Professional Documents
Culture Documents
ขอ 1
นายสมบัติกับนายสํารวยเปนเพื่อนกัน นายสํารวยกูเงินนายสมบัติไป 4,000 บาท นาย
สํารวยผิดนั ดชําระหนี้มา 2 เดือนแลว นายสมบัติเปน ชางซอมรถ นายสํารวยนํารถยนตราคา
600,000 บาท มาใหนายสมบัติซอม คิดคาซอม 2,000 บาท ตกลงชําระคาซอมเมื่อซอม
เสร็จแลว เมื่อซอมรถเสร็จ นายสํารวยก็ไมชําระ นายสมบัติจึงยึดหนวงรถของนายสํารวยที่ตน
ครองครองไว อางวาเปนประกันหนี้ที่นายสํารวยติดคางอยูรวมเปนเงิน 6,000 บาท จนกวาจะได
รับชําระหนี้ นายสํารวยโตแยงวา ไมวาเปนหนี้เงินกูห รือหนี้คาซอมรถ นายสมบัติไมมีสิทธิยึด
หนวงรถไว เพราะราคารถสูงกวาจํานวนหนี้มากนัก ทานเห็นดวยกับขอโตแยงของนายสํารวยหรือ
ไม
เฉลย
ปพพ.มาตรา 241 วรรคแรกบัญญัติวา “ผูใดเปนผูครองทรัพยสินของผูอื่น และมีหนี้อัน
เปนคุณประโยชนแกตนเกี่ยวดวยทรัพยสินซึ่งครองนั้นไซร ทานวาผูนั้นจะยึดหนวงทรัพยสินนั้น
ไวจนกวาจะไดชําระหนี้ก็ได แตความที่กลาวนี้ทานมิใหใชบังคับเมื่อหนี้นั้นยังไมถึงกําหนด”
ตามปญหา แยกพิจารณาไดดังนี้
(ก) หนี้เงินกูของนายสํารวยมิใชหนี้อันเปนคุณประโยชนแกนายสมบัติเกี่ยวดวย
รถที่ตนครอบครองไว ดังนั้นนายสมบัติจะยึดหนวงรถไวไมได ขาพเจาเห็นดวยกับขอโตแยงของ
นายสํารวยในผลที่วายึดไมได
เฉลย
ปพพ. มาตรา 420 บัญญัติไวมีใจความสําคัญวา ผูใดจงใจหรือประมาทเลินเลอทําตอ
บุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายใหเขาเสียหายแกทรัพยสิน….ผูนั้นทําละเมิด จําตองใชคาสินไหมทด
แทนเพื่อการนั้น
เฉลย
(ก) ในขอที่วานายจันทรจะเรียกบานและที่ดินคืนไดหรือไมนั้น
ปพพ. มาตรา 406 วรรคแรก ตอนแรกบัญญัติวา บุคคลใดไดมาซึ่งทรัพยสิ่งใดเพราะการ
ที่บุคคลอีกคนหนึ่งกระทําเพื่อชําระหนี้ก็ดี หรือไดมาดวยประการอื่นก็ดี โดยปราศจากมูลอันจะ
อางกฎหมายได และเป นทางใหบุคคลอีกคนหนึ่งนั้น เสียเปรียบแลวไซร บุคคลนั้น จําตองคืน
ทรัพยใหแกเขา
และวรรค 2 ตอนแรกบัญญัติวา บทบัญญัติอันนี้ใหใชบังคับตลอดถึงกรณีที่ไดทรัพยมา
เพราะเหตุอยางใดอยางหนึ่งซึ่งมิไดมีไดเปนขึ้นดวย
ตามปญหา การที่มิไดทําเปนหนังสือและจดทะเบียนตอพนักงานเจาหนาที่ตามกฎหมาย
การซื้อขายตกเปนโมฆะเสียเปลาและนายจันทรไดสงมอบบานและที่ดินใหนายเสารครอบครอง
แลวนั้น เปนการไดทรัพยมาเพราะเหตุที่มิไดมีไดเปนขึ้นตาม ปพพ.มาตรา 406 วรรค 2 และ
ทําใหนายจันทรเสียเปรียบ เปนการไดทรัพยมาโดยลาภมิควรได นายเสารจึงตองคืนบานและที่ดิน
ใหนายจันทรตามมาตรา 406 วรรคแรก
(ข) ในขอที่วานายเสารและลูกจางนายเสารตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแกนายจันทร
หรือไมนั้น
ปพพ.มาตรา 420 บัญ ญั ติวา ผูใดจงใจหรือประมาทเลิน เลอ ทําตอบุ คคลอื่ นโดยผิ ด
กฎหมายใหเขาเสียหายแกทรัพยสิน ผูนั้นทําละเมิด จําตองใชคาสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 425 บัญญัติวา นายจางตองรวมกันรับผิดกับลูกจางในผลแหงละเมิดซึ่งลูกจาง
ไดกระทําไปในทางการที่จาง
ตามปญหา เมื่อการซื้อขายบานและที่ดินตกเปนโมฆะเสียเปลาตาม (ก) บานและที่ดินยัง
เปนของนายจันทรอยู การที่ลูกจางนายเสารรีดผาใหนายเสารตามหนาที่โดยประมาทเลินเลอทําให
ไฟไหมบานเสียหาย เปนการกระทําละเมิดตามมาตรา 420 ลูกจางนายเสารจึงตองรับผิดชดใชคา
เสียหาย เหตุละเมิดไดเกิดขึ้นในทางการที่จางเพราะเกิดเหตุเมื่อลูกจางรีดผาใหตามหนาที่ นายเสาร
จึงตองรวมรับผิดกับลูกจางดวยตามมาตรา 425
เฉลย
หลักกฎหมาย
มาตรา 291 บัญญัติวา “ถาบุคคลหลายคนจะตองทําการชําระหนี้โดยทํานองซึ่งแตละ
คนจําตองชําระหนี้โดยสิ้นเชิงไซร แมถึงวาเจาหนี้ชอบที่จะดรับชําระหนี้สิ้นเชิงไดแตเพียงครั้ง
เดียว (กลาวคือ ลูกหนี้รวม) ก็ดี เจาหนี้จะเรียกชําระหนี้จากลูกหนี้แตคนใดคนหนึ่งสิ้นเชิงหรือ
