Professional Documents
Culture Documents
ั (ฉบับจูริส)
หุนุ ส่วนสามัญ
ห้้นส่วนสามัญ คือ สัญญาซึ่งบ้คคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป
ตกลงเข้ากันเพื่อกระทำากิจการร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปั น
กำาไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำานั้น และผ้้เป็ นห้้นส่วนท้กคนต้อง
รับผิดร่วมกันในหนี้ ท้ังปวงของห้างโดยไม่จำากัดจำานวน (มาตรา
๑๐๒๕ , ๑๐๑๒)
ขุอสังเกต
(๑) ห้้นส่วนสามัญที่ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็ นนิ ติบ้คคลจึง
ไม่อาจเข้าเป็ นค่้ความในคดีได้ ผ้้ฟ้องคดีจึงได้แก่ห้นส่วนทั้งหมด
ร่วมกันฟ้ อง
(๒) แม้จะไม่มีข้อตกลงในเรื่องกำาไรหรือขาดท้นก็ไม่เป็ น
สาระสำาคัญ เพราะแม้จะไม่มีการตกลงกันเรื่องกำาไรขาดท้นเอา
ไว้ แต่มาตรา ๑๐๔๔ ก็ได้กำาหนดทางออกไว้แล้วว่า หากมีการ
ขาดท้นก็ต้องเฉลี่ยขาดท้นตามส่วนของห้้น เว้นแต่จะตกลงกันไว้
เป็ นอย่างอื่น
(๓) กรณีเข้าร่วมตกลงซื้อที่ดินแล้วนำาไปขาย เมื่อได้เงิน
มาก็เอามาแบ่งกันคนละครึ่งโดยไม่ได้ตกลงในเรื่องกำาไรขาดท้น
2
๔. ผ้้ท่ีแสดงตนว่าเป็ นห้้นส่วนต้องรับผิดต่อบ้คคล
ภายนอก
มาตรา ๑๐๕๔ บ้คคลใดแสดงตนว่าเป็ นห้้นส่วนด้วย
วาจาก็ดี ด้วยลายลักษณ์อักษรก็ดี ด้วยกิรย ิ าก็ดี ด้วยยินยอมให้
เขาใช้ช่ ือตนเป็ นชื่อห้างห้้นส่วนก็ดี หรือร้้แล้วไม่คัดค้านปล่อยให้
เขาแสดงว่าตนเป็ นห้้นส่วนก็ดี ท่านว่าบ้คคลนั้นย่อมต้องรับผิด
ต่อบ้คคลภายนอกในบรรดาหนี้ ของห้างห้้นส่วนเสมือนเป็ นห้้น
ส่วน
ถ้าผ้้เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ งคนใดตายไปแล้ว และห้างห้้น
ส่วนนั้นยังคงค้าต่อไปในชื่อเดิมของห้าง ท่านว่าเหต้เพียงที่คงใช้
ชื่อเดิมนั้นก็ดี หรือใช้ช่ ือของห้้นส่วนผ้้ตายควบอย่้ด้วยก็ดี หา
ทำาให้ความรับผิดมีแก่กองทรัพย์มรดกของผ้้ตายเพื่อหนี้ ใด ๆ อัน
ห้างห้้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นภายหลังมรณะนั้นไม่
ขุอสังเกต
(๔.๑) ผ้้ท่ีแสดงตนว่าเป็ นห้้นส่วนหรือยินยอมให้ใช้ช่ ือตน
เป็ นชื่อห้าง ต้องรับผิดเฉพาะต่อบ้คคลภายนอกที่ตนไปแสดงออก
ให้เขาหลงเชื่อเท่านั้น หาใช่ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้ ท่ัวๆ ไปไม่
(๔.๒) มาตรา ๑๐๕๔ ใช้บังคับกับกรณีห้างห้้นส่วน
สามัญเท่านั้น แต่ไม่นำาไปใช้บังคับกับห้างห้้นส่วนจำากัดด้วย
เพราะมาตรา ๑๐๗๗ กำาหนดห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนจำากัดไว้ ๒
