Professional Documents
Culture Documents
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
2
1.1.2 บ่อเกิดและลักษณะของสิทธิแห่งหนี้
บ่อเกิดแห่งหนี้มีกี่อย่าง ยกตัวอย่างประกอบ
บ่อเกิดแห่งหนี้มี 2 อย่าง คือ
ก. นิติกรรมและสัญญา นิติกรรมฝ่ายเดียวซึ่งต้องมีผู้รับการแสดงเจตนาก็เป็นเหตุก่อให้เกิดหนี้ได้
เช่นกัน
ข. นิติเหตุ ได้แก่ จัดการงานนอกสั่ง ลาภมิควรได้ ละเมิด และตามกฎหมายอื่น เช่น หนี้ค่าภาษีอากร
ซึ่งเกิดจากบทบัญญัติประมวลรัษฎากร
ลักษณะของสิทธิในหนี้ที่สำาคัญมีอะไรบ้าง
ลักษณะแห่งสิทธิในหนี้ เป็นบุคคลสิทธิหรือสิทธิเรียกร้องที่ใช้บังคับกันระหว่างคู่กรณี บุคคลสิทธิ
นั้นถือเป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่ง สิทธิในหนี้นั้นจำากัดอยู่ในวัตถุแห่งหนี้เท่านั้น จะเรียกร้องให้ลูกหนี้ปฏิบัติ
การนอกเหนือจากวัตถุแห่งหนี้ไม่ได้ สิทธิของเจ้าหนี้มีโดยเท่าเทียมกันที่จะได้รับชำาระหนี้จากกองทรัพย์สิน
ของลูกหนี้
ประเภทต่างๆของหนี้
1.1.3
เราแบ่งหนี้ออกได้เป็นกี่ประเภท ยกตัวอย่างประกอบ
หนี้อาจแบ่งออกได้เป็นประเภทต่างๆ ดังต่อไปนี้ คือหนี้มีเงื่อนไข หนี้มีเงื่อนเวลา หนี้แบ่งได้ (มาตรา
290) และหนี้แบ่งไม่ได้ (มาตรา 301 และ มาตรา 302) หนี้ประธานและหนี้อุปกรณี
1.2 วัตถุแห่งหนี้
1. วัตถุแห่งหนี้มี 3 ประการได้แก่ การกระทำา การ การงดเว้นกระทำา การ และการงดเว้นการกระทำา
และการส่งมอบทรัพย์สิน
2. เมื่อเกิดหนี้ขึ้น เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำาระหนี้ได้ เว้นแต่หนี้นั้นจะเป็นหนี้ขาดอายุความ หนี้
ขาดหลักฐานหรือหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยที่จะชำาระ
3. ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้คือ ทรั พย์ อันเป็นวั ตถุ ในการชำา ระหนี้ อาจเป็นทรัพย์ที่ ยังมิไ ด้กำา หนด
แน่นอน หรือเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง
4. การเลือกวัตถุแห่งหนี้นั้น ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ลูกหนี้จะเป็นฝ่ายเลือก หรืออาจตกลงให้
เจ้าหนี้หรือบุคคลภายนอกเป็นผู้เลือกได้ การเลือกทำาโดยการแสดงเจตนาต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
3
1.2.1 ชนิดของวัตถุแห่งหนี้
วัตถุแห่งหนี้คืออะไร แตกต่างจากวัตถุประสงค์แห่งนิติกรรมสัญญาอย่างไร
วัตถุแห่งหนี้มีอยู่ 3 ประการ คือ การกระทำา การ การงดเว้นกระทำา การ หรือการส่งมอบทรัพย์สิน
วัตถุแห่งหนี้แตกต่างกับวัตถุประสงค์แห่งนิติกรรม เพราะวัตถุแห่งหนี้อยู่ในขั้นผล คือเกิดหนี้ขึ้นแล้ว ส่วน
วัตถุที่ประสงค์แห่งนิติกรรมอยู่ในขั้นมูลฐานอันจะก่อให้เกิดหนี้ วัตถุแห่งหนี้มีอยู่ในมูลหนี้ทุกชนิด วัตถุที่
ประสงค์มีได้เฉพาะในเรื่องนิติกรรมสัญญา วัตถุแห่งหนี้มี 3 ประการ แต่วัตถุที่ประสงค์แห่งนิติกรรมมีได้
ไม่จำากัด
1.2.2 ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้
กฎหมายบัญญัติในเรื่องทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ไว้อย่างไรบ้าง อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
มาตรา 195 เมื่อทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหนี้นั้นได้ระบุไว้แต่เพียง เป็นประเภท และถ้าตามสภาพ
แห่งนิติกรรม หรือตามเจตนาของ คู่กรณีไม่อาจจะกำาหนดได้ว่าทรัพย์นั้นจะพึงเป็นชนิดอย่างไรไซร้ ท่านว่า
ลูกหนี้จะต้องส่งมอบทรัพย์ชนิดปานกลาง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
4
1.2.3 การเลือกวัตถุแห่งหนี้
กฎหมายบัญญัติการเลือกวัตถุแห่งหนี้ไว้อย่างไร อธิบายและยกตัวอย่าง
โดยหลักแล้วสิทธิที่จะเลือกทำาการอย่างใดนั้น ตกอยู่กับฝ่ายลูกหนี้ หากการกระทำาเพื่อการชำาระหนี้
นั้นมีหลายอย่าง แต่คู่กรณีอาจตกลงให้เจ้าหนี้ หรือบุคคลภายนอกเป็นผู้มีสิทธิเลือกก็ได้ การเลือกนั้นต้อง
กระทำาโดยการแสดงเจตนา หากเป็นกรณีที่บุคคลภายนอกเป็นผู้เลือก บุคคลภายนอกนั้นต้องแสดงเจตนา
เลือกต่อลูกหนี้ แล้วลูกหนี้จึงแจ้งความนั้นให้เจ้าหนี้ทราบ
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 1
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
5
หน่วยที่ 2 การไม่ชำาระหนี้
เมื่อเกิดหนี้ขึ้นย่อมมีเจ้าหนี้ลูกหนี้ ลูกหนี้ต้องชำาระหนี้แก่เจ้าหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่ง
หนี้ หากลูกหนี้ไม่ชำาระหนี้เสียเลย หรือชำาระหนี้ขาดตกบกพร่อง กล่าวคือ ชำาระหนี้ล่าช้าผิดเวลา ผิดสถานที่
หรือผิดวัตถุแห่งหนี้ ย่อมทำาให้เจ้าหนี้ได้รับความเสียหาย เพื่อชดเชยความเสียหาย จำาเป็นที่จะให้เจ้าหนี้ซึ่งเป็น
ผู้ได้รับความเสียหายจากการไม่ชำาระหนี้มีสิทธิที่จะฟ้องร้องบังคับชำาระหนี้ได้ การฟ้องร้องบังคับชำา ระหนี้
ต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์แห่งการบังคับชำาระหนี้
2.1 การถึงกำาหนดชำาระหนี้
1. ถ้าเวลาอันพึงชำาระหนี้นั้นมิได้กำาหนดลงไว้หรือจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ เจ้าหนี้ย่อม
จะเรียกชำาระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำาระหนี้ของตนโดยพลันดุจกัน
2. ถ้าหนี้ได้กำาหนดเวลาชำาระไว้ แต่หากกรณีเป็นที่สงสัยให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เจ้าหนี้จะเรียกให้ชำาระ
หนี้ก่อนถึงเวลานั้นหาได้ไม่ แต่ฝา่ ยลูกหนี้จะชำาระหนี้ก่อนกำาหนดนั้นได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
6
2.2 การผิดนัด
1. ลูกหนี้ผิดนัดหมายถึงการที่ลูกหนี้ชำาระหนี้ล่าช้าผิดเวลา
2. ลูกหนีไม่มีกำาหนดเวลาชำาระ ถ้าเจ้าหนี้เตือนให้ชำาระหนี้ไม่ชำาระ ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดเพราะเขาเตือน
แล้วถ้าได้กำาหนดเวลาชำาระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และลูกหนี้มิได้ชำาระหนี้ตามกำาหนด ลูกหนี้ตก
เป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
7
3. ในกรณีหนี้อันเกิดมูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาแต่เวลาที่ทำาละเมิด
4. ลูกหนี้ยังไม่ชำาระหนี้เพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ ลูกหนี้ยังไม่ผิดนัด
5. เมื่อลูกหนี้ไม่ชำาระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์แห่งหนี้ ลูกหนี้ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
6. ลูกหนี้ชำาระหนี้ล่าช้า เจ้าหนี้บอกปัดไม่ยอมรับชำาระหนี้ และเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
7. ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบในความเสียหายตลอดจนการชำาระหนี้กลายเป็นหนี้พ้นวิสัยในระหว่างผิดนัด
8. ลูกหนี้ต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยหนี้เงินในระหว่างผิดนัด
9. เมื่อลูกหนี้ได้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบแล้ว เจ้าหนี้ไม่ยอมรับชำาระหนี้โดยปราศจากมูลเหตุที่
อ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด
10.ถ้าลูกหนี้จำาต้องชำาระหนี้ส่วนของตนต่อเมื่อเจ้าหนีช้ ำาระหนี้ตอบแทนด้วยหากเจ้าหนี้พร้อมจะชำาระ
หนี้แต่ไม่เสนอที่จะชำาระหนี้ตอบแทน เจ้าหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัด
11.ในเวลาที่ลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้หรือในเวลาที่กำาหนดให้เจ้าหนี้ทำาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้า
ลูกหนี้มิได้อยู่ในฐานะที่จะสามารถชำาระหนี้ได้เจ้าหนี้ยังไม่ผิดนัด
12.ถ้ามิได้กำาหนดเวลาชำาระหนี้ไว้ หรือถ้าลูกหนี้มีสิทธิที่ชำาระหนี้ได้ก่อนเวลากำาหนด การที่เจ้าหนี้มี
เหตุขัดข้องชั่วคราวไม่อาจรับชำาระหนี้ที่ลูกหนี้ขอปฏิบัติแก่ตนได้ เจ้าหนี้ยังไม่ผิดนัด เว้นแต่ลูกหนี้
ได้บอกกล่าวชำาระหนี้ไว้ล่วงหน้าโดยเวลาอันสมควร
13.หนี้เงินจะเรียกดอกเบี้ยในระหว่างเจ้าหนีผ้ ิดนัดไม่ได้
14.เมื่อขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบแล้วเจ้าหนี้ผิดนัด บรรดาความรับผิดชอบอันเกิดแก่การไม่ชำาระ
หนี้เป็นอันปลดเปลื้องไปนับแต่เวลาที่ขอปฏิบัติการชำาระหนี้และเพื่อให้หลุดพ้นจากหนี้ ลูกหนี้ต้อง
จัดการวางทรัพย์ไว้เพื่อประโยชน์ของเจ้าหนี้
ป.พ.พ. บัญญัติให้ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือนเลยในกรณีดังต่อไปนี้
1. ตามมาตรา 204 วรรคสอง ถ้าได้กำาหนดเวลาชำาระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน และลูกหนี้มิได้
ชำาระหนี้ตามกำาหนด ลูกหนี้ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดโดยมิพักต้องเตือน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
8
2.2.3 ผลแห่งการผิดนัดของลูกหนี้
เมื่อลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด ลูกหนี้จะต้องรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้ประการใดบ้างหรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
9
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
10
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
11
เขียวยืมรถยนต์ขาวไปใช้ในวันแต่งงานของดำาน้องชาย เมื่องานแต่งงานเสร็จสิ้นลงเขียวได้นำารถยนต์
เก็บไว้ในโรงรถ ต่อมาอีก 2 วัน ไฟฟ้าช๊อตไหม้บ้านและโรงรถของเขียวเป็นเหตุให้รถยนต์ของขาวถูกไฟ
ไหม้เสียหายทั้งคันไปด้วย เขียวต้องรับผิดชอบใช้ราคารถยนต์ให้แก่ขาวหรือไม่ เพราะเหตุใด
ป.พ.พ. มาตรา 217 บัญญัติหลักเกณฑ์ไว้ว่า “ลูกหนี้จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายบรรดาที่
เกิดแก่ความประมาทเลินเล่อในระหว่างที่ตนผิดนัด ทั้งจะต้องรับผิดชอบในการที่การชำาระหนี้กลายเป็นพ้น
วิสัย เพราะอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ผิดนัดนั้นด้วย เว้นแต่ความเสียหายนั้น ถึงแม้วา่ ตนจะได้ชำาระ
หนี้ทันเวลากำาหนดก็คงจะต้องเกิดมีอยู่นั่นเอง” และตามมาตรา 203 วรรคแรกบัญญัติว่า “ถ้าเวลาวันจะพึง
ชำาระหนี้นั้นมิได้กำาหนดลงไว้ หรือจะอนุมานจากพฤติการณ์ทั้งปวงก็ไม่ได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ย่อมจะเรียกให้
ชำาระหนี้ได้โดยพลัน และฝ่ายลูกหนี้ก็ย่อมจะชำาระหนี้ของตนได้โดยพลันดุจกัน”