แตโดยสวนก็ไดตามแตจะเลือก แตลูกหนี้ทั้งปวงก็ยังคงตองผูกพันอยูทั่วทุกคนจนกวาหนี้นั้นจะใช
ชําระเสร็จสิ้นเชิง”
กรณีนี้เปนเรื่องลูกหนี้รวมซึ่งเปนบุคคลหลายคนซึ่งมีหนาที่รวมกันที่จะตองรับผิดตอเจา
หนี้จะไดรับชําระหนี้โดยสิ้นเชิงหรือแตโดยสวนหรือจะเรียกรองเอาจากลูกหนี้รวมพรอมกันก็ได
ดังนั้นจึงเปนสิทธิของ ง ซึ่งสามารถที่จะเรียกรองให ก และ ข เทานั้นที่จะตองชําระหนี้ให ง
เฉลย
หลักกฎหมาย
มาตรา 233 บัญญัติวา “ถาลูกหนี้ขัดขืนไมยอมใชสิทธิเรียกรอง หรือเพิกเฉยเสียไมใช
สิทธิเรียกรองเปนเหตุใหเจาหนี้ตองเสียประโยชนไซร ทานวาเจาหนี้จะใชสิทธิเรียกรองนั้นในนาม
ของตนเองแทนลูกหนี้ เพื่อปองกันสิทธิของตนในมูลหนี้นั้นก็ได เวนแตในขอที่เปนการของลูกหนี้
สวนตัวโดยแท”
กรณีนี้เปนเรื่องการใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้ซึ่งเปนวิธีการที่เจาหนี้สามารถควบคุมกอง
ทรัพยสินของลูกหนี้ รวมทั้งใหเจาหนี้ใชวิธีการที่จะใหไดมาซึ่งทรัพยสินที่บุคคลภายนอกตองชําระ
แกลูกหนี้ดวย
ก สามารถใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้คือ ข ฟอง ค ในนามของตนเอง เพราะการที่ ข
เพิกเฉยไมใชสิทธิเรียกรองของตนโดยไมฟองรอง ค นั้น เปนเหตุใหเจาหนี้คือ ก เสียประโยชน
เพราะ ข เองไมมีทรัพยสินที่จะชําระหนี้ไดครบถวน
เฉลย
ปพพ.มาตรา 420 บัญญั ติวา ผูใดจงใจหรือประมาทเลินเลอ ทําตอบุคคลอื่นโดยผิด
กฎหมายใหเขาเสียหายถึงแกชีวิตก็ดี แกรางกายก็ดี ผูนั้นทําละเมิดจําตองใชคาสินไหมทดแทน
เพื่อการนั้น
ตามปญหา แยกพิจารณาไดดังนี้
1. การที่ ก ขวางบุหรี่ไปที่ทางเทาถูก ค ซึ่งเดินอยูที่ทางเทาเสียหายเปนการกระทําโดย
ประมาทเลินเลอ ก ผูเดียวจึงตองรับผิดตอ ค ตามมาตรา 420 หากขาพเจาเปน ก จะไมโต
แยงกับ ค แตประการใด
2. ข เปนผูครอบครองอยูอาศัยในบาน ซึ่งตามปกติถามีของตกหลนหรือทิ้งขวางไปตก
ในที่อันมิควรจากบานที่ ข ครอบครองอยูอาศัยโดยที่ไมจงใจหรือประมาทเลินเลอ ข จะตองรับ
ผิดตามมาตรา 436 แตกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ก ผูมาเยี่ยม ข ไดกระทําโดยประมาทเลินเลอโดยขวาง
กนบุหรี่ไปถูก ค ที่ทางเทาเสีย แลว ก จึงเปนผูกระทําละเมิดและรับผิดตามมาตรา 420 ดัง
กลาวมา ข จึงไมตองรับผิดตามมาตรา 436
เฉลย
ตาม ปพพ. มาตรา 420 ผูใดจงใจหรือประมาทเลินเลอ ทําตอบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย
ใหเขาเสียหายถึงแกชีวิตก็ดี แกรางกายก็ดี….ผูนั้นทําละเมิดจําตองใชคาสินไหมทดแทนเพื่อการ
นั้น และตามมาตรา 451 บุคคลใชกําลังเพื่อปองกันสิทธิของตน ถาตามพฤติการณจะขอใหศาล
หรือเจาหนาที่ชวยเหลือใหทันทวงทีไมได และถามิไดทําในทันใด ภัยมีอยูดวยการที่ตนจะไดสม
ดังสิทธินั้น จะตองประวิงไปมากหรือถึงแกสาปสูญได บุคคลนั้นหาตองรับผิดใชคาสินไหมทด
แทนไม
เฉลย
มาตรา 205 ตราบใดการชําระหนี้นั้นยังมิไดกระทําเพราะพฤติการณอันใดอันหนึ่งซึ่งลูก
หนี้ไมตองรับผิดชอบ ตราบนั้นลูกหนี้ยังหาไดชื่อวาผิดนัดไม
จากอุทาหรณ นายเดชทําสัญญาจะซื้อบานพรอมที่ดินจากบริษัทเมืองสวรรคจํากัดกอให
เกิดหนี้ตางตอบแทนดังกลาวคือบริษัทเมืองสวรรคจํากัดตองสงมอบบานที่สรางเสร็จเรียบรอยใน
สภาพที่ ไม ชํารุดบกพรองให แกนายเดช สวนนายเดชตองชําระราคาคาบานให แกบริษัท เมือง
สวรรคจํากัด ดังนั้นเมื่อบริษัทเมืองสวรรคจํากัดไมไดปฏิบัติการชําระหนี้ใหตองตามความประสงค
อันแทจริงแหงมูลหนี้คือการสงมอบบานในสภาพที่ดีใหแกนายเดช นายเดชก็ยังไมตองชําระราคา
ทั้งนี้เพราะการชําระหนี้จะใหสําเร็จเปนผลอยางใดลูกหนี้จะตองขอปฏิบัติการชําระหนี้ตอเจาหนี้
เปนอยางนั้นโดยตรง กลาวคือบริษัทเมืองสวรรคตองสงมอบบานที่ดีการสงมอบบานผนังราวจึง
เปนการปฏิบัติการชําระหนี้ที่ไมถูกตอง และแมบริษัทเมืองสวรรคจํากัดจะพรอมที่จะรับชําระหนี้แต