จำาพวก คือ ห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดกับห้้นส่วนจำาพวกไม่
จำากัดความรับผิด นอกจากนี้ หากห้้นส่วนจำากัดความรับผิดที่
ยินยอมให้ใช้ช่ ือตนระคนเป็ นชื่อห้างก็กำาหนดไว้โดยเฉพาะใน
มาตรา ๑๐๘๒ ที่ให้ถือว่าห้้นส่วนนั้นเป็ นห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัด
ความรับผิด
(๔.๓) การที่ภริยาห้้นส่วนผ้้จัดการออกเช็คเพื่อชำาระหนี้
ของห้างและลงชื่อในสัญญาประนี ประนอมยอมความ ยังไม่
เป็ นการแสดงตนว่าเป็ นห้้นส่วน จึงไม่ต้องร่วมรับผิดในหนี้ ของ
ห้าง (คำาพิพากษาฎีกาที่ ๘๓๐/๒๕๓๔)
การเลิกและการชำาระบัญชีหุางหุุนส่วน
เหตุของการเลิกสัญญา (มาตรา ๑๐๕๕)
(๑) ถ้าในสัญญาทำาไว้มีกำาหนดกรณีอันใดเป็ นเหต้ท่ีจะ
เลิกกัน เมื่อมีกรณีน้ัน
(๒) ถ้าสัญญาทำาไว้เฉพาะกำาหนดกาลใด เมื่อสิ้น
กำาหนดกาลนั้น
(๓) ถ้าสัญญาทำาไว้เฉพาะเพื่อทำากิจการอย่างหนึ่ งอย่าง
ใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้น
(๔) เมื่อผ้้เป็ นห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งให้คำาบอกกล่าวแก่ผ้
เป็ นห้้นส่วนคนอื่นๆ ตามกำาหนดดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๕๖
6
ขุอสังเกต
(๑) เมื่อห้างห้้นส่วนเลิกกันแล้วต้องจัดให้มีการชำาระ
บัญชีก่อน ถ้ายังไม่ได้มก ี ารชำาระบัญชี ห้้นส่วนก็จะฟ้ องขอให้แบ่ง
ทรัพย์สินยังไม่ได้แม้จะมีการบอกเลิกห้างห้้นส่วนแล้วก็ตามก็จะ
ฟ้ องเรียกค่าห้้นหรือแบ่งทรัพย์สินยังไม่ได้เช่นกัน เว้นแต่มีการ
ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอ่ ืนในระหว่างผ้้ท่ีเป็ นห้้นส่วน
ด้วยกันก็ไม่จำาต้องชำาระบัญชี
(๒) ถ้ากิจการของห้างห้้นส่วน (ไม่ได้จดทะเบียน) ไม่มี
ความย่้งยากหรือไม่มีความเกี่ยวพันกับหนี้ สินของบ้คคลภายนอก
ศาลฎีกามองว่าไม่มีความจำาเป็ นต้องชำาระบัญชี จึงสามารถ
พิพากษาให้คน ื ท้นและแบ่งผลกำาไรกันได้โดยไม่ต้องมีการชำาระ
บัญชีก่อน (คำาพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๕๖/๒๕๑๗ และ ๔๗๗๓/๒๕๓๖)
หรือกรณีท่ีจำาเลยปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ได้เป็ นห้้นส่วนและกิจการ
ไม่มีกำาไร การชำาระบัญชีจึงไม่เป็ นประโยชน์ ศาลย่อมมีอำานาจ
พิพากษาให้คน ื ท้นได้โดยไม่ต้องให้มีการชำาระบัญชีกันก่อน (คำา
พิพากษาฎีกาที่ ๔๓๕๗/๒๕๔๐)
(๓) ผ้้เป็ นห้้นส่วน (ห้างห้้นส่วนที่ไม่ได้จดทะเบียน)
สามารถตกลงกันแบ่งทรัพย์สน ิ กันได้โดยถือว่าเป็ นการตกลงให้
จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอ่ ืนในระหว่างผ้้เป็ นห้้นส่วนด้วยกัน จึงเข้า
ข้อยกเว้นไม่ต้องมีการชำาระบัญชี (คำาพิพากษาฎีกาที่
๗๐๓๓/๒๕๓๙ และ ๑๐๓๘-๑๐๓๙/๒๕๒๕)
(๔) การฟ้ องเรียกค่าเสียหายระหว่างห้้นส่วนด้วยกัน
เพราะผิดสัญญา แม้ห้างยังไม่เลิกก็ฟ้องกันได้ (คำาพิพากษาฎีกา
ที่ ๑๑๙๗/๒๔๙๗)
สรุป เมื่อห้างห้้นส่วนที่เป็ นนิ ติบ้คคลเมื่อเลิกกันแล้ว
ต้องจัดให้มีการชำาระบัญชีท้กกรณีไม่มีข้อยกเว้น จะนำาเอาข้อ
ยกเว้นที่ไม่ต้องชำาระบัญชีเนื่ องจากมีข้อตกลงให้จัดการทรัพย์สิน
โดยวิธีอ่ ืนตามมาตรา ๑๐๖๑ มาใช้บังคับไม่ได้ ดังนั้น มาตรา
๑๐๖๑ จึงใช้บังคับฉพาะกรณีห้างห้้นส่วนไม่จดทะเบียนเท่านั้น
การจดทะเบียนหุางหุุนส่วนสามัญ
ห้างห้้นส่วนสามัญนั้นจะจดทะเบียนก็ได้ โดยการลง
ทะเบียนนั้น ต้องให้มีรายการดังนี้ (มาตรา ๑๐๖๔)
(๑) ชื่อห้างห้้นส่วน
(๒) วัตถ้ท่ีประสงค์ของห้างห้้นส่วน
(๓) ที่ต้ังสำานักงานแห่งใหญ่และสาขาทั้งปวง
(๔) ชื่อและที่สำานักกับทั้งอาชีวะของผ้้เป็ นห้้นส่วนท้ก ๆ
คน ถ้าผ้้เป็ นห้้นส่วนคนใดมีช่ ือยี่ห้อ ก็ให้ลงทะเบียนทั้งชื่อและ
ยี่ห้อด้วย
9
ความรับผิดของผ้้เป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนจดทะเบียน
อันเกี่ยวแก่หนี้ ซึ่งห้างห้้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนออกจาก
ห้้นส่วนนั้น ย่อมมีจำากัดเพียงสองปี นับแต่เมื่อออกจากห้้นส่วน
(มาตรา ๑๐๖๘)
กรณี หุางผิดรับชำาระหนี้
เมื่อใดห้างห้้นส่วนซึ่งจดทะเบียนผิดนัดชำาระหนี้ เมื่อนั้น
เจ้าหนี้ ของห้างห้้นส่วนนั้นชอบที่จะเรียกให้ชำาระหนี้ เอาแต่ผ้เป็ น
ห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งก็ได้ (มาตรา ๑๐๗๐)
สิทธิเกีย ่ งของหุุนส่วน
๑. สิทธิเกีย ่ งใหุชำาระเอาจากหุางก่อน
ถ้าผ้้เป็ นห้้นส่วนนำาพิส้จน์ได้ว่า (มาตรา ๑๐๗๑)
(๑) สินทรัพย์ของห้างห้้นส่วนยังมีพอที่จะชำาระหนี้ ได้
ทั้งหมดหรือบางส่วน และ
(๒) การที่จะบังคับเอาแก่ห้างห้้นส่วนนั้นไม่เป็ นการยาก
ศาลจะบังคับให้เอาสินทรัพย์ของห้างห้้นส่วนนั้นชำาระหนี้ ก่อนก็ได้
ส้ดแต่ศาลจะเห็นสมควร
๒. สิทธิเกีย ่ งหากหุางยังไม่เลิกกัน
ถ้าห้างห้้นส่วนซึ่งจดทะเบียนยังมิได้เลิกกันตราบใด เจ้า
หนี้ ของผ้้เป็ นห้้นส่วนเฉพาะตัวย่อมใช้สิทธิได้แต่เพียงในผลกำาไร
หรือเงินซึ่งห้างห้้นส่วนค้างชำาระแก่ผ้เป็ นห้้นส่วนคนนั้นเท่านั้น
ถ้าห้างห้้นส่วนนั้นเลิกกันแล้วเจ้าหนี้ ย่อมใช้สิทธิได้ตลอดจนถึง
ห้้นของผ้้เป็ นห้้นส่วนคนนั้นอันมีในสินทรัพย์ของห้างห้้นส่วน