ตามอุทาหรณ์แม้หนีจ้ ะไม่กำาหนดระยะเวลาเอาไว้ คือไม่ได้กำาหนดเวลาตามปฏิทินที่จะคืนรถยนต์ให้
ขาว แต่พอจะอนุมานได้ตามพฤติการณ์ว่า เมื่องานแต่งงานของดำา เสร็จ เขียวจะต้องคืนรถยนต์ให้ขาว คือ
เท่ากับว่าหนี้คือรถยนต์ได้กำาหนดเวลาชำาระไว้เป็นการแน่นอนแล้ว ฉะนั้นเมื่อเขียวได้ส่งรถยนต์คืนให้ขาว
ภายหลังจากแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว เขียวตกเป็นผู้ผิดนักตามมาตรา 203 วรรคหนึ่ง และมาตรา 204
วรรคสอง แม้ต่อมาจะเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้บ้าน โรงรถ ที่ใช้เก็บรถและไหม้รถยนต์เสียหายหมดก็ตาม เขียว
ย่อมต้องรับผิดชอบใช้ราคารถยนต์ให้แก่ขาวตามมาตรา 217
เจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดได้ใน 2 กรณีคือ
1)ตามมาตรา 207 ซึ่งบัญญัติว่า ถ้าลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ และเจ้าหนี้ไม่รับชำาระหนี้นั้น
โดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด
2)มาตรา 210 ซึ่งบัญญัติว่า ถ้าลูกหนี้จำาต้องชำาหนี้ส่วนของตนต่อเมื่อเจ้าหนี้ชำาระหนี้ตอบแทน
ด้วยไซร้ แม้ถึงว่าเจ้าหนี้จะได้เตรียมพร้อมที่จะรับชำาระหนี้ตามที่เขาพึงต้องทำาเจ้าหนี้ก็เป็นอันได้
ชื่อว่าผิดนัด
ตามมาตรา 207 บัญญัติให้เจ้าหนี้ผิดนัด เพราะไม่รับชำา ระหนี้ การไม่รับชำา ระหนี้ ก็คือการไม่
ยอมรับชำาระหนี้ที่ลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้ การขอปฏิบัติการชำาระหนี้จะต้องเป็นการขอชำาระหนี้ได้ใน
ขณะที่ขอชำาระหนี้
ตามมาตรา 210 เป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทน คู่กรณีฝ่ายหนึ่งจะต้องขอปฏิบัติการชำาระหนี้ต่ออีก
ฝ่ายหนึ่ง ในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งไม่เสนอชำาระหนี้ตอบแทน ฝ่ายนั้นก็เป็นผู้ผิดนัด การผิดนัดมีได้ทั้งสองฝ่าย การ
ขอปฏิบัติการชำาระหนี้จะต้องอยู่ในฐานะพร้อมที่จะชำาระหนี้ได้อย่างจริงจังเจ้าหนี้จะตกเป็นผู้ผิดนัด
2.2.5 ข้อยกเว้นที่ไม่ถือว่าเจ้าหนี้ผิดนัด
มีกรณีใดบ้างที่ไม่ถือว่าเจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัด
มาตรา 211 ในเวลาที่ลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำา ระหนี้นั้นก็ดี หรือในเวลาที่กำา หนดไว้ให้ เจ้าหนี้
ทำา การอย่างใดอย่ างหนึ่ง โดยกรณีที่ บั ญญั ติ ไว้ใ น มาตรา 209 นั้นก็ ดี ถ้า ลูก หนี้มิ ได้ อยู่ ในฐานะที่ จ ะ
สามารถชำาระหนี้ได้ไซร้ ท่านว่าเจ้าหนี้ยังหาผิดนัดไม่
มาตรา 212 ถ้ามิได้กำา หนดเวลาชำา ระหนี้ไว้ก็ดี หรือถ้าลูกหนี้มี สิทธิที่จะชำา ระหนี้ได้ก่อนเวลา
กำาหนดก็ดี การที่เจ้าหนี้มีเหตุขัดข้อง ชั่วคราวไม่อาจรับชำาระหนี้ที่เขาขอปฏิบัติแก่ตนได้นั้น หาทำาให้ เจ้าหนี้
ตกเป็นผู้ผิดนัดไม่ เว้นแต่ลูกหนี้จะได้บอกกล่าวการชำาระหนี้ ไว้ล่วงหน้าโดยเวลาอันสมควร
มาตรา 213 ถ้าลูกหนี้ละเลยเสียไม่ชำาระหนี้ของตน เจ้าหนี้จะ ร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับชำาระหนี้
ก็ได้ เว้นแต่สภาพแห่งหนี้จะไม่เปิด ช่องให้ทำาเช่นนั้นได้
เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำาระหนี้ได้ ถ้าวัตถุแห่งหนี้ เป็นอันให้กระทำาการอันหนึ่งอัน
ใด เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับ ให้บุคคลภายนอกกระทำาการอันนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้
แต่ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำานิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งไซร้ ศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำา พิพากษาแทน
การแสดงเจตนาของลูกหนี้ก็ได้
ส่วนหนี้ซึ่งมีวัตถุเป็นอันจะให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้จะเรียกร้อง ให้รื้อถอนการที่ได้กระทำาลงแล้ว
นัน้ โดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่าย และ ให้จัดการอัน ควรเพื่อกาลภายหน้าด้วยก็ได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
13
2.2.6 ผลแห่งการผิดนัดของเจ้าหนี้
เมื่อลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบแล้ว ลูกหนีจ้ ะหลุดพ้นจากความรับผิดอะไรบ้าง อธิบาย ลูก
หนีจ้ ะหลุดพ้นจากหนี้หรือไม่เพราะเหตุใด
เมื่อลูกหนี้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบแล้ว และเจ้าหนี้ไม่รับชำาระหนี้นั้นโดยปราศจากมูลเหตุอัน
จะอ้างกฎหมายได้ เจ้าหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดตามมาตรา 207 มีผลให้ ลูกหนี้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในหนี้เงินตาม
มาตรา 221 และลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบต่อเจ้าหนี้ในบรรดาความเสียหายอันเกิดแต่การไม่ชำาระหนี้ นับ
แต่เวลาที่ลูกหนี้ได้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้นั้น ตามมาตรา 330 บรรดาความรับผิดชอบคือ ลูกหนี้ไม่ต้องรับ
ผิดชอบใช้ค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากการชำา ระหนี้ไม่ต้อ งตามความประสงค์อันแท้จริงแห่ งมูลหนี้ตาม
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
14
2.3 การไม่ชำาระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์แห่งหนี้
1. การไม่ชำา ระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์แห่งหนี้ นั้นคือกรณีลูกหนี้ได้กระทำา การชำา ระหนี้ไม่ถูก
ต้องครบถ้วนตามหน้าที่ที่ต้องกระทำา คือ ชำาระหนี้แต่เพียงบางส่วน ชำาระหนี้ชำารุดบกพร่อง ชำาระหนี้
ล่าช้าเกินกำาหนดเวลา หรือชำาระหนี้ผิดสถานที่ที่ได้ตกลงกันไว้
2. เมื่อลูกหนี้ไม่ชำาระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะเรียกเอาค่า
สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การไม่ชำาระหนี้นั้นได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
15
2.3.1 การชำาระหนี้ผิดวัตถุแห่งหนี้
การชำาระหนี้ผิดวัตถุแห่งหนี้ จะเข้าใจว่าอย่างไร อธิบาย
การชำาระหนี้ผิดวัตถุแห่งหนี้คือ การชำาระหนี้แต่เพียงบางส่วน หรือการชำาระหนี้เป็นอย่างอื่นผิดไป
จากที่จะต้องชำาระแก่เจ้าหนี้ตามมาตรา 320 แต่ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำาระหนี้อย่างอื่นแทนการชำาระหนี้ที่ได้
ตกลงกัน ไว้ ก็ย่ อ มใช้ ไ ด้ ทำา ให้ ห นี้ ร ะงั บ สิ้น ไปตามมาตรา 321 ถ้ า เอาทรั พย์ สิท ธิ เ รี ย กร้ อ งจากบุ ค คล
ภายนอกหรือสิทธิอย่างอื่นให้แทนการชำาระหนี้ลูกหนี้จะต้องรับผิดเพื่อชำารุดบกพร่องและเพื่อการรอนสิทธิ
ทำานองเดียวกับผู้ขาย ตามมาตรา 322 ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันได้ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่ง บุคคลผู้ชำาระหนี้
จะต้องส่งมอบทรัพย์ตามสภาพที่เป็นอยู่ในเวลาที่จะส่งมอบตามมาตรา 323 ถ้าหากชำาระหนี้ฝ่าฝืนมาตรา
320 321 322 และ 323 ย่อมถือว่าเป็นการชำาระหนี้ผิดวัตถุแห่งหนี้
2.3.2 การชำาระหนี้ล่าช้าผิดเวลา
การที่ลูกหนี้ชำาระหนี้ล่าช้าผิดเวลานั้น ลูกหนีจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าหนี้เสมอไป
หรือไม่ เพราะเหตุใด
การที่ลูกหนี้ชำาระหนี้ล่าช้าผิดเวลานั้น เป็นการไม่ชำาระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่ง
มูลหนี้ การชำาระหนี้ล่าช้าบางกรณี ก็ทำาให้เจ้าหนี้เสียหาย บางกรณีก็ไม่ทำาให้เจ้าหนี้เสียหาย ทั้งนี้สุดแล้วแต่
เวลาที่กำาหนดให้ชำาระหนี้นั้นเป็นสาระสำาคัญหรือไม่ ถ้าไม่ทำาให้เจ้าหนี้เสียหาย เจ้าหนี้จะเรียกร้องค่าสินไหม
ทดแทนจากลูกหนี้ไม่ได้ ฉะนั้นการชำาระหนี้ล่าช้าผิดเวลานั้น ลูกหนี้ไม่จำาเป็นต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้า
หนี้เสมอไป
2.3.3 การชำาระหนี้ผิดสถานที่
แดงมีภูมิลำา เนาอยู่จังหวัดอุดรธานี ทำาสัญญาซื้อรถยนต์ของขาวซึ่งมีภูมิลำา เนาอยู่กรุงเทพมหานคร
ปรากฏว่าในเวลาที่แดงกับขาวตกลงกันซื้อขายรถยนต์คันนั้น รถยนต์ของขาวอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีเพราะจ้าง
ช่างซ่อมเครื่องยนต์ที่นั่น ขาวจะต้องส่งมอบรถยนต์ให้แก่แดง ณ สถานที่ใดจึงจะเป็นส่งมอบโดยชอบด้วย
กฎหมาย ให้อ้างหลักกฎหมายประกอบ
การชำาระหนี้ผิดสถานที่ก็เป็นการชำาระหนี้ ที่ไม่ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ประการ
หนึ่ง ซึ่งมาตรา 324 บัญญัติเป็นหลักกฎหมายไว้ว่า เมื่อมิได้แสดงเจตนาไว้โดยเฉพาะเจาะจงจะพึงชำาระ
หนี้ ณ สถานที่ใดไซร้ หากต้องส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งท่านว่าต้องส่งมอบกัน ณ สถานที่ซึ่งทรัพย์นั้น ได้อยู่ใน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
16
2.4 การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย
1. การที่ลูกหนี้ไม่ชำาระหนี้อาจเป็นเพราะลูกหนี้ไม่สามารถชำาระหนี้ได้ เพราะการชำา ระหนี้กลาย
เป็นพ้นวิสัย
2. การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย อาจเป็นเพราะทรัพย์อันเป็นวัตถุที่ใช้ชำาระหนี้ได้สูญหายหรือถูก
ทำา ลายไป อาจเป็นเพราะกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ได้โอนไปจากลูกหนี้ หรือมีกฎหมายห้า มโอน
ทรัพย์หรือลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถชำาระหนี้ได้
3. การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยนั้นอาจกลายเป็นพ้นวิสัยทั้งหมดหรือบางส่วน
4. การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเป็นเพราะความผิดของลูกหนี้ ซึ่งลูกหนี้ต้องรับผิดชอบ
5. การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเป็นเพราะเหตุอื่นไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้ และลูกหนี้ไม่ต้องรับ
ผิดชอบ
2.4.1 เหตุที่ทำาให้การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย
เหตุที่ทำาให้การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยมีอะไรบ้าง
เหตุที่ทำาให้การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยมีอยู่หลายเหตุคือ
1. ทรัพย์อันเป็นวัตถุที่ใช้ชำาระหนี้ได้สูญหายหรือถูกทำา ลายไป เช่น ทำาสัญญาขายบ้าน ขายรถยนต์
บ้านและรถยนต์ถูกไฟไหม้
2. กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่จะใช้ชำาระหนี้ ได้โอนหลุดมือไปจากลูกหนี้ เช่น ทำาสัญญาจะขายที่ดิน