ไมชําระหนี้ตามที่พึงตองทําดังกลาวแลวจึงถือวาเปนเจาหนี้ผิดนัดตามมาตรา 210 เมื่อเจาหนี้ผิด
นัดจึงไมมีสิทธิจะคิดดอกเบี้ยในระหวางที่เจาหนี้ผิดนัดตามมาตรา 221 สวนนายเดชยังไมผิดนัด
แมจะไมรับโอนบานตามสัญ ญาเพราะบานราว ทําใหนายเดชยังไมรับโอนบานไดซึ่งเปนพฤติ
การณอันลูกหนี้ไมตองรับผิดชอบตามมาตรา 205 ในทางตรงกันขามบริษัทเมืองสวรรคจํากัดไม
ชําระหนี้ใหตองตามความประสงคอันแทจริงแหงมูลหนี้ เจาหนี้คือนายเดชยังสามารถเรียกเอาคา
สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแตการนั้นไดตามมาตรา 215 เชน ไมไดรับโอนบานใน
เวลาที่กําหนดทําใหตองไปเชาบานอยูเปนตน
ดังนั้น ขาพเจาจะใหคําปรึกษาวานายเดชไมตองชําระดอกเบี้ยเพราะไมไดเปนฝายผิดนัด
แตเจาหนี้คือบริษัทเมืองสวรรคจํากัด เปนฝายผิดนัดจึงไมอาจเรียกดอกเบี้ยได นอกจากนั้นหาก
นายเดชมีความเสียหายอยางใด ๆ จาการที่บริษัทเมืองสวรรคจํากัดชําระหนี้ไมตองตามความ
ประสงคอันแทจริง คือ สงมอบบานที่ชํารุดเสียหาย นายเดชยังมีสิทธิเรียกคาสินไหมทดแทนได
เฉลย
มาตรา 204 วรรค 2 ถาไดกําหนดเวลาชําระหนี้ไวตามวันแหงปฏิทิน และลูกหนี้มิไดชําระ
หนี้ตามที่กําหนดไซร ทานวาลูกหนี้ตกเปนผูผิดนัดโดยมิทักตองเตือนเลย วิธีเดียวกันนี้ทานใหใช
บังคับแกกรณีที่ตองบอกกลาวลวงหนากอนการชําระหนี้ ซึ่งไดกําหนดเวลาลงไวอาจคํานวณนับได
โดยปฏิทินนับแตวันที่ไดบอก กลาว
เฉลย
ปพพ.มาตรา 291 วางหลักวา ลูกหนี้รวมกันนั้นจะเรียกชําระหนี้จากลูกหนี้แตคนใดคน
หนึ่งสิ้นเชิงหรือแตโดยสวนก็ไดตามแตจะเลือกแตลูกหนี้ทั้งปวงยังคงตองผูกพันอยูทั่วทุกคนจน
กวาหนี้นั้นจะชําระสิ้นเชิงไดตาม ปพพ.มาตรา 291
เฉลย
ตาม ปพพ.มาตรา 420 “ผูใดจงใจหรือประมาทเลินเลอ ทําตอบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย
ใหเขาเสียหายถึงแกชีวิตก็ดี แกรางกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพยสินหรือสิทธิอยางใด
อยางหนึ่งก็ดี ทานวาผูนั้นทําละเมิด จําตองใชคาสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
เมื่อการกระทําของดําเปนการปองกันโดยชอบดวยกฎหมายเปนนิรโทษกรรมแลว จึงไม
เปนการละเมิดตาม มาตรา 420
กฎหมายแพง 2 : หนี้ ละเมิด
ขอ 14
นายแดงทําสัญญาจะขายที่ดินใหนายดํา โดยนายแดงตกลงจะแบงแยกโฉนด
และไปโอนใหนายดําภายใน 4 เดือน นับแตวันทําสัญญา มิฉะนั้นจะคืนเงินมัดจําที่นายแดงรับไว
จํ า นวน 200,000 บาท และให ป รับ อี ก 2 เท า ของเงิ น มั ด จํ า ปรากฏว า ถึ ง กํ า หนดนายแดงไม
สามารถไปโอนใหไดเพราะรังวัดแบงแยกไมเสร็จเนื่องจากน้ําทวมรังวัดไมได นายดําฟองใหนาย
แดงคืนเงินมัดจําและเรียกเบี้ยปรับตามสัญญา ทานเปนศาลจะวินิจฉัยคดีนี้อยางไร
เฉลย
หลักกฎหมาย มาตรา 204 วรรค 2 บัญญัติวาถาไดกําหนดเวลาชําระหนี้ไวตาม
วันแหงปฏิทินและลูกหนี้มิไดชําระหนี้ตามกําหนดไซร ทานวาลูกหนี้ตกเปนผูผิดนัดโดยมิทักตอง
เตือนเลย…
มาตรา 205 ตราบใดการชําระหนี้นั้นมิไดกระทําลงเพราะพฤติการณอันใดอันหนึ่ง
วึ่งลุกหนี้ไมตองรับผิดชอบ ตราบนั้นลูกหนี้ยังหาไดชื่อวาผิดนัดไม
แตการที่แดงไมสามารถจะชําระหนี้ไดนั้นเกิดจากน้ําทวมมิไดเกิดจากความผิด
ของแดงเปนพฤติการณซึ่งลูกหนี้ไมตองรับผิดชอบ ดังนั้นในชวงที่น้ําทวมจึงรังวัดแบงแยกไมเสร็จนี้
จึงยังไมถือวา ลูกหนี้คือแดงผิดนัดในชวงนี้ เมื่อแดงยังไมผิดนัดนั้น ดําจะฟองแดงใหคืนเงินมัดจํา
และเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาไมได (ฎีกา 750/2518)
ถาขาพเจาเปนศาลจะวินิจฉัยวาแดงยังไมผิดนัดจึงไมตองคืนเงินมัดจํา และไม
ตองเสียเบี้ยปรับ
เฉลย
มาตรา 237 วรรคแรก เจาหนี้ชอบที่จะรองขอใหศาลเพิกถอนเสียไดซึ่งนิติกรรมใด ๆ อัน