(มาตรา ๑๐๗๒)
หุางหุุนส่วนจำากัด
ห้างห้้นส่วนจำากัด คือ ห้างห้้นส่วนที่มีห้นส่วนอย่้ ๒
จำาพวก คือ ห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดไม่เกินจำานวนเงินลง
ห้้น และห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิดในหนี้ ของห้าง โดย
แต่ละจำาพวกอาจมีคนเดียวหรือหลายคนก็ได้ (มาตรา ๑๐๗๗)
ขุอสังเกต
(๑) ห้างห้้นส่วนจำากัดต้องจดทะเบียนโดยมีรายการตาม
มาตรา ๑๐๗๘ (๑)-(๗) ถ้ายังไม่มีการจดทะเบียนก้ถือว่าเป็ นห้าง
ห้้นส่วนสามัญ ซึ่งผ้้เป็ นห้้นส่วนทั้งหมดต้องรับผิดร่วมกันในหนี้
ของห้างโดยไม่จำากัดจำานวนจนกว่าจะได้จดทะเบียน (มาตรา
๑๐๗๙)
(๒) กรณีห้างมีสิทธิเรียกร้องต่อบ้คคลภายนอกก่อนที่จะ
มีการจดทะเบียนผ้้เป็ นห้้นส่วนย่อมมีอำานาจฟ้ อง แม้ภายหลังห้าง
จะได้จดทะเบียนแล้วก็ตาม เนื่ องจากห้างที่ยังไม่จดทะเบียนเป็ น
11
(๑) ห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดได้เข้าทำาสัญญา
ขายปอในนามห้างห้้นส่วนจำากัดโดยลงชื่อตนเองและประทับตรา
ของห้าง ถือเป็ นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้าง ห้้น
ส่วนนั้นจึงต้องรับผิดตามสัญญาด้วย
(๒) บ้คคลภายนอกสอดเข้าไปจัดการงานของห้างไม่ใช่
กรณีตามมาตรา ๑๐๘๘ นี้
การโอนหุุนของหุุนส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด
ผ้้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดจะโอนห้้นของตน
ปราศจากความยินยอมของผ้้เป็ นห้้นส่วนอื่น ๆ ก็โอนได้ (มาตรา
๑๐๙๑)
บริษท ั จำากัด
สภาพและการตัง ้ บริษท ั จำากัด
บริษท ั จำากัด คือบริษท ั ประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยแบ่งท้นเป็ น
ห้้นมีมล
้ ค่าเท่า ๆ กัน โดยมีผ้ถือห้้นต่างรับผิดจำากัดเพียงไม่เกิน
จำานวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบม้ลค่าของห้้นที่ตนถือ (มาตรา
๑๐๙๖)
การตัง ้ บริษทั
๑. ผ้้เริ่มก่อการตั้งแต่สามคนขึ้นไปเข้าชื่อกันทำาหนังสือ
บริคณห์สนธิ และกระทำาการอย่างอื่นตามบทบัญญัติแห่ง
ประมวลกฎหมายเพื่อจัดตั้งบริษท ั าจำากัด
๒. หนังสือบริคณห์สนธิต้องมีรายการตามที่บัญญัติไว้ใน
มาตรา ๑๐๙๘
ขุอสังเกต
(๑) กิจการสำาคัญใดที่ไม่ใช่เป็ นปกติธ้ระ ถ้าไม่ระบ้ไว้ใน
วัตถ้ประสงค์ของบริษท ั ก็จะกระทำาไม่ได้
(๒) วัตถ้ประสงค์ท่ีจดทะเบียนนั้นจะต้องไม่ขัดต่อ
กฎหมาย
ความรับผิดในหนี้ ทีผ ่ ุูเริม
่ ก่อการก่อไวุก่อนจด
ทะเบียนบริษท ั
๑. ผ้้เริ่มก่อการบริษท ั ต้องรับผิดร่วมกันและโดยไม่จำากัด
