Professional Documents
Culture Documents
ห้้นส่วน-บริษัท อ่านก่อน
สอบ
ข้อที่ 7. ห้้นส่วน - บริษท
ั "
:: ห้้นส่วน ::
- ต้องแยกตัวบทก่อน และดูว่ามาตราไหนจะใช้กับกล่้มใด ซึ่งแยก
ออกได้เป็ นดังนี้.-
* หมวดทัว
่ ไป ใช้กับท้กกล่้มอยู่ในมาตรา ๑๐๑๒ - ๑๐๒๔
- ห้างห้้นส่วนสามัญ มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๒๕ - ๑๐๖๓
- ห้างห้้นส่วนสามัญจดทะเบียน มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๖๔ -
๑๐๗๖
* ความรับผิดต่อบ้คคลภายนอก
- ห้างห้้นส่วนสามัญ มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๒๕
- ห้างห้้นส่วนสามัญจดทะเบียน มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๗๐
* ห้ามมิให้ห้นส่วนประกอบกิจการแข่งห้างห้้นส่วน - บริษท
ั
- ห้างห้้นส่วนสามัญ มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๓๘
- ห้างห้้นส่วนสามัญจดทะเบียน มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๖๖
* มาตราที่สำาคัญของห้างห้้นส่วน
- ห้างห้้นส่วนสามัญ มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๓๘ , ๑๐๔๒ , ๑๐๔๙ ,
๑๐๕๐ , ๑๐๕๑ , ๑๐๕๓
- ห้างห้้นส่วนสามัญจดทะเบียน มีบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๖๔ ,
๑๐๖๖ , ๑๐๖๘ , ๑๐๗๐ , ๑๐๗๑ , ๑๐๗๒
ห้างห้้นส่วนสามัญ
* หลัก ม.๑๐๒๓
๑. ห้้นส่วน , หจก. และบริษท
ั
๒. ถือเอาประโยชน์ จากบ้คคลภายนอก => เพราะสัญญา , เอกสาร ,
ข้อความบังคับให้จดทะเบียน => ไม่ได้
๓. จนกว่า => จะได้ลงพิมพ์โฆษณาในหนั งสือราชกิจจาน้เบกษา
๔. บ้คคลภายนอก => จะถือเอาประโยชน์ เช่นว่านั น
้ ได้ (ถ้าเป็ นค้ณ)
* หลัก ม.๑๐๕๐
- ห้้นส่วนสามัญทำาไปในทางการค้าธรรมดาปกติ => ห้้นส่วนท้กคน
ย่อมรับผิด + โดยไม่จำากัดจำานวน
* หลัก ม.๑๐๕๑
- ห้้นส่วนสามัญออกจากห้างห้้นส่วนไปแล้ว => ต้องรับผิดหนี้ที่ห้าง
ห้้นส่วนได้ก่อขึ้นที่ตนได้ออกจากห้างห้้นส่วนไป
* หลัก ม.๑๐๕๒
- ข้อจำากัดอำานาจห้้นส่วนสามัญ => ข้อจำากัดไม่ใช้กับบ้คคล
ภายนอก
ห้างห้้นส่วนจดทะเบียน
* หลัก ม.๑๐๖๘
๑. ความรับผิดของ หจก.จดทะเบียนของห้้นส่วน => เมื่อเป็ นหนี้
๒. ซึ่งเป็ นหนี้ => ที่ได้ก่อขึ้นก่อนที่ห้นส่วนจะ => ออกจาก หจก.
๓. ห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด มีเวลา => ๒ ปี นั บแต่เมื่อออก
ห้้น
* หลัก ม.๑๐๗๐
- เจ้าหนี้ของ หจก.จดทะบียน => ชอบจะเรียกให้ห้นส่วนคนใดชำาระ
หนี้เมื่อเป็ นหนี้ก็ได้
- ถ้าเป็ นห้างห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด => ก็ต่อเมื่อห้างเลิก
กัน ตามม.๑๐๙๕
* หลัก ม.๑๐๘๐
- ถ้ายังไม่ได้จดทะเบียน => ให้นำาบทบัญญัติว่าด้วยห้างห้้นส่วน
สามัญมาใช้บังคับ
ความรับผิดของห้้นส่วนจำากัดความรับผิด มี ๔ อย่าง
(๑). ม.๑๐๘๑ => เอาชื่อห้้นส่วนจำากัดความรับผิด => มาเรียกขาน
ระคนเป็ นชื่อห้าง
* หลัก ม.๑๐๘๗
- ห้างห้้นส่วนต้องให้เฉพาะแต่ห้นส่วนไม่จำากัดความรับผิด => เป็ น
ผู้จัดการ
กล่้มที่ ๑ :: ห้างห้้นส่วนสามัญ
* กรณีการลงห้้นด้วยทรัพย์สิน นั น
้ แบ่งได้เป็ น 2 กรณีคือ
(1) การโอนกรรมสิทธิใ์ ห้เป็ นของห้างห้้นส่วน ( ตาม ม.1030)
มาตรา 1030 ถ้าผู้เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ งให้กรรมสิทธิใ์ นทรัพย์สินอัน
ใดอันหนึ่ งเป็ นการลงห้้นด้วยไซร้ ความเกี่ยวพันระหว่างผู้เป็ นห้้น
ส่วนคนนั น
้ กับห้างห้้นส่วนในเรื่องส่งมอบและซ่อมแซมก็ดี ความรับ
ผิดเพื่อชำาร้ดบกพร่องก็ดี ความรับผิดเพื่อการรอนสิทธิก็ดี ข้อยกเว้น
ความรับผิดก็ดีท่านให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
ว่าด้วย ซื้อขาย
- นั น
่ คือมาตรา 1030 เปรียบเสมือนการขายทรัพย์สินให้ห้าง จึงต้อง
บังคับด้วยลักษณะซื้อขาย(ดูฎีกาที่
4193/2533,794/2536,476/2474)
ข้อสังเกตมาตรา 1030
(ก) กรณีห้างห้้นส่วนสามัญ เมื่อยังไม่ได้จดทะเบียน ย่อมไม่มีสภาพ
นิ ติบ้คคล ดังนั น ์ ่อมไม่สามารถจดทะเบียน
้ การโอนกรรมสิทธิย
กรรมสิทธิไ์ ด้ แต่อย่างไรก็ตามแม้ไม่สามารถโอนทางทะเบียนให้ถูก
ต้องได้ แต่ก็ถือว่าเป็ นทรัพย์สินของห้างอยู่นัน
่ เอง นั บแต่วันที่นำา
ทรัพย์สินมาลง(ฎ.533/2511,84/2512)
(ข) กรณีลงห้้นด้วยอสังหาริมทรัพย์โดยมิได้มีการโอนต่อมาห้างห้้น
ส่วนเลิกกันและผู้เป็ นห้้นส่วนตกลงให้คืนทรัพย์สินนั น
้ แก่ผู้ลงห้้น
ตามเดิมเช่นนี้ ทรัพย์สินนั น
้ ก็ไม่เป็ นของห้างฯต่อไป โดยถือว่าได้
กลับคืนไปเป็ นของผู้ลงห้้นโดยไม่ต้องแก้ไขในทะเบียน
(ฎ.933/2475)
(2) การเอาทรัพย์สน
ิ ให้ห้างห้้นส่วนใช้
- เปรียบเสมือนการให้ห้างฯเช่าทรัพย์สิน จึงต้องบังคับด้วยการเช่า
ทรัพย์ ให้ดูที่มาตรา 1029
#2
2 March 2009, 14:52
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
* ข้อสันนิ ษฐานเกี่ยวกับสิ่งที่มาลงห้้น
มาตรา 1027 ในเมื่อมีกรณีเป็ นข้อสงสัย ท่านให้สันนิ ษฐานไว้ก่อน
ว่าสิ่งซึ่งนำ ามาลงห้้นด้วยกันนั น
้ มีค่าเท่ากัน
ข้อสังเกต
มาตรา 1027 ใช้ในกรณีที่เป็ นข้อสงสัย เท่านั น
้ เช่น แดงลงท้นด้วย
เงินสด 500,000 บาท ขาวลงท้นด้วยบ้านพร้อมที่ดินโดยใช้เป็ น
สำานั กงานแต่มิได้ตีราคาทรัพย์สินไว้ เมื่อมีกรณีเป็ นข้อสงสัยว่าขาว
ลงท้นเท่าใด กม.ให้สันนิ ษฐานว่าบ้านพร้อมที่ดินมีราคา 500,000
บาทเท่ากับเงินสดของแดง แต่ถ้าไม่มีกรณีเป็ นข้อสังสัยเช่นราคา
ทีด
่ ินวาละ 10,000 บาท ก็ต้องตีราคาให้เป็ นไปตามราคาตลาด
มาตรา 1027 มิใช่บทสันนิ ษฐานโดยเด็ดขาด สามารถสืบหักล้างได้
ฎีกาที่ 4773/2536 มาตรา 1027 ให้สันนิ ษฐานไว้ก่อนวิ่สิ่งที่นำามา
ลงห้้นด้วยกันมีค่าเท่ากัน ดังนั น
้ เมื่อห้างห้้นส่วนเลิกกันก็ต้องเฉลี่ย
แจกกำาไรและทรัพย์สินที่มีอยู่ให้ผู้เป็ นห้้นส่วนตามมาตรา 1062
* การคำานวณค่าแรงงาน
คำาว่า แรงงาน ในตัวบทภาษาอังกฤษใช้คำาว่า SERVICES มิใช่
LABOUR ซึ่งมีความหมายกว้างกว่า นอกจากแรงงานยังรวมถึง
กำาลังสมองด้วย
มาตรา 1028 ถ้าผู้เป็ นห้้นส่วนคนใดได้ลงแรงงานของตนเข้าเป็ น
ห้้นส่วนและในสัญญาเข้าห้้นส่วนมิได้ตีราคาค่าแรงไว้ ท่านให้
คำานวณส่วนกำาไรของผู้ที่เป็ นห้้นส่วนด้วยลงแรงงานเช่นนั น
้ เสมอ
ด้วยส่วนถัวเฉลี่ยของผู้เป็ นห้้นส่วนซึ่งได้ลงเงินหรือลงทรัพย์สินเข้า
ห้้นในการนั น
้
ตัวอย่างในการคำานวณ
หนึ่ งลงห้้นด้วยเงินสด 100,000 บาท สองลงห้้นด้วยรถยนต์ตีราคา
200,000 บาท ส่วนสามลงห้้นด้วยแรงงานแต่ไม่ได้ตีราคาว่าเท่าใด
จึงต้องใช้มาตรา 1028 มาปรับ ดังนั น
้ ค่าแรงของสามเท่ากับ
(100,000 บวกด้วย 200,000) หารด้วย 2 เท่ากับ 150,000 บาท
คือท้นที่ลงของสาม
* หลักเกณฑ์ในการแบ่งกำาไรหรือขาดท้น
ประเด็นแรก ถ้าสัญญาการเข้าห้้นส่วนตกลงกันอย่างไร ก็เป็ นไป
ตามนั น
้ (ฎ.556/2505,1159/2510) ด้วยเหต้ผล
์ ิทธิข
(1) ตามหลักความศักดิส ์ องแสดงเจตนา นั น
่ เอง
(2) ข้อตกลงระหว่างห้้นส่วนเป็ นความเกี่ยวพันระหว่างห้้นส่วนโดย
เฉพาะ จะไปใช้ยันบ้คคลภายนอกไม่ได้ บ้คคลภายนอกผ้้ส้จริตไม่
ได้ถูกกระทบกระเทือนโดยข้อตกลงอันนี้ ประกอบห้้นส่วนท้กคน
ต้องรับผิดในหนี้ของห้างห้้นส่วนสามัญโดยไม่จำากัดจำานวนตาม
มาตรา 1025 อยู่แล้ว
ข้อสังเกต
(1) มาตรา 1044 เป็ นไปตามหลักที่ว่าลงห้้นมาก กำาไรหรือขาดท้น
ก็ต้องมาก ลงห้้นน้ อย กำาไรหรือขาดท้น ก็ย่อมน้ อยตามไปด้วย
เช่น แดงลงห้้น 100,000 บาท ขาวลงห้้น 200,000 บาท ดังนั น
้
ตามมาตรา 1044 การคิดกำาไรหรือขาดท้นก็จะเป็ นอัตราส่วน 1 ต่อ
2
(2) มาตรา 1044 ใช้คำาว่า "ผู้เป็ นห้้นส่วนท้กๆคน"( The share of
each partner) หมายรวมถึง ผู้ลงห้้นด้วยแรงงานด้วย ถ้าไม่ได้ตี
ราคาค่าแรงต้องนำ ามาตรา 1027,1028 มาปรับใช้
* ข้อสันนิ ษฐานเกี่ยวกับส่วนกำาไรและส่วนขาดท้น
มาตรา 1045 ถ้าห้้นส่วนของผู้ใดได้กำาหนดแต่เพียงข้างฝ่ ายกำาไร
จะแบ่งเอาเท่าไร หรือกำาหนดแต่เพียงข้างขาดท้นว่าจะยอมขาด
เท่าไร ฉะนี้ไซร้ ท่านให้สันนิ ษฐานไว้ก่อนว่าห้้นส่วนของผู้นัน
้ มีส่วน
กำาไรและส่วนขาดท้นเป็ นอย่างเดียวกัน
ฎีกาที่ 556/2505 โจทก์จำาเลยตกลงกันเข้าเป็ นห้้นกันค้าไม้ไผ่ โดย
โจทก์ลงท้นเป็ นเงิน จำาเลยลงแรง จะแบ่งกำาไรกันคนละครึ่ง ย่อม
ถือว่าเป็ นการเข้าห้้นส่วนกันตามมาตรา 1012 แม้เรื่องขาดท้นจะ
มิได้ตกลงกันไว้ก็หาเป็ นข้อสำาคัญไม่ ถ้าหากมีการขาดท้นก็ต้อง
เฉลี่ยขาดท้นตามส่วนของห้้นอยู่ในตัว เว้นแต่จะตกลงเป็ นอย่างอื่น
* วิธีการจัดการห้างห้้นส่วนสามัญ อาจารย์ขอสร้ปดังนี้
(1) ขอบเขตการจัดการงานของห้างห้้นส่วนสามัญระหว่างผู้เป็ นห้้น
ส่วนด้วยกัน ก็ดูว่าห้างห้้นส่วนสามัญมีกรอบวัตถ้ประสงค์อย่างไร
ขอบเขตการจัดการก็อยู่ภายใต้วัตถ้ประสงค์นัน
้ (ฎ.1771/2499 การ
ฟ้ องคดีรวมอยู่ในขอตเขตของการจัดการห้างด้วย)
(2) ผู้มีอำานาจจัดการ ผู้เป็ นห้้นส่วนท้กคนมีอำานาจจัดการหรือจะ
มอบหมายให้ผู้ใดเป็ นผู้จัดการ ขึ้นอยู่กับข้อตกลง แต่ข้อจำากัด
อำานาจของผู้เป็ นห้้นส่วนไม่ผูกพันบ้คคลภายนอก(มาตรา 1053)
* การจัดการงานของห้างนั น
้ อาจารย์ขอแบ่งได้ 2 กล่้มดังนี้
(ก) การจัดการการงานของห้างห้้นส่วนโดยตรง(Management)
มาตรา 1033-1036
(ข) การดูแลครอบงำาการจัดการ(Contol) มาตรา 1037
ตัวอย่างคำาพิพากษา
* ผู้เป็ นห้้นส่วนท้กคนต้องรับผิดในหนี้สินซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ ง
ไปกู้เขามาใช้จ่ายในกิจการของห้้นส่วน(ฎ.288/2488)
* เข้าห้้นส่วนกันซื้อที่ดินมาขายแบ่งกำาไรเป็ นห้้นส่วน ผู้เป็ นห้้นส่วน
สามัญอาจเป็ นผู้จัดการท้กคนหรือมอบหมายให้ห้นส่วนคนเดียว
จัดการก็ได้(ฎ.191/2501)
* ผู้เป็ นห้้นส่วนผู้ทำาสัญญาให้เช่าช่วงทำาเหมือง ฟ้ องคู่สัญญา ไม่
ต้องได้รับอน้ญาตจากห้้นส่วนอื่น(ฎ.36/2521)
* กรณีได้ตกลงเกี่ยวกับกระบวนการจัดการ
(1) ตกลงให้จัดการตามเสียงข้างมาก
มาตรา 1034 ถ้าได้ตกลงกันไว้ว่าการงานของห้างห้้นส่วน นั น
้ จัก
ให้เป็ นไปตามเสียงข้างมากแห่งผู้เป็ นห้้นส่วนไซร์ ท่านให้ผู้เป็ นห้้น
ส่วนคนหนึ่ งมีเสียงเป็ นคะแนนหนึ่ ง โดยไม่คำานึ งถึงจำานวนที่ลงห้้น
ด้วยมากหรือน้ อย
ข้อสังเกต
-ถ้ามีข้อตกลงกันว่าการงานของห้างห้้นส่วนให้เป็ นไปตามเสียงข้าง
มากแล้ว กม.ให้ถือว่าผู้ถือห้้นคนหนึ่ งมีเสียงเท่ากันหมด โดยไม่
คำานึ งว่าใครจะถือห้้นมากน้ อยเพียงใด เป็ นไปตามหลัก "ONE
MAN ONE VOTE"
ตัวอย่าง แดง ดำา เขียว เป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญ โดยแดง
ลงท้นด้วยเงิน 100,000 บาท ดำาลงท้นด้วยเงิน 500,000 บาท
เขียวลงท้นด้วยเงิน 2,000,000 บาท โดยมีข้อตกลงว่าในการ
จัดการงานของห้างห้้นส่วนให้ใช้เสียงข้างมากตัดสิน ต้องถือว่าท้ก
คนมีสย