ลูกหนี้ไดกระทําลงนั้นรูอยูวาจะเปนการใหเจาหนี้เสียเปรียบ แตความขอนี้ทานมิไดใชบังคับ ถาป
รากฎวาในขณะที่ทํานิติกรรมนั้นบุคคลซึ่งเปนผูไดลาภงอกแตการนั้นมิไดรูเทาถึงขอความจริงอัน
เปนทางใหเจาหนี้ตองเสียเปรียบนั้นดวย แตหากกรณีเปนการทําโดยเสนหาทานวาเพียงแตลูกหนี้
เปนผูรูฝายเดียวเทานั้นก็พอแลวที่จะขอเพิกถอนได
มาตรา 240 การเรียกรองขอเพิกถอนนั้น ทานหามมิใหฟองรองเมื่อพนปหนึ่งนับแตเวลาที่
เจาหนี้ไดรูตนเหตุอันเปนมูลใหเพิกถอน หรือพนสิบปนับแตไดทํานิติกรรม
ตามปญหา เปนกรณีการเพิกถอนฉอฉล เพราะเมื่อ ก เปนหนี้ ข อยู และไมมีทรัพยสิน
อื่นเหลืออยูในการชําระหนี้ใหแก ข เลย มีแตเพียงบานหลังเดียวและไดโอนไปใหมารดาของตน
นั้นถือไดวาการโอนใหโดยเสนหานั้นเปนนิติกรรมและ ก ทําลงโดยรูอยูแลววาเปนทางให ข ซึ่ง
เปนเจาหนี้เสียเปรียบเพราะไมมีทรัพยสินอื่นเหลือพอชําระหนี้
แตนิติกรรมใหโดยเสนหานั้นเพียงแต ก ลูกหนี้ฝายเดียวรูวาเจาหนี้เสียเปรียบก็เปนเหตุ
เพี ยงพอให เจาหนี้ฟ องขอเพิ กถอนการใหซึ่งเกิดจากการฉอฉลนั้นได แล ว ซึ่งตามป ญ หาแมวา
มารดาของ ก จะไมรูวาการโอนใหนั้นทําให ข เสียเปรียบก็ตาม ข ก็สามารถฟองศาลใหเพิกถอน
นิติกรรม การใหโดยเสนหานี้ได
อีกทั้งนิติกรรมการโอนใหนี้ทําขึ้นเพียง 2 ป เทานั้นกฎหมายใหสิทธิเจาหนี้ที่จะขอเพิก
ถอนไดภายในสิบปนับแตวันทํานิติกรรม เพราะภายใน 1 ปนับแตเวลาที่เจาหนี้รูถึงการโอนให
เฉลย
ตาม ปพพ.มาตรา 420 ผูใดจงใจหรือประมาทเลินเลอทําตอบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให
เขาเสียหายถึงแกทรัพยสินหรือสิทธิอยางหนึ่งอยางใด ผูนั้นทําละเมิด จําตองใชคาสินไหมทดแทน
และตามมาตรา 433 ถาความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว เจาของสัตวจําตองใชคาสินไหมทดแทน
ใหแกฝายที่ตองเสียหายเพื่อความเสียหายอยางใด ๆ อันเกิดแตสัตวนั้น ฯลฯ
แยกพิจารณาไดดังนี้
(ก) ลิงของนายอาจหลุดเขามาลักกลวยในสวนของนายเอิบกิน นายอาจเจาของลิงจึง
ตองรับผิดใชคาสินไหมทดแทนแกนายเอิบผูเสียหายตามปพพ.มาตรา 433
เฉลย
หลักกฎหมาย ปพพ. มาตรา 233 บัญญัติวา “ถาลูกหนี้ขัดขืนไมยอมใชสิทธิเรียกรองหรือ
เพิกเฉยเสียไมใชสิทธิเรียกรองเปนเหตุใหเจาหนี้ตองเสียประโยชน เจาหนี้จะใชสิทธิเรียกรองนั้นใน
นามของตนเองแทนลูกหนี้ เพื่อปองกันสิทธิของตนในมูลหนี้นั้นก็ได เวนแตในขอที่เปนการของลูก
หนี้สวนตัวโดยแท”
กรณีนี้เห็นไดวาลูกหนี้ไมมีทรัพยสินที่จะชําระหนี้ใหแกเจาหนี้เพราะคลองลูกหนี้เปนบุคคล
ที่มีหนี้สินลนพนตัว ดังนั้นวิธีที่เจาหนี้จะสามารถรวบรวมทรัพยสินของลูกหนี้มาเพื่อชําระหนี้แกตน
ไดนั้น คือตองใหคลองนั้นฟองเรียกเงินคารับเหมากอสรางจากแมน้ําซึ่งเปนลูกหนี้ของตนเสียกอน
หากคลองนั้นเพิกเฉยหรือขัดขืนไมยอมที่จะบังคับชําระหนี้คารับเหมากอสรางจากแมน้ํา
แลว ทะเลสามารถที่ใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้คือ คลองนั้นฟองแมน้ําไดในนามของตนเอง ตาม
นัยมาตรา 233 เพราะการที่คลองไมยอมใชสิทธิเรียกรองของตนนั้นทําใหทะเลซึ่งเปนเจาหนี้นั้น
เสียประโยชน เพราะคลองไมมีทรัพยสินพอที่จะชําระหนี้ได
ในการฟองคดีโดยใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้นี้ ทะเลตองขอหมายเรียกใหคลองลูกหนี้ของ
ตนเขามาในคดีนี้ดวยตามนัย มาตรา 234 ทั้งนี้ เพื่อใหการพิจารณาพิพากษาคดีนี้มีผลผูกพัน
คลองซึ่งจะปฏิเสธไมรับรูผลของคดีนี้ไมได
ดังนั้นจึงแนะนําใหทะเลใชสิทธิเรียกรองของคลองในนามของตนเองฟองแมน้ําใหชําระหนี้
และขอหมายเรียกคลองเขามาในคดีดวย
เฉลย
หลักกฎหมาย ปพพ. มาตรา 420 บัญ ญั ติวา “ผูใดจงใจ หรือประมาทเลินเลอ ทําตอ
บุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายใหเขาเสียหายถึงแกชีวิตก็ดี แกรางกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี
ทรัพยสินหรือสิทธิอยางอื่นอยางใดก็ดี ทานวาผูนั้นทําละเมิด จึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อ
การนั้น”
จากการที่นายโดดลักรถยนตนั่งของนายทิพยไปนั้น เปนการกระทําละเมิดตอนายทิพย
เพราะการลักรถยนตนั้นเปนการจงใจเอา ทรัพยของผูอื่นไป โดยผิดกฎหมายจึงทําใหนายทิพย
เสียหาย เพราะนายทิพยไมมีรถใชจึงตองไปเชารถของบุคคลอื่นใช นายโดดจึงตองชดใชคาสิน
ไหมทดแทนใหแกนายทิพยเปนคาเสียหาย เพราะการที่นายทิพยตองไปเชารถคนอื่น เปนผลโดย
ตรงจากการที่นายโดดลักรถยนตไปตามนัยมาตรา 420
การที่นายโดดขับรถไปชนเสาไฟฟาขางทางโดยอุบัติเหตุ รถเสียหายยับเยินทั้งคันนั้นก็เปน
กรณีซึ่งทรัพยนั้นทําลายลงโดยอุบัติเหตุ แมนายโดดจะไมไดขับรถโดยจงใจหรือประมาทเลินเลอก็
ตาม นายโดดก็ตองรับผิดชดใชคาเสียหายใหแกนายทิพยตามนัย มาตรา 439 เพระนายโดดมี
หนาที่ตองคืนรถที่ตนไดโขมยมาโดยละเมิด จึงตองรับผิดแมวาเหตุจะเกิดจากอุบัติเหตุก็ตาม
กฎหมายแพง 2 : หนี้ ละเมิด
ขอ 20
นายแดงเจาของรานคาไมอยู เด็กชายนอยอายุ 14 ป ผูเยาวซึ่งเปนเด็กซุกซน เขาจัดการ
รานโดยตั้งใจทําแทนนายแดงและโดยที่นายแดงมิไดวาขานวานใช โดยปราศจากความระมัดระวัง
เด็กชายน อยทํ าให จานที่วางขายแตกไปหลายใบ นอกจากนี้ ยั งขายผงซัก ฟอกต่ํากวาราคาที่
กําหนดไวโดยรูดีวาตองขายในราคาเทาใด ดังนี้เด็กชายนอยตองรับผิดตอนายแดงเจาของรานใน
การที่ทําใหจานแตกหรือไม และยังตองรับผิดในราคาผงซักฟอกที่ยังขาดไปหรือไม
เฉลย
หลักกฎหมาย
ปพพ. มาตรา 420 บัญญัติวา “ผูใดจงใจ หรือประมาทเลินเลอ ทําตอบุคคลอื่นโดยผิด
กฎหมายใหเขาเสียหายถึงทรัพยสินหรือสิทธิอยางหนึ่งอยางใด ผูนั้นทําละเมิดจําตองใชคาสินไหม
ทดแทนเพื่อการนั้น”
ตามปญหา
การที่เด็กชายนอย ซุกซนเขาไปจัดการรานโดยปราศจากความระมัดระวังทําใหจานที่วาง
ขายแตกไปหลายใบนั้น เนนไดวาเด็กชายนอยนั้น กระทําโดยประมาทเลินเลอ โดยทําใหเกิด
ความเสียหายตอทรัพยสินของนายแดง คือ จานที่วางขายอยูหลายใบ เด็กชายนอยจึงกระทํา
ละเมิดตอนายแดง
นอกจากนี้เด็กชายนอยยังขายผงซักฟอกต่ํากวาราคาที่กําหนดไว โดยรูดีวาตองขายใน
ราคาเทาใด จึงเปนการที่เด็กชายนอยกระทําโดยจงใจโดยทําใหเกิดความเสียหายตอนายแดง
เพราะขายต่ํากวาราคาทําใหนายแดงไดเงินนอยลง เด็กชายนอยจึงกระทําละเมิดตอนายแดง
(มาตรา 420)
เด็กชายนอยอายุ 14 ป เปนผูเยาวจริง แตวัยของเด็กชายนอยนั้นสามารถที่จะรูจักผิด
ชอบในการกระทําของตนไดแลว แมเด็กชายนอยจะเปนผูเยาวก็ตามก็ตองรับผิดในผลที่ตนทํา
ละเมิดของตน (มาตรา 429)
เมื่อเด็กชายนอยทําละเมิดและตองรับผิดในผลละเมิดนั้นคือตองชดใชคาสินไหมทดแทน
เปนคาเสียหายซึ่งทําใหจานแตก และยังตองชดใชราคาคาผงซักฟอกที่ยังขาดอยูแกนายแดงเจา
ของรานดวย
กฎหมายแพง 2 : หนี้ ละเมิด
ขอ 21
ตุลาเปนคนหนี้สินลนพนตัว วันหนึ่งไดขับรถจักรยานยนตโดยประมาทเลินเลอชนธันวาได
รับบาดเจ็บ ตุลาไมมีเงินจายคารักษาพยาบาล จึงถอดสรอยคอทองคําหนัก 1 บาทใหธันวาไป
โดยธันวาเองก็รูวาตุลาเปนคนหนี้สินลนพนตัว สิงหาซึ่งเปนเจาของหนี้คนหนึ่งของตุลา รูถึงการ
ชําระหนี้นั้น ไดฟองศาลขอใหเพิกถอนการชําระหนี้นั้น เพราะตนเปนเจาของหนี้คนแรกและหนี้ถึง
กําหนดแลวตองชําระใหตนกอน จะชําระใหแกธันวากอนไมได หากทานเปนผูพิพากษา ทานเห็น
ดวยกับขออางของสิงหาหรือไมเพราะเหตุใด
เฉลย
หลักกฎหมาย ปพพ. มาตรา 237 บัญญัติวา “เจาหนี้ชอบที่จะรองขอใหศาลเพิกถอน
เสียไดซึ่งนิติกรรมใด ๆ อันลูกหนี้ไดกระทําลงทั้งรูอยูวาจะเปนทางใหเจาหนี้เสียเปรียบ แตความ
ขอนี้ทานมิใหใชบังคับถาปรากฏวาในขณะที่ทํานิติกรรมนั้น บุคคลซึ่งเปนผูไดลาภงอกแตการนั้นมิ
ไดรูเทาถึงขอความจริงอันเปนทางใหเจาหนี้ตองเสียเปรียบนั้นดวย…”