สัญญาแล้วมีกฎหมายออกมาห้ามนำาข้าวออกนอกประเทศ
4. ลูกหนี้เป็นคนไม่สามารถจะชำาระหนี้ได้ เช่น ทำาสัญญาจะไปร้องเพลง แต่ต่อมาลูกหนี้กลายเป็น
ใบ้ไม่สามารถจะร้องเพลงได้
นอกจากกรณีดังกล่าวแล้วอาจมีเหตุอื่นที่ทำาให้การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยได้
2.4.2 การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ซึ่งลูกหนี้ต้องรับหนี้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
17
2.4.3 การชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยทั้งหมดหรือบางส่วน
ถ้าการชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยแต่เพียงบางส่วน เจ้าหนี้จะไม่รับชำาระหนี้ในส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะ
ทำาได้นั้น ได้หรือไม่ และแตกต่างกับการเป็นพ้นวิสัยทั้งหมดอย่างไร
ถ้าการชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยแต่เพียงบางส่วน เจ้าหนี้จะไม่รับชำาระหนี้ในส่วนที่เป็นวิสัยจะทำาได้
นั้นได้หรือไม่ มาตรา 218 วรรคสองบัญญัติเป็นหลักกฎหมายไว้ว่า ในกรณีที่การชำาระหนี้กลายเป็นพ้น
วิสัยแต่เพียงบางส่วน ถ้าหากว่าส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำา ได้นั้น แล้วและเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อการไม่
ชำาระหนี้เสียทั้งหมดทีเดียวก็ได้
ตามหลักกฎหมายดังกล่าว ถ้าการชำาระหนี้การเป็นพ้นวิสัยทั้งหมดถือเท่ากับว่าไม่มีการชำาระหนี้ และ
เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้ชำาระหนี้ไม่ได้ เพราะทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งหนี้ไม่มีอยู่แล้วหรือบุคคลที่จะชำาระหนี้กลาย
เป็นผู้ไม่สามารถจะชำาระหนี้ไม่ได้ เพราะทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งหนี้ไม่มีอยู่แล้วหรือบุคคลที่จะชำาระหนี้กลาย
เป็นผู้ไม่สามารถจะชำาระหนี้ได้ เจ้าหนี้มีสิทธิจะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจาก
การไม่ชำาระหนี้ได้เท่านั้น แต่ถ้าหากการชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยบางส่วน และส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำา ได้
เป็นอัน ไร้ ประโยชน์แ ก่เ จ้า หนี้ เจ้า หนี้จ ะไม่ย อมรับชำา ระหนี้ ในส่วนที่ ยั งเป็ นวิ สัย อยู่ นั้ น และเรี ย กเอาค่ า
สินไหมทดแทนเหมือนดังว่าไม่มีการชำาระหนี้ได้ แต่ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำาระหนี้บางส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะได้ทั้ง
ที่ไร้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ก็ทำาได้แต่มีสิทธิเรียกค่าเสียไหมทดแทนความเสียหายอันเกิดจากการไม่ชำาระ
หนี้ให้ต้องตามประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ได้ แต่เรียกเอาค่าสินไหมทดแทนความเสียหายเหมือนดังไม่
ชำาระหนี้เสียเลยไม่ได้
เจ้าหนี้มีสิทธิไม่รับชำา ระหนี้บางส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำา ได้นั้น ส่วนที่ยังเป็นวิสัยจะทำา ได้ต้อ งไร้
ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ถ้าไม่ไร้ประโยชน์เจ้าหนี้ต้องรับชำาระหนี้ แต่ก็มีสิทธิเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนค่าเสีย
หายอันเกิดจากการชำาระหนี้ไม่ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
18
2.4.5 ลูกหนี้ตกเป็นคนไม่สามารถจะชำาระหนี้ได้
มาตรา 219 วรรคสอง บั ญ ญั ติ ว่ า ถ้ า ภายหลั ง ที่ ไ ด้ ก่ อ หนี้ ขึ้ น แล้ ว นั้ น ลู ก หนี้ ก ลายเป็ น คนไม่
สามารถจะชำา ระหนี้ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่าเป็นพฤติการณ์ที่ทำา ให้การชำา ระหนี้ตกเป็นอันพ้นวิสัยนั้น
ฉะนัน้ จะเข้าใจได้ว่าอย่างไร
ที่ ม าตรา 219 วรรคสองบั ญญั ติ ว่า ถ้ า ภายหลั งที่ ไ ด้ ก่ อ หนี้ ขึ้ น แล้ วนั้ น ลู ก หนี้ ก ลายเป็ นคนไม่
สามารถจะชำาระหนี้ได้ไซร้ ท่านให้ถือเสมือนว่าเป็นพฤติการณ์ที่ทำาให้การชำาระหนี้ตกเป็นอันพ้นวิสัยฉะนั้น
หมายความว่าพฤติการณ์อย่างหนึ่งที่กฎหมายถือว่าเทียบเท่ากับการชำาระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยมีผลให้ลูกหนี้หลุด
พ้นจากการชำาระหนี้คือพฤติการณ์ที่ลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถชำาระหนี้ได้ ภายหลังที่ได้ก่อหนี้ขึ้นแล้วคือ
ขณะก่อหนี้ ลูกหนี้สามารถชำาระหนี้ได้ แต่ภายหลังก่อหนี้มีพฤติการณ์ที่ทำาให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำาระหนี้ได้
หนี้ที่ลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถชำาระหนี้จะต้องเป็นหนี้อันมีวัตถุแห่งหนี้เป็นการกระทำาของตัวลูกหนี้เอง
พฤติการณ์ที่ลูกหนี้กลายเป็นคนไม่สามารถที่จะชำาระหนี้ได้นี้ ลูกหนี้จะหลุดพ้นจากการไม่ชำาระหนี้ ต้องเป็น
พฤติการณ์ที่จะโทษลูกหนี้ไม่ได้หรือที่ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นพฤติการณ์ที่จะโทษลูกหนี้ได้ห รือที่
ลูกหนี้จะต้องรับผิดชอบแล้ว ลูกหนี้ก็หาหลุดพ้นจากการไม่ชำาระหนี้ไม่
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 2
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
19
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
20
9. ถ้าการชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์อันใดอันหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้จะถือ
ได้เสมอไปหรือไม่ว่าลูกหนี้เป็นอันหลุดพ้นจากการชำาระหนี้นั้น คำำตอบ จะถือเช่นนั้นทุกกรณีเสมอ
ไปไม่ได้ เพราะการชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยนั้นเมื่อไม่ใช่ความผิดของของลูกหนี้ ลูกหนี้จึงจะหลุด
พ้นจากการชำาระหนี้ ถ้าเป็นความผิดของลูกหนี้ ลูกหนี้ก็ไม่หลุดพ้น แต่ถ้าการชำาระหนี้กลายเป็นพ้น
วิสัยในระหว่างผิดนัด แม้จะไม่ใช่ความผิดของลูกหนี้ ลูกหนี้ก็ไม่หลุดพ้นจากการชำาระหนี้
10. ก จ้าง ข ให้วาดภาพตัว ก เพราะ ข เป็นช่างวาดฝีมือดีและมีชื่อเสียง ทำาสัญญาจ้างเสร็จแล้ว ยังไม่ทัน
วาดภาพให้ ก ข ได้ขับรถยนต์ไปชนกับรถยนต์ของผู้อื่นโดยประมาท เป็นเหตุให้รถยนต์ของ ข ควำ่า
ข ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องตัดแขนขวาทิ้ง ซึ่งเป็นแขนที่ ข จะต้องใช้วาดภาพ ข จึงกลายเป็นคนที่ไม่
สามารถจะชำาระหนี้คือวาดภาพให้ ก ได้ ดังนี้ ข จะต้องรับผิดชอบต่อ ก หรือไม่ คำำตอบ ข ต้องผิด
ชอบเพราะการชำาระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยเพราะความผิดของ ข เอง
หน่วยที่ 3 การไม่ชำาระหนี้
ความรับผิดชอบของลูกหนี้เพื่อคนที่ให้ชำาระหนี้
1. ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนของตนและของบุคคลที่ตนใช้ในการชำาระหนี้
2. ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบแม้กระทั่งเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตัวแทนของ
ตนหรือของบุคคลที่ตนใช้ในการชำาระหนี้ หากมีข้อตกลงที่ทำากันไว้ล่วงหน้า
ขอบเขตของตัวแทนและผู้ที่ใช้ชำาระหนี้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
21
มอบแร่ดีบุกซึ่งอยู่จังหวัดภูเก็ตให้แก่นายดำาที่กรุงเทพฯ ในสัญญาซื้อขายแร่ดีบุกระหว่างคนทั้ง
สองมีข้อตกลงกันว่า นายแดงจะจ้างนายเขียวเป็นผู้ขนส่งแร่ดีบุกให้แก่นายดำาตามสัญญา และยัง
ตกลงกันไว้ด้วยว่า ถ้ามีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นแก่แร่ดีบุกที่ซื้อขายกัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะ
การกระทำาของนายแดงหรือของนายเขียว แล้วนายแดงจะไม่รับผิดชอบต่อนายดำาทั้งสิ้น ปรากฏ
ว่านายดำาไม่ได้รับแร่ดีบุกจากนายแดงตามสัญญา เพราะนายเขียวขายแร่ดีบุกที่ขนมาให้แก่นาย
ขาวแล้วเบียดบังเอาเงินที่ขายได้ไปเป็นประโยชน์ของตนเสียประการหนึ่ง หรือมากเพียงขาย
แร่ดีบุกให้แก่นายเหลืองตามคำาสั่งของนายแดงอีกประการหนึ่ง ทั้งสองประการนี้นายดำาจะฟ้อง
เรี ยกค่าสินไมทดแทนจากนายแดงอี กประการหนึ่ ง ทั้ งสองประการนี้ นายดำา จะฟ้ อ งเรี ย กค่ า
สินไหมทดแทนจากนายแดงเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การกระทำาของนายเขียวได้หรือไม่เพราะ
เหตุใด
ตามหลักทั่วไปในมาตรา 220 ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนแห่งตนหรือของ
บุคคลที่ตนใช้ในการชำา ระหนี้โดยขนาดเสมอกันว่าเป็นความผิดของตนเองฉะนั้น และถ้าเจ้าหนี้ลูกหนี้ได้
ตกลงกันไว้ล่วงหน้า เป็นข้อยกเว้นมิให้ลูกหนี้ต้องรับผิดเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ของตัวแทนหรือบุคคลที่ลูกหนี้ใช้ในการชำาระหนี้ ก็ทำาได้แต่ถ้าเป็นข้อตกลงยกเว้นมิให้ลูกหนี้ต้องรับผิดเพื่อ
กลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของตนนั้นย่อมทำา ไม่ได้ ข้อตกลงดังกล่าวเป็นโมฆะตาม
มาตรา 373
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
22
2. นายเขียวขายรถยนต์ของตนให้นายขาวเมื่อชำาระเงินกันเรียบร้อยแล้ว นายเขียวจะเอารถยนต์ไป
ส่งมอบให้ที่บ้านนายขาวในวันรุ่งขึ้น รุ่งเช้านายเขียวใช้ให้นายขำาขับรถของตนเอาไปส่งที่บ้าน
ของนายขาว โดยนายขาวได้กำา ชั บ ให้ นายขำา ว่ า ต้ อ งขั บ รถยนต์ คั น นี้ ไ ปส่ ง ให้ แ ก่ น ายขาวให้
เรียบร้อย และนายเขียวยังกล่าวต่อไปอีกว่าถ้ามีกรณีใดๆเกิดขึ้นอันเป็นเหตุให้นายขาวไม่ได้ขับ
รถยนต์ตามที่ตกลงกันไว้ นายขำาจะต้องรับผิดแต่เพียงผู้เดียว โดยที่นายเขียวจะไม่รับผิดชอบใดๆ
ทั้งสิ้น นายขำา ก็ตกลง ในระหว่างทางที่นายขำา ขับรถยนต์ไปเพื่อส่งมอบให้แก่นายขาวนั่นเอง
นายขำาได้แอบนำารถยนต์คันนี้ไปขายให้แก่นายขม แล้วเอาเงินที่ได้หลบหนีไปโดยนายเขียวมิได้รู้
เห็นด้วยเลย
ดังนี้ นายเขียวจะต้องรับผิดชอบต่อนายขาวในกรณีที่นายขาวไม่ได้รับมอบรถยนต์คันนี้หรือไม่เพราะ
เหตุใด
ตามอุทาหรณ์เป็นเรื่องความรับผิดของลูกหนี้ เพื่อบุคคลที่ลูกหนี้ใช้ในการชำาระหนี้ ซึ่งมาตรา 220
บัญญัติว่า “ลูกหนี้ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวแทนแห่งตนกับทั้งของบุคคลที่ตนใช้ในการชำาระหนี้นั้น
โดยขนาดเสมอว่าเป็นความผิดของตนเองฉะนั้น แต่บทบัญญัติแห่งมาตรา 373 หาใช้บังคับแก่กรณีเช่นนี้
ด้วยไม่”