ี งเพียง 1 เสียงเท่ากัน โดยไม่ต้องคำานึ งถึงส่วนที่ลงท้น
ฎีกาที่ 482/2518 เมื่อผู้เป็ นห้้นส่วนทัง้ หลายได้มอบหมายให้ผู้เป็ น
ห้้นส่วนคนหนึ่ งฟ้ องคดีของห้างแล้ว การถอดถอนการมอบอำานาจ
ต้องทำาโดยผู้เป็ นห้้นส่วนท้กคนหรือโดยเสียงข้างมาก ถ้าทำาโดยผู้
เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ งโดยผู้เป็ นห้้นส่วนคนอื่นมิได้ยินยอมด้วยในการ
ถอน ดังนั น
้ ใบมอบอำานาจยังใช้ได้อยู่ ผู้เป็ นห้้นส่วนซึ่งได้รับมอบ
อำานาจนั น
้ คงถอนฟ้ องได้
จากฎีกาที่ 482/2518 แสดงให้เห็นว่าเมื่อมีการมอบหมายสิ่งใดไป
แล้ว การจะถอนสิ่งใดก็ดีหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ที่มอบหมายก็
ต้องทำาโดยเสียงที่เหมือนกันกับตอยที่มอบหมายด้วย
#3
2 March 2009, 14:53
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
(1) การเปลี่ยนแปลงข้อสัญญาหรือเปลี่ยนประเภทแห่งกิจการ
มาตรา 1032
มาตรา 1032 ห้ามมิให้ปลี่ยนแปลงข้อสัญญาเดิมแห่งห้างห้้นส่วน
หรือประเภทกิจการ นอกจากด้วยความยินยมอของผู้เป็ นห้้นส่วน
หมดด้วยกันท้กคน เว้นแต่จะมีข้อตกลงกันไว้เป็ นอย่างอื่น
* ข้อสังเกต กม.ห้ามไม่ให้เปลี่ยนแปลง ในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ข้อสัญญาเดิมแห่งห้างห้้นส่วน ได้แก่การเปลี่ยนแปลงการ
จัดการของห้างห้้นส่วน เช่นการเพิ่มอำานาจจัดการของห้้นส่วนผู้
จัดการหรือการเลิกห้างห้้นส่วนหรือเปลี่ยนแปลงส่วนของกำาไร
ขาดท้น
(2) ประเภทกิจการเช่นเดิมกิจการทำาธ้รกิจจัดสรรที่ดินอย่างเดียว
ต่อมาขอเพิ่มประเภทกิจการเป็ นธ้รกิจจำาหน่ ายบ้านและจัดสรรที่ดิน
หรือเดิมทำากิจการโรงสีข้าว ต่อมาขอเพิ่มเป็ นธ้รกิจแปรรูปขนม
หรืออาหารจากผลิตภัณฑ์ข้าว
(3) การห้ามชักนำ าบ้คคลอื่นเข้ามาเป็ นห้้นส่วนมาตรา 1040
มาตรา 1040 ห้ามมิให้ชักนำ าเอาบ้คคลผู้อ่ ืนเข้ามาเป็ นห้้นส่วนใน
ห้างห้้นส่วนโดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็ นห้้นส่วนหมดด้วยกัน
ท้กคน เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็ นอย่างอื่น
แนวคิดมาตรา 1040 เนื่ องจากการเข้าเป็ นห้้นส่วนต้องอาศัยความ
เชื่อใจกัน ความซื่อสัตย์ต่อกัน ดังนั น
้ การชักนำ าบ้คคลภายนอกให้
เข้ามาเป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญจึงต้องได้รับความยินยอม
จากห้้นส่วนหมดท้กคน เว้นแต่จะมีข้อตกลงเป็ นอย่างอื่นเช่นตกลง
ว่าการชักนำ าบ้คคลภายนอกมาเข้ามาเป็ นห้้นส่วนให้เป็ นไปตาม
ความเห็นของห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งก็พอ เป็ นต้น
ข้อสังเกต มาตรา 1040 และมาตรา 1041 นั น
้ จะใช้บังคับเมื่อห้าง
ห้้นส่วนยังไม่เลิก เมื่อห้างเลิกไปแล้วก็ย่อมไม่มีห้นส่วนในห้างอีก
ต่อไป(ฎ.41/2493)
ฎ.41/2493 ห้างห้้นส่วนสามัญที่มิได้จดทะเบียน เมื่อห้้นส่วนมีมติ
ให้เลิก ความเป็ นห้้นส่วนก็สิ้นส้ดลงจะนำ ามาตรา 1249 และมาตรา
1040 มาใช้บังคับไม่ได้ ผู้เป็ นห้้นส่วนย่อมโอนขายสิทธิในห้้นภาย
หลังได้มีมติให้เลิกห้างห้้นส่วนแล้วได้ โดยไม่ต้องได้รับความ
ยินยอมจากห้้นส่วนคนอื่นและผู้รับโอนย่อมเป็ นผู้เสียหายในทาง
อาญา ฟ้ องบ้คคลอื่นซึ่งกระทำาผิดในทางอาญาเกี่ยวกับทรัพย์สน
ิ
ของห้างห้้นส่วนนั น
้ ได้
แนวฎีกาของมาตรา 1040
ฎ.407/2501 ผู้เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ งตาย ผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นยอมให้มี
คนรับโอนห้้นสืบต่อมา ห้้นส่วนนั น
้ ไม่เลิกจากกัน
ฎ.5562/2538 (มาตรา 1032,1040,1080,1091 ออกสอบเนติฯ
สมัยที่ 55)
มาตรา 1080 และมาตรา 1040 เป็ นกรณีที่ผู้เป็ นห้้นส่วนของห้าง
ห้้นส่วนสามัญจะโอนห้้นของตนให้บ้คคลภายนอกหรือชักนำ าบ้คคล
ภายนอกเข้ามาเป็ นห้้นส่วน โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เป็ น
ห้้นส่วนอื่นทัง้ หมดไม่ได้ ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวย่อมนำ ามาใช้กับห้าง
ห้้นส่วนจำากัดโดยอน้โลม สำาหรับผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัด
ความรับผิดที่จะโอนห้้นของตนให้บ้คคลภายนอกโดยไม่ได้รับความ
ยินยอมจากห้้นส่วนคนอื่นไม่ได้ แต่สท
ิ ธิสำาหรับผู้เป็ นห้้นส่วน
จำาพวกจำากัดความรับผิดนั น
้ อาจโอนห้้นให้บ้คคลภายนอกได้โดย
ลำาพัง ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นตามมาตรา
1091 บัญญัติไว้ ซึ่งเป็ นกรณีเฉพาะเรื่องการโอนห้้นเท่านั น
้ เพราะผู้
เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดมีสิทธิ อำานาจหน้ าที่ และความ
รับผิดจำากัดและเนื่ องจากมีสิทธิอำานาจ หน้ าที่และความรับผิดจำากัด
ค้ณสมบัติของผู้ที่จะเข้าเป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดจึง
ไม่ใช่สาระสำาคัญ และการเป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดดัง
กล่าวไม่เป็ นการเฉพาะตัว ทัง้ การโอนห้้นดังกล่าวก้หาใช่การ
เปลี่ยนแปลงข้อสัญญาเดิมแห่งห้างห้้นส่วนหรือประเภทแห่งกิจการ
ตามมาตรา 1032 ไม่
(4) การห้ามมิให้บ้คคลภายนอกที่รับโอนส่วนกำาไรทัง้ หมดหรือบาง
ส่วนเข้ามาเป็ นห้้นส่วนมาตรา 1041
มาตรา 1041 ถ้าผู้เป็ นห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งโอนส่วนกำาไรของตน
ในห้างห้้นส่วนทัง้ หมดก็ดี หรือแต่บางส่วนก็ดีให้แก่บ้คคลภายนอก
โดยมิได้รับความยินยอมของผู้เป็ นห้้นส่วนทัง้ หลายอื่นไซร้ ท่านว่า
บ้คคลภายนอกนั น
้ จะกลายเป็ นห้้นส่วนด้วยก็หามิได้
ข้อสังเกต
(1) การโอนส่วนกำาไร ผู้รับโอนคงได้แต่ส่วนกำาไร หามีสิทธิเข้ามา
เป็ นห้้นส่วนไม่ การโอนส่วนกำาไรจะรวมถึงการโอนสิทธิในส่วน
กำาไร
(2) คำาพิพากษาส่วนใหญ่มักจะวินิจฉัยถึงการชักนำ าบ้คคลภายนอก
เข้ามาเป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญโดยปรับด้วยมาตรา 1040
มาบังคับทัง้ สิ้นเช่น การโอนห้้น(ฎ.978/2474,5562/2538),การโอน
สิทธิในห้้น(ฎ.41/2493) ส่วนของมาตรา 1041 นั น
้ ยังไม่ปรากฏคำา
พิพากษาศาลฎีกา
* หลักเกณฑ์มาตรา 1038
(1) บ้คคลที่ต้องห้ามคือผู้ที่เป็ นห้้นส่วนท้กคน ไม่ว่าจะเป็ นห้้นส่วน
ผู้จัดการหรือห้้นส่วนธรรมดา ก็ตาม
(2) กิจการที่ต้องห้ามนั น
้ มีหลักเกณฑ์ 2 ประการคือ
* ต้องมีสภาพด้จเดียวกันกับกิจการของห้างห้้นส่วน
* กิจการนั น
้ ต้องเป็ นการแข่งขันกับกิจการของห้าง
(3) การแข่งขันจะทำาเพื่อประโยชน์ ของตนเองหรือเพื่อประโยชน์
ของคนอื่นก็ตาม
(4) แต่ถ้าหากห้้นส่วนท้กคนยินยอมให้ห้นส่วนคนหนึ่ งคนใดทำาการ
ค้าขายแข่งกับห้างห้้นส่วนก็สามารถทำาได้
สภาพด้จเดียวกัน มีความหมายว่าอย่างไร หลวงศรีปรีชาธรรม
ปาฐกอธิบายว่า กม.ใช้คำาว่า "สภาพ" เพื่อให้มีความหมายกว้าง
ขนมจีนนำ้ ายากับขนมจีนนำ้ าพริกมีสภาพด้จเดียวกัน แต่ต่างชนิ ดกัน
สร้ป สภาพด้จเดียวกัน หมายถึงการประกอบกิจการที่มีลักษณะ
คล้ายคลึงกันหรือทำานองเดียวกัน
การแข่งขันกับกิจการของห้าง ต้องพิจารณาจากเวลา สถานที่และ
กล่้มลูกค้าประกอบด้วย หากเป็ นลูกค้ากล่้มเดียวกันย่อมเป็ นการ
แข่งขันกับห้างได้
* ผลการฝ่ าฝื นมาตรา 1038 ผู้เป็ นห้้นส่วนคนอื่นมีสท
ิ ธิอย่างใด
อย่างหนึ่ งดังนี้
(ก) เรียกเอาผลกำาไรที่ผู้เป็ นห้้นส่วนผู้ฝ่าฝื นหามาได้ทัง้ หมด
(ข) เรียกเอาค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนที่ห้างได้รับความเสีย
หาย
ส่วนระยะเวลาฟ้ องเรียกตาม (ก) หรือ(ข) ต้องฟ้ องร้องภายใน 1 ปี
นั บแต่วันที่ฝ่าฝื น
(6) การเรียกเอาส่วนของกจิการค้าซึ่งไม่ปรากฎชื่อของตนมาตรา
1048
มาตรา 1048 ผู้เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ งจะเรียกเอาส่วนของตนจาห้้น
ส่วนอื่นๆแม้ในกิจการค้าขายอันใดซึ่งไม่ปรากฏชื่อของตนก็ได้
ข้อสังเกต
(1) แนวคิด การที่ผู้เป็ นห้้นส่วนคนใดจัดการงานของห้างห้้นส่วน
นั น
้ ย่อมเป็ นการจัดการในนามของห้างห้้นส่วนท้กคน ถึงแม้ใน
สัญญาจะไม่ปรากฏชื่อห้้นส่วนคนที่ไม่ได้ทำา ห้้นส่วนทีไ่ ม่ปรากฏชื่อ
เรียกร้องผลประโยชน์ จากห้้นส่วนที่เป็ นคู่สัญญาได้ เพราะไม่ได้
เรียกร้องเอาจากบ้คคลภายนอกแต่อย่างใด นั น
่ คือ เป็ นการเรียก
ร้องให้ปฏิบัติตามสัญญาจัดตัง้ ห้างห้้นส่วน หาใช่เป็ นการเรียกร้อง
ตามสัญญาที่ห้นส่วนคนอื่นไปทำากับบ้คคลภายนอก
(2) มาตรา 1048 อยู่ภายใต้มาตรา 1049 หมายความว่า ผู้เป็ นห้้น
ส่วนด้วยกันสามารถจะเข้ามาเรียกร้องเอาส่วนของตนจาห้้นส่วน
คนอื่น ถึงแม้ในกิจการที่ไม่ปรากฏชื่อของตนได้ แต่จะไปเรียกร้อง
จากบ้คคลภายนอกไม่ได้เพราะมาตรา 1048 ไม่ได้กำาหนดไว้
ตัวอย่าง ห้างห้้นส่วนสามัญประกอบกิจการค้าข้าวสารหอมมะลิมี
นายดร้ณ นายชาติ และนางแก้วเป็ นห้้นส่วน นายดำารงเป็ นบ้คคล
ภายนอกได้ซ้ ือข้าวสารกับนายดร้ณ เป็ นจำานวน 300,000 บาท
และในการทำาสัญญาซื้อขายข้าวสารกับบ้คคลอื่น นายดร้ณก็เป็ นคน
ทำาสัญญาดังกล่าวทัง้ สิ้น เมื่อห้างห้้นส่วนมีกำาไร นายชาติ นางแก้ว
ย่อมมีสิทธิจะเรียกเอากำาไรส่วนของตนจาการที่นายดร้ณได้จัดการ
กิจการค้าขายข้าวสารนั น
้ ด้วย แม้จะไม่มีช่ ือนายชาติ นางแก้วใน
กิจการค้าขายดังกล่าว
ส่วนายชาติ นางแก้วจะได้ส่วนแบ่งกำาไรเท่าไรนั น
้ ก็เป็ นไปเป็ นไป
ตามสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างผู้เป็ นห้้นส่วนด้วยกัน หากไม่มีข้อ
ตกลงก็ต้องแบ่งกันตามส่วนที่ลงห้้นตามมาตรา 1044 หรือ 1045
แนวคำาพิพากษาศาลฎีกามาตรา 1048
ฎ.1365/2493 การที่ห้นส่วนคนใดจัดการงานของห้างไปถือว่า
จัดการในนามของห้างห้้นส่วนท้กคนเป็ นเสมือนตัวการ ถ้าได้รับ
สิทธิหรือทรัพย์สินมาก็ต้องมอบให้ห้นส่วนคนอื่น มิฉะนั น
้ ห้้นส่วน
คนอื่นฟ้ องเรียกร้องให้ส่งมอบได้(ฎ.642/2472 ทำานองเดียวกัน)
ข้อสังเกต
(1) มาตรา 1049 ใช้กับห้างห้้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเท่านั น
้ ถ้า
จดทะเบียนแล้วต้องใช้มาตรา 1065 (มาตรา 1049 และมาตรา
1050 เคยออกสอบเนติฯสมัยที่ 50)
(2) คำาว่า "กิจการค้าขายซึ่งไม่ปรากฎชื่อของตน" มีความหมาย
เพียงใดนั น
้ :เป็ นกรณีที่ห้นส่วนคนอื่นๆที่มิใช่คู่สัญญากับบ้คคล
ภายนอก ไม่มีสิทธิฟ้องร้องบ้คคลภายนอกให้รับผิดชำาระหนี้ของ
ห้างได้เพราะถือหลักว่า ห้้นส่วนคนอื่นๆเป็ นคนนอก
สัญญา(PRIVITY OF CONTRACT) ดังนั น
้ เมื่อห้้นส่วนที่ไม่ปราก
ฎชื่อในสัญญา จึงไม่สามารถฟ้ องบ้คคลภายนอกให้รับผิดได้
(3) มาตรา 1049 ใช้คำาว่า "ในกิจการค้าขาย" เท่านั น
้ หากเป็ นการ
ฟ้ องคดีที่บ้คคลภายนอกก่อละเมิดแก่ห้างห้้นส่วนแล้ว ห้้นส่วนผู้
จัดการของห้างห้้นส่วนสามารถจะฟ้ องบ้คคลที่ก่อละเมิดโดยลำาพัง
ไม่จำาเป็ นต้องให้ผู้เป็ นห้้นส่วนท้กคนเข้าเป็ นโจทก์แต่อย่าง