ความขอเท็จนั้น การที่ตุลาเปนคนมีหนี้สินลนพนตัวนั้นก็แสดงอยูในตัววาไมมีทรัพยสิน
พอที่จะชําระหนี้ไดอยูแลว การที่ถอดสรอยคอทองคําใหธันวาไปแทนคารักษาพยาบาลนั้น ธันวา
เองก็รูวาตุลาเปนคนหนี้สินลนพนตัว ดังนั้นการชําระหนี้ของตุลายอมทําใหสิงหาซึ่งเปนเจาหนี้อีก
คนหนึ่งเสียเปรียบเพราะจะไมสามารถบังคับชําระหนี้ของตน จากตุลาไดเพราะตุลาไมมีทรัพยสิน
พอ
แตอยางไรก็ตาม มูลหนี้ที่เกิดขึ้นอันเปนเหตุใหตุลาตองชําระหนี้นั้นไมใชมูลหนี้ที่เกิดจาก
นิติกรรม แตเปนมูลหนี้ซึ่งเกิดจากละเมิด ซึ่งตามหลักเกณฑ มาตรา 237 นั้น ตองเปนนิติกรรม
ดังนี้กรณีการชําระหนี้ของตุลาจึงไมตองดวยหลักเกณฑการเพิกถอนการฉอฉลดังกลาว
ดังนั้นขาพเจาไมเห็นดวยกับขออางของสิงหา สิงหาไมสามารถฟองขอเพิกถอนการชําระ
หนี้จากมูลละเมิดได
เฉลย
หลักกฎหมาย ปพพ. มาตรา 206 บัญญัติวา “ในกรณีหนี้อันเกิดแตมูลละเมิด ลูกหนี้ได
ชื่อวาผิดนัดมาแตวันทําละเมิด”
เฉลย
หลักกม.ปพพ.ม.206 บัญญัติวาในกรณีหนี้อันเกิดจากมูลละเมิด ลูกหนี้ไดชื่อวาผิดนัด
มาแตเวลาทําละเมิด
กรณีนี้เปนเรื่องลูกหนี้ผิดนัดโดยการผิดนัดนี้เกิดจากกอขับรถชนเกิดในขณะเมาสุรา ดัง
นั้น มูลหนี้ที่เกิดเปนมูลหนี้อันเกิดจากการละเมิด เมื่อหนี้เกิดจากมูลละเมิดแลว กอซึ่งเปนลูกหนี้
นั้น ไดชื่อวาผิดนัดนับแตวันทําละเมิดคือวันที่ 1 มกราคม 2540
ที่กออางวาตนยังไมผิดนัดนั้นไมถูกตองเพราะหนี้อันเกิดแตมูลละเมิดนั้นผิดนัดทันทีนับแต
วันที่เกิดละเมิดโดยผลของกฎหมายตาม ม.206 จึงไมตองมีการเตือนทั้งขาวไมไดบอกก็ไมเปนขอ
อางแตอยางไร
เมื่อเกิดหนี้เงินนั้นจากมูลละเมิดแลวกฎหมายใหคิดดอกเบี้ยไดในระหวางผิดนัด ฉะนั้นถือ
ไดวากอผิดนัดนับแตวันทําละเมิดคือวันที่ 1 มกราคม 2540 ดังนั้นดอกเบี้ยตองคิดนับแตวันทํา
ละเมิดตาม ม.224 มิใชคิดแตวันที่ศาลมีคําพิพากษา ดังนี้จึงไมเห็นดวยกับขออางของกอในทุก
กรณี
เฉลย
ปพพ.ม.303 บัญญัติวา “สิทธิเรียกรองนั้นทานวาจะพึงกันไดเวนไวแตสภาพแหงสิทธิ์
นั้นเองจะไมเปดชองใหโอนกันได”
ความที่กลาวมานี้ยอมไมใชบังคับหากคูกรณีไดแสดงเจตนาเชนนี้ ทานหามมิใหยกขึ้นเปน
ขอตอสูบุคคลภายนอก ผูกระทําการโดยสุจริต
กรณีนี้เปนเรื่องการโอนสิทธิเรียกรอง การที่กอนไดโอนการเปนเจาหนี้ของตนที่มีตอเขียด
ไปใหคลองนั้นยอมทําได เพราะเปนสิทธิเรียกรองซึ่งไมตองหามโดยกฎหมายแตอยางใด อีกทั้ง
การโอนหนี้นั้นไดทําเปนหนังสือระหวางกอนและคลองแลว การโอนสิทธิเรียกรองนี้จึงสมบูรณ
ถึงแมวาเขียดจะอางวาตนและกอนไดตกลงหามโอนสิทธิเรียกรองนี้ก็ตามกฎหมายหามยก
ขึ้นเปนขอตอสูบุคคลภายนอกผูสุจริต คลองเปนผูรับโอนสุจริตไมรูวามีขอตกลงหามโอนกันดัง
กลาวดังนั้น เขียดจะอางขอตกลงนี้ตอคลองไมได
ทั้งตอมากอนไดแฟกซมาถึงเขียดแจงการโอนสิทธิเรียกรองดังกลาวใหคลองไปแลวซึ่งก็
เทากับวาแมในตอนแรกคลองเพียงแตโทรศัพทไปแจงใหเขียดทราบนั้นจะยกหนี้เปนขอตอสูเขียด
ไมไดก็ตาม แตตอมาไดมีการบอกกลาวเปนหนังสือทางแฟกซมายังเขียดแลวแมวากอนจะเปนผู
แจงมาเอง ก็ถือวาการแจงนั้นสมบูรณทําเปนหนังสือแลวตามมาตรา 306 เขียดจะยินยอมหรือไม
ไมเปนขอสําคัญเมื่อการโอนสิทธิเรียกรองสมบูรณเขียดตองชําระหนี้ใหคลองมิใชกอน
เฉลย
หลั ก กฎหมาย ปพพ.ม.420 “ผู ใดจงใจหรือ ประมาทเลิ น เล อ ทํ า ต อ บุ ค คลอื่ น โดยผิ ด
กฎหมายใหเขาเสียหายถึงแกชีวิตก็ดี แกรางกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพยสินหรือสิทธิ
อยางใดก็คือทานวาผูนั้นทําละเมิด จึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
กรณีนี้เปนเรื่องบุคคลใชสัตวเปนเครื่องมือในการทําละเมิดผูนั้นไดเปดประตูโดยปลอยให
สุนัขของตนไปกัดแคลวนั้นเปนการกระทําโดยจงใจ ใหบุคคลอื่น คือแคลวไดรับความเสียหาย โดย
ใชสุนัขเปนเครื่องมือในการทําละเมิด โดยสุนัขไดไปกัดแคลวตามเจตนาของตน ดังนี้กูตองรับผิด
