติอันนี้ ท่านให้ใช้บังคับตลอดถึงกรณี ท่ีได้ทรัพย์มา เพราะ
เหตุอย่างใดอย่างหนึ่ งซึ่งมิได้มีได้เป็ นขึ้น หรือเป็ นเหตุท่ีได้ สิ้นสุดไปเสีย
ก่อนแล้วนั้ นด้วย

15.2.2 ข้อยกเว้นของสิทธิเรียกคืนทรัพย์
ก. ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อ ชนรถยนต์ของ ข. ในวันที่ 27
มกราคม 2525 ต่อมาในวันที่ 30 มกราคม 2526 ก. ไม่ต้องการให้เป็ น
ความกันในศาล จึงได้ชำาระค่าสินไหมทดแทนให้ ข. ไป ภายหลัง ก. จึง
มาเรียกเงินที่ชำาระเป็ นค่าสินไหมทดแทนนั้ นคืนจาก ข. โดยอ้างว่า ก. ได้
ชำาระเงินซึ่งขาดอายุความแล้ว ดังนี้ ก. มีสิทธิเรียกคืนหรือไม่
ก. เรียกเงินที่ชำา ระคืนไม่ได้ เพราะมาตรา 408(2) ประกอบด้วย
มาตรา 188 วรรคสอง ตัดสิทธิบุคคลที่ชำาระหนี้ ซึ่งขาดอายุความ และถ้า
ชำาระไปมากน้อยเท่าใด ก็เรียกคืนไม่ได้
มาตรา 408 บุคคลดัง่ จะกล่าวต่อไปนี้ ไม่มีสิทธิจะได้รบ
ั คืนทรัพย์
คือ
(1) บุคคลผู้ชำาระหนี้ อันมีเงื่อนเวลาบังคับเมื่อก่อนถึงกำาหนด เวลา
นั้ น
(2) บุคคลผู้ชำาระหนี้ ซึ่งขาดอายุความแล้ว

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


204

(3) บุคคลผู้ชำาระหนี้ ตามหน้าที่ศีลธรรมหรือตามควรแก่อัธยาศัย


ในสมาคม

15.2.3 การคืนลาภมิควรได้
ข. ได้ช้างของ ก. มาไว้เป็ นลาภมิควรได้โดยสุจริต ปรากฏว่า ก. ได้
ติดตามทวงช้างคืนแต่ช้างนั้ นได้ถูกคนร้ายลักไปเสียแล้ว ข. จะต้องรับผิด
หรือไม่อย่างไร
ตามมาตรา 414 ข. ได้ ร บ
ั ช้ างไว้ โ ดยสุ จริต โดยหลั ก ข . ต้ อ งคื น
ลาภมิควรได้เพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียก แต่กรณี เป็ นการพ้นวิสัย
ที่จะคืนได้ เพราะช้างถูกคนร้ายขโมยไป ข. ได้รบ
ั ช้างไว้โดยสุจริต จึงไม่
ต้องรับผิดชอบในการคืนช้างซึ่งตกเป็ นพ้นวิสัยนั้ น
มาตรา 414 ถ้าการคืนทรัพย์ตกเป็ นพ้นวิสัยเพราะสภาพแห่ง
ทรัพย์สินที่ได้รบ
ั ไว้น้ ั นเองก็ดี หรือเพราะเหตุอย่างอื่นก็ดี และบุคคล ได้
รับทรัพย์สินไว้โดยสุจริต ท่านว่าบุคคลเช่นนั้ นจำาต้องคืนลาภมิควร ได้
เพียงส่วนที่ยงั มีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน ถ้าบุคคลได้รบ
ั ทรัพย์สินนั้ นไว้โดย
ทุจริต ท่านว่าต้องใช้ราคา ทรัพย์สินนั้ นเต็มจำานวน