ในบรรดาหนี้ และการจ่ายเงินซึ่งที่ประช้มตั้งบริษท ั มิได้อน้มัติ
และแม้จะได้มีอน้มัติก็ยังคงต้องรับผิดอย่้เช่นนั้นไปจนกว่าจะได้
จดทะเบียนบริษท ั (มาตรา ๑๑๑๓)
๒. กรณีท่ีประช้มบริษท ั อน้มัติแล้วและบริษท ั จดทะเบียน
แล้ว ผ้้ก่อตั้งบริษท ั จะหล้ดพ้นจากความรับผิดในบรรดาหนี้ และ
การจ่ายเงินเป็ นส่วนตัวหรือไม่ ประเด็นตรงนี้ มีแนวคำาพิพากษา
ฎีกาวินิจฉัยเป็ น ๒ แนวทางคือ
แนวทางแรก ผ้้เริ่มก่อการหล้ดพ้นจากความรับผิด
13
การขอเพิกถอนการเขุาชื่อซื้อหุุน
เมื่อบริษท ั ได้จดทะเบียนแล้ว ผ้้เข้าชื่อซื้อห้้นจะร้องฟ้ อง
ขอให้ศาลเพิกถอนการที่ตนได้เข้าชื่อซื้อ โดยยกเหต้ว่าสำาคัญผิด
หรือต้องข่มข่้ หรือถ้กลวงล่อฉ้อฉลนั้นไม่ได้ (มาตรา ๑๑๑๔)
หุน
ุ และผุูถือหุุน
๑. ม้ลค่าของห้้น ๆ หนึ่ ง ต้องไม่ให้ต่ ำากว่า ๕ บาท
(มาตรา ๑๑๑๗)
๒. ห้้นนั้นจะแบ่งแยกไม่ได้ (มาตรา ๑๑๑๘ วรรคหนึ่ ง)
๓. ถ้าบ้คคลมีจำานวนแต่ ๒ คนขึ้นไปถือห้้น ๆ เดียวร่วม
กัน ต้องตั้งให้คนใดคนหนึ่ งแต่คนเดียวเป็ นผ้้ใช้สิทธิในฐานเป็ นผ้้
ถือห้้น (มาตรา ๑๑๑๘ วรรคสอง)
๔. บ้คคลทั้งหลายซึ่งถือห้้น ๆ เดียวร่วมกัน ต้องร่วมกัน
รับผิดต่อบริษท ั ในการส่งใช้ม้ลค่าของห้้น (มาตรา ๑๑๑๘ วรรค
สาม)
๕. ในการใช้เงินค่าห้้น ผ้้ถือห้้นจะหักหนี้ กับบริษท ั ไม่ได้
ตามมาตรา ๑๑๑๙ วรรคสอง บริษท ั จึงเรียกค่าห้้นดังกล่าวได้
๖. กรณีผ้ถือห้้นไม่ใชเงินค่าห้้น กรรมการจะบอกกล่าว
ด้วยจดหมายลงทะเบียนกำาหนดเวลาพอสมควรให้ใช้เงินพร้อม
ดอกเบี้ย โดยระบ้ไปด้วยว่าถ้าไม่ใช้เงินตามที่เรียก ห้น ้ นั้นอาจถ้ก
ริบได้ (มาตรา ๑๑๒๓)
การโอนหุุนชนิ ดระบุช่ ือ
๑. ต้องทำาเป็ นหนังสือและลงลายมือชื่อของผ้้โอนกับผ้้รับ
โอนและมีพยานลงชื่อรับรองลายมืออย่างน้อย ๑ คน หากฝ่ าฝื น
การโอนนั้นย่อมตกเป็ นโมฆะ
๒. หนังสือโอนห้้นจะต้องระบ้เลขหมายของห้้นไว้ด้วย
ขุอสังเกต
(๑) การโอนห้้นซึ่งตกเป็ นโมฆะ แม้บริษท ั จะได้ลงชื่อ
ผ้้รับโอนในทะเบียน ผ้้ถือห้้นและเคยนัดหมายให้ผ้รับโอนเข้า
ประช้มในฐานะผ้้ถือห้้นก็ดี ก็ไม่ทำาให้ผ้รับโอนกลายเป็ นผ้้ถือห้้น
โดยชอบด้วยกฎหมาย
(๒) การโอนห้้นได้ทำาเป็ นหนังสือลงลายมือชื่อผ้้โอนและ
ผ้้รับโอนโดยมีพยานรับรองลายมือชื่อแล้ว แม้ไม่ได้ระบ้เลขหมาย
ของห้้นไว้ในหนังสือก็ไม่ทำาให้การโอนตกเป็ นโมฆะ (คำาพิพากษา
ฎีกาที่ ๑๑๒๗/๒๕๒๑ และ ๖๖๐/๒๕๒๕)
(๓) การที่ผ้โอนและผ้้รับโอนต่างมีหนังสือไปถึงขอให้
จัดการโอนห้้นให้ ไม่ใช่หนังสือโอนห้้น จึงไม่ถก ้ ต้องตามแบบ การ