นายเขียวเป็นลูกหนี้นายขาวในอันที่จะต้องส่งมอบรถยนต์ที่ซื้อขายกันให้แก่นายขาวผู้ซื้อแต่นายเขียว
ไม่ได้ใช้นายขำาทำาการชำาระหนี้แทน ซึ่งนายเขียวจะต้องรับผิดชอบในความผิดของนายขำาที่ตนใช้ในการชำาระ
หนี้นั้นโดยขนาดเสมอกันว่าเป็นความผิดของตนเอง แต่นายเขียวและนายขาวสามารถทำาความตกลงไว้ล่วง
หน้าเป็นข้อยกเว้นมิให้นายเขียวต้องรับผิดเพื่อกลฉ้อฉลหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของนายขำาซึ่ง
เป็นบุคคลที่นายเขียวใช้ในการชำาระหนี้ได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าข้อตกลงดังกล่าว จะต้องเป็นข้อตกลงระหว่างเจ้า
หนี้กัลป์ปบลูกหนี้คือ นายเขียวกับนายขาวเท่านั้น ข้อตกลงยกเว้นความรับผิดชอบดังกล่าวจึงจะใช้บังคับได้
แต่ตามอุทาหรณ์ข้อตกลงยกเว้นความรับผิดของนายเขียว เป็นข้อตกลงระหว่างนายเขียวกับนายขำา คือลูกหนี้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
23
กับบุคคลที่ลูกหนี้ที่ใช้ในการชำาระหนี้ ข้อตกลงยกเว้นความรับผิดชอบของนายเขียวดังกล่าวนี้เป็นโมฆะใช้
บังคับไม่ได้
ดังนั้นนายขำา ได้แอบนำา รถยนต์ไปขายให้แก่นายขม แล้วเอาเงินที่ขายได้หลบหนีไปโดยที่นายเขียว
มิได้รู้เห็นด้วยนั้น ไม่ทำาให้นายเขียวหลุดพ้นจากความรับผิดต่อนายขาวได้ นายเขียวจึงต้องรับผิดต่อนายขาว
ในกรณีที่นายขาวไม่ได้รับรถยนต์ตามสัญญา
การบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจง
1. ถ้าลูกหนี้ละเลยเสียไม่ชำาระหนี้ เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับชำาระหนี้ได้
2. เมื่ อ สภาพแห่ งหนี้ ไ ม่ เ ปิ ด ช่ อ งให้ บั งคั บชำา ระหนี้ ไ ด้ เจ้ า หนี้ จ ะร้ อ งขอต่ อ ศาลสั่ ง บั งคั บ ให้ บุ ค คล
ภายนอกกระทำาการโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่าย ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำาการอันหนึ่งอันใด
3. ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้ทำานิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำาพิพากษาแทนการ
แสดงเจตนาของลูกหนี้ได้
4. ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันจะให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้รื้อถอน การที่ได้กระทำาลงโดยให้
ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายและให้จัดการอันควรเพื่อการภายหน้าได้ด้วย
5. เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงหรือเรียกค่าสินไหมทดแทนก็ได้
6. เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงและเรียกค่าสินไหมทดแทนในคราวเดียวกันก็ได้
ความหมายของการบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจง
การบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงหมายความว่าอย่างไร
มาตรา 213 บัญญัติเป็นหลักทั่วไปว่าเมื่อลูกหนี้ไม่ชำาระหนี้ เจ้าหนี้บังคับให้ลูกหนี้ชำา ระหนี้ได้
หมายความว่าเป็นหนี้กันอยู่อย่างไรก็บังคับให้ลูกหนี้ชำาระหนี้อย่างนั้นได้ ทั้งนี้ก็เพราะบุคคลใดก่อหนี้ขึ้น ก็
ประสงค์จะได้สิ่งที่ตนต้องการ เช่น อยากได้รถยนต์ก็ทำาสัญญาซื้อรถยนต์ ถ้าลูกหนี้ไม่ส่งมอบรถยนต์ให้ก็มี
วิธีการบังคับให้ลูกหนี้ส่งมอบรถยนต์ให้เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตนต้องการ ส่วนวิธีการที่จะใช้เจ้า
หนี้ได้รับตามสิทธิดังกล่าวนั้นมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษคือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กรณีที่จะบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงได้นั้น สภาพแห่งหนีจ้ ะต้องเปิดช่องว่างให้บังคับกันได้ ถ้า
สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องว่างให้บังคับได้แล้ว เจ้าหนี้จะใช้สิทธิบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้ ทั้งนี้
เพราะหนี้เป็นบุคคลสิทธิเป็นสิทธิเหนือบุคคลจะบังคับเอาแก่ตัวตนของลูกหนี้ไม่ได้ เจ้าหนี้มีสิทธิบังคับชำาระ
หนี้ได้เฉพาะแต่ทรัพย์สินของลูกหนี้เท่านั้น เช่น ก. รับจ้างเขียนรูปภาพให้ ข. ด้วยฝีมือของตนเอง ก. ผิด
สัญญาไม่เ ขียนรู ปภาพให้ ข. ข. จะร้ องขอต่อ ศาลขอให้บั งคั บ ก. เขียนรูป ภาพให้ แ ก่ต นไม่ไ ด้ เพราะ
เป็นการบังคับเอาแก่ตัวตนของลูกหนี้
นอกจากนี้สภาพแห่งหนี้ต้องไม่พ้นวิสัยที่ลูกหนี้จะชำาระหนี้ได้ ถ้าเป็นการพ้นวิสัยที่ลูกหนี้จะชำาระ
หนี้ได้แล้ว เจ้าหนี้ขอให้ศาลบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้ เช่นแดงยืมถ้วยลายครามของดำาไปแล้วทำา
แตก ดำาจะร้องต่อศาลบังคับให้แดงคืนถ้วยลายครามของตนไม่ได้ ดำาได้แต่ฟ้องเรียกค่าเสียหายแทน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
24
กรณีทบี่ ังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้
มีกรณีใดบ้างที่เจ้าหนี้จะบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้
เจ้าหนี้มีสิทธิที่บังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงได้ คือเป็นหนี้กันอย่างไรก็บังคับเอากันอย่างนั้น ซึ่ง
เป็นการบังคับเอาตามวัตถุประสงค์แห่งหนี้ แต่มีข้อยกเว้นที่เจ้าหนี้ไม่อาจที่จะบังคับชำา ระหนี้โดยเฉพาะ
เจาะจงได้คือ
1) สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับกันได้ ซึ่งมาตรา 213 วรรค 1 บัญญัติเป็นหลัก
ไว้ว่า “ถ้าลูกหนี้ละเลยเสียไม่ชำาระหนี้ของตน เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาล ให้สั่งบังคับชำาระ
หนี้ก็ได้เว้นแต่สภาพแห่งหนี้จะไม่เปิดช่องให้ทำาเช่นนั้นได้” เรื่องสภาพแห่งหนี้ไม่เปิด
ช่องให้บังคับกันได้นั้นเป็นการพิจารณาตามสภาพแห่งหนี้ ซึ่งหมายความว่าเป็นหนี้ที่ลูก
หนี้จะต้องทำา เองเฉพาะตัว จะให้คนอื่นทำา แทนไม่ได้ เช่น จ้างให้ร้องเพลง จ้างให้วาด
ภาพ เป็นเรื่องว่าจ้างเกี่ยวกับความสามารถเฉพาะตัวของลูกหนี้ ถ้าลูกหนี้ผิดนัดไม่ไปร้อง
เพลงตามวันเวลากำาหนด หรือไม่ยอมวาดภาพให้ ไม่มีวิธีการใดจะบังคับให้ทำาได้ เพราะ
จะเป็นการบังคับจิตใจลูกหนี้ให้ทำางาน ผลงานที่ออกมาจะไม่ดีตามความประสงค์ของ
เจ้าหนี้
2) บังคับชำา ระหนี้ที่กลายเป็นพ้นวิสัยแล้วไม่ได้ การบังคับชำา ระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงจะ
ทำาได้ก็ต่อเมื่อหนี้ยังเป็นวิสัยที่จะทำาได้ ถ้าหนี้กลายเป็นพ้นวิสัยจะชำาระหนี้ได้เสียแล้ว ก็
ย่อมจะบังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงไม่ได้ เพราะวัตถุประสงค์แห่งหนี้ไม่มีแล้ว เช่น
ซื้อขายม้า แต่ม้าที่ส่งมอบให้เจ้าหนี้ได้ตายไปแล้ว ก็ไม่มีม้าที่จะส่งมอบ จะมาบังคับให้
ส่งมอบม้าไม่ได้
การใช้สิทธิบังคับชำาระหนี้และการบังคับชำาระหนี้โดยค่าสินไหมทดแทน
1. เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำา ระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงได้ กฎหมายได้วาง
หลักเกณฑ์ การบังคับชำาระหนี้ไว้อย่างไร
เมื่อสภาพแห่งนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจงได้ กฎหมายมาตรา 213 วรรค 2
และ 3 ได้บัญญัติวางหลักเกณฑ์การบังคับชำาระหนี้ไว้ว่า “เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำาระหนี้
ได้ ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำาการอันหนึ่งอันใดเจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอก
กระทำาการอันนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้ แต่ถ้าวัตถุแห่งนี้เป็นอันให้กระทำานิติกรรมอย่างใดอย่าง
หนึ่งไซร้ ศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้ได้ ส่วนหนี้ซึ่งมีวัตถุแห่งหนี้เป็น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
25
อันจะให้งดเว้นการอันใด เจ้าหนี้จะเรียกร้องให้รื้อถอนการที่ได้กระทำาลงแล้วนั้นโดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่าย
และให้จัดการอันควรเพื่อการภายหน้าด้วยก็ได้”
1) เมื่อวัตถุแห่งหนี้เป็นการกระทำา ถ้าลูกหนี้ละเลยไม่ชำาระหนี้ จะไปบังคับตัวตนของลูก
หนี้ให้กระทำาไม่ได้ เพราะเป็นการละเมิดต่อเสรีภาพในร่างกายของบุคคล สภาพแห่ง
หนี้ที่จะบังคับให้ลูกหนี้กระทำาไม่เปิดช่องให้ทำาได้ แต่กฎหมายได้หาทางออกให้กับเจ้า
หนี้ เมื่อบังคับตัวลูกหนี้ไม่ได้ ก็ให้บุคคลอื่นทำาแทนโดยให้ลูกหนี้เป็นคนออกค่าใช้จ่าย
เช่น ลูกหนี้ปลูกโรงเรือนรุกลำ้าออกไป ถ้าลูกหนี้ไม่ยอมรื้อถอน เจ้าหนี้ฟ้องศาลให้สั่ง
บังคับให้บุคคลอื่นทำาการรื้อถอนโดยให้ลูกหนี้เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนได้ ถ้า
ลูกหนี้ไม่ยอมออกค่าใช้จ่าย ก็ขอให้ศาลออกหมายบังคับยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ออก
ขายทอดตลาดนำาเงินมาชำาระค่าใช้จ่ายได้ บุคคลภายนอกนี้จะเป็นเจ้าหนี้เองหรือบุคคล
ใดก็ได้ซึ่งไม่ใช่ตัวลูกหนี้
2) เมื่อวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้ทำานิติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ซื้อขายที่ดิน ผู้ขายไม่ยอม
ไปโอนที่ดินที่ซื้อขายให้แก่ผู้ซื้อ เจ้าหนี้ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะฟ้องร้องขอให้ศาลบังคับให้ผู้ขาย
ซึ่งเป็นลูกหนี้ไปทำานิติกรรมโอนที่ดินให้เจ้าหนี้ได้ ถ้าลูกหนี้ไม่ยอมไปโอนให้ก็ขอให้
ศาลพิพากษาว่า ให้ถือเอาคำาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกหนี้เพื่อให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำานิติกรรมโอนที่ดินให้แก่เจ้าหนี้ได้
3) เมื่อวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้งดเว้น การกระทำา เป็นเรื่ องสภาพแห่ งหนี้ไ ม่เ ปิด ช่อ งให้
บังคับชำาระหนี้ได้ประการหนึ่ง แต่หนี้ที่จะชำาระนั้นเป็นการยกเว้นการกระทำาอย่างใด
อย่างหนึ่ง เมื่อบังคับให้ลูกหนี้ชำาระหนี้ต่อตนเองไม่ได้ กฎหมายก็ได้ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้
ในอันที่จะฟ้องศาลขอให้ศาลมีคำา สั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ทำา ขึ้นผิดวัตถุแห่งหนี้
โดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่าย เจ้าหนี้จะขอให้ศาลอนุญาตให้ตนเองหรือบุคคลภายนอก
ทำา การรื้อถอนก็ได้ เช่น ก. สัญญาจะไม่สร้างสิ่งปลุกสร้างยังบ้านของ ข. ต่อมา ข.