ใด(ฎ.1771/2499(ป))
ฎ.1771/2499(ป) ห้้นส่วนผู้จัดการของห้างห้้นส่วนสามัญไม่จด
ทะเบียนคนเดียวอาจเป็ นโจทก์ฟ้องคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของ
ห้างห้้นส่วนได้ โดยไม่จำาเป็ นต้องให้ผู้เป็ นห้้นส่วนท้กคนเข้าชื่อกัน
เป็ นโจทก์
(4) มาตรา 1049 เฉพาะคู่สัญญาเท่านั น
้ ที่จะฟ้ องได้ ห้้นส่วนอื่นซึ่ง
ไม่ได้ปรากฏชื่อในสัญญานั น
้ ไม่มีสิทธิฟ้อง แต่ถ้าท้กคนรวมทัง้ คู่
สัญญาด้วยได้ร่วมกันหมดท้กคนมาฟ้ องโดยอ้างว่าเป็ นห้้นส่วนซึ่ง
กันและกัน ศาลฎีกายอมรับว่าฟ้ องได้(ฎ.916/2509)
แนวฎีกาของมาตรา 1049
ฎ.2578/2535 ห้้นส่วนที่จะฟ้ องบังคับบ้คคลภายนอกในกิจการค้า
ของห้างห้้นส่วนสามัญได้ จะต้องเป็ นผู้มีช่ ือในกิจการนั น
้ ตามมาตรา
1049 การฟ้ องคดีจึงไม่จำาเป็ นต้องลงชื่อผู้เป็ นห้้นส่วนท้กคน โจทก์
ที่ 2-4 เป็ นห้้นส่วน แต่ไม่ปรากฏชื่อของโจทก์ที่ 2-4 ในสัญญาเช่า
โจทก์ที่ 2-4 จึงไม่อาจถือสิทธิใดๆจำาเลยในการเช่านั น
้ และไม่มี
อำานาจฟ้ อง ปั ญหาข้อนี้แม้จำาเลยจะไม่ได้ยกขึ้นฎีกา แต่เป็ นปั ญหา
เกี่ยวกับความสงบฯ ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้
ฎ.63/2476 ....มาตรา 1049 เมื่อในสัญญากู้หนี้ไม่ปรากฏชื่อของ
โจทก์เป็ นคู่สัญญา โจทก์ผู้เป็ นห้้นส่วนจะถือเอาสิทธิของยี่ห้อเจี๋ยบ
หลีมาฟ้ องร้องจำาเลยทัง้ สองซึ่งเป็ นบ้คคลภายนอกหาได้ไม่ ทัง้ ไม่
ปรากฏว่ามีกฎหมายบทใดบทหนึ่ งที่เป็ นบทยกเว้นอน้ญาตให้ผู้เป็ น
ห้้นส่วนทำาเช่นนี้ได้ในเมื่อห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งอยู่ต่างประเทศ
ฎ.1556/2518 โจทก์ที่ 1 ออกเงินให้จำาเลยนำ าไปใช้ก่อสร้างสถานี
วิทย้กระจายเสียง โดยจำาเลยสัญญาจะให้สท
ิ ธิโจทก์ที่ 1 ในการ
โฆษณาสินค้าทางสถานี วิทยะนั น
้ ต่อมาจำาเลยผิดสัญญา โจทก์ที่ 1
และโจทก์ที่ 2 :ซึ่งเป็ นห้้นส่วนกันจึงฟ้ องจำาเลย ศาลฎีกาวินิจฉัย
เกี่ยวกับอำานาจฟ้ องของโจทก์ที่ 2 ว่าโจทก์ที่ 2 มิได้เป็ นคู่สัญญากับ
จำาเลย จึงไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน และตามกม.ผู้เป็ นห้้นส่วนจะถือ
เอาสิทธิใดๆแก่บ้คคลภายนอกในกิจการค้าขายซึ่งไม่ปรากฎชื่อของ
ตนนั น
้ หาได้ไม่ตามมาตรา 1049 ฉะนั น
้ โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำานาจ
ฟ้ องคดีนี้(ฎ.6848/2540 ทำานองเดียวกัน)
* ต้องกระทำาไปในทางธรรมดาการค้าของห้าง(The ordinary
course of the business of the partnership) คืออะไร พิจารณา
ได้ดังนี้
1) การกระทำาไปในขอบเขตวัตถ้ประสงค์ของห้างห้้นส่วน
แต่ห้นส่วนสามัญไม่ได้จดทะเบียน บ้คคลภายนอกย่อมไม่รู้ถึง
วัตถ้ประสงค์ของห้างห้้นส่วน ต้องอาศัยหลักความส้จริตคือหาก
บ้คคลภายนอกไม่รู้ว่าห้้นส่วนทำานอกวัถต้ประสงค์โดยส้จริต ห้้น
ส่วนคนอื่นๆต้องรับผิดต่อบ้คคลภายนอก เทียบกับฎีกา 41/2509
ฎ.41/2509 วัตถ้ประสงค์ของห้างจำาเลยซึ่งเป็ นห้างห้้นส่วนจำากัดที่
จดทะเบียนไว้มีว่าเพื่อประกอบกิจการพาณิชยกรรมในประเภท
ทำาการค้าสินค้าพื่นเมือ ทำาการสัง่ เข้าและส่งออกเครื่องอ้ปโภคและ
บริโภคต่างๆ ทำาการเป็ นนายหน้ า และตัวแทนต่างๆ ดังนั น
้ เมื่อผู้
จัดการของจำาเลยไปทำาสัญญาคำ้าประกันหนี้ จึงเป็ นการกระทำานอก
วัตถ้ประสงค์ของจำาเลย จำาเลยจึงไม่ต้องรับผิด
ฎ.2-3/2474 จำาเลยหลายคนเข้าห้้นส่วนกันตัง้ โรงฆ่าส้กร โดยมี
ความประสงค์เพื่อเก็บเงินจากผู้นำาส้กรไปฆ่า จ.ซึ่งเป็ นห้้นส่วนผู้
จัดการซื้อส้กรของโจทก์มาฆ่าเสียเอง แล้วไม่ใช้เงินโจทก์ ศาลฎีกา
วินิจฉัยว่า จ. ทำาการนอกวัตถ้ประสงค์ของห้างห้้นส่วน และไม่ได้
ความว่า จ.ทำาไปในสฐานะเป็ นตัวแทนของจำาเลย หรือจำาเลยมีส่วน
ได้เสียร่วมด้วย จำาเลยจึงไม่ต้องรับผิด
2) กิจการที่กระทำาไปตามสภาพการดำาเนิ นธ้รกิจของห้างห้้นส่วน
นั น
้ ๆ
สภาพธ้รกิจมีความหมายกว้างกว่าวัตถ้ประสงค์ของห้าง เช่น ห้าง
ห้้นส่วนดำาเนิ นธ้รกิจขนส่งสินค้า แต่รถที่ใช้ในกิจการขนส่งเสีย ห้้น
ส่วนต้องเช่ารถจากบ้คคลอื่น ถือว่าการเช่านั น
้ เป็ นไปตามสภาพของ
ธ้รกิจ แม้ไม่มีวัตถ้ประสงค์เช่ารถก็ตาม ก็ถือว่าเป็ นการธรรมดา
ทางการค้าขายของห้างด้วย
3) กิจการที่กระทำาไปตามประเพณีซ่ ึงห้างห้้นส่วนที่มีลักษณะเดียว
กันย่อมปฎิบัติกันอยู่
ฎ.3-4 /2487 (ฎีกาหลัก)
การพิจารณาว่ากิจการที่ผู้จัดการห้างห้้นส่วนไม่จดทะเบียนจัดทำาไป
เป็ นธรรมดาการค้าของห้างห้้นส่วนหรือไม่นัน
้ จะต้องพิจารณาเป็ น
2 ทางคือ 1.โดยสภาพแห่งธ้รกิจของห้างห้้นส่วนนั น
้ ๆและ 2 .ประเ
พณีโดยทัว
่ ๆไปที่ห้างห้้นส่วนที่มีลักษณะเดียวกันย่อมปฏิบัติ
ห้างห้้นส่วนหรือบริษท
ั ที่จดทะเบียน ย่อมมีอำานาจและหน้ าที่จำากัด
ไว้ในทะเบียนซึ่งประชาชนอาจตรวจดูได้ ผู้ติดต่อย่อมประมาณและ
อน้มานอำานาจของนิ ติบ้คคลได้จากเอกสารมหาชนนั น
้ แต่ห้างห้้น
ส่วนไม่จดทะเบียนบ้คคลภายนอกย่อมไม่รู้ถึงข้อตกลงอันเป็ น
วัตถ้ประสงค์ของห้างห้้นส่วนซึ่งทำากันเป็ นการภายในระหว่างห้้น
ส่วน ฉะนั น
้ ตามธรรมดาจึงถือว่ากิจการของห้างห้้นส่วนสามัญก็คือ
กิจการของบ้คคลธรรมดา การจะดูว่าเรื่องใดเป็ นการจัดทำาไปใน
ทางที่เป็ นธรรมดาการค้าขายของห้างห้้นส่วนจึงต้องดูวิธีปฏิบัติการ
ที่ห้างห้้นส่วนนั น
้ ๆได้กระทำามาแล้ว ประกอบกิจการที่ห้างห้้นส่วน
อื่นอันมีลักษณะเดียวกันได้กระทำาอยู่
การกู้เงินย่อมเป็ นกิจการที่คนค้าขายย่อมทำากัน ผู้เป็ นห้้นส่วนจะ
ปฏิเสธความรับผิดชอบได้ต่อเมื่แสดงให้เห็นชัดว่า การกู้ยืมนั น
้
เป็ นการกระทำาไปนอกทางธรรมดาธ้รกิจของห้างห้้นส่วนอัน
ประชาชนควรจะเห็นได้โดยจริงจัง หากสืบแต่เพียงว่านอก
วัตถ้ประสงค์ของห้างห้้นส่วนย่อมไม่พ้นความรับผิด
#4
2 March 2009, 14:54
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
ตัวอย่างการที่เป็ นธรรมดาการค้าขายของห้างห้้นส่วน
* การรับชำาระหนี้(ฎ.314/2510,530/2504)
* จ่ายเช็คชำาระหนี้ห้าง(ฎ.362/2510)
* การทำาสัญญาทรัสต์รีซีทและเปิ ดเลตเตอร์ออฟเครดิต
(ฎ.2962/2517)
ข้อสังเกต
การใดๆอันได้จัดการไปนั น
้ แยกพิจารณาได้ 2 ประการคือ
(ก).การทำาสัญญา ซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งได้จัดทำาไปโดยม่้ง
ที่จะก่อให้เกิดนิ ติสัมพันธ์ข้ ึนกัลบ้คคลภายนอก
(ข).การทำาละเมิด ซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งตลอดจนลูกจ้าง
ของห้างห้้นส่วนได้กระทำาไปโดยมิได้ม่้งที่จะก่อให้เกิดนิ ติสัมพันธ์
ขึ้นกับบ้คคลภายนอก(ฎ.603/2506,1495/2498,1836/2514)
ฎ.1495/2498 ผู้เป็ นห้้นส่วนผู้จัดการและลูกจ้างขับรถยนต์ของ
ห้างห้้นส่วนสามัญชนรถยนต์ชองบ้คคลอื่นเสียหายโดยละเมิด ผู้
เป็ นห้้นส่วนคนอื่นต้องรับผิดร่วมด้วย
ฎ.1836/2514 จำาเลยที่ 2 เป็ นผู้ออกรถยนต์ จำาเลยที่ 1 เป็ นผู้
ออกแรงงานร่วมกันไปรับจ้างบรรท้กของ ผลประโยชน์ แบ่งกัน
คนละครึ่ง ดังนี้ ถือว่าเป็ นการดำาเนิ นกิจการเกี่ยวกับรถยนต์เป็ น
ลักษณะห้างห้้นส่วนกันรับจ้าง เมื่อจำาเลยที่ 1 ทำาให้เกิดความเสีย
หายแก่บ้คคลภายนอกเป็ นการละเมิด จำาเลยทัง้ สองต้องร่วมกันรับ
ผิดในกิจการของการนำ ารถรับจ้างซึ่งเป็ นห้้นส่วน
* กิจการที่กระทำาไปนั น
้ ต้องไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของห้างห้้นส่วนผู้
หนึ่ งผู้ใด
เพิ่มเติมฎีกาที่สำาคัญของมาตรา 1050
ฎ.4293/2540 จำาเลยทัง้ สามเป็ นห้้นส่วนกัน มีวัตถ้ประสงค์เพื่อ
ร่วมกันประกอบกิจการับจ้างถมดินทรายและลูกรัง โดยมอบหมาย
ให้จำาเลยที่ 1 เป็ นผู้รับผิดชอบส่งมอบงานและรับจ้างถมดินด้วย
และห้้นส่วนท้กคนจะรับผิดชอบในกิจการดังกล่าวจนแล้วเสร็จ การ
ที่จำาเลยที่ 1 ว่าจ้างช่วงให้โจทก์ถมดินในที่ดินบางส่วน ซึ่งจำาเลยที่
1 ทำาสัญญารับจ้างกับผู้ว่าจ้าง แม้จำาเลยที่ 1 จะมิได้รับมอบหมาย
จากผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นโดยตรง แต่กิจการที่จำาเลยที่ 1 ทำาไปนั น
้ ก็เพื่อ
ให้สามารถส่งมอบงานให้ผู้ว่าจ้างทันตามสัญญา จึงอยู่ในกรอบแห่ง
วัตถ้ประสงค์และความม่้งหมายโดยตรงของการจัดตัง้ ห้างห้้นส่วน
อันถือได้ว่าเป็ นการจัดทำาไปในทางธรรมดาการค้าของห้างห้้นส่วน
ด้วยตามมาตรา 1050 ซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนหมดท้กคนย่อมมีความ
ผูกพันในกิจการที่ว่าจ้างนั น
้ และต้องรับผิดร่วมกันโดยไม่จำากัด
จำานวนในการชำาระหนี้อันได้ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจัดการไปเช่นนั น
้
(3). ความรับผิดของผู้ที่ออกจากห้างห้้นส่วนและความรับผิดของผู้
ที่เพิงเข้ามาเป็ นห้้นส่วน และข้อจำากัดอำานาจระหว่างผู้เป็ นห้้นส่วน
ไม่ผูกพันบ้คคลภายนอก (มาตรา 1051,1052 และมาตรา 1053)
* ความรับผิดของผู้ที่ออกจากห้างห้้นส่วน
มาตรา 1051 ผู้เป็ นห้้นส่วนซึ่งออกจากห้้นส่วนไปแล้วยังคงต้องรับ
ผิดในหนี้ซ่ ึงห้างห้้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนได้ออกจากห้้น
ส่วนไป
ข้อสังเกต
(1) การออกจากห้างห้้นส่วนไม่เป็ นเหต้ให้หนี้ระงับ ห้้นส่วนทีอ
่ อก
ไปยังคงต้องรับผิดในหนี้ ดังกล่าวร่วมกับห้้นส่วนคนอื่นๆ ความรับ
ผิดของเขาจะหย้ดลง ณ วันที่ผู้เป็ นห้้นส่วนออกจากห้าง ดังนั น
้ โดย
หลัก ห้้นส่วนจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่เขาออก
จากห้างไป
(2) ห้างห้้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเป็ นการยากทีบ
่ ้คคลภายนอก
จะทราบว่า ห้้นส่วนคนใดออกจากห้างไป ประกอบกับหลักกม.ห้าง
ห้้นส่วนสามัญมีแนวที่จะค้้มครองบ้คคลภายนอกผู้ส้จริตมากกว่า
ห้้นส่วน ดังนั น
้ ผู้เป็ นห้้นส่วนที่ออกไปจึงควรประกาศหรือโฆษณา
การออกจากห้างให้เป็ นที่ทราบโดยทัว
่ กันหรืออาจจะทำาสัญญากับ
ห้้นส่วนที่เหลือว่าหากมีด้วยเหต้ใดๆที่ทำาให้ตนต้องรับผิดในหนี้ใน
อนาคตของห้างโดยไม่ใช่ความผิดของตน ผู้เป็ นห้้นส่วนที่เหลือจะ
ชดใช้ค่าเสียหายให้
ฎ.598/2474 ผู้เป็ นห้้นส่วนสามัญที่ได้ออกจากห้างห้้นส่วนและได้
ประกาศให้บ้คคลภายนอกทราบแล้วนั น
้ ไม่ต้องรับผิดชอบในหนี้สิน
ของห้างห้้นส่วนซึ่งเกิดภายหลังที่ตนออกไปจากห้้นส่วนไปแล้ว
(3) มาตรา 1051 ให้เทียบกับมาตรา 1068 กรณีห้างห้้นส่วนจด
ทะเบียน ความรับผิดของห้้นส่วนในหนี้ซ่ ึงห้างห้้นส่วนจดทะเบียน
ได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะอกจากห้้นส่วนมีจำากัดเพียง 2 ปี นั บ
แต่เมื่อออกจากห้้นส่วนตามมาตรา 1068(ฎ.1300/2533) แต่ใน
ห้างห้้นส่วนสามัญตามมาตรา 1051 มิได้กำาหนดอาย้ความไว้
เพราะฉะนั น
้ ต้องถือตามอาย้หนี้เดิมเป็ นหลัก
* ความรับผิดของผู้ที่เพิงเข้ามาเป็ นห้้นส่วน
มาตรา 1052 บ้คคลผู้เข้าเป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนย่อมต้องรับผิด