โอนห้น ้ ตกเป็ นโมฆะ (สัญญาซื้อขายห้้นไม่มีแบบจึงไม่เป็ นโมฆะ
เป็ นโมฆะเฉพาะการโอน)
15
๒. ผ้้โอนไม่ต้องรับผิดออกส่วนใช้หนี้ เว้นแต่ความ
ปรากฏขึ้นแก่ศาลว่าบรรดาผ้้ท่ียังถือห้้นของบริษท ั อย่้น้ันไม่
สามารถออกส่วนใช้หนี้ อันเขาจะพึงต้องออกใช้น้ันได้
โดยจะต้องฟ้องผ้โ้ อนภายใน ๒ ปี นบ ั แต่ได้จดแจ้งการโอน
นัน้ ลงในทะเบียนผ้ถ ้ อ ื ห้น
้
ขุอสังเกต บริษท ั จำากัดเข้าถือห้้นของตนเองหรือรับจำานวน
ห้น ้ ของตนเองไม่ได้ตามมาตรา ๑๑๔๓ เมื่อบริษท ั จำากัดไม่อาจเข้าเป็ น
ผ้ถ
้ อ ื ห้น ้ ของตนเองได้ จึงไม่สามารถฟ้องบังคับให้บริษท ั จำากัดโอนห้น
้
ในบริษท ั นัน
้ ได้
วิธก ี ารจัดการบริษท ั
บริษท ั จำากัด จะมีกรรมการคนหนึ่ งหรือหลายคนด้วยกัน
จัดการตามข้อบังคับของบริษท ั และอย่้ในความครอบงำาของที่
ประช้มใหญ่ของผ้้ถือห้้น (มาตรา ๑๑๔๔)
การตังหรื ้ อถอดถอนกรรมการ
การตัง้ หรือถอดถอนกรรมการบริษท ั ต้องกระทำาโดยที่
ประช้มใหญ่เท่านัน ้ (มาตรา ๑๑๕๑) ดังนี้ แม้มติทป ่ี ระช้มใหญ่ของ
บริษท ั จะมีมติให้แต่งตัง้ ผ้ใ้ ดเป็ นกรรมการตลอดไปก็ตาม การ
ถอดถอนก็ตอ ้ งเป็ นไปตามมาตรา ๑๑๕๑ นี้ มติทป ่ี ระช้มใหญ่ของ
บริษท ั ทีใ่ ห้ถอดถอนกรรมการผ้น ้ น
้ั ออกจากการเป็ นกรรมการของ
บริษท ั จึงชอบด้วยกฎหมาย
กรรมการตกเป็ นคนลุมละลายหรือเป็ นคนไรุความ
สามารถ
ถ้ากรรมการคนใดล้มละลาย หรือตกเป็ นผ้้ไร้ความ
สามารถ กรรมการคนนั้นเป็ นอันขาดจากตำาแหน่ ง (มาตรา
๑๑๕๔)
การตังกรรมการตุ
้ องนำาไปจดทะเบียน
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการ ให้บริษท ั นำาความไป
จดทะเบียนภายใน ๑๔ วันนับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
การฟ้องขอให้เบิกถอนการจดทะเบียนตัง้ กรรมการจึงต้องฟ้องบริษท ั
เป็ นจำาเลยโดยตรง เพื่อบังคับบริษท ั ให้จดทะเบียนเปลีย ่ นแปลงแก้ไข
จะฟ้องกรรมการผ้ท ้ น่ี ำาความไปจดทะเบียนไม่ได้
ตำาแหน่งกรรมการว่างลง
กรณีตำาแหน่ งกรรมการว่างไป กรรมการที่มีตัวอย่้ก็
ย่อมทำากิจการได้ แต่ถ้าในเวลาใดจำานวนกรรมการลดน้อยลง
กว่าจำานวนอันจำาเป็ นที่จะเป็ นองค์ประช้มได้ตลอดเวลาเช่นนั้น
กรรมการที่มต ี ัวอย่้ย่อมทำากิจการได้เฉพาะแต่ในเรื่องที่จะเพิ่ม
กรรมการขึ้น ให้ครบจำานวนหรือนัดเรียกประช้มใหญ่ของบริษท ั
เท่านั้น จะกระทำาการอย่างอื่นไม่ได้ (มาตรา ๑๑๕๙) แสดงว่า ถ้า
กรรมการน้อยลงจนไม่ครบองค์ประช้ม กรรมการที่เหลืออย่้ทำา
17
---------------------จบ--------------------