ผิดสัญญาโดยสร้างสิ่งปลูกสร้างลงไป ข. มีสิทธิฟ้องศาลให้ ก. รื้อสิ่งปลูกสร้างได้ ถ้า
ก. ไม่ยอมรื้อถอนก็ให้ศาลสั่งให้เจ้าหนี้หรือบุคคลอื่นทำา การรื้อถอนได้ ไม่ให้ลูกหนี้
เสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน
2. เมื่อเจ้าหนี้ฟ้องขอให้บังคับชำาระหนี้แล้วเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือไม่ให้
อธิบาย
เรื่องการเรียกค่าเสียหายในกรณีที่เจ้าหนี้ขอบังคับชำาระหนี้นั้น มาตรา 213 วรรคสุดท้ายบัญญัติ
เป็นหลักไว้ว่า “อนึ่งบทบัญญัติในวรรคทั้งหลายที่กล่าวมาก่อนนี้ หากระทบกระทั่งถึงสิทธิที่จะเรียกเอาค่าเสีย
หายไม่”
หมายความว่าการชำาระหนี้โดยเฉพาะเจาะจง ไม่ตัดสิทธิของเจ้าหนี้ที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทน
การละเลยไม่ชำาระหนี้ สิทธิบังคับชำาระหนี้เป็นสิทธิเฉพาะตัวของเจ้าหนี้ คือเจ้าหนี้จะใช้ก็ได้ไม่ใช้ก็ได้ แม้ว่า
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
26
เจ้าหนี้จะบังคับชำาระหนี้หรือไม่ก็ตาม ถ้าเจ้าหนี้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการที่ลูกหนี้ละเลยไม่ชำาระหนี้
เจ้าหนี้ก็มีสิทธิเรียกเอาค่าเสียหายจากลูกหนี้ได้
ในกรณีที่เจ้าหนี้ขอบังคับชำาระหนี้ ไม่ว่าจะขอให้ส่งมอบทรัพย์สิน ให้กระทำาการหรืองดเว้นการกระ
ทำา หรือทำานิติกรรมตามมาตรา 213 วรรค 1 2 และ 3 ก็ตาม และการไม่ชำาระหนี้ของลูกหนี้นั้นเป็น
เหตุให้เจ้าหนี้เสียหาย เจ้าหนี้ก็เรียกร้องเอาค่าเสียหายได้ เช่น สัญญาซื้อขายรถยนต์ ลูกหนี้ไม่ส่งมอบตามเวลา
กำาหนด เจ้าหนี้ไม่มีรถยนต์ใช้ก็ต้องเช่ารถแท็กซี่ไปกลับจากทีท่ ำางาน เจ้าหนี้ฟ้องขอให้บังคับให้ลูกหนี้ส่งมอบ
รถยนต์ให้แก่เจ้าหนี้ และในเวลาเดียวกันก็จะฟ้องร้องเอาค่าเสียหายซึ่งเสียไปเพราะเช่ารถแท็กซี่ไปกลับมาที่
ทำางาน ตั้งแต่วันผิดนัดจนกว่าลูกหนี้จะส่งมอบรถยนต์ให้เจ้าหนี้ด้วยก็ได้ หรือถ้าหนี้มีวัตถุแห่งหนี้เป็นการ
กระทำาหรืองดเว้นการกระทำา เช่น ปลูกสิ่งก่อสร้างรุกลำ้าที่ดินของเจ้าหนี้โดยไม่สุจริต หรือมีสัญญาห้ามมิให้
ปลุกสิ่งก่อสร้างในที่ดินของเจ้าหนี้ แต่เจ้าหนี้ฝ่าฝืนปลูกสร้างลงไป ในกรณีเจ้าหนี้ฟ้องขอให้บังคับลูกหนี้
ทำา การรื้อถอนสิ่งปลุกสร้างโดยฝืนใจลูกหนี้ไม่ได้ เจ้าหนี้ก็มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลมีคำา สั่งให้บุคคลภายนอก
ทำาการรื้อถอน โดยให้ลูกหนี้เสียค่าใช้จ่าย และฟ้องเรียกค่าเสียหาย ถ้าเจ้าหนี้พิสูจน์ได้ว่าตลอดเวลาที่ลูกหนี้
ละเมิดสัญญา เจ้าหนี้ได้รับความเสียหายอย่างใดได้อีกด้วย
การบังคับชำาระหนี้โดยค่าสินไหมทดแทน
1. การเรียกค่าเสียหายได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิด
ขึ้นแต่การไม่ชำาระหนี้
2. เจ้าหนี้เรียกเอาค่าสินไหมทดแทน เพื่อความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษหากว่าคู่กรณี
ที่เกี่ยวข้องได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล้ว
3. ถ้าเจ้าหนี้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหาย ด้วยการคำานวณค่าเสียหายต้องอาศัยพฤติการณ์เป็น
ประมาณโดยคำานึงว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนเท่ากันเพียงไร
4. เจ้าหนี้จะต้องรับผิดในความเสียหาย เพราะการละเลยไม่เตือนลูกหนี้ให้รู้ถึงอันตรายแห่งการ
เสียหายซึ่งร้ายแรงผิดปกติ หรือละเลยไม่บำาบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหาย
5. เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะรับชำาระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของลูกหนี้จนสิ้นเชิง
หลักเกณฑ์ในการเรียกค่าสินไหมทดแทน
การฟ้องร้องค่าสินไหมทดแทนมีหลักเกณฑ์ประการใดบ้าง
การฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดจากการไม่ชำาระหนี้มีหลักเกณฑ์ดังต่อ
ไปนี้
1)ต้องมีการไม่ชำา ระหนี้ มาตรา 222 วรรคแรก บัญญัติหลักเกณฑ์สำา คัญในการเรียกร้องค่า
สินไหมทดแทน คือ ต้องมีการไม่ชำาระหนี้ การไม่ชำาระหนี้รวมความตลอดถึงการชำาระหนี้ไม่ถูก
ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้คือ ชำาระหนี้ล่าช้า ผิดเวลา ผิดสถานที่ หรือวัตถุแห่ง
หนี้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
27
หลักเกณฑ์ในการกำาหนดค่าสินไหมทดแทน
การละเลยไม่ชำา ระหนี้ของลูกหนี้จนเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ ได้รับความเสียหายนั้นมีหลักเกณฑ์ในการ
กำาหนดค่าเสียหายอย่างไรบ้าง อธิบาย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
28
ความเสียหายเกิดจากผู้เสียหายเอง
ถ้าความเสียหายที่เ กิด จากการได้ชำา ระหนี้ผู้เ สีย หายมีส่วนก่ อให้เ กิด ขึ้น ด้วย มีหลั กเกณฑ์ในการ
คำานวณค่าเสียหายอย่างไร ให้อธิบายมีกรณีใดบ้างที่ถือว่าเจ้าหนี้เป็นผู้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายด้วย
มาตรา 223 ได้วางหลักเกณฑ์ในการกำาหนดค่าเสียหายในกรณีที่เจ้าหนี้หรือผู้เสียหายมีส่วนก่อให้
เกิดความเสียหายขึ้นเนื่องจากการไม่ชำาระหนี้ดังนี้
1)ผู้เสียหายมีส่วนทำาความผิดอยู่ด้วย ความเสียหายที่เจ้าหนี้ได้รับเพราะลูกหนี้ละเลยไม่ชำา ระหนี้
นัน้ ถ้าความเสียหายที่เกิดขึ้นเจ้าหนี้มีส่วนก่อให้เกิด เจ้าหนี้จะต้องรับผิดชอบในส่วนนี้จะไปเรียก
เอาจากลูกหนี้ไม่ได้ ค่าเสียหายที่ฝ่ายใดจะต้องรับผิดมากน้อยเพียงใดนั้น มาตรา 223 บัญญัติ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
29
ว่าจะต้องพิจารณาตามพฤติการณ์เป็นประมาณ ข้อสำาคัญที่สุดต้องพิจารณาว่าฝ่ายใดเป็นผู้ก่อให้
เกิดความเสียหายมากน้อยเพียงใด ซึ่งหมายความว่าลูกหนี้ก่อให้เกิดความเสียหายเท่าใด ลูกหนี้ก็
รับผิดเพียงเท่านั้น ถ้าความผิดส่วนที่เหลือเจ้าหนี้เป็นผู้ก่อขึ้น เจ้าหนี้ต้องรับผิด
2)กรณีที่ถือว่าเจ้าหนี้เป็นผู้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหายด้วยมีดังนี้
1)เจ้าหนี้มีส่วนเป็นผู้ก่อความเสียหายขึ้นโดยตรงตามข้อ (1)
2)เจ้าหนี้มีส่วนผิดโดยละเลยไม่บอกลูกหนี้ ไม่บำาบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหาย มาตรา
223 วรรคสอง บัญญัติให้เจ้าหนี้หรือผู้เสียหายต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
จากการที่ผู้เสียหายได้ละเลยไม่เตือนลูกหนี้ให้รู้สึกถึงอันตรายแห่งการเสียหายอันร้ายแรงผิด
ปกติ ซึ่งลูกหนี้ไม่รู้หรือไม่อาจรู้ได้ หรือเพียงแต่ละเลยเสียไม่บำา บัดปัดป้อง หรือบรรเทา
ความเสียหายนั้น การละเลยเช่นนี้ถือเสมือนเท่ากับผู้เสียหายได้มีส่วนก่อให้เกิดความเสียหาย
เหมือนกัน ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในส่วนนี้ เจ้าหนี้หรือผู้เสียหายจะเรียกร้องไม่ได้
3)การมีส่วนในการทำาความเสียหาย การละเลยไม่ตักเตือน การละเลยไม่บำาบัดปัดป้อง หรือไม่
บรรเทาความเสียหายของตัวแทนหรือของผู้ที่เจ้าหนี้ใช้ในการชำา ระหนี้ ให้ถือเสมือนว่า
เป็นการกระทำาหรือละเลยของเจ้าหนี้เอง เจ้าหนี้ต้องรับผิดชอบด้วย
ทรัพย์สินที่จะใช้ชำาระหนี้
ที่ว่า เจ้าหนี้มีสิทธิที่จะให้ชำาระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของลูกหนี้จนสิ้นเชิงนั้นท่านเข้าใจอย่างไร
ที่ว่าเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะให้ชำาระหนี้ของตนจากทรัพย์สินของลูกหนีจ้ นสิ้นเชิงนั้น หมายความว่า
1)ทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนีน้ ำามาชำาระหนี้ได้ เพราะกฎหมายถือหลักว่าทรัพย์สินทั้งหมดของลูก
หนี้เป็นประกันการชำาระหนี้ เมื่อลูกหนี้ไม่ชำาระหนี้ เจ้าหนี้เสียหายอย่างไร มากน้อยแค่ไหน เจ้า
หนี้ฟ้องร้องเรียกเอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ ถ้ามีเงินก็ขอให้ยึดเงินมาชำาระหนี้ ถ้าไม่มีเงินก็
ขอให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้มาขายทอดตลาดเอาเงินชำาระหนี้ได้ ทรัพย์สินทั้งหมดของลุกหนี้
หมายความรวมถึงเงินและทรัพย์สินๆ ซึ่งบุคคลภายนอกค้า งชำา ระแก่ลู ก หนี้ ด้วย ซึ่งเงิน และ
ทรัพย์สินดังกล่าว แม้จะอยู่กับบุคคลภายนอกก็เป็นเงินและทรัพย์สินของลูกหนี้นั่นเอง
2)ทรัพย์สินของลูกหนี้ที่จะนำามาชำาระหนี้นั้น มีความหมายตามมาตรา 99 คือเป็นทั้งวัตถุมีรูปร่าง
และไม่มีรูปร่าง ซึ่งอาจมีราคาและถือเอาได้ ทั้งที่เป็นสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ รวม
ตลอดถึงสิทธิบางอย่าง เช่นลิขสิทธิ์ซึ่งสามารถที่จะจำาหน่ายจ่ายโอนนำาเงินมาชำาระหนี้ให้เจ้าหนี้
ได้
3)ที่ว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะบังคับชำาระหนี้เอาจากทรัพย์สินของลุกหนี้โดยสิ้นเชิงนั้น หมายความว่าเป็น
หนี้อยู่เท่าใด เจ้าหนี้บังคับชำาระหนี้ได้เท่านั้นจะไปยึดเอาเงินหรือทรัพย์สินทั้งหมดของลูกหนี้มา
เป็นของเจ้าหนี้ทั้งหมดไม่ได้ ถ้ายึดเงินของลุกหนี้มาชำาระหนี้แล้ว ได้เงินมายังไม่ครบจำานวนหนี้
เจ้าหนี้ก็ยึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้มาขายทอดตลาดเอาเงินมาชำาระหนี้ให้เจ้าหนี้จนครบ เมื่อได้