ในหนี้ใดๆซึ่งห้้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตนเข้ามาเป็ นห้้นส่วน
ด้วย
ข้อสังเกต
แนวคิดเบื้องหลังมาตรา 1052 การที่กฎหมายกำาหนดให้ผู้เป็ นห้้น
ส่วนใหม่ต้องรับผิดในหนี้ที่ห้นส่วนอื่นก่อขึ้นก่อนที่ตนเข้ามาเป็ น
ห้้นส่วน เพื่อเป็ นหลักประกันแก่เจ้าหนี้ในกรณีที่มีการเปลี่ยนตัวผู้
เป็ นห้้นส่วน(บ้คคลภายนอกที่ไม่มีโอกาสได้รู้ถึงการเข้าออกของผู้
เป็ นห้้นส่วน)
ฎีกาที่ 5949/2534 ห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิดต้องรับผิด
ในหนี้ของห้างห้้นส่วนจำากัดที่เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะเข้ามาเป็ นห้้น
ส่วน และแม้ผู้เป็ นห้้นส่วนจะออกจากห้้นส่วนไปแล้ว ก็ยังคงต้อง
รับผิดในหนี้ของห้างห้้นส่วนได้ก่อขึ้นก่อนที่ตนจะได้ออกไปจากห้้น
ส่วนตามมาตรา 1051,1052 ซึ่งนำ ามาใช้แก่ห้างห้้นส่วนจำากัดด้วย
ตามมาตรา 1080
ข้อพิจารณา ฎีกานี้เป็ นการวินิจฉัยถึงความรับผิดของผู้เป็ นห้้นส่วน
ไม่จำากัดความรับผิดในห้างห้้นส่วนจำากัดโดยใช้มาตรา 1080 ที่ให้
นำ ามาตรา 1051,1052 มาใช้บังคับ
ฎีกาที่ 4779/2533 จำาเลยที่ 1 เป็ นห้างห้้นส่วนจำากัดเป็ นหนี้ค่าภาษี
ในรอบปี ภาษีปี 2528 กับปี 2526 ต่อมาก็มีจำาเลยที่ 2 เข้ามาเป็ น
ห้้นส่วนใหม่ภายหลัง ก็มีข้อต่อสู้กันว่า จะต้องรับผิดในหนี้ภาษีนัน
้
หรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าต้องรับผิดตามมาตรา 1052 ซึ่งนำ าไปใช้
กับห้างห้้นส่วนจำากัดตามมาตรา 1080
* การแสดงด้วยวาจา(ฎ.684/2473,662/2474)
ฎ.662/2474 จำาเลยที่ 2 เป็ นเจ้าของร้านค้าได้ไปซื้อสินค้าจาก
โจทก์เสมอมา จำาเลยที่ 1 ซึ่งเป็ นบิดาของจำาเลยที่ 2 ก็เคยไปซื้อ
สินค้าจากโจทก์ให้ร้านค้าของจำาเลยที่ 1 และโจทก์มาเก็บเงินค่า
สินค้าของจำาเลยที่ 1 ก็เคยจ่ายให้ และจำาเลยที่ 1 ยังพูดกับผู้อ่ ืนอีก
ว่าตนเป็ นเจ้าของร้านนั น
้ และเป็ นผู้ออกท้นให้จำาเลยที่ 2 ด้วย ศาล
ฎีกาวินิจฉัยว่าจำาเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำาเลยที่ 2
ฎ.684/2473 บ้คคลใดแสดงตนด้วยวาจาก็ดี ด้วยกิริยาก็ดี ทำาให้ผู้
อื่นหลงเชื่อว่าตนเป็ นผู้ถือห้้นอยู่ในห้างห้้นส่วนใดๆ ท่านว่าบ้คคลผู้
นั น
้ ย่อมต้องรับผิดต่อบ้คคลภายนอกในบรรดาหนี้สินของห้างห้้น
ส่วนนั น
้ เสมือนผู้เป็ นห้้นส่วน
* ลายลักษณ์อักษรเช่นเขียนเป็ นจดหมาย/หนั งสือแจ้งว่าตนเป็ นห้้น
ส่วน/พิมพ์นามบัตรว่าตนเป็ นห้้นส่วน
* กิริยาเช่นการพยักหน้ าตอบรับว่าตนเป็ นห้้นส่วน ให้ดูฎีกาที่
622/2474 ,803/2509
ฎีกาที่ 622/2474 ผู้ที่แสดงให้ผู้อ่ ืนเข้าใจว่าตนเป็ นห้้นส่วนอยู่ใน
ห้างห้้นส่วนใด ต้องรับผิดชอบต่อบ้คคลภายนอกในบรรดาหนี้สิน
ของห้างห้้นส่วนนั น
้ เสมือนเป็ นห้้นส่วน
(2) การเลิกห้างห้้นส่วนสามัญโดยผลของกฎหมาย
มาตรา 1055 ห้างห้้นส่วนสามัญย่อมเลิกกันด้วยเหต้ดังต่อไปนี้
(1) ถ้าในสัญญาทำาไว้มีกำาหนดกรณีอันใดเป็ นเหต้ที่จะเลิกกัน เมื่อมี
กรณีนัน
้
(2) ถ้าสัญญาทำาไว้เฉพาะกำาหนดกาลใด เมื่อสิ้นกำาหนดกาลนั น
้
(3) ถ้าสัญญาทำาไว้เฉพาะเพื่อทำากิจการอย่างหนึ่ งอย่างใด แต่อย่าง
เดียว เมื่อเสร็จการนั น
้
(4) เมื่อผู้เป็ นห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งให้คำาบอกกล่าวแก่ผู้เป็ นห้้นส่วน
คนอื่นๆตามกำาหนดดังบัญญัติไว้ในมาตรา 1056
(5) เมื่อผู้เป็ นห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งตาย หรือล้มละลายหรือตกเป็ น
ผู้ไร้ความสามารถ
มาตรา 1055(1) เลิกเมื่อมีเกิดกรณีตามที่กำาหนด เช่น ห้างตัง้ ขึ้น
เพื่อขายอ้ปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยตกลงกันว่าถ้ารัฐบาลขึ้นภาษีนำา
เข้าอ้ปกรณ์คอมพิวเตอร์เกิน 20 % จะเลิกกิจการ ต่อมารัฐบาลขึ้น
ภาษีดังกล่าว 25 % ห้างย่อมเลิก
> ข้อสังเกต
* การเข้าเป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญ กฎหมายถือว่า
ค้ณสมบัติเป็ นเรื่องสำาคัญ ดังนั น
้ หากห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งตาย ล้ม
ละลาย ตกเป็ นผู้ไร้ความสามารถ ห้างห้้นส่วนนั น
้ ต้องเลิกกัน นั น
่
คือค้ณสมบัติของผู้เป็ นห้้นส่วนเป็ นสาระสำาคัญในการเข้าสัญญาห้้น
ส่วน การเป็ นห้้นส่วนจึงเป็ นสิทธิเฉพาะตัว จะให้ผู้อ่ ืนเข้ามาเป็ นห้้น
ส่วนแทนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากห้้นส่วนอื่นไม่ได้(มาตรา
1040,1041)
* แม้ผู้เป็ นห้้นส่วนตาย ทายาทของผู้เป็ นห้้นส่วนจะเข้ามาเองหรือ
ถูกบังคับให้เข้ามาเป็ นห้้นส่วนไม่ได้(ฎ.191/2501)
* เมื่อห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งตาย จึงมีผลให้ต้องเลิกห้างห้้นส่วน
กองมรดกหรือทายาทไม่ต้องรับผิดในหนี้สินของห้างที่เกิดขึ้นภาย
หลังที่ผู้เป็ นห้้นส่วนตาย(ฎ.1174/2477,173/2513)
* เมื่อห้้นส่วนผู้จัดการตาย แม้ภริยาของห้้นส่วนผู้ตายจะเข้าไป
ดำาเนิ นกิจการของห้าง ก็หาทำาให้ภริยากลายเป็ นห้้นส่วนของห้างไม่
(ฎ.3452/2529) แต่ถ้าผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นยอมให้มีการรับโอนห้้นต่อ
มา ห้้นส่วนนั น
้ ไม่เลิก(ฎ.407/2501,1540-1/2520) ฎ.407/2501 ผู้
เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ งตาย ผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นยอมให้มีการรับโอนห้้น
นั น
้ สืบต่อมา ห้้นส่วนนั น
้ ไม่เลิกจากกัน
* ผู้เป็ นห้้นส่วนสามัญคนหนึ่ งตาย ห้างห้้นส่วนเลิกกันโดยผลของ
กฎหมาย(ฎ.1740/2520)
* โจทก์กับพวกได้นำาเงินมาลงห้้นกับจำาเลย และ ว.ตัง้ เป็ นโรงเรียน
ซึ่งเป็ นห้างห้้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน เมื่อห้้นส่วนตาย ห้างห้้น
ส่วนย่อมเลิกกัน โจทก์ย่อมามีอำานาจฟ้ องให้เลิกหางห้้นส่วนได้
(ฎ.536/2526)
* โจทก์กับสามีจำาเลยเป็ นห้้นส่วนกัน ต่อมาสามีจำาเลยตาย โจทก์
กับจำาเลยตกลงให้กิจการของห้างดำาเนิ นต่อไปโดยจดทะเบียน
เปลี่ยนแปลงผู้ถือห้้นให้จำาเลยเป็ นห้้นส่วนแทนสามี แม้จำาเลยจะ
มิได้ลงห้้นเป็ นตัวเงิน แต่ทรัพย์สินของสามีจำาเลยซึ่งมีอยู่ห้างห้้น
ส่วนย่อมเป็ นมรดกตกแก่จำาเลย ก็เท่ากับจำาเลยลงห้้นซึ่งสามารถตี
ราคาเป็ นเงินได้แล้ว(ฎ.1768/2520)
#5
2 March 2009, 14:56
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
ข้อสังเกตเพิ่มเติมมาตรา 1057
* การเลิกห้างห้้นส่วนตามมาตรา 1057 เป็ นด้ลยพินิจของศาลที่จะ
สัง่ ให้เลิกหรือไม่ ทัง้ นี้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ สูงส้ดสำาหรับห้้นส่วน
ที่เหลืออยู่
* การเลิกห้างห้้นส่วนตามมาตรา 1057 นั น
้ ไม่มีกำาหนดเวลาที่จะ
ต้องบอกกล่าวเช่นมาตรา 1056 แต่อย่างใด
(ฎ.1956/2517,75/2501,744/2498)
ฎ.1956/2517 คำาฟ้ องดังกล่าวนั น
้ ถือได้ว่ามีเหต้ทำาให้ห้างห้้นส่วน
เหลือวิสัยที่จะดำารงอยู่ต่อไปได้ตามมาตรา 1057(3) โจทก์มีสิทธิ
ร้องขอให้ศาลสัง่ เลิกห้างห้้นส่วนได้โดยไม่จำาเป็ นต้องบอกกล่าวล่วง
หน้ าไม่น้อยกว่า 6 เดือนตามมาตรา 1056
> การชำาระบัญชีคือ
การรวบรวมทรัพย์สินทัง้ หมดของห้างห้้นส่วนมาเพื่อชำาระหนี้คืนค่า
ห้้น ถ้ามีเงินเหลือก็แบ่งกำาไรแก่ผู้เป็ นห้้นส่วน หากทรัพย์สินไม่พอ
ชำาระหนี้หรือไม่พอใช้คืนค่นห้้น ก็ให้ผู้เป็ นห้้นส่วนช่วยกันออกส่วน
ขาดท้น
มาตรา 1061 เมื่อห้างห้้นส่วนเลิกกันแล้วก็ให้จัดการชำาระบัญชี
เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธอ
ี ่ ืนระหว่างผู้เป็ น
ห้้นส่วนด้วยกันหรือว่าห้างห้้นส่วนนั น
้ ศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย
ถ้าการเลิกห้างห้้นส่วนนั น
้ ได้เป็ นไปโดยที่เจ้าหนี้เฉพาะตัวของผู้เป็ น
ห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งได้ให้คำาบอกกล่าวก็ดี หรือโดยที่ผู้เป็ นห้้นส่วน
คนใดคนหนึ่ งล้มละลายก็ดี ท่านว่าจะงดการชำาระบัญชีเสียได้ต่อ
เมื่อเจ้าหนี้คนนั น
้ หรือเจ้าพนั กงานรักษาทรัพย์ยินยอมด้วย
การชำาระบัญชีนัน
้ ให้ผู้เป็ นห้้นส่วนทัง้ หมดด้วยกันจัดทำาหรือให้
บ้คคลอื่นซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนได้ตัง้ แต่งขึ้นนั น
้ เป็ นผู้จัดทำา
การตัง้ แต่งผู้ชำาระบัญชี ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมาก
ของผู้เป็ นห้้นส่วน
ฎีกานี้ได้วินิจฉัยสาระสำาคัญ 2 ประการคือ
(1) ห้างห้้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนจะตกลงให้แบ่งทรัพย์สิน
อย่างไรก็ได้เช่นเดียวกับเจ้าของรวม ไม่ต้องมีการชำาระบัญชีก็ได้
(2) ถ้ามีการตกลงหรือศาลพิพากษาว่าเงินจำานวนไหนเป็ นของห้้น
์ องคนนั น
ส่วนคนไหนก็ตกเป็ นกรรมสิทธิข ้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้ชำาระ
บัญชีก็ตาม บ้คคลเหล่านั น
้ ไม่มีสิทธิที่จะไปย่้งเกี่ยวกับสิทธิในเงิน
จำานวนนั น
้ ได้
ฎ.351/2507 เมื่อเลิกห้างห้้นส่วนไม่จดทะเบียน และห้้นส่วนตกลง
กันในเรื่องทรัพย์สน
ิ อย่างไรแล้ว ก็ไม่จำาเป็ นต้องมีการชำาระบัญชี
แต่ถ้าเป็ นห้้นส่วนจดทะเบียนหรือห้างห้้นส่วนจำากัดและบริษท
ั จำากัด
แล้ว จะต้องมีการชำาระบัญชีเสมอ
* แนวฎีกาของมาตรา 1061
ฎ.1767/2529 โจทก์จำาเลยทำาสัญญากันว่าจำาเลยได้มอบที่ดินแก่
โจทก์รับไปจัดการแบ่งเป็ นแปลงและนำ าออกจำาหน่ าย เมื่อจำาหน่ าย
หมดแล้วให้หักค่าที่ดินและค่าใช้จ่ายของโจทก์ที่ได้จัดการดังกล่าว
เหลือเท่าใดแล้วจัดแบ่งกัน เป็ นเรื่องที่โจทก์จำาเลยตกลงกันเพื่อ
กระทำากิจการร่วมกันคือนำ าที่ดินไปจัดสรรแบ่งขายแบ่งกำาไรเมื่อหัก
ค่าที่ดินค่าลงท้นค่าใช้จ่ายแล้วจึงแบ่งกันจึงเป็ นสัญญาจัดตัง้ ห้าง
ตามมาตรา 1012 การที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าบ้กเบิกจัดสรรที่ดิน
จากจำาเลยเป็ นการเรียกร้องค่าลงห้้น แม้มีการบอกเลิกสัญญา
ระหว่างโจทก์จำาเลยแล้วก็ต้องปฎิบัติตามมาตรา 1061 เสียก่อนคือ
ต้องจัดการชำาระบัญชี โจทก์จะฟ้ องขอคืนเงินที่ได้ลงห้้นโดยยังไม่มี
การชำาระบัญชีหาได้ไม่
ฎ.504/2520 เมื่อห้างห้้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเลิกกัน จะต้องมี
การชำาระบัญชีหรือตกลงให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอ่ น
ื ตามมาตรา
1061 วรรคแรก เพื่อให้ทราบว่ามีกำาไรหรือขาดท้น ห้้นส่วนแต่ละ
คนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งหรือต้องชดใช้ให้ห้างเท่าใด แล้วจึงมีสิทธิ
เรียกร้องเงินหรือทรัพย์สินจากห้างได้ ถ้ายังไม่ได้ปฏิบัติตาม
บทบัญญัติดังกล่าว ห้้นส่วนหาอาจฟ้ องเรียกเงินปั นผลหรือเงินค่า
ห้้นหาได้ไม่(ฎ.6366/2538,3530/2537 ทำานองเดียวกัน)