15.2.4 อายุความ
กฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับอายุความลาภมิควรได้ไว้อย่างไร
ตามมาตรา 419 กำาหนดอายุความฟ้ องคดีไว้เป็ น 2 ระยะคือ ต้อง
ฟ้ องคดีภายใน 1 ปี นั บแต่เวลาที่ผู้เสียหายรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือ
ภายใน 10 ปี นั บแต่เวลาที่สิทธิน้ ั นได้มีข้ ึน
มาตรา 419 ในเรื่อ งลาภมิ ค วรได้ น้ ั น ท่ านห้ ามมิ ใ ห้ ฟ้ องคดี เมื่ อ
พ้นกำา หนดปี หนึ่ งนั บแต่เวลาที่ฝ่ายผู้เสียหายรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือ
เมื่อพ้นสิบปี นั บแต่เวลาที่สิทธิน้ ั นได้มีข้ ึน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


205

แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 15

1. จัดการงานนอกสัง่ และลาภมิควรได้เป็ น นิ ติเหตุ


2. การที่บุคคลใดเข้าทำากิจการแทนผู้อ่ ืนโดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ให้
กระทำาเรียกว่า จัดการงานนอกสัง่
3. หน้าที่ของผู้จัดการงานของผู้จัดการคือ (ก) จะต้องจัดการงานไปใน
ทางที่สมประโยชน์ของตัวการ (ข) ตามความประสงค์อันแท้จริงของ
ตัวการ (ค) ตามที่จะพึงสันนิ ษฐานได้ว่าเป็ นความประสงค์ของตัวการ
4. ผลของการจัดการไม่ถูกต้องตามหน้าที่ของผู้จัดการคือ ผู้จัดการ
ต้อง ใช้ค่าสินไหมทดแทน
5. ในกรณี ท่ีผู้จัดการ จัดการงานนอกสัง่ โดยไม่สมประโยชน์ของตัวการ
แต่ถ้าตัวการเห็นชอบด้วยกับกิจการนั้ น ตัวการสามารถให้สัตยาบันได้
6. การที่บุคคลใดได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใดของบุคคลอื่น โดยไม่มีมูลอันจะ
อ้างกฎหมายได้และการได้ทรัพย์น้ ั นมาทำาให้บุคคลอื่นเสียเปรียบเป็ น ลาภ
มิควรได้ (บางคำาตอบบอกว่าเป็ นจัดการงานนอกสัง่ )
7. การชำาระหนี้ ซึ่งเกิดจากโมฆกรรม สามารถเรียกคืนทรัพย์ฐานลาภมิ
ควรได้
8. ถ้าการคืนทรัพย์ตกเป็ นพ้นวิสัยและบุคคลได้รบ
ั ทรัพย์สินไว้โดย
สุจริต บุคคลนั้ น ต้องคืนเพียงส่วนที่ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน
9. ก. ทำา สั ญ ญาให้ ข. เช่ าบ้ านมี กำา หนด 3 ปี โดยกำา หนดให้ ชำา ระค่ า
เช่าในวันที่ 1 ของแต่ละเดือน ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ข. นำา เงินค่าเช่าบ้าน
ของเดือนต่อไปมาชำา ระแก่ ก. ต่อมาในวัน ที่ 27 ของเดือนเดีย วกั นนั้ น
ข. ต้องการเงินจึงมาขอคืนค่าเช่าบ้านที่ชำาระแก่ ก. คืนโดยอ้างว่ายังไม่ถึง
กำา หนดชำา ระค่ าเช่ าบ้ านเช่ น นี้ ได้ หรือ ไม่ ไม่ ได้ เพราะถื อ ว่ าลู กหนี้ สละ
ประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาและกฎหมายห้ามเรียกคืน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี


206

10. อายุลาภมิควรได้คือ ภายในหนึ่ งปี นั บแต่เวลาที่ฝ่ายผู้เสียหายรู้ว่าตน


มีสิทธิเรียกคืน แต่ไม่เกินสิบปี นั บแต่เวลาที่สิทธิน้ ั นได้มีข้ ึน

ชมรมนั กศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี

You might also like