ครบแล้วจะไปยึดมาอีกไม่ได้ ถ้าทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นทรัพย์สินมีราคามาก เมื่อขายแล้ว เอา
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
30
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 3
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
31
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
32
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
33
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
34
เป็นที่เสียหายแก่ตน รวมทั้งให้เจ้าหนี้ใช้วิธีการที่จะให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินที่บุคคลภายนอกต้องชำาระ
แก่ลูกหนี้ดว้ ย
3. การเพิกถอนการฉ้อ ฉล เป็นวิธี การควบคุ มกองทรัพย์ สินของลู กหนี้อี กอย่า งหนึ่ งคื อ มิ ให้ ลูก หนี้
จำาหน่าย จ่าย โอนทรัพย์สินที่มีอยู่ไป ทำาให้เจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับให้ใช้หนี้ได้เพียงพอจากทรัพย์สิน
ที่ลูกหนี้มีเหลืออยู่
การรับช่วงสิทธิ
1. บุคคลผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้ง
ประกันแห่งหนี้นั้นได้ในนามของตนเอง
2. กรณีที่มีการรับช่วงสิทธินั้น มีได้โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายเท่านั้น โดยกฎหมายได้บัญญัติไว้
สามกรณี คือ ตามมาตรา 227 229 และ 230
3. เมื่อเกิดการรับช่วงสิทธิขึ้น สิทธิทั้งหลายที่เจ้าหนี้เดิมมีอยู่ในมูลหนี้ตกมาเป็นของผู้รับช่วงสิทธิ
แต่ผู้รับช่วงสิทธิที่รับช่วงมาให้เป็นที่เสื่อมเสีย
4. ช่ว งทรัพย์ ได้ แก่ เอาทรั พย์ สินอัน หนึ่งเข้า แทนที่ ทรัพย์สินอี ก อันหนึ่ งในฐานะนิ ติ นั ย อย่า ง
เดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน
5. กรณีช่วงทรัพย์นั้นมีได้โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายเท่านั้น โดยกฎหมายบังคับไว้ 2 กรณี คือ
ตามมาตรา 228 และ 231
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
35
การรับช่วงสิทธิ (รับช่วงบุคคล)
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
36
การรับช่วงทรัพย์
ช่วงทรัพย์ เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายประการเดียวเสมอไปหรือไม่ และจะมีได้ในกรณีใดบ้าง
ช่วงทรัพย์เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายเสมอไป ไม่อาจเกิดจากข้อตกลงหรือสัญญาระหว่างคู่กรณีได้
กรณีตามมาตรา 227 229 และ 230
การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
1. ถ้าลูกหนี้ขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้อง หรือเพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง เป็นเหตุให้เจ้าหนี้ต้องเสีย
ประโยชน์ เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องนั้นในนามของตนเองแทนลูกหนี้เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูล
หนีน้ ั้นก็ได้ เว้นแต่ในข้อที่เป็นการของลูกหนี้ส่วนตัวโดยแท้
2. วิธีการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้นั้น คือ เจ้าหนี้ผู้ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้นั้นจะต้องขอหมาย
เรียกลูกหนี้มาในคดีนั้นด้วย
3. ผลของการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ก็คือ หากมีการได้รับทรัพย์สินมาตามคำาพิพากษาทรัพย์สินนั้น
ก็ตกเป็นของลูกหนี้เดิม
หลักเกณฑ์การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
อธิบายหลักเกณฑ์การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
หลักเกณฑ์การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ อธิบายได้โดยใช้หลักตามมาตรา 233 และ 234
การใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
มาตรา 233 ถ้าลูกหนี้ขัดขืนไม่ยอมใช้สิทธิเรียกร้อง หรือเพิกเฉย เสียไม่ใช้สิทธิเรียกร้อง เป็นเหตุ
ให้เจ้าหนี้ต้องเสียประโยชน์ไซร้ ท่าน ว่าเจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องนั้นในนามของตนเอง แทนลูกหนี้เพื่อ
ป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้นั้นก็ได้ เว้นแต่ในข้อที่เป็นการของ ลูกหนี้ส่วนตัวโดยแท้
มาตรา 234 เจ้าหนี้ผู้ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนีน้ ั้นจะต้องขอ หมายเรียกลูกหนี้มาในคดีนั้นด้วย
มาตรา 235 เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เรียกเงินเต็ม จำานวนที่ยังค้างชำาระแก่ลูกหนี้โดย
ไม่ต้องคำานึงถึงจำานวนที่ค้างชำาระ แก่ตนก็ได้ ถ้าจำาเลยยอมใช้เงินเพียงเท่าจำานวนที่ลูกหนี้เดิมค้าง ชำาระแก่เจ้า
หนีน้ ั้นคดีก็เป็นเสร็จกันไป แต่ถ้าลูกหนี้เดิมได้เข้าชื่อเป็น โจทก์ด้วย ลูกหนีเ้ ดิมจะขอให้ศาลพิจารณาพิพากษา
ต่อไปในส่วน จำานวนเงินที่ยังเหลือติดค้างอยู่ก็ได้
แต่อย่างไรก็ดี ท่านมิให้เจ้าหนี้ได้รับมากไปกว่าจำานวนที่ค้างชำาระ แก่ตนนั้นเลย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
37
วิธีการและผลของการใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้
ข. เป็นหนี้กู้ยืม ก. อยู่ 500,000 บาท ก. ฟ้องเรียกเงินกู้ดังกล่าวต่อศาลแพ่ง ศาลพิจารณา
แล้วพิพากษายกฟ้องของ ก. ให้ ก. แพ้คดี ก. อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากยืน ก. ไม่มีทรัพย์สินอื่นนอกจาก
เงินกู้จำา นวนนี้ และไม่ประสงค์จะฎีกาคัดค้านคำา พิพากษาของศาลอุทธรณ์ เพราะเห็นว่าแพ้คดีมาแล้วถึง 2
ศาลแล้ว ค. จึงเป็นเจ้าหนี้ ก. ค้างจ้างทำา ของ เป็นเงิน 400,000 บาท จะใช้สิทธิของ ก. เพื่อฎี กา
คัดค้านคำาพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในนามของตนเองแทน ก. ได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ค. สามารถฎีกาคัดค้านคำาพิพากษาของศาลอุทธรณ์ได้ เพราะเป็นกรณีที่ ก. เพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียก
ร้อง เป็นเหตุให้ ค. เจ้าหนี้เสียประโยชน์ ค. ฎีกาฯ เพื่อป้องกันสิทธิของตนในมูลหนี้ที่ตนเป็นหนี้อยู่ และ
การฎีกาหาใช่เป็นการที่ ก. ลูกหนีจ้ ักต้องกระทำาเป็นการส่วนตัวโดยแท้
การเพิกถอนการฉ้อฉล
1. เจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้ซึ่งนิติกรรมใดๆ อันลูกหนี้ได้กระทำาลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็น
ทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ แต่ความข้อนี้ท่านมิให้ใช้ บังคับถ้าปรากฏว่าในขณะที่ทำานิติกรรมนั้น บุคคล
ซึ่งเป็นผู้ได้ลาภงอกแต่การนัน้ มิได้รู้เท่าถึงข้อเท็จจริง อันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสียเปรียบนั้นด้วย แต่
หากกรณีเป็นการทำาโดยเสน่หา ท่านว่าเพียงแต่ลูกหนี้เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียวนั้นก็พอแล้วที่จะเพิกถอนได้
แต่กรณีดังกล่าวมานี้มิให้ใช้บังคับแก่นิติกรรมใดอันมิได้มีวัตถุเป็นสิทธิในทรัพย์สิน
2. ผลของการเพิกถอนการฉ้อฉลนั้นย่อมได้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้หมดทุกคน แต่การเพิกถอนไม่กระทบ
กระทั่งสิทธิของบุคคลภายนอกอันใดโดยสุจริตก่อนเริ่มคดีขอเพิกถอน
หลักเกณฑ์การเพิกถอนการฉ้อฉล
1) การเพิกถอนการฉ้อฉลมีหลักเกณฑ์และวิธีการอย่างไรบ้าง
การเพิกถอนการฉ้อฉลให้ใช้หลักตามมาตรา 237
เพิกถอนการฉ้อฉล
มาตรา 237 เจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้ ซึ่ง นิติกรรมใด ๆ อันลูกหนี้ได้กระทำา
ลงทั้ งรู้อ ยู่ว่า จะเป็น ทางให้ เจ้า หนี้ เสีย เปรีย บ แต่ ความข้ อนี้ท่านมิใ ห้ใช้ บังคับ ถ้า ปรากฏว่ า ในขณะที่ ทำา
นิติกรรมนั้น บุคคลซึ่งเป็นผู้ได้ลาภงอกแต่การนั้นมิได้รู้เท่าถึง ข้อความจริง อันเป็นทางให้เจ้าหนี้ต้องเสีย
เปรียบนั้นด้วย แต่หาก กรณีเป็นการทำาให้โดยเสน่หาท่านว่าเพียงแต่ลูกหนี้เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียว เท่านั้นก็พอแล้วที่
จะขอเพิกถอนได้บทบัญญัติดังกล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ท่านมีให้ใช้บังคับแก่นิติกรรม ใดอันมิได้มีวัตถุเป็น
สิทธิในทรัพย์สิน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
38
วิธีการและผลของการเพิกถอนการฉ้อฉล
เมื่อเจ้าหนี้ฟ้องให้เพิกถอนการฉ้อฉลและ จะมีผลต่อบุคคลภายนอกหรือไม่เพียงใด
1. ไม่กระทบสิทธิของบุคคลภายนอกอันได้มาโดยสุจริตก่อนเริ่มฟ้องคดีให้เพิกถอน เว้นแต่
สิทธินั้นจะได้มาโดยเสน่หาตามมาตรา 238
2. การเพิกถอนย่อมเป็นประโยชน์แก่บรรดาเจ้าหนี้ทุกคนตามมาตรา 235
มาตรา 235 เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้เรียกเงินเต็ม จำานวนที่ยังค้างชำาระแก่ลูกหนี้โดย
ไม่ต้องคำานึงถึงจำานวนที่ค้างชำาระ แก่ตนก็ได้ ถ้าจำาเลยยอมใช้เงินเพียงเท่าจำานวนที่ลูกหนี้เดิมค้าง ชำาระแก่เจ้า
หนีน้ ั้นคดีก็เป็นเสร็จกันไป แต่ถ้าลูกหนี้เดิมได้เข้าชื่อเป็น โจทก์ด้วย ลูกหนีเ้ ดิมจะขอให้ศาลพิจารณาพิพากษา
ต่อไปในส่วน จำานวนเงินที่ยังเหลือติดค้างอยู่ก็ได้
แต่อย่างไรก็ดี ท่านมิให้เจ้าหนี้ได้รับมากไปกว่าจำานวนที่ค้างชำาระ แก่ตนนั้นเลย
มาตรา 238 การเพิกถอนดังกล่าวมาในบท มาตรา ก่อนนั้น ไม่อาจ กระทบกระทั่งถึงสิทธิของ