เพื่อละเมิดซึ่งตนไดกระทําไปโดยใชสุนัขคือสัตวในการทําละเมิด
แมวากางเกงแคลวจะไมขาดก็ตามถือวากูไดทําละเมิดแลวเพราะการที่สุนัขไปกัดแคลว
นั้น แมวากางเกงไมขาด แคลวไมไดรับบาดเจ็บก็เปนการละเมิดสิทธิของแคลวแลวกูจึงตองรับผิด
ชดใชคาสินไหมทดแทนตาม ม.420
ขอ 26
กองเปนหนี้ซื้อของเชื่อจุนอยูเปนเงินหนึ่งแสนบาท โดยปกติจุนจะแจงใหกองทราบลวง
หนาแลวสงพนักงานมาเก็บเงินที่คางชําระ ตอมาจุนพบกองที่รานอาหารแหงหนึ่งจึงแจงใหกองนํา
เงินคาซื้อของมาชําระใหตน กองบอกวาตนพรอมจะชําระแตใหจุนทําใบแจงหนี้เปนหนังสือมา
กอนแลวใหพนักงานมาเก็บเงินเหมือนเคย แตจุนไมปฏิบัติตาม ตอมาอีก 3 เดือน จุนฟองกอง
เรียกเงินหนึ่งแสนบาทพรอมดอกเบี้ยนับแตวันที่ตนทวง กองอางวาจุนไมบอกกลาวโดยชอบดวย
กฎหมายเพราะไมมีทําเปนหนังสือทั้งตนยังไมผิดนัด เพราะเปนความผิดของเจาหนี้เองที่ผิดนัดไม
สงพนักงานไปเก็บเงิน จุนเรียกดอกเบี้ยไมได จุนมาปรึกษาทาน ทานจะใหคําปรึกษาจุนอยางไร
เฉลย
หลักกฎหมาย
มาตรา 203 ถาเวลาอันจะพึงชําระหนี้มิไดกําหนดลงไว หรือจะอนุมานจากพฤติการณ
ทั้งปวงก็ไมไดไซร ทานวาเจายอมจะเรียกใหชําระหนี้ไดโดยพลัน และฝายลูกหนี้ก็ยอมจะชําหนี้
ของตนไดโดยฉับพลันดุจกัน
มาตรา 224 หนี้เงินนั้น ทานใหคิดดอกเบี้ยในระหวางผิดนัดรอยละเจ็ดครึ่งตอป
กรณีนี้เปนเรื่องหนี้ไมมีกําหนดเวลาชําระเพราะเปนหนี้ซื้อของเชื่อ ทั้งไมสามารถที่จะ
อนุมานไดจากพฤติการณใด ๆ ก็ไมไดวาจะชําระหนี้กันเมื่อใด เพราะโดยปกติทางเจาหนี้จะเปนผู
เรียกใหลูกหนี้ชําระหนี้เอง
หนี้ไมมีกําหนดเวลาชําระนั้น หนี้ถึงกําหนดชําระเมื่อเกิดหนี้ขึ้น ซึ่งเจาหนี้สามารถเรียกให
ลูกหนี้ชําระหนี้โดยพลัน และฝายลูกหนี้ก็มีหนาที่ตองชําระใหกับเจาหนี้โดยพลันเชนกัน เมื่อจุน
เรียกใหกองชําระหนี้แลวที่รานอาหารเพราะเปนหนี้ไมหนดเวลาชําระ กองมีหนาที่ที่จะตองชําระ
โดยพลันทั้งกองเองก็บอกวาตนพรอมที่จะชําระหนี้แลว และเวลาก็ลวงเลยมานานถึง 3 เดือนแลว
กองจะอางวาจุนบอกกลาวไมชอบดวยกฎหมายเพราะไมทําเปนหนังสือไมได เพราะการบอกกลาว
ใหชําระหนี้ตามกําหมายไมไดกหนดใหตองทําเปนหนังสือ การที่จุนเรียกใหกองชําระหนี้ดวยวาจา
จึงเปนการชอบแลว
เมื่อกองไมชําระหนี้ เมื่อจุนเรียกใหชําระหนี้แลว กองผิดนัดนับแตเวลาที่จุนทวง การที่จุน
ไมสงพนักงานมาเก็บเงินไมทําใหกองหลุดพนจากการชําระหนี้ ดังนั้นเมื่อกองผิดนัดจึงตองชําระ
ทั้งเงินคาซื้อของเชื่อจํานวนหนึ่งแสนบาทและยังตองเสียดอกเบี้ยในจํานวนเงินดังกลาวนับแตเลาที่
ผิดนัดดวยรอยละ 7.5 ตอป
เฉลย
หลักกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง
1. มาตรา 420 บั ญ ญั ติ ว า “ผู ใดจงใจหรื อ ประมาทเลิ น เล อ ทํ า ต อ บุ ค คลอื่ น โดยผิ ด
กฎหมายใหเขาเสียหายถึงแกชีวิตก็ดี แกรางกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพยสินหรือสิทธิ
อยางหนึ่งอยางใดก็ดีทานวาผูนั้นทําละเมิด จึงตองชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
คุมเปนลูกจางขําเมื่อคุมขับรถยนตไปรับลูกของตน เมื่อฝนตกถนนลื่นรถเบรคไมอยูไปชน
รถของ งอ เสี ย หาย นั่ น คื อ คุ ม ขั บ รถด ว ยความประมาทเพราะฝนตกถนนลื่ น ถ า ไม ขั บ ด ว ย
ความเร็วเกินควรก็คงไมชนรถของ งอ เสียหาย ดังนั้นคุมทําละเมิดตามมาตรา 420 เพราะกระทํา
โดยประมาทเลินเลอทําใหเบรคของ งอ เสียหาย ใครผิดกฎหมาย ดังนั้น คุมกระทําละเมิดตาม
มาตรา 420 เปนความรับผิดในการกระทําของตนเอง ดังนั้นคุมตองรับผิดชดใชคาสินไหมทดแทน
ให งอ ในผลละเมิดที่ตนไดกระทํา
เฉลย
ม. 204 วรรค 2 “ถาไดกําหนดเวลาชําระหนี้ไวตามวันแหงปฏิทิน และลูกหนี้มิไดชําระหนี้
ตามกําหนดไซร ทานวาลูกหนี้ตกเปนผูผิดนัดโดยมิพักตองเตือนเลย…..”