* ข้อยกเว้นการเลิกห้างห้้นส่วนที่ไม่ต้องมีการชำาระบัญชีแบ่งได้ 2
กรณีที่สำาคัญคือ
(ก) มาตรา 1061 ....เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินใน
ระหว่างผู้เป็ นห้้นส่วนด้วยกันหรือว่าห้างฯนั น
้ ศาลได้พิพากษาให้ล้ม
ละลาย(ฎ.7033/2539,3133/2529)
ฎ.7033/2539 สัญญาแบ่งคืนทรัพย์สินอันเป็ นกรรมสิทธิร์ ะหว่าง
โจทก์จำาเลยที่ตกลงกันเพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการแบ่งคืน
ทรัพย์สินของห้างห้้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนทัง้ หมดให้เสร็จสิ้น
ไป มีข้อความให้ทรัพย์สินนอกเหนื อจากที่ปรากฎในสัญญาเป็ นของ
ผู้ใดในขณะทำาสัญญาก็คงให้เป็ นของผู้นัน
้ เป็ นสัญญา
ประนีประนอมยอมความตามมาตรา 850 โจทก์ต้องผูกพันตาม
สัญญา และเป็ นกรณีที่ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธอ
ี ่ ืนใน
ระหว่างห้้นส่วนด้วยกัน จึงไม่ต้องชำาระบัญชีอีกตามมาตรา 1061
* ใครคือผู้ชำาระบัญชี
(1) ผู้เป็ นห้้นส่วนทัง้ หมดด้วยกันเป็ นผู้ชำาระบัญชี
(2) บ้คคลภายนอกที่ผู้เป็ นห้้นส่วนโดยเสียงข้างมากแต่งตัง้ เป็ นผู้
ชำาระบัญชี(ฎ.1398/2493(ป))
(3) บ้คคลที่ศาลแต่งตัง้ เป็ นผู้ชำาระบัญชี
ฎ.302/2488 ห้างห้้นส่วนเลิกกันแล้ว ผู้เป็ นห้้นส่วนไม่ตกลงกันใน
เรื่องชำาระบัญชี ผู้เป็ นห้้นส่วนอีกคนหนึ่ งย่อมฟ้ องขอให้ศาลตัง้ ผู้
ชำาระบัญชีได้ การที่ห้นส่วนเลิกกันมานานแล้ว หาได้เป็ นเหต้ขัด
ขวางในการที่จะขอให้มีการชำาระบัญชีไม่
ข้อสังเกต
ศาลย่อมมีอำานาจพิจารณาตัวผู้ชำาระบัญชี และมีคำาสัง่ แต่งตัง้ ได้เอง
ตามที่เห็นสมควร แม้คู่กรณีจะเสนอผู้ใดยเฉพาะ เมื่อศาลพิจารณา
เห็นว่าเป็ นบ้คคลที่ไม่สมควรจะได้รับการแต่งตัง้ ศาลอาจจะตัง้
บ้คคลอื่นได้(ฎ.2570/2520)
หน้ าที่ของผู้ชำาระบัญชี(ดูมาตรา 1062-1063)
* สะสางบัญชีและทำาบัญชีงบด้ล
* รวบรวมทรัพย์สินและชำาระหนี้สน
ิ ของห้าง
* แบ่งกำาไร/ขาดท้น
ข้อสังเกต
เนื่ องจากห้างห้้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน ไม่มีฐานะเป็ นนิ ติบ้คคล
ดังนั น
้ จึงไม่มีอำานาจฟ้ องร้องเรียกหนี้สินจากบ้คคลภายนอกด้วย
ตนเอง หากจะฟ้ องร้องต้องได้รับมอบอำานาจให้ฟ้องคดีจากผู้เป็ น
ห้้นส่วนทัง้ หมด(ฎ.2061/2492)
* ลำาดับแห่งการชำาระบัญชี(มาตรา 1062-1063)
1. ชำาระหนี้แก่บ้คคลภายนอก
2. ใช้เงินทดรองค่าใช้จ่ายซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนได้ออกไปเพื่อจัดการงาน
ของห้าง
3. คืนท้นทรัพย์ของผู้เป็ นห้้นส่วน
4. เฉลี่ยกำาไร/ขาดท้น
ฎ.3671/2541 ศาลชัน
้ ต้นพิพากษาให้ห้างห้้นส่วนสามัญ พ.เลิกกัน
ตามมาตรา 1057(3) และให้โจทก์จำาเลยและผู้เป็ นห้้นส่วนทัง้ หมด
ช่วยกันจัดทำาหรือให้บ้คคลอื่นซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนแต่งตัง้ ขึ้นเป็ นผู้จัด
ทำาและชำาระบัญชีโดยลำาดับตามกฎหมาย กรณีนี้จึงต้องจัดให้มีการ
ชำาระบัญชีตามมาตรา 1061 และเป็ นหน้ าทีข
่ องผู้ชำาระบัญชีที่จะ
ต้องดำาเนิ นการเกี่ยวกับหนี้สินและทรัพย์สินของห้างดังกล่าวต่อไป
ตามมาตรา 1062,1063
ข้อสังเกต
(1) การคืนท้น นั น
้ คืนเฉพาะเงินและทรัพย์สินเท่านั น
้ ส่วนแรงงาน
ถือเป็ นท้นสมมติเพื่อประโยชน์ ในการคิดหากำาไรหรือขาดท้น ดัง
นั น
้ หากลงท้นด้วยแรงงานไม่ต้องคืนท้น(ฎ.817/2476)
ฎ.817/2476 ผู้เป็ นห้้นส่วนที่ลงแรงงานนั น
้ ถ้าไม่มีข้อสัญญาว่าจะ
ได้แบ่งเงินท้นแล้ว เมื่อเลิกห้างห้้นส่วนกัน จะขอแบ่งเงินท้นจากผู้
เป็ นห้้นส่วนที่ลงเงินหาได้ไม่
(2) การลงท้นด้วยทรัพย์สิน
* หากเป็ นการโอนกรรมสิทธิใ์ นทรัพย์สินให้แก่ห้างห้้นส่วนเป็ นการ
ลงห้้นแล้วให้คืนราคาแก่ห้นส่วน(มาตรา 1030) ในส่วนราคาให้เป็ น
ไปตามที่ตกลงไว้หรือให้เป็ นไปตามราคาท้องตลาดในวันที่ส่งมอบ
* แต่หากนำ าทรัพย์สินมาให้ห้างห้้นส่วนใช้ ให้คืนทรัพย์สินตาม
สภาพที่เป็ นอย่(ู มาตรา 1029)
การจดทะเบียน
มาตรา 1064 อันห้างห้้นส่วนสามัญ จะจดทะเบียนก็ได้ การจด
ทะเบียนนั น
้ ท่านให้มีรายการดัง่ นี้ คือ
(1) ชื่อห้างห้้นส่วน
(2) วัตถ้ที่ประสงค์ของห้างห้้นส่วน
(3) ทีต
่ ัง้ สำานั งานแห่งใหญ่และสาขาทัง้ ปวง
(4) ชื่อและที่สำานั กกับทัง้ อาชีวะของผู้เป็ นห้้นส่วนท้กๆคน ถ้าผู้เป็ น
ห้้นส่วนคนใดมีช่ ือยี่ห้อ ก็ให้ลงทะเบียนทัง้ ชื่อและยี่ห้อด้วย
(5) ชื่อห้้นส่วนผู้จัดการ ในเมื่อได้แต่งตัง้ ให้เป็ นผู้จัดการแต่เพียง
บางคน
(6) ถ้ามีข้อจำากัดอำานาจของห้้นส่วนผู้จัดการประการใดให้ลงไว้ด้วย
(7) ตราซึ่งใช้เป็ นสำาคัญของห้างห้้นส่วน
#6
2 March 2009, 14:57
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
แนวฎีกาของมาตรา 1064
มาตรา 1064(6) ถ้ามีข้อจำากัดอำานาจของห้้นส่วนผู้จัดการประการ
ใดให้ลงไว้ด้วย
ฎ.830/2534 ข้อพิพาทตามสิทธิเรียกร้องที่ทำาสัญญาประนี ประนอม
ยอมความกันเป็ นเรื่องระหว่างโจทก์กับห้างจำาเลยที่ 3 ซึ่งมีจำาเลยที่
2 เป็ นห้้นส่วนผู้จัดการทำาการแทนห้างจำาเลยที่ 1 และไม่มีข้อจำากัด
อำานาจของห้้นส่วนผู้จัดการไว้ จำาเลยที่ 2 จึงลงลายมือชื่อเป็ นคู่
สัญญาแทนจำาเลยที่ 1 .ในสัญญาประนี ประนอมยอมความได้โดย
ไม่ต้องประทับตราห้างจำาเลยที่ 1
ผลขอการจดทะเบียนห้างห้้นส่วนสามัญ
1. ห้างและผู้เป็ นห้้นส่วนถูกปิ ดปากมิให้ปฏิเสธเอกสารรายการที่ได้
จดทะเบียนและบ้คคลภายนอกก็ถูกปิ ดปากไม่ให้อ้างว่าไม่รู้ด้วย
ตามมาตรา 1022,1023
2. เมื่อจดทะเบียน ผลการจดทะเบียนนี้ทำาให้เป็ นนิ ติบ้คคลต่างหาก
จากผู้เป็ นห้้นส่วน
ฎ.624/2515 เมื่อห้างจดทะเบียนแล้วมีตัวตนเป็ นเอกเทศต่างหาก
จากผู้เป็ นห้้นส่วน ในกรณีลูกจ้างของห้างไปทำาละเมิด ผู้ถูกละเมิด
จะฟ้ องผู้เป็ นห้้นส่วนให้รับผิดในฐานะนายจ้างไม่ได้
ห้างห้้นส่วนสามัญนิ ติบ้คคลจะต้องรับผิดสำาหรับการกระทำาของผู้
เป็ นห้้นส่วนที่อยู่ภายในขอบวัตถ้ประสงค์ของห้างห้้นส่วนที่จด
ทะเบียนไว้เท่านั น
้ ตามมาตรา 66
มาตรา 66 นิ ติบ้คคลย่อมมีสิทธิและหน้ าที่ตามที่บทบัญญัติแห่ง
ประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น ภายในขอบแห่งอำานาจหน้ าที่
หรือวัตถ้ประสงค์ดังได้บัญญัติหรือกำาหนดไว้ในกฎหมาย ข้อบังคับ
หรือตราสารจัดตัง้
ข้อสังเกต
* ถ้าเป็ นการกระทำานอกวัตถ้ประสงค์ ห้างห้้นส่วนไม่ต้องรับผิด
(ฎ.2004/2517,41/2509)
ฎ.41/2509 ห้างห้้นส่วนจำากัดไม่มีวัตถ้ประสงค์ในการคำ้าประกัน
แต่ไปทำาสัญญาคำ้าประกัน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็ นการกระทำานอก
เหนื อวัตถ้ประสงค์ไม่ผูกพันห้าง
* ในกรณีทท
ี่ ำาการกระทำาอยู่ภายในขอบวัตถ้ประสงค์ของห้าง แต่
กระทำาโดยผู้ไม่มีอำานาจ หากต่อมาปรากฏว่าห้างยอมรับเอากิจการ
ดังกล่าวนั น
้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าห้างต้องรับผิดตามหลักตัวการ
ตัวแทน(ฎ.2579/2516)
ฎ.2579/2516 จำาเลยที่ 3 ซึ่งเคยเป็ นห้้นส่วนผู้จัดการจำาเลยที่ 1
แต่ได้พ้นจากการเป็ นห้้นส่วนผู้จัดการแล้ว ได้เปิ ดบัญชีกระแสราย
วัน เงินเบิกเกินบัญชี เลตเตอร์ออฟเครดิต ทรัสต์รีซท
ี กับธนาคาร
โจทก์ในนามของห้างห้้นส่วนจำาเลยที่ 1 และประทับตราชื่อห้าง
จำาเลยที่ 1 ซึ่งแสดงว่าจำาเลยที่ 3 กระทำาแทนห้างจำาเลยที่ 1 มิใช่
เป็ นการส่วนตัว และห้างจำาเลยที่ 1 ก็ทราบดีถึงกิจการที่จำาเลยที่ 3
ได้กระทำาและยอมรับเอาเป็ นกิจการที่ทำาแทนห้างจำาเลยที่ 1 ดังนี้
ถือได้ว่าห้างจำาเลยที่ 1 ได้เชิดหรือรู้อยู่แล้วยอมให้จำาเลยที่ 3
แสดงออกเป็ นตัวแทนของตนมีอำานาจกระทำากิจการดังกล่าวแทน
ห้างจำาเลยที่ 1 จึงต้องรับรับผิดต่อโจทก์
อาจารย์ต่อไปจะขอกล่าวถึงผลโดยเฉพาะของการจดทะเบียนห้าง
ห้้นส่วนสามัญ ประกอบด้วย
1. การถือเอาประโยชน์ แก่บ้คคลภายนอกมาตรา 1065
2. การห้ามประกอบกิจการค้าขายแข่งกับห้างมาตรา 1066 ผลการ
ฝ่ าฝื นมาตรา 1067
3. ความรับผิดของห้้นส่วนซึ่งออกจากห้างมาตรา 1068
4. ห้างห้้นส่วนสามัญนิ ติบ้คคลเลิกกันเมื่อห้างฯล้มละลายมาตรา
1069
5. เจ้าหนี้เรียกให้ชำาระหนี้มาตรา 1070
6. การบังคับชำาระหนี้เอาแก่ห้างห้้นส่วนมาตรา 1071
ก่อนอื่นอาจารย์จะพูดถึงข้อจำากัดอำานาจของห้้นส่วนผู้จัดการของ
ห้างห้้นส่วนสามัญมีอย่างไรต้องระบ้ไว้ตามมาตรา 1064(6) อันจะ
ผูกพันบ้คคลภายนอกตามมาตรา 1021,1022 ต่างกับหางห้้นส่วน
สามัญตามมาตรา 1053 ถึงแม้จะมีข้อจำากัดอำานาจของห้้นส่วนคน
ใดคนหนึ่ งในการที่จะผูกพันบ้คคลอื่น ข้อจำากัดนั น
้ ผูกพันเฉพาะผู้
เป็ นห้้นส่วนเท่านั น
้ ไม่ผูกพันบ้คคลภายนอกเพราะเมื่อไม่ได้จด
ทะเบียนบ้คคลภายนอกย่อมไม่รู้
ฎ.1928-30/2528 การเป็ นนิ ติบ้คคลประเภทห้างห้้นส่วนบริษท
ั และ
อำานาจผู้แทนนั น
้ นายทะเบียนต้องแต่งย่อรายการไปลงพิมพ์ในราช
กิจจาน้เบกษาแล้วถือว่ารู้แก่บ้คคลทัง้ ปวงตามมาตรา 1021,1022
จำาเลยให้การแต่เพียงว่าโจทก์เป็ นนิ ติบ้คคลหรือไม่ และ ด. เป็ นผู้มี
อำานาจทำาการแทนตามฟ้ องหรือไม่ ไม่ทราบ มารับรอง คำาให้การ
เป็ นการฝ่ าฝื นข้อสันนิ ษฐานเด็ดขาดตามกฎหมายจึงไม่มีประเด็นที่
จะต้องนำ าสืบ
1.การถือเอาประโยชน์ แก่บ้คคลภายนอกมาตรา 1065
มาตรา 1065 ผู้เป็ นห้้นส่วนอาจถือประโยชน์ แก่บ้คคลภายนอกใน
บรรดาสิทธิอันห้างห้้นส่วนจดทะเบียนนั น
้ ได้มา แม้ในกิจการซึ่งไม่
ปรากฏชื่อของตน
ข้อสังเกต
เหต้ผล เพราะเมื่อจดทะเบียนตามมาตรา 1064(4) แล้ว บ้คคล
ภายนอกย่อมรู้ว่าใครเป็ นห้้นส่วนตามมาตรา 1022 ในการถือเอา
ประโยชน์ ตามมาตรา 1065 ต้องเป็ นการถือในฐานะเป็ นห้้นส่วน จะ
ถือเอาในฐานะส่วนตัวไม่ได้ (มาตรา 1065 นี้หลักกฎหมายจะตรง
กันข้ามกับมาตรา 1049 กรณีห้างห้้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน)
ตัวอย่าง ทองขาวและทองคำาเป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญ
นิ ติบ้คคล โดยทองขาวไปซื้อสินค้าจากทองเคเพื่อมาใช้ในกิจการ
ต่อมาทองเคผิดสัญญากล่าวคือไม่สามารถส่งมอบสินค้าตามที่
กำาหนดได้ แม้ในการซื้อสินค้าจะไม่ปรากฏชื่อของทองคำา ทองคำาก็
สามารถใช้สิทธิเรียกร้องนามห้างได้ แต่จะเรียกร้องในนามของ
ทองคำาเพื่อประโยชน์ ส่วนตนบ่ได้
2.การห้ามประกอบกิจการค้าขายแข่งกับห้างมาตรา 1066 ผลการ
ฝ่ าฝื นมาตรา 1067
มาตรา 1066 ห้ามมิให้ผู้เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ งคนใดในห้างห้้นส่วนจด
ทะเบียนประกอบกิจการอย่างหนึ่ งอย่างใดอันมีสภาพเป็ นอย่าง
เดียวกันและเป็ นการแข่งขันกับกิจการของห้างห้้นส่วนนั น
้ ไม่ว่า
เพื่อประโยชน์ ตนหรือเพื่อประโยชน์ ผู้อ่ ืน หรือไปเข้าเป็ นห้้นส่วนไม่
จำากัดความรับผิดในห้างห้้นส่วนอื่น ซึ่งประกอบกิจการอันมีสภาพ