บุคคลภายนอก อันได้มาโดยสุจริตก่อนเริ่ม ฟ้องคดีขอเพิกถอน อนึ่ง ความที่กล่าวมาในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้
ใช้บังคับ ถ้าสิทธินั้น ได้มาโดยเสน่หา
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
39
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 4
1. การรับช่วงสิทธิเกิดขึ้นได้โดย บทบัญญัติของกฎหมาย
2. ช่ ว งทรั พ ย์ คื อ การเอาทรั พ ย์ สิ น อั น หนึ่ ง เข้า แทนที่ ท รั พ ย์ สิ น อี ก อั น หนึ่ ง ในฐานะและนิ ติ นั ย อย่ า ง
เดียวกันกับทรัพย์สินอันก่อน
3. กรณีที่เจ้าหนี้จะใช้สิทธิเรียกร้องแทนลูกหนี้ คือ (ก) เจ้าหนี้เสียประโยชน์ เพราะการที่ลูกหนี้ไม่ใช้
สิทธิเรียกร้อง (ข) ลูกหนี้ขัดขืน หรือเพิกเฉยไม่ใช้สิทธิเรียกร้องของตน (ค) สิทธิเรียกร้องของลูก
หนี้ที่เจ้าหนี้จะเข้าใช้แทนได้ ต้องไม่ใช่สิทธิที่เป็นการส่วนตัวของลูกหนี้โดยแท้
4. ผลของการเพิกถอนการฉ้อฉล ย่อมได้เป็นประโยชน์แก่เจ้าหนี้หมดทุกคน
5. วิธีการที่เจ้าหนี้ใช้สิทธิเรียกร้องของลูกหนี้ คือ เจ้าหนี้สามารถฟ้องในนามของตนเอง และใช้สิทธิ
เรียกร้องของลูกหนี้ เรียกเต็มจำานวนที่ค้างชำาระแก่ลูกหนี้ โดยไม่ต้องคำานึงจำานวนที่ค้างชำาระแก่ตน
ก็ได้
6. ผลของการรับช่วงสิทธิ คือ สิทธิทั้งหลายที่เจ้าหนี้เดิมมีอยู่ในมูลหนี้ ตกมาเป็นของผู้รับช่วงสิทธิ โดย
อำานาจของกฎหมาย
7. กรณีใดบ้างซึ่งเจ้าหนี้จะใช้วิธีการเพิกถอนการฉ้อฉลเสียก็ได้ คำา ตอบ นิติกรรมซึ่งลูกหนี้ทำา ขึ้นเพื่อ
ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ของตน
8. การเพิ ก ถอนการฉ้ อ ฉลมี กำา หนดอายุ ค วามดั ง นี้ (ก) ต้ อ งฟ้ อ งภายใน 1 ปี นั บ แต่ เ วลาที่ บุ ค คล
ภายนอกได้รู้ถึงสาเหตุที่เจ้าหนี้จะร้องขอให้เพิกถอนได้ แต่ต้องไม่เกิน 10 ปี นับแต่ได้ทำานิติกรรม
นัน้ (ข) ต้องฟ้องภายใน 10 ปี นับแต่ได้ทำานิติกรรมนั้น
9. การรับช่วงสิทธิคือ การซึ่งบุคคลเข้าเป็นเจ้าหนี้แทนเจ้าหนี้เดิมโดยเข้ามาเป็นเจ้าหนี้คนใหม่หนี้เดิมยัง
คงมีอยู่
10. ช่วงทรัพย์เกิดขึ้นโดย บทบัญญัติของกฎหมาย
หน่วยที่ 5 สิทธิยึดหน่วงและบุริมสิทธิ
1. สิทธิยึดหน่วงและบุริมสิทธิ เป็นทรัพย์สิทธิประเภทที่เรียกว่าเป็นอุปกรณ์สิทธิ
2. ผู้ใดเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่น และมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่ง
ครองนั้นไซร้ ผู้นั้นจะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะได้รับชำาระหนี้ก็ได้ แต่มิให้ใช้บังคับเมื่อหนี้
ยังไม่ถึงกำาหนด และมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบครองนั้นเริ่มมาแต่การอันใดอันหนึ่งไม่ชอบด้วย
กฎหมาย
3. ผู้ทรงบุริมสิทธิทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ ในการที่จะได้รับชำาระหนี้อันค้างชำาระแก่
ตนจากทรัพย์สินนั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ โดยนัยดังบัญญัติไว้ใน ปพพ. หรือกฎหมายอื่น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
40
สิทธิยึดหน่วง
1. หลักเกณฑ์ของสิทธิยึดหน่วงต้องเป็นการที่เจ้าหนี้ครอบครองทรัพย์สินของลูกหนี้ การครอบ
ครองนั้นมิใช่เกิดจากการอันมิชอบด้วยกฎหมาย และหนี้อันเกิดด้วยทรัพย์สินที่เจ้าหนี้ครอบครอง
อยู่
2. สิทธิยึดหน่วงเป็นสิทธิที่แบ่งแยกไม่ได้ เจ้าหนี้จึงยึดทรัพย์สินทั้งชิ้นไว้ได้ แม้จะได้มีการชำาระหนี้
บางส่วนแล้วตามนัยมาตรา 244 แต่ในส่วนดอกผลของทรัพย์ที่ยึดหน่วงนั้น ผู้ทรงสิทธิยึด
หน่วงจะเก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ยึดหน่วงไว้ และจัดสรรเอาไว้เพื่อการชำาระหนี้แก่ตนก่อนเจ้า
หนี้คนอื่นก็ได้ และดอกผลเช่นว่านั้นจะต้องจัดสรรเอาชำาระดอกเบี้ยแห่งหนี้นั้นก่อน ถ้ายังมีเหลือ
จึงให้จัดสรรให้ต้นเงิน
3. กรณีที่สิทธิยึดหน่วงระงับไปมีดังนี้ คือ (1.) หนี้เดิมระงับ (2.) ลูกหนี้หาประกันให้แทน
การยึดหน่วงทรัพย์ สินไว้โดยจำา นวนที่สมควรตาม มาตรา 249 (3.) เจ้าหนี้มิได้ครอบ
ครองทรัพย์ (มาตรา 250) และ (4.) เจ้าหนี้ทำาผิดหน้าที่ของตนในการดูแลรักษาทรัพย์ที่
ยึดหน่วงไว้ (มาตรา 246)
สิทธิยึดหน่วง
มาตรา 241 ผู้ใดเป็นผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่น และมีหนี้อันเป็น คุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วย
ทรัพย์สินซึ่งครองนั้นไซร้ ท่านว่าผู้นั้น จะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะได้ชำาระหนี้ก็ได้ แต่ความที่กล่าว
มานี้ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อหนี้นั้นยังไม่ถึงกำาหนด
อนึ่ง บทบัญญัติในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบครองนั้นเริ่มมาตั้งแต่ทำาการอัน
ใดอันหนึ่งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
มาตรา 242 สิทธิยึดหน่วงอันใด ถ้าไม่สมกับลักษณะที่เจ้าหนี้รับ ภาระในมูลหนี้ก็ดี ไม่สมกับคำา
สั่งอันลูกหนี้ได้ให้ไว้ก่อน หรือให้ใน เวลาที่ส่งมอบทรัพย์สินนั้นก็ดี หรือเป็นการขัดกับความสงบเรียบร้อย
ของประชาชนก็ดี สิทธิยึดหน่วงเช่นนั้นท่านให้ถือว่าหามีไม่เลย
มาตรา 243 ในกรณีที่ลูกหนี้เป็นคนสินล้นพ้นตัวไม่สามารถใช้หนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิจะยึดหน่วง
ทรัพย์สินไว้ได้แม้ทั้งที่ยังไม่ถึงกำาหนดเรียก ร้องถ้าการที่ลูกหนี้ไม่สามารถใช้หนี้นั้นได้เกิดเป็นขึ้นหรือรู้ถึงเจ้า
หนี้ ต่อภายหลังเวลาที่ได้ส่งมอบทรัพย์สินไซร้ ถึงแม้วา่ จะไม่สมกับลักษณะ ที่เจ้าหนี้รับภาระในมูลหนี้ไว้เดิม
หรือไม่สมกับคำาสั่งอันลูกหนี้ได้ให้ ไว้ก็ดีเจ้าหนี้ก็อาจใช้สิทธิยึดหน่วงได้
มาตรา 244 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะใช้สิทธิของตนแก่ทรัพย์สิน ทั้งหมดที่ยึดหน่วงไว้นั้นจนกว่าจะ
ชำาระหนี้สิ้นเชิงก็ได้
มาตรา 245 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะเก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ ยึดหน่วงไว้และจัดสรรเอาไว้เพื่อ
การชำาระหนี้แก่ตนก่อนเจ้าหนี้คน อื่นก็ได้
ดอกผลเช่นว่านี้จะต้องจัดสรรเอาชำาระดอกเบี้ยแห่งหนี้นั้นก่อน ถ้ายังมีเหลือจึงให้จัดสรรใช้ต้นเงิน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
41
หลักเกณฑ์ของสิทธิยึดหน่วง
ก. ต้องการได้สร้อยคอของ ข. เพื่อใส่ไปในงานแต่งงาน จึงบอก ข. ว่าบิดาของ ข. ให้ฝากสร้อย
คอนั้นแก่ ก. ไว้ และบิดาของ ข. จะเอามาคืนจาก ก. ทีหลัง ซึ่งเป็นความเท็จ ข. หลงเชื่อจึงมอบสร้อยคอ
นัน้ แก่ ก. วันรุ่งขึ้น ข. มีความจำาเป็นต้องใช้เงินจำานวนหนึ่ง จึงขอกู้จาก ก. ก. ตกลงให้กู้เงิน 20,000
บาท กำาหนดเวลาชำาระเงินในวันที่ 5 มีนาคม 2525 ครั้งถึงกำาหนดเวลาชำาระเงิน ก. ไม่สามารถชำาระ
เงินแก่ ข. ได้ และ ข. รู้ว่าสร้อยคอที่ฝากไว้ยังคงอยู่ที่ ก. ข. จึงขอสร้อยคอคืนดังนี้ ก. จะมีสิทธิยึดหน่วง
สร้อยนั้นได้หรือไม่ เพียงใดเพราะเหตุใด
ก. จะใช้สิทธิยึดหน่วงสร้อยนั้นไม่ได้ ต้องส่งมอบคืนแก่ ข. เพราะการเข้าครอบครองถือเอาสร้อย
คอของ ก. เกิดจาก ก. ใช้กลฉ้อฉล หลอก ข. ให้ส่งมอบให้ เป็นการครอบครองทรัพย์โดยไม่ชอบด้วย
กฎหมายมาแต่เริ่มแรก ตาม มาตรา 241 วรรคท้าย
มาตรา 241 ผู้ใดเป็นผู้ครองทรัพย์สินของผู้อื่น และมีหนี้อันเป็น คุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วย
ทรัพย์สินซึ่งครองนั้นไซร้ ท่านว่าผู้นั้น จะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นไว้จนกว่าจะได้ชำาระหนี้ก็ได้ แต่ความที่กล่าว
มานี้ท่านมิให้ใช้บังคับ เมื่อหนี้นั้นยังไม่ถึงกำาหนด
อนึ่ง บทบัญญัติในวรรคก่อนนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับ ถ้าการที่เข้าครอบครองนั้นเริ่มมาตั้งแต่ทำาการอัน
ใดอันหนึ่งซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผลของสิทธิยึดหน่วง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
42
เมื่อเจ้าหนี้ใช้สิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินของลูกหนี้แล้ว เจ้าหนี้ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงมีสิทธิและหน้าที่
อย่างไรบ้างเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ยึดหน่วง
เมื่อเจ้าหนี้ใช้สิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินของลูกหนี้แล้ว เจ้าหนี้ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงมีสิทธิและหน้าที่เกี่ยว
กับทรัพย์ที่ยึดหน่วงดังนี้
สิทธิ
1.)นำาเอาทรัพย์ที่ยึดถือไว้มาชำาระหนี้แก่ตนจนสิ้นเชิง ตามมาตรา 244
2.)เก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ยึดหน่วง และจัดสรรเอาไว้เพื่อการชำาระหนี้แก่ตนก่อนเจ้าหนี้คนอื่น
ตามมาตรา 245
3.)เจ้าหนี้สามารถใช้สิทธิบังคับจากทรัพย์สินที่ยึดถือไว้ได้ แม้สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้มีต่อลูกหนี้จะ
ขาดอายุความแล้วก็ตาม เว้นแต่จะเรียกดอกเบี้ยที่ค้างชำาระเกินกว่า 5 ปี ขึ้นไป ทั้งนี้เป็นไปตาม
มาตรา 189
หน้าที่
1.)ดูแลรักษาทรัพย์ที่ยึดหน่วง
2.)ห้ามใช้สอย ให้เช่า หรือนำาไปเป็นหลักประกัน