ม. 205 “ตราบใดการชําระหนี้ยังมิไดกระทําลงเพราะพฤติการณอันใดอันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ไม
ตองรับผิดชอบ ตราบนั้นลูกหนี้ยังหาไดชื่อวาผิดนัดไม”
วินิจฉัย
กอยกูเงินของไปโดยมีขอตกลงวาจะใชเงินคืนภายใน 1 ปนับแตวันทําสัญญา ขอตกลงใน
สัญญานี้ถือวาการชําระหนี้สามารถจะกําหนดนับไดตามวันแหงปฏิทิน เพราะสามารถนับวันทํา
สัญญาไปครบ 1 ป เมื่อใดก็ตองชําระหนี้เมื่อนั้น ดังนี้จึงเปนหนี้ที่ไดกําหนดเวลาชําระหนี้ไวตาม
วันแหงปฏิทินแลว
ตอมากอยถูกรถชนไดรับบาดเจ็บรักษาตัวอยูโรงพยาบาลนาน 3 เดือน แตกอยก็ยังคงมี
หนาที่จะตองชําระหนี้เมื่อหนี้ถึงกําหนดคือ เมื่อครบ 1 ป นับแตวันสําสัญญา เมื่อกอยไมชําระหนี้
ตามกําหนด กอยจึงผิดนัดซึ่งตามกรณีตามมาตรา 204 วรรค 2 ถือวากอยตกเปนผูผิดนัดโดยที่
ของไมจําเปนตองเตือนแตอยางใดเลย ดังนั้นขออางของกอยนั้นไมถูกตอง
กอยอางวาตนประสบอุบัติเหตุตองนอนอยูที่โรงพยาบาลมาเปนขอแกตัวที่กอยจะยังไมชะ
ระหนี้ไมไดเพราะเหตุหรือพฤติการณตาม ม . 205 ซึ่งลูกหนี้ไมตองรับผิดชอบตองเปนเหตุขัดขวาง
ที่ไมอาจกาวลวงไปไดเลย แตกรณีตามขอเท็จจริงนี้เปนแตเพียงเหตุขัดของซึ่งอาจจะกาวลวงได
คือสามารถใหบุคคลอื่นไปชําระหนี้แทนได ลูกหนี้จะถือเอาเปนพฤติการณอันขัดขวางตนไวมิให
ตองรับผิดชอบไมได (ฎ166/2478)
แตแดงไมสามารถยกเรื่องอายุความในกรณีเหลืองกับเขียวมากลาวอางได เพราะตนไดรับ
สภาพหนี้ ซึ่งทําใหอายุความในสวนของตนสะดุดลงเปนโทษเฉพาะตัวของแดง แดงจึงยังคงตอง
ผูกพันที่จะตองชําระหนี้ใหกับเจริญแตเพียงผูเดียว
กฎหมายแพง 2 : หนี้ ละเมิด
ขอ 34
กอมาเยี่ยมของที่บานของของ ขณะนั่งคุยกันที่ระเบียง กอไดสูบบุหรี่และถามของวาไมมี
ที่เขี่ยบุหรี่หรือ ของบอกวาไมมีกอจึงดีดบุหรี่ทิ้งไปนอกบานไปถูกเสื้อของคดซึ่งเดินผานมาไหมเปน
รู คดจึงฟองทั้งกอ และของ ใหรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแกตน ดังนี้ของมาปรึกษาทาน ๆ จะ
ใหคําแนะนําแกของอยางไร
เฉลย
ม.420 “ผูใดจงใจหรือประมาทเลินเลอ ทําตอบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ใหเขาเสียหายถึง
แกชีวิตก็ดี แกรางกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพยสินหรือสิทธิอยางหนึ่งอยางใดก็ดี ทาน
วาผูนั้นทําละเมิด จําตองชดใชคาสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
วินิจฉัย
การที่กอมาอยูที่บานของ แลวดีดบุหรี่ไปนอกบานไปถูกเสื้อของคดไหมเปนรูนั้น เปนกรณี
ซึ่งกอไดกระทําโดยประมาทเลินเลอโดยผิดกฎหมายเปนเหตุใหบุหรี่ถูกเสื้อของคดเสียหายไหมเปน
รู ดังนั้นกอจึงกระทําละเมิดตอคด ตาม ม.420 ซึ่งเปนความรับผิดในการกระทําดวยตนเอง ตอง
ชดใชคาสินไหมใหคดเพราะเหตุละเมิด ตาม ม.420 นี้
ของเปนเจาของบาน เปนผูครอบครองโรงเรือนก็จริงแตกรณีนี้ความเสียหายเกิดเพราะกอ
เปนผูทําละเมิดความเสียหายมิไดเกิดจากของตกหลนจากโรงเรือนหรือเพราะทิ้งขวางตกในที่อันมิ
ควร แตเปนกรณีมีบุคคลประมาทเลินเลอทําละเมิด เพียงแตบุคคลผูทําละเมิดอยูในบานของของ
เทานั้น ดังนั้นของมิไดทําละเมิดจึงไมตองรับผิด