เป็ นอย่างเดียวกัน และเป็ นการแข่งขันกับกิจการของห้างห้้นส่วน
จดทะเบียนนั น
้ เว้นแต่จะได้รับคำายินยอมของผู้เป็ นห้้นส่วนอื่น
ทัง้ หมด
แต่ข้อห้ามเช่นว่ามานี้ ท่านจะไม่พึงใช้ได้ ถ้าหากผู้เป็ นห้้นส่วนทัง้
หลายได้รู้อยู่แล้วในเวลาเมื่อลงทะเบียนห้างห้้นส่วนนั น
้ ว่า ผู้เป็ น
ห้้นส่วนคนหนึ่ งได้ทำากิจการ หรือเข้าเป็ นห้้นส่วนอยู่ในห้างห้้นส่วน
อื่น อันมีวัตถ้ประสงค์อย่างเดียวกัน และในสัญญาเข้าห้้นส่วนที่ทำา
ไว้นัน
้ ก็ไม่ได้บังคับให้ถอนตัวออก
หลักเกณฑ์มาตรา 1066
(1) ห้ามมิให้ผู้เป็ นห้้นส่วนคนหนึ่ งคนใดในห้างห้้นส่วนจดทะเบียน
ประกอบกิจการอย่างหนึ่ งอย่างใดอันมีสภาพเป็ นอย่างเดียวกันและ
เป็ นการแข่งขันกับกิจการของห้างห้้นส่วนนั น
้ ไม่ว่าเพื่อประโยชน์
ตนหรือเพื่อประโยชน์ ผู้อ่ ืน มีความหมายดังนี้
ก.คำาว่า "ห้้นส่วนคนหนึ่ งคนใด" หมายถึงห้้นส่วนท้กคน(ห้้นส่วนผู้
จัดการหรือห้้นส่วนธรรมดา)
ข.ประกอบกิจการที่มีสภาพเป็ นอย่างเดียวกัน(Business of the
same nature) และเป็ นการแข่งขันกับห้างห้้นส่วน(Competing
with that of the partnership)(หลักการเดียวกับมาตรา 1038 )
(2) ไปเข้าเป็ นห้้นส่วนไม่จำากัดความรับผิดในห้างห้้นส่วนอื่น ซึ่ง
ประกอบกิจการอันมีสภาพเป็ นอย่างเดียวกัน และเป็ นการแข่งขัน
กับกิจการของห้างห้้นส่วนจดทะเบียนนั น
้ เว้นแต่จะได้รับคำา
ยินยอมของผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นทัง้ หมด
การเป็ นห้้นส่วนไม่จำากัดความรับผิดอาจเป็ น
* ห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญ หรือ
* ห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือ
* ห้้นส่วนประเภทไม่จำากัดความรับผิดในห้างห้้นส่วนจำากัด
แต่ที่จะรับผิดต่อเมื่อห้างห้้นส่วนที่เข้าไปห้้นส่วนประเภทไม่จำากัด
ความรับผิดนั น
้ ต้องประกอบกิจการมีสภาพเดียวกันและเป็ นการ
แข่งขันกับห้างห้้นส่วน
ตัวอย่าง นำ้ าเงินเป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญนิ ติบ้คคลแสงชัย
ค้าไม้ มาตรา 1066 ห้ามนำ้ าเงินเป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญ
ว้ฒิธรรมค้าไม้ หรือห้างห้้นส่วนนิ ติบ้คคลแสงเดือนค้าไม้หรือเป็ น
ห้้นส่วนไม่จำากัดความรับผิดในห้างห้้นส่วนจำากัดแสงดาวค้าไม้ ซึ่ง
ประกอบกิจการค้าไม้เช่นเดียวกันและเป็ นการแข่งขันกับห้างห้้น
ส่วนสามัญนิ ติบ้คคลแสงชัยค้าไม้
หากเข้าเป็ นห้้นส่วนจำากัดความรับผิดในห้างห้้นส่วนจำากัด แม้
ประกอบกิจการแข่งขันกฎหมายก็ไม่ห้าม เพราะห้้นส่วนจำากัด
ความรับผิดไม่มีอำานาจจัดกิจการใดในห้างได้
3.ความรับผิดของห้้นส่วนซึ่งออกจากห้างมาตรา 1068
มาตรา 1068 ความรับผิดของผู้เป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนจด
ทะเบียน อันเกี่ยวแก่หนี้ซ่ ึงห้างห้้นส่วนได้ก่อให้เกิดขึ้นก่อนที่ตน
ออกจากห้้นส่วนนั น
้ ย่อมมีจำากัดเพียง 2 ปี นั บแต่เมื่อออกจากห้้น
ส่วน
ข้อพิจารณา
(1) มาตรา 1068 คล้ายกับมาตรา 1051 คือห้้นส่วนเมื่อออกจาก
ห้างห้้นส่วนต้องรับผิดในหนี้สินของห้างที่มีอยู่ก่อนออกจากห้างห้้น
ส่วน แนวคิดเบื้องหลังของมาตรา 1068 มีวัตถ้ประสงค์เพื่อ
ค้้มครองให้เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ผู้เป็ นห้้นส่วนซึ่งได้ถอนตัวจากห้้น
ส่วนหรือผู้เคยเป็ นห้้นส่วน ให้รับผิดชอบร่วมกับห้างห้้นส่วนจด
ทะเบียนซึ่งได้ก่อหนี้ให้เกิดขึ้นก่อนที่ผู้นัน
้ จะออกจากห้้นส่วน
ฎ.1300/2533 จำาเลยที่ 5 เป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญ
๋ เครื่องบิน
นิ ติบ้คคลจำาเลยที่ 1 ในขณะที่จำาเลยที่ 1 เป็ นหนี้ค่าซื้อตัว
โจทก์ แม้ภายหลังจากจำาเลยที่ 5 ได้ออกจากห้้นส่วนไปแล้วก็ยังคง
ต้องรับผิดในหนี้ซ่ ึงจำาเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้น ก่อนที่ตนได้ออก
จากห้้นส่วนไปภายในกำาหนด 2 ปี นั บแต่เมื่อออกจากห้้นส่วนตาม
มาตรา 1068
(2) หนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากตนออกจากห้างห้้นส่วนไม่ต้องรับผิด
ชอบ
(3) กำาหนดความรับผิดเพียง 2 ปี นั บแต่วันที่ออกจากห้้นส่วน ซึ่ง
ต่างกับมาตรา 1051
(4) เป็ นเรื่องกำาหนดความรับผิดของผู้เป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วน
สามัญนิ ติบ้คคลที่ออกจากห้างเท่านั น
้ ไม่ใช่เรื่องอาย้ความ คู่กรณี
จึงตกลงเป็ นอย่างอื่นได้(ฎ.2613/2523)
(5) ต้องเป็ นหนี้ที่เกิดขึ้นภายในขอบวัตถ้ประสงค์ของห้างห้้นส่วน
ตัวอย่าง เอก โท ตรี เป็ นห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนสามัญนิ ติบ้คคลค้า
วัสด้ก่อสร้าง ต่อมาเอกขอลาออกและท้กคนยินยอม หนี้ค่าวัสด้
ภัณฑ์ที่ห้างเป็ นหนี้บ้คคลภายนอกในขณะที่เอกยังเป็ นห้้นส่วนอยู่
เจ้าหนี้จะฟ้ องให้เอกร่วมรับผิดได้ภายในระยะเวลา 2 ปี นั บแต่วันที่
ออกจากห้างห้้นส่วนสามัญนิ ติบ้คคลค้าวัสด้ก่อสร้าง
ข้อสังเกต
คำาว่า " 2 ปี นั บแต่เมื่อออกจากห้้นส่วน" นั บอย่างไร ต้องนั บจากวัน
ที่จดทะเบียน(ฎ.463/2537 การโอนห้้นส่วนในห้างห้้นส่วนจด
ทะเบียนมีผลเมื่อไปจดทะเบียน ต้องถือว่าการออกจากห้้นส่วนเริ่ม
เมื่อวันจดทะเบียน ฎีกานี้ นาย ก.ขายห้้นให้นาย ข.เมื่อวันที่ 25
ต้ลาคม 2527 แต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียน แต่ไปจดทะเบียนวันที่ 17
พฤษภาคม 2528 มีปัญหาว่า 2 ปี เริ่มนั บตรงไหน ศาลฎีกาวินิจฉัย
ว่า ต้องนั บจากวันจดทะเบียนคือวันที่ 17 พฤษภาคม 2528)
ฎ.463/2537 เมื่อจำาเลยที่ 2 โอนขายห้้นทัง้ หมดให้แก่จำาเลยที่ 3
และนายทะเบียนจดรายการเปลี่ยนแปลงผู้ถือห้้นและห้้นส่วนผู้
จัดการลงในทะเบียนนิ ติบ้คคลตัง้ แต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2528
ต้องถือว่าจำาเลยที่ 2 ออกจากการเป็ นห้้นส่วนของห้างห้้นส่วนจำากัด
จำาเลยที่ 1 ไปแล้วตัง้ แต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2528 โจทก์นำาหนี้
ภาษีอากรซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่จำาเลยที่ 2 ออกจากห้้นส่วนไปมาฟ้ องให้
จำาเลยที่ 2 ล้มละลายเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2530 ซึ่งเป็ นเวลาภาย
หลัง 2 ปี นั บแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2528 จำาเลยที่ 2 จึงไม่ต้อง
รับผิดในหนี้ดังกล่าวตามมาตรา 1068 แล้ว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิ
ฟ้ องจำาเลยที่ 2 .ให้ล้มละลายได้ (ฎีกาที่ควรดูเพิ่มเติมคือฎีกาที่
94/2547 วินิจฉัยทำานองเดียวกัน เป็ นฎีกาทีอ
่ าจารย์ประเสริฐได้ให้
ไว้)
4.ห้างห้้นส่วนสามัญนิ ติบ้คคลเลิกกันเมื่อห้างฯล้มละลายมาตรา
1069
มาตรา 1069 นอกจากในกรณีทัง้ หลายที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1055
ท่านว่าห้างห้้นส่วนจดทะเบียนย่อมเลิกกันเมื่อห้างห้้นส่วนนั น
้ ล้ม
ละลาย
ข้อสังเกต เป็ นการขยายเพิ่มเติมมาตรา 1055 เพิ่มเติมในกรณีห้าง
ห้้นส่วนสามัญนิ ติบ้คคลล้มละลาย ห้างห้้นส่วนนั น
้ ต้องเลิกกัน
ฎ.990/2514 ห้างห้้นส่วนสามัญจดทะเบียนซึ่งต้องเลิกกันเมื่อศาล
พิพากษาให้เป็ นบ้คคลล้มละลาย ต่อมาศาลได้มีคำาสัง่ ยกเลิกการล้ม
ละลาย ลูกหนี้ย่อมหล้ดพ้นจากหนี้สินไปทัง้ หมด กลับมามีสภาพ
เช่นเดิม และมีสภาพเป็ นนิ ติบ้คคล จึงมีอำานาจฟ้ องได้
5.เจ้าหนี้เรียกให้ชำาระหนี้มาตรา 1070
มาตรา 1070 เมื่อใดห้างห้้นส่วนซึ่งจดทะเบียนผิดนั ดชำาระหนี้ เมื่อ
นั น
้ เจ้าหนี้ของห้างห้้นส่วนนั น
้ ชอบที่จะเรียกให้ชำาระหนี้เอาแต่ผู้เป็ น
ห้้นส่วนคนใดคนหนึ่ งก็ได้
หลัก ห้างห้้นส่วนนิ ติบ้คคลแม้จะมีสภาพนิ ติบ้คคล แต่กฎหมายก็ให้
สิทธิแก่เจ้าหนี้ที่จะเรียกให้ชำาระหนี้จากห้้นส่วนใดคนหนึ่ งก็ได้ ซึ่งมี
ลักษณะเช่นเดียวกับการคำ้าประกันมาตรา 686 (การที่ต้องให้ห้าง
ผิดตกเป็ นผู้ผิดนั ดก่อนเพราะความรับผิดของห้้นส่วนไม่ได้ร่วมับ
ผิดพร้อมกันกับห้าง แต่มีฐานะเป็ นเสมือนผู้ค้ำาประกัน)
#7
2 March 2009, 15:05
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
6.การบังคับชำาระหนี้เอาแก่ห้างห้้นส่วนมาตรา 1071
มาตรา 1071 ในกรณีที่กล่าวไว้ในมาตรา 1070 นั น
้ ถ้าผู้เป็ นห้้น
ส่วนนำ าพิสูจน์ ได้ว่า
(1) สินทรัพย์ของห้างห้้นส่วนยังมีพอที่จะชำาระหนี้ได้ทัง้ หมดหรือ
บางส่วน และ
(2) การที่จะบังคับเอาแก่ห้างห้้นส่วนนั น
้ ไม่เป็ นการยากฉะนี้ไซร้
ศาลจะบังคับให้เอาสินทรัพย์ของห้างห้้นส่วนนั น
้ ชำาระหนี้ก่อนก็ได้
ส้ดแต่ศาลจะเห็นสมควร
กล่้มที่ ๓ :: ห้างห้้นส่วนจำากัด
* ห้างห้้นส่วนจำากัด
ห้างห้้นส่วนจำากัดกฎหมายกำาหนดไว้ในมาตรา 1077-1095 มี
ทัง้ หมด 19 มาตรา ขอสร้ปหัวข้อที่จะศึกษาดังต่อไปนี้
(1) ลักษณะของห้างห้้นส่วนจำากัด
(2) การจดทะเบียนห้างห้้นส่วนจำากัด
(3) การนำ าบทบัญญัติของห้างห้้นส่วนสามัญมาใช้กับห้างห้้นส่วน
จำากัดโดยอน้โลมมาตรา 1080
(4) ข้อจำากัดสิทธิของห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด
(5) สิทธิของห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด
(6) หน้ าที่และความรับผิดของผู้เป็ นห้้นส่วนต่อบ้คคลภายนอก
(1) ลักษณะของห้างห้้นส่วนจำากัด
นิ ยามของห้างห้้นส่วนจำากัด
มาตรา 1077 อันห้างห้้นส่วนจำากัดนั น
้ คือห้างห้้นส่วนประเภทหนึ่ ง
ซึ่งมีผู้เป็ นห้้นส่วนสองจำาพวก ดังจะกล่าวต่อไปนี้คือ
(1) ผู้เป็ นห้้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งมีจำากัดความรับผิดเพียง
ไม่เกินจำานวนเงินที่ตนรับจะลงห้้นในห้างห้้นส่วนนั น
้ จำาพวกหนึ่ ง
และ
(2) ผู้เป็ นห้้นส่วนคนเดียวหรือหลายคนซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใน
บรรดาหนี้ของห้างห้้นส่วนไม่มีจำากัดจำานวนอีกจำาพวกหนึ่ ง
ห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดมาตรา 1077(1)
1. ต้องมีห้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดอย่างน้ อย 1 คน
2. รับผิดในหนี้สินจำากัดเพียงไม่เกินจำานวนเงินที่รับจะลงห้้น
3. ไม่ต้องรับผิดในหนี้สินของห้างร่วมกัน
4. ค้ณสมบัติของผู้เป็ นห้้นส่วนไม่ถือเป็ นสาระสำาคัญ
ห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิดมาตรา 1077(2)
1. ต้องมีห้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิดอย่างน้ อย 1 คน
2. รับผิดในหนี้สินของห้างโดยไม่จำากัดจำานวน
3. ต้องรับผิดในหนี้สินของห้างร่วมกันอย่างลูกหนี้ร่วม
4. ค้ณสมบัติของผู้เป็ นห้้นส่วนถือเป็ นสาระสำาคัญ
(2) การจดทะเบียนห้างห้้นส่วนจำากัด
มาตรา 1078 วรรคหนึ่ ง อันห้างห้้นส่วนจำากัดนั น
้ ท่านบังคับว่าต้อง
จดทะเบียน การลงทะเบียน ต้องมีรายการ............
ข้อสังเกต
ห้างห้้นส่วนจำากัดต้องจดทะเบียนเป็ นนิ ติบ้คคลตามมาตรา 1078
ผลการจดทะเบียนมีดังนี้
* เป็ นนิ ติบ้คคลต่างหากจากผู้เป็ นห้้นส่วน(ฎ.1012/2493)
* วัตถ้ประสงค์ของห้างก็ต้องจดทะเบียนไว้ให้ชัดเจน
เมื่อจดทะเบียนแล้วห้างห้้นส่วนจำากัดไม่ต้องรับผิดในการกระทำาซึ่ง
อย่น
ู อกขอบวัตถ้ประสงค์ของห้างฯที่จดทะเบียนไว้(ฎ.41/2509)
ถ้าห้างฯได้รับเอาประโยชน์ จากการกระทำาหรือจากสัญญาที่นอก
เหนื อขอบวัตถ้ประสงค์แล้ว ห้างฯก็ต้องรับผิด(2004/251) นอกจาก
นี้ ยังต้องรับผิดในการกระทำาของห้้นส่วนผู้จัดการซึ่งกระทำาภายใน
ขอบวัตถ้ประสงค์(ฎ.1463-4/2518) หรือเกี่ยวเนื่ องกับ
วัตถ้ประสงค์ของห้างห้้นส่วนจำากัด(ฎ.553/2497)
กล่้มที่ ๔ :: ห้างห้้นส่วนจำากัดไม่จดทะเบียน
* ในกรณีที่ห้างห้้นส่วนจำากัดยังไม่ได้จดทะเบียน ความรับผิดของ
ห้้นส่วนจะเป็ นอย่างใด
มาตรา 1079 อันห้างห้้นส่วนจำากัดนั น
้ ถ้ายังมิได้จดทะเบียนอยู่
ตราบใด ท่านให้ถือว่าเป็ นห้างห้้นส่วนสามัญซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วน
ทัง้ หมดย่อมต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างห้้นส่วนโดย
ไม่มีจำากัดจำานวน จนกว่าจะได้จดทะเบียน
แนวฎีกา
ฎ.992/2521 เดิมจำาเลยที่ 2 ประกอบกธ้รกิจการค้าอยู่ก่อนแล้ว
ต่อมาได้ขยายกิจการโยตัง้ เป็ นห้างห้้นส่วนจำากัดจำาเลยที่ 1 ขึ้นมา
มีบ้ตรภริยาของจำาเลยที่ 2 เป็ นห้้นส่วน จำาเลยที่ 2 เป็ นห้้นส่วนผู้
จัดการ แต่ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็ นห้างห้้นส่วนจำากัด ระหว่างนั น
้
จำาเลยที่ 2 สัง่ ซื้อสินค้าจากโจทก์ในนามห้างฯจำาเลยที่ 1 ดังนั น
้ แม้
มาตรา 1078 จะบังคับว่าห้างห้้นส่วนจำากัดต้องจดทะเบียน แต่
มาตรา 1079 ก็บัญญัติไว้ว่า ถ้ายังมิได้จดทะเบียนอยู่ตราบใด ท่าน
ให้ถือว่าเป็ นห้างห้้นส่วนสามัญ ซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนทัง้ หมดย่อมต้องรับ
ผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ของห้างห้้นส่วนโดยไม่จำากัดจำานวนจนกว่า
จะได้จดทะเบียน ดังนั น
้ จำาเลยที่ 2 ผู้เป็ นห้้นส่วนจึงต้องรับผิดใน
บรรดาหนี้สินของห้างห้้นส่วนจำาเลยที่ 1 อันมีอยู่ก่อนที่ได้จด
ทะเบียน
ฎ.4193/2533 จำาเลยได้ตกลงนำ าที่ดินมาลงห้้นตัง้ แต่ห้าง พ.ยังมิได้
จดทะเบียนเป็ นห้างห้้นส่วนจำากัด ในขณะนั น
้ ห้าง พ.จึงไม่มีสภาพ
เป็ นนิ ติบ้คคล แต่ถือว่าเป็ นห้างห้้นส่วนสามัญตามมาตรา 1079
เมื่อจำาเลยนำ าที่ดินมาลงห้้นกรรมสิทธิใ์ นที่ดินจึงตกเป็ นของห้าง
พ.ตัง้ แต่นัน
้ เป็ นต้น ส่วนมาตรา 1030 บัญญัติว่าความเกี่ยวพัน
ระหว่างผู้เป็ นห้้นส่วนกับห้างในเรื่องส่งมอบให้บังคับตามบทบัญญัติ
ว่าด้วยซื้อขายนั น
้ เป็ นเรื่องการส่งมอบทรัพย์หาได้บัญญัติเกี่ยวกับ
กรรมสิทธิไ์ ม่ ฉะนั น
้ ในระหว่างจำาเลยกับห้าง พ.ต้องถือว่า
กรรมสิทธิใ์ นที่ดินได้ตกเป็ นของห้าง พ.ตัง้ แต่เวลาที่นำามาลงห้้น
แล้ว จำาเลยหาอาจจะอ้างเอาการไม่จดทะเบียนมาเป็ นเหต้ว่าที่ดิน
ยังคงเป็ นของตนได้ไม่(ฎ.794/2536 ทำานองเดียวกัน)
ข้อสังเกต
เมื่อห้างห้้นส่วนสามัญได้จดทะเบียนเป็ นห้างห้้นส่วนจำากัดแล้ว
ย่อมมีผลให้ห้างห้้นส่วนจำากัดนั น
้ มารับผิดในหนี้ที่ผู้เป็ นห้้นส่วนได้
จัดทำาไปในทางที่เป็ นธรรมดาการค้าขายของห้างนั น
้ ด้วย แม้จะเป็ น
หนี้ที่เกิดก่อนการจดทะเบียนห้างก็ตาม(ฎ.386/2519) ทัง้ นี้ เพราะ
ถือว่าเป็ นหนี้ของห้างห้้นส่วนนั น
้ เอง ส่วนผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกไม่
จำากัดความรับผิดด้วยกัน ก็ต้องรับผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ห้างตาม
มาตรา 1077(2) แม้เมื่อห้างห้้นส่วนจะได้จดทะเบียนแล้ว
(ฎ.992/2521)
ฎ.386/2519(ออกสอบเนติฯสมัยที่ 54) จำาเลยที่ 3,4 ได้ร่วมกับ
จำาเลยที่ 2 ตัง้ โรงงานแก้วขึ้นผลิตขวดยาและเครื่องแก้วออก
จำาหน่ ายหากำาไร ในระหว่างที่โรงงานแห่งนี้ยังมิได้จดทะเบียนเป็ น
ห้างห้้นส่วนจำากัด จำาเลยที่ 2 ได้ซ้ ือสินค้าจากโจทก์เพื่อนำ าไปใช้ใน
กิจการของโรงงานแล้วไม่ชำาระราคา จำาเลยที่ 3.,4 ต้องรับผิดหนี้ค่า
ซื้อสินค้านั น
้ ร่วมกับจำาเลยที่ 2 ตามมาตรา 1079 และต่อมาโรงงาน
นั น
้ ได้จดทะเบียนเป็ นห้างห้้นส่วนจำากัดจำาเลยที่ 1 จำาเลยที่ 1 ก็
ต้องร่วมผิดในหนี้รายนี้ด้วย (หมายเหต้ ฎีกาที่ 386/2519 คดีนี้
ศาลตัดสินให้นิติบ้คคลซึ่งจดทะเบียนภายหลัง ต้องรับผิดในหนี้ที่
เกิดขึ้นก่อนการจดทะเบียนห้างห้้นส่วนจำากัด เพราะข้อเท็จจริง
ปรากฏว่าห้างได้ใช้ประโยชน์ จากกิจการหรือการกระทำาที่เกิดขึ้น
ก่อนการจดทะเบียน)
#8
2 March 2009, 15:10
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
ตัวอย่าง เช่น
* ผู้เป็ นห้้นส่วนไม่จำากัดความรับผิดจะต้องรับผิดในหนี้ของห้าง ต่อ
เมื่อห้างผิดนั ดตามมาตรา 1070 ประกอบด้วยมาตรา
1080(ฎ.1306/2530,490/2520)
* ห้้นส่วนไม่จำากัดความรับผิดออกไปจากแล้วต้องรับผิดในหนี้ที่เกิด
ขึ้นก่อนที่ตนจะออกไปมีกำาหนดเวลา 1 ปี ตามมาตรา
1068(ฎ.3103/2533,3301/2534)
ฎ.3103/2533 จำาเลยที่ 3 เคยเป็ นห้้นส่วนผู้จัดการของจำาเลยที่ 1
ตัง้ แต่วันที่ 13 กรกฏาคม 2514 ถึง 7 กันยายน 2526 โจทก์ฟ้อง
คดีนี้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2528 ก่อนครบกำาหนด 2 ปี นั บแต่
จำาเลยที่ 3 ออกจากห้้นส่วนผู้จัดการ จำาเลยที่ 3 จึงยังคงรับผิดใน
หนี้ของห้างอยู่ตามมาตรา 1068 ,1080 วรรคหนึ่ ง
* ห้้นส่วนไม่จำากัดความรับผิดในห้างห้้นส่วนจำากัด ห้ามไม่ให้ทำาการ
ค้าแข่งขันกับห้าง โดยนำ ามาตรา 1066,1067 ของห้างห้้นส่วนจด
ทะเบียนมาใช้ (ไม่นำามาตรา 1038 มาใช้บังคับ)
(4) ข้อจำากัดสิทธิของห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด
ตามที่กฎหมายได้จำากัดความรับผิดของห้้นส่วนประเภทจำากัดความ
รับผิดไว้ไม่เกินจำานวนห้้นที่รับจะลงห้้นส่วน ดังนั น
้ จึงต้องจำากัด
สิทธิบางประการ
4.1 ห้ามเอาชื่อมาเรียกขานระคนปนชื่อห้าง
มาตรา 1081 ห้ามมิให้เอาชื่อของผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความ
รับผิดมาเรียกขานระคนเป็ นชื่อห้าง
4.2 ห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดแสดงให้บ้คคลภายนอกเข้าใจ
ว่าตนลงห้้นไว้มากกว่าที่ได้จดทะเบียนต้องรับผิดเท่าถึงจำานวน
เพียงนั น
้
มาตรา 1085 ถ้าผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดได้แสดงตน
ด้วยจดหมายหรือใบแจ้งความหรือด้วยวิธีอย่างอื่นให้บ้คคล
ภายนอกทราบว่าตนได้ลงห้้นไว้มากว่าจำานวนซึ่งได้จดทะเบียน
เพียงใด ท่านว่าผู้นัน
้ จะต้องรับผิดเท่าถึงจำานวนนั น
้
4.3 ห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดจะจัดการงานของห้างห้้นส่วน
จำากัดไม่ได้
มาตรา 1087 อันห้างห้้นส่วนจำากัดนั น
้ ท่านว่าต้องให้แต่เฉพาะผู้
เป็ นห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิดเท่านั น
้ เป็ นผู้จัดการ
ข้อสังเกต
(1) ต้องจำาครับ กฎหมายกำาหนดให้เฉพาะห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัด
ความรับผิดเท่านั น
้ ทีจ
่ ะเป็ นห้้นส่วนผู้จัดการ
(ฎ.4473/2542(ป),8840/2543,650/2545) แต่ห้นส่วนจำาพวก
จำากัดความรับผิดเป็ นห้้นส่วนผู้จัดการไม่ได้ แต่ถ้าห้้นส่วนจำาพวก
จำากัดสอดเข้าไปจัดการงานของห้างห้้นส่วนจำากัด ห้้นส่วนจำาพวก
จำากัดต้องรับผิดแบบไม่จำากัดต่อบ้คคลภายนอกตามมาตรา 1088
ฎ. 4473/2542(ป) มาตรา 1077(2) และ 1087 ระบ้ว่าผู้เป็ นห้้น
ส่วนประเภทไม่จำากัดความรับิดต้องร่วมรับผิดในบรรดาหนี้ของห้าง
โดยไม่จำากัดจำานวนและผู้เป็ นห้้นส่วนผู้จัดการจะมีได้เฉพาะห้้นส่วน
ประเภทไม่จำากัดความรับผิดเท่านั น
้ เมื่อหนี้ที่เจ้าหนี้นำามาขอรับ
ชำาระหนี้เป็ นของลูกหนี้ที่ 1 ซึ่งเป็ นลูกหนี้ที่ 2 ในฐานะห้้นส่วนผู้
จัดการต้องรับผิดในบรรดาหนี้ของลูกหนี้ที่ 1 โดยไม่จำากัดจำานวน
เจ้าหนี้ตามคำาพิพากษาชอบที่จะนำ ามูลหนี้ดังกล่าวมาขอรับชำาระหนี้
จากลูกหนี้ทัง้ สองได้
(2) ตามหนั งสือรับรองการจดทะเบียนห้างห้้นส่วนจำากัดไม่มีข้อ
กำาหนดว่าการลงลายมือชื่อของห้้นส่วนผู้จัดการต้องประทับตราห้าง
ด้วย ดังนั น
้ เมื่อผู้เป็ นห้้นส่วนผู้จัดการกระทำาแทนห้าง แม้จะไม่ได้
ประทับตราห้าง ก็ผูกพันห้างห้้นส่วนจำากัดด้วย(ฎ.3344/2541)
ฎ.3344/2541 โจทก์แจ้งว่าให้จำาเลยที่ 1 นำ าเงินค่าไม้ส่วนที่ค้าง
ชำาระไปชำาระแก่โจทก์ แม้จำาเลยที่ 2 :ซึ่งเป็ นห้้นส่วนผู้จัดการของ
ห้างห้้นส่วนจำากัดจำาเลยที่ 1 ได้ลงลายมือชื่อในหนั งสือรับสภาพหนี้
โดยไม่มีตราสำาคัญของจำาเลยที่ 1 ประทับก็ตาม แต่จำาเลยที่ 2 เป็ น
ห้้นส่วนผู้จัดการของจำาเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดในฐานะส่วนตัวกับ
จำาเลยที่ 1 ด้วย ซึ่งตามหนั งสือรับรองการจดทะเบียนก็ไม่มีข้อ
จำากัดอำานาจห้้นส่วนผู้จัดการและไม่มีข้อกำาหนดว่าการลงลายมือชื่อ
ของจำาเลยที่ 2 ต้องประทับตราห้างจำาเลยที่ 1 ด้วย จึงมีอำานาจทำา
แทนจำาเลยที่ 1 และมีผลทำาให้อาย้ความสะด้ดหย้ดลงในวันทีท
่ ำา
บันทึกตามมาตรา 193/14(1) และให้เริ่มนั บอาย้ความใหม่ตัง้ แต่
นั น
้ ตามมาตรา 193/15
(3) ผู้เป็ นห้้นส่วนผู้จัดการซึ่งได้พ้นจากห้้นส่วนผู้จัดการไปแล้ว แต่
ยังคงกระทำาในลักษณะที่จัดการงานของห้าง และห้างก็ทราบถึง
การกระทำาดังกล่าวดี ทัง้ ยังยอมรับเอาการนั น
้ เป็ นการเชิดอดีตห้้น
ส่วนผู้จัดการดังกล่าวจากการเป็ นตัวแทนของห้างตามมาตรา 821
จึงต้องรับผิดต่อบ้คคลภายนอกผู้ส้จริต ในการกระทำาของอดีตห้้น
ส่วนผู้จัดการซึ่งเป็ นตัวแทนเชิดนั น
้ ด้วย(ฎ.2579/2516)
(4) การฟ้ องคดีถือเป็ นการจัดงานของห้างห้้นส่วนจำากัดด้วย และ
เฉพาะแต่ห้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิดเท่านั น
้ ที่มีอำานาจฟ้ อง
ห้้นส่วนจำากัดความรับผิดหาได้มีอำานาจไม่
(ฎ.930/2537,2337/2519)
ฎ.2337/2519 การที่ห้นส่วนผู้จัดการของห้างห้้นส่วนจำากัดโอนขาย
ที่ดินของห้างห้้นส่วนจำากัดเพื่อชำาระหนี้จำานองของห้างเป็ นการจัด
กิจการของห้างอย่างหนึ่ งซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนผู้จัดการมีอำานาจหน้ าที่ที่
จะทำาได้ ผู้เป็ นห้้นส่วนจำากัดความรับผิดไม่มีอำานาจฟ้ องขอให้เพิก
ถอนการโอนขายที่ดินดังกล่าว เพราะการฟ้ องคดีเป็ นการจัดกิจการ
ของห้างอย่างหนึ่ งซึ่งเป็ นอำานาจของห้้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็ นห้้นส่วน
จำากัดความรับผิดไม่มีอำานาจฟ้ อง
ฎีกาเพิ่มเติม
ฎ.2539-40/2529 ห้้นส่วนผู้จัดการของห้างห้้นส่วนจำากัดโจทก์มี 3
คน และไม่มีข้อจำากัดอำานาจของห้้นส่วนผู้จัดการ ห้้นส่วนผู้จัดการ
คนใดคนหนึ่ งย่อมมีสิทธิกระทำากจิการในนามของห้างโจทก์ได้ การ
ที่ น.ห้้นส่วนผู้จัดการคนหนึ่ งมอบอำานาจให้ จ.ฟ้ องคดีจึงเป็ นการ
ชอบแล้ว(ฎ.1382/2519 ทำานองเดียวกัน)
4.4 การสอดเข้าไปจัดการงานของห้างห้้นส่วนจำากัดของห้้นส่วน
ประเภทจำากัดความรับผิด
มาตรา 1088 ถ้าผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดผู้ใดสอด
เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างห้้นส่วน ท่านว่าผู้นัน
้ จะต้องรับ
ผิดร่วมกันในบรรดาหนี้ทัง้ หลายของห้างห้้นส่วนนั น
้ โดยไม่จำากัด
จำานวน
แต่การออกความเห็นและแนะนำ าก็ดี ออกเสียงเป็ นคะแนนนับใน
การตัง้ และถอดถอนผู้จัดการตามกรณีที่มีบังคับไว้ในสัญญาห้้นส่วน
นั น
้ ก็ดี ท่านหานับว่าเป็ นการสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของ
ห้างห้้นส่วนนั น
้ ไม่
ข้อสังเกต มาตรา 1088 วรรคแรก ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ดังนี้
(1) เฉพาะห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด
(2) สอดเข้าไป(Interfers) เกี่ยวข้องจัดการงานของห้างห้้นส่วน
(ตามกฎหมายห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิดเท่านั น
้ ที่มีอำานาจ
จัดการงานของห้างตามที่ได้อธิบายมาในมาตรา 1087)
- สอดเข้าไป(Interfers)หมายถึงการที่เข้าไปเกี่ยวข้องในทางขัด
ขวางหรือในทางช่วยเหลือก็ได้
- สอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้าง หมายความถึง
ก.การเข้าไปจัดการงานของห้าง ทัง้ ที่ได้รับมอบหมายหรือยินยอม
เห็นชอบจากผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นหรือผู้จัดการ
(ฎ.1880/2514,2066/2545,2448/2518 เนติฯสมัยที่ 56
691/2524)
ฎ.1880/2514 ห้างห้้นส่วนจำากัดมอบอำานาจให้ห้นส่วนจำาพวกจำากัด
ความรับผิดผู้หนึ่ งกระทำาการแทนห้าง เมื่อห้้นส่วนนั น
้ ได้ทำาสัญญา
ขายปอให้แก่โจทก์ในนามของห้างห้้นส่วน ห้างห้้นส่วนต้องรับผิด
ต่อโจทก์ตามสัญญาที่ห้นส่วนได้ทำาไว้นัน
้ การที่ห้นส่วนจำาพวก
จำากัดความรับผิดได้เข้าทำาสัญญาขายปอในนามของห้างห้้นส่วน
จำากัดโดยลงชื่อตนเองและประทับตราของห้าง ถือว่าเป็ นการสอด
เข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของห้างห้้นส่วน ห้้นส่วนผู้นัน
้ จึงต้องรับ
ร่วมรับผิดชอบตามสัญญาด้วย
ฎ.2066/2545 จำาเลยที่ 2 ซึ่งเป็ นห้้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดร่วม
กับห้างห้้นส่วนจำากัดจำาเลยที่ 1 ส่วนจำาเลยที่ 3 ซึ่งเป็ นห้้นส่วน
จำาพวกจำากัดความรับผิด แต่เป็ นผู้ติดต่อส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ
และได้รับมอบอำานาจจากจำาเลยที่ 1 ให้สัง่ จ่ายเช็คได้ทัง้ จำาเลยที่ 3
ยังได้ทำาบันทึกความเข้าใจพร้อมประทับตราสำาคัญของจำาเลยที่ 1
ด้วย โดยทำาในนามของจำาเลยที่ 1 ถือได้ว่าจำาเลยที่ 3 ซึ่งเป็ นห้้น
ส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดสอดเข้าไปเกี่ยวข้องจัดการงานของ
จำาเลยที่ 1 จำาเลยที่ 3 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำาเลยที่ 1,2 ต่อโจทก์
โดยไม่จำากัดความรับผิดตามมาตรา 1088 วรรคหนึ่ ง
ข.การเข้าไปจัดการโดยพลการที่ไม่ได้รับมอบหมายให้กระทำา
ตัวอย่าง ห้างห้้นส่วนจำากัดฟ้ าใส มีนายฑิตเป็ นห้างห้้นส่วนผู้จัดการ
มีนายย้ติเป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด นายฑิตไปต่าง
ประเทศจึงได้มอบหมายให้นายย้ติเป็ นผู้จัดการงานของห้างแทน
ตนที่ไปต่างประเทศ ถือว่านายย้ติห้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด
เข้าไปจัดการงานของห้างถือว่าเป็ นการสอดเข้าจัดการงานของห้าง
(3) ห้้นส่วนผู้จำาพวกจำากัดความรับผิดผู้นัน
้ ต้องรับผิดในบรรดาหนี้
ของห้าง โดยไม่จำากัดจำานวน
ข้อควรระลึกอยู่เสมอ การรับผิดไม่จำากัดจำานวนกรณีที่ห้นส่วน
จำาพวกจำากัดความรับผิดสอดเข้าไปจัดการงานของห้างต้องเป็ น
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับบ้คคลภายนอก และรับผิดไม่จำากัดจำานวน
เฉพาะที่ตนสอดเข้าไปจัดการเท่านั น
้ แต่ระหว่างห้้นส่วนด้วยกันเอง
ก็ยังรับผิดจำากัดจำานวนตามสัญญาเดิม(ดูฎ.5844/2537 เป็ นฎีกาที่
น่ าสนใจ)
หากบ้คคลภายนอกสอดเข้าไปจัดการงานของห้าง กรณีไม่ต้องด้วย
มาตรา 1088 เพราะมาตรา 1088 ใช้ในกรณีที่ห้นส่วนจำาพวกจำากัด
ความรับผิดสอดเข้าไปจัดการงานของห้าง(ฎ.3452/2529)
ข้อควรระมัดระวัง
ห้้นส่วนจำากัดที่สอดเข้าไปจัดงานของห้างไม่ต้องรับผิดในหนี้ที่เกี่ยว
กับการจ้างแรงงานของห้าง(ฎ.2510.2523,2510/2526)
ฎ.2510/2526 ห้้นส่วนจำากัดความรับผิดสอดเข้าไปจัดการงานของ
ห้าง ถึงแม้จะสอดเข้าไปจัดการงานของห้าง ก็ไม่ต้องรับผิดในหนี้
สินที่เกี่ยวกับการจ้างแรงงานของลูกจ้างห้าง เพราะหนี้ดังกล่าวเป็ น
หนี้ที่นายจ้างต้องรับผิดต่อนายจ้าง ห้้นส่วนจำากัดความรับผิดไม่มี
ความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิด
บทบัญญัติมาตรา 1088 เป็ นกรณีที่ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัด
ความรับผิดทำาผิดหน้ าที่ จึงต้องรับผิดในหนี้อันเกี่ยวกับกิจการที่
สอดเข้าไปเกี่ยวข้องต่อบ้คคลภายนอก มิใช่ต้องรับผิดในหนี้อันเกิด
จากความสัมพันธ์ในฐานะนายจ้างและลูกจ้าง
ข้อสังเกตมาตรา 1088 วรรสอง
มาตรา 1088 วรรคสอง แต่การออกความเห็นและแนะนำ าก็ดี ออก
เสียงเป็ นคะแนนนับในการตัง้ และถอดถอนผู้จัดการตามกรณีที่มี
บังคับไว้ในสัญญาห้้นส่วนนั น
้ ก็ดี ท่านหานั บว่าเป็ นการสอดเข้าไป
เกี่ยวข้องจัดการงานของห้างห้้นส่วนนั น
้ ไม่
* หลักเกณฑ์ กรณีที่ไม่ถือว่าเป็ นการสอดเข้าไปจัดการ
(1) การออกความเห็นและนำ านำ า
(2) การออกเสียงเป็ นคะแนนนั บในการตัง้ และถอดถอนผู้จัดการ
ในกรณีที่สัญญาตัง้ ห้างห้้นส่วนบังคับไว้(ฎ.3051/2529 เนติฯสมัยที่
47)
ฎ.3051/2529 ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด จะตัง้ หรือ
ถอดถอนผู้จัดการห้างห้้นส่วนจำากัดได้ก็แต่โดยสัญญาห้างห้้นส่วน
เท่านั น
้ ตามมาตรา 1088 วรรคสอง หากไม่มีสัญญาห้างห้้นส่วนให้
สิทธิไว้ ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดไม่มีสิทธิเข้าไปออก
ความคิดเห็น แนะนำ าหรือลงคะแนนตัง้ หรือถอดถอนผู้จัดการงาน
ของห้างห้้นส่วน
#9
2 March 2009, 15:11
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
(5) สิทธิของห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด
5.1 ผู้เป็ นห้้นส่วนจำากัดความรับผิดเป็ นผู้ชำาระบัญชีได้
มาตรา 1085 ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดนั น
้ จะตัง้ ให้
เป็ นผู้ชำาระบัญชีของห้างห้้นส่วนก็ได้
ข้อสังเกต
(1) แม้ห้างห้้นส่วนจำากัดจะได้เลิกกันแล้ว แต่ถ้ายังอยู่ในระหว่าง
การชำาระบัญชีห้าง ต้องถือว่าห้างห้้นส่วนจำากัดนั น
้ ยังคงตัง้ อยู่ตลอด
เวลาที่จำาเป็ นเพื่อการชำาระบัญชี(ฎ.490/2518,2183/2518)
๋ สัญญา
ฎ.490/2518 ผู้จัดการห้างห้้นส่วนซึ่งเป็ นผู้ชำาระบัญชีออกตัว
ใช้เงินในฐานะผู้จัดการห้างห้้นส่วนนิ ติบ้คคล ถือว่าห้างห้้นส่วนยัง
คงอยู่ตลอดเวลาที่จำาเป็ นเพื่อชำาระบัญชี ห้างห้้นส่วนต้องรับผิดตาม
๋ นั น
ตัว ้
(2) แม้ห้างห้้นส่วนจำากัดได้จดทะเบียนเลิกห้างต่อนายทะเบียนแล้ว
แต่การชำาระบัญชีห้างยังไม่เสร็จสิ้นลงนั น
้ สภาพนิ ตบ
ิ ้คคลของห้าง
ยังคงอยู่ ยังไม่สิ้นส้ดลง(ฎ.2390/2541)
ฎ.2390/2541 แม้ห้างห้้นส่วนจำากัดจำาเลยที่ 1 จดทะเบียนเลิกห้าง
ต่อนายทะเบียนไว้แล้ว ก่อนจะถูกโจทก์ฟ้องให้ล้มละลาย แต่การ
ชำาระบัญชีก็ยังไม่เสร็จ ถือได้ว่าสภาพนิ ติบ้คคลของจำาเลยที่ 1 ยัง
คงอยู่ต่อไป โจทก์มีอำานาจฟ้ อง
5.2 ห้้นส่วนจำากัดความรับผิดสามารถดำาเนิ นกิจการค้าขายแข่งกับ
ห้างห้้นส่วนจำากัดที่ตนเป็ นห้้นส่วนได้
มาตรา 1090 ผู้เป็ นห้้นส่วนจำากัดความรับผิดจะประกอบการค้าขาย
อย่างใดๆเพื่อประโยชน์ ตนหรือเพื่อประโยชน์ บ้คคลภายนอกก็ได้
แม้ว่าการเช่นนั น
้ จะมีสภาพเป็ นอย่างเดียวกันกับการค้าขายของ
ห้างห้้นส่วนก็ไม่ห้าม
ข้อสังเกต เบื้องหลังมาตรา 1090 เนื่ องจากห้้นส่วนจำาพวกจำากัด
ความรับผิดไม่มีอำานาจจัดการงานของห้าง(มาตรา 1087 ห้้นส่วน
จำาพวกไม่จำากัดความรับผิดเท่านั น
้ ที่เป็ นห้้นส่วนผู้จัดการ) ต่างกับ
ห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิด นั น
้ กฎหมายห้ามประกอบ
กิจการค้าที่มีสภาพด้จเดียวกันและเป็ นการแข่งขันกับห้างตาม
มาตรา 1066 ประกอบมาตรา 1080
5.3 การโอนห้้นของห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด
มาตรา 1091 ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดจะโอนห้้นของ
ตนปราศจากความยินยอมของผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นๆก็ได้
เหต้ผล เนื่ องจากค้ณสมบัติของผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับ
ผิดในห้างห้้นส่วนจำากัดไม่ใช่สาระสำาคัญ
ฎ.5562/2538 (เนติฯสมัยที่ 55) มาตรา 1080,1040 เป็ นกรณีที่ผู้
เป็ นห้้นส่วนของห้างห้้นส่วนสามัญจะโอนห้้นของตนให้บ้คคล
ภายนอกหรือชักนำ าบ้คคลภายนอกเข้ามาเป็ นห้้นส่วนโดยไม่ได้รับ
ความยินยอมจากผู้เป็ นห้้นส่วนทัง้ หมดไม่ได้ บทบัญญัติดังกล่าวนำ า
มาใช้กับห้างห้้นส่วนจำากัดด้วยโดยอน้โลม
ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิดจะโอนห้้นขงอตนให้บ้คคล
ภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เป็ นห้้นส่วนอื่นไม่ได้ แต่
สำาหรับห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดนั น
้ จะโอนห้้นให้แก่บ้คคล
ภายนอกได้โดยลำาพัง ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เป็ นห้้นส่วน
คนอื่นตามมาตรา 1091 บัญญัติไว้ เพราะผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวก
จำากัดความรับผิดมีสิทธิ อำานาจหน้ าที่และความรับผิด ค้ณสมบัติ
ของผู้ที่จะเป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดมิใช่สาระสำาคัญ และ
การเป็ นห้้นส่วนจำาพวกดังกล่าวไม่เป็ นการเฉพาะตัว ดังนั น
้ เมื่อ
โจทก์ที่ 1 เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด โจทก์ที่ 1 จึงอาจ
โอนห้้นส่วนของตนได้เองโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เป็ น
ห้้นส่วนอื่น(ให้ฎ.1227/2481,464/2501 ทำานองเดียวกัน)
* สร้ปหลักกฎหมาย
1. ห้้นส่วนจำาพวกไม่จำากัดความรับผิด ในการโอนห้้นให้บ้คคบล
ภายนอกต้องได้รับความยินยอมจากห้้นส่วนท้กคน
2. ห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด ในการโอนห้้นให้บ้คคลอื่น ไม่
ต้องได้รับความยินยอมจากห้้นส่วนคนอื่น
5.4 ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดตาย/ล้มละลาย/เป็ นคน
ไร้ความสามารถ
มาตรา 1092 การที่ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดตายก็ดี
ล้มละลาย หรือตกเป็ นคนไร้ความสามารถก็ดี หาเป็ นเหต้ให้ห้างห้้น
ส่วนจำากัดต้องเลิกกันไม่ เว้นแต่จะได้มีข้อสัญญากันไว้เป็ นอย่างอื่น
ข้อสังเกต จากมาตรา 1090-1092 ในห้างห้้นส่วนจำากัด กม.มิได้
ถือค้ณสมบัติของห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดเป็ นสาระสำาคัญ
2) ความรับผิดของห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดโดยปกติต้อง
รับผิดไม่เกินจำานวนเงินที่ตนรับจะลงห้้นในห้างห้้นส่วน(มาตรา
1077(1)) แต่อย่างไร เจ้าหนี้ของห้างห้้นส่วนจำากัดจะฟ้ องห้้นส่วน
จำาพวกจำากัดความรับผิดในทันทีไม่ได้ จะฟ้ องได้ต้องรอเมื่อห้างเลิก
แล้วเท่านั น
้ (ฎ.1035/2520)
ฎ.1035/2520 ห้างห้้นส่วนจำากัดเชิด ก.ผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัด
ความรับผิดเป็ นผู้มีอำานาจจัดการงานของห้าง ห้างต้องรับผิดในหนี้
ของที่ ก.ก่อขึ้นในกิจการของห้าง ซึ่ง ก.ได้สอดเข้าไปเกี่ยวข้อง
จัดการงานของห้าง ส่วน ข.ห้้นส่วนผู้จัดการห้างต้องรับผิดร่วม
สำาหรับ ค.ผู้รับโอนห้้นของ ก.นั น
้ เมื่อห้างยังไม่เลิกก็ฟ้อง ค.รับผิด
ด้วยไม่ได้ตามมาตรา 1095
มาตรา 1095 วรรคสอง แต่เมื่อห้างห้้นส่วนนั น
้ ได้เลิกกันแล้ว เจ้า
หนี้ของห้างมีสิทธิฟ้องร้องผู้เป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดได้
เพียงจำานวนดังนี้ คือ
(1) จำานวนลงห้้นของผู้เป็ นห้้นส่วนเท่าทีย
่ ังค้างส่งแก่ห้างห้้นส่วน
เช่น นายธงเขียวเป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิดในห้างห้้น
ส่วนจำากัด โดยนายธงเขียวรับจะลงห้้นเป็ นเงิน 10 ล้านบาท และ
ชำาระจริงไปแล้ว 6 ล้านบาท เหลือ 4 ล้านบาท หากห้างดังกล่าว
เลิกเจ้าหนี้ของห้างมีสิทธิเรียกให้นายธงเขียวชำาระเงิน 4 ล้านบาท
(2) จำานวนลงห้้นเท่าที่ผู้เป็ นห้้นส่วนได้ถอนไปจากสินทรัพย์ของ
ห้างห้้นส่วน
เช่น ฟ้ าเป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด โดยรับจะลงห้้นเป็ น
เงิน 90,000 บาท ต่อมาขอลดจำานวนห้้นลงเป็ นเงิน 400,000 บาท
โดยท้กคนยินยอม แต่ไม่ได้จดทะเบียนลดห้้น หากห้างเลิกเจ้าหนี้
ของห้างมีสิทธิเรียกให้ฟ้าชำาระได้ตามจำานวนเดิม 900,000 บาท
(3) จำานวนเงินปั นผลและดอกเบี้ยซึ่งผู้เป็ นห้้นส่วนได้รับไปแล้วโย
ท้จริตและฝ่ าฝื นต่อบทมาตรา 1084
เช่น เอกเป็ นห้้นส่วนจำาพวกจำากัดความรับผิด จะได้ดอกเบี้ยไม่ได้
หากห้างไม่มีกำาไรตามมาตรา 1084 แต่เนื่ องจากห้างคิดบัญชีผิด
ซึ่งเอกก็ทราบว่าห้างคิดบัญชีผิดและรับเอาดอกเบี้ยนั น
้ ไว้ หากห้าง
เลิกเจ้าหนี้ของห้างมีสิทธิเรียกให้เอกคืนเงินดอกเบี้ยที่รับมาโดย
ท้จริตได้และฝ่ าฝื นต่อมาตรา 1084 ได้
#10
2 March 2009, 15:12
คนตัวเล็ก มีเพื่อน: 2
สัตว์เลี้ยง 7 คน
Pidgeotto คะแนน:
ไม่มี
กล่้มที่ ๕ :: บริษท
ั
(๑). การเพิกถอนมติของที่ประช้มใหญ่ (ม.๑๑๙๕)
๑. ได้นัดเรียก ประช้ม ลงมติ => ฝ่ าฝื นบทบัญญัติ + ข้อบังคับ
บริษท
ั
๒. กรรมการ + ห้้นส่วน (ร้องของ) => ให้ศาลเพิกถอนมติของที่
ประช้มใหญ่นัน
้
๓. การร้องขอให้เพิกอนนั น
้ => ภายใน ๑ เดือนนั บแต่ลงมติ
(๒). เหต้บริษท
ั เลิกกัน (ม.๑๒๓๖)
๑. มีเหต้ที่จะเลิกกัน => ตามข้อบังคับบริษท
ั
๒. เมื่อสิ้นกำาหนดเวลา => ตัง้ บริษท
ั
๓. เมื่อตัง้ ขึ้นเพื่อทำากิจการใด => เมื่อกิจการนั น
้ เสร็จแล้ว
๔. มีมติพิเศษให้เลิก
๕. บริษท
ั ล้มละลาย
- กรรมการเป็ นผู้แทนของบริษท
ั แต่มีความรับผิดอย่างตัวแทน (
มาตรา ๑๑๖๘ ) ฎ. ๒๑๙๑/๒๕๔๒ , ๔๕๔๖ / ๒๕๔๐
- มติที่ประช้มใหญ่ ซึ่งเป็ นมติพิเศษ ( ตามมาตรา ๑๑๙๔ ) มี ๖
ประเภท
(๑). มาตรา ๑๑๔๕
(๒). มาตรา ๑๒๒๐
(๓). มาตรา ๑๒๒๑
(๔). มาตรา ๑๒๒๔
(๕). มาตรา ๑๒๓๖ (๔)
(๖). มาตรา ๑๒๓๘
- หากมีการกระทำาผิดฝ่ าฝื นคำาบังคับ ( คนที่ไม่ได้กระทำาผิด ) ไม่
เห็นด้วย ( ต้องร้องตามมาตรา ๑๑๙๕ )