ทั้งข้อ 1 และ 2 ตามมาตรา 246
มาตรา 189 นิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับก่อนและเงื่อนไขนั้นเป็น การพ้นวิสัย นิติกรรมนั้นเป็น
โมฆะ
มาตรา 244 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะใช้สิทธิของตนแก่ทรัพย์สิน ทั้งหมดที่ยึดหน่วงไว้นั้นจนกว่าจะ
ชำาระหนี้สิ้นเชิงก็ได้
มาตรา 245 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะเก็บดอกผลแห่งทรัพย์สินที่ ยึดหน่วงไว้และจัดสรรเอาไว้เพื่อ
การชำาระหนี้แก่ตนก่อนเจ้าหนี้คน อื่นก็ได้
มาตรา 246 ผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจำา ต้องจัดการดูแลรักษาทรัพย์สิน ที่ยึดหน่วงไว้นั้นตามสมควร
เช่นจะพึงคาดหมายได้จากบุคคลในฐานะ เช่นนั้น
อนึ่ง ทรัพย์สินซึ่งยึดหน่วงไว้นั้น ถ้ามิได้รับความยินยอมของลูกหนี้ ท่านว่าผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงหา
อาจจะใช้สอยหรือให้เช่า หรือเอาไปทำา เป็นหลักประกันได้ไม่ แต่ความที่กล่าวนี้ท่านมิให้ใช้บังคับไปถึงการ
ใช้สอยเช่นที่จำาเป็นเพื่อรักษาทรัพย์สินนั้นเอง
ถ้าผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงกระทำาการฝ่าฝืนบทบัญญัติใดที่กล่าวมานี้ ท่านว่าลูกหนี้จะเรียกร้องให้ระงับ
สิทธินั้นเสียก็ได้
ความระงับแห่งสิทธิยึดหน่วง
ก. นำารถยนต์มาซ่อมที่อู่ของ ข. และไม่มีเงินชำาระค่าซ่อม ข. จึงยึดรถยนต์ของ ก. ไว้ก่อนจนกว่า
ก. จะมาชำาระค่าซ่อมครบถ้วน แต่ ข. เห็นว่าอู่ซ่อมรถของตนไม่มีที่จอดเพียงพอ จึงบอกแก่ ก. ว่าจะนำารถ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
43
บุรมิ สิทธิ
1. ผู้ทรงบุริมสิทธิย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในการที่จะได้รับชำา ระหนี้อันค้าง
ชำาระแก่ตนจากทรัพย์สินนั้นก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ โดยนับดังบัญญัติไว้ใน ปพพ. หรือบทกฎหมายอื่น
2. บุริมสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นบุริมสิทธิสามัญ หรือบุริมสิทธิพิเศษ เป็นทรัพย์สิทธิและเป็นทรัพย์สิทธิ
ประเภทที่เรียกว่าอุปกรณ์สิทธิ บุริมสิทธินั้นแบ่งแยกไม่ได้
3. บุริมสิทธิสามัญนั้น ตามมาตรา 253 มีดังนี้
(1)ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
(2)ค่าปลงศพ
(3)ค่าภาษีอากร
(4)ค่าจ้างเสมียน คนใช้ และคนงาน
(5)ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็นประจำาวัน
บุรมิ สิทธิ
มาตรา 251 ผู้ทรงบุริมสิทธิย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิเหนือทรัพย์สิน ของลูกหนี้ในการที่จะได้รับชำาระ
หนี้อนั ค้างชำาระแก่ตน จากทรัพย์สิน นัน้ ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ โดยนัยดังบทบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้ หรือ
บทกฎหมายอื่น
มาตรา 252 บทบัญญัติแห่ง มาตรา 244 นัน้ ท่านให้ใช้บังคับ ตลอดถึงบุริมสิทธิด้วยตามแต่
กรณี
บุรมิ สิทธิสามัญ
มาตรา 253 ถ้าหนี้มีอยู่เป็นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่ง อย่างใดดังจะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้
นัน้ ย่อมมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สิน ทั้งหมดของลูกหนี้ คือ
1)ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
2)ค่าปลงศพ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
44
ความหมายและลักษณะสำาคัญของบุริมสิทธิ
ให้อธิบายความหมายคำาว่าบุริมสิทธิ
บุริมสิทธิเป็นสิทธิประเภทหนึ่ง ซึ่งเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิมีสิทธิที่จะบังคับชำาระหนี้เอาจากทรัพย์สิน
ของลูกหนี้ที่ตกอยู่ภายใต้บังคับของบุริมสิทธิได้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ ตามมาตรา 251 เช่น ก. ติดค้างชำาระค่า
ภาษีอากรกับกรมสรรพกร และเป็นหนี้ ข. ซึ่งได้กู้ยืมมา ดังนี้ เมื่อจะบังคับเอาจากทรัพย์สินของ ก. กรม
สรรพกรมีสิทธิยึดทรัพย์มาบังคับเพื่อชำาระหนี้แก่กรมฯ ก่อน ข. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้อีกคน เพราะกรมฯ เป็นผู้ทรง
บุริมสิทธิ (ค่าภาษีอากร) ดูมาตรา 253 ประกอบ
บุริมสิทธิมีลักษณะสำาคัญอย่างไร
(1) เป็นทรัพย์สิทธิอาจใช้ยันบุคคลอื่น นอกจากตัวเจ้าหนี้ ลูกหนี้เฉพาะรายซึ่งเรียกว่าบุคคล
สิทธิ เจ้าหนี้ผู้ทรงบุริมสิทธิอาจอ้างบุริมสิทธิยันเจ้าหนี้อื่นที่ไม่มีบุริมสิทธิเท่าเทียมกัน
ได้ตามที่กฎหมายกำาหนดลำาดับบุริมสิทธิไว้ (มาตรา 253 มาตรา 277-280)
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
45
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
46
บุรมิ สิทธิสามัญ
บุริมสิทธิสามัญ มีกี่ประเภท อะไรบ้าง อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
ตามบทบัญญัติมาตรา 253 บุริมสิทธิสามัญแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนีค้ ือ
1)ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
2)ค่าปลงศพ
3)ค่าภาษีอากร
4)ค่าจ้างเสมียน คนใช้ และคนงาน
5)ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็นประจำาวัน
มาตรา 253 ถ้าหนี้มีอยู่เป็นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่ง อย่างใดดังจะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้
นัน้ ย่อมมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สิน ทั้งหมดของลูกหนี้ คือ
(1)ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
(2)ค่าปลงศพ
(3) ค่าภาษีอากร และเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเพื่อการงานที่ได้ ทำาให้แก่ ลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้าง
(4)ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็นประจำาวัน
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 5
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
47
บุรมิ สิทธิพิเศษ
1. บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์มาตรา 259 บัญญัติไว้ 7 ประการ คือ
(1)เช่าอสังหาริมทรัพย์
(2)พักอาศัยในโรงแรม
(3)รับขนคนโดยสาร หรือของ
(4)รักษาสังหาริมทรัพย์
(5)ซื้อขายสังหาริมทรัพย์
(6)ค่าเมล็ดพันธุ์ ไม้พันธุ์ หรือปุ๋ย
(7)ค่าแรงงานกสิกรรม หรืออุตสาหกรรม
2. บุริมสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์ มาตรา 273 บัญญัติไว้ 3 ประการ คือ
(1)รักษาอสังหาริมทรัพย์
(2)จ้างทำาของเป็นการงานทำาขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์
(3)ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
บุรมิ สิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์
บุริมสิทธิสามัญคืออะไร มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
บุริมสิทธิสามัญคือ สิทธิที่เจ้าหนี้ผู้ทรงบุริมสิทธิสามารถบังคับเอาของทรัพย์ทั้งหมดของลูกหนี้ซึ่งตก
อยู่ภายใต้บังคับแห่งบุริมสิทธิสามัญ ซึ่งได้แก่
(1)ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
48
(2)ค่าปลงศพ
(3)ค่าภาษีอากร
(4)ค่าจ้างเสมียน คนใช้ และคนงาน
(5)ค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็นประจำาวัน
บุรมิ สิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์
บุริมสิทธิพิเศษมีกี่ประเภท อะไรบ้าง ยกตัวอย่างในแต่ละประเภท
บุริมสิทธิมี 2 ประเภทคือ
(1) บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์ (มาตรา 259)
(2) บุริมสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์ (มาตรา 273)
บุรมิ สิทธิพิเศษ (ก) บุริมสิทธิเหนือสังหาริมทรัพย์
มาตรา 259 ถ้าหนี้มีอยู่เป็นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่ง อย่างใดดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้
นัน้ ย่อมมีบุริมสิทธิเหนือสังหาริมทรัพย์เฉพาะอย่างของลูกหนี้ คือ
(1)เช่าอสังหาริมทรัพย์
(2)พักอาศัยในโรงแรม
(3)รับขนคนโดยสาร หรือของ
(4)รักษาสังหาริมทรัพย์
(5)ซื้อขายสังหาริมทรัพย์
(6)ค่าเมล็ดพันธุ์ ไม้พันธุ์ หรือปุ๋ย
(7)ค่าแรงงานกสิกรรม หรืออุตสาหกรรม
บุรมิ สิทธิพิเศษ (ข) บุรมิ สิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์
มาตรา 273 ถ้าหนี้มีอยู่เป็นคุณแก่บุคคลผู้ใดในมูลอย่างหนึ่ง อย่างใดดังจะกล่าวต่อไปนี้ บุคคลผู้
นัน้ ย่อมมีบุริมสิทธิเหนือ อสังหาริมทรัพย์เฉพาะอย่างของลูกหนี้ คือ
(1)รักษาอสังหาริมทรัพย์
(2)จ้างทำาของเป็นการทำางานขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์
(3)ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
ลำาดับและผลแห่งบุริมสิทธิ
1. ลำาดับบุริมสิทธิสามัญด้วยกันตามมาตรา 253 ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ลำาดับ ผู้อยู่ในลำาดับก่อนมี
สิทธิดีกว่า คือจะได้รับชำาระหนี้ก่อนผู้ที่อยู่ในลำาดับถัดไป
2. ถ้าบุริมสิทธิสามัญแย้งกับบุริมสิทธิพิเศษแล้ว บุริมสิทธิพิเศษมาในลำา ดับก่อนบุริมสิทธิสามัญ
(มาตรา 277 วรรค 2) เว้ น แต่ ค่ า ใช้ จ่ า ยเพื่ อ ประโยชน์ ร่ ว มกั น อั น เป็ น บุ ริ ม สิ ท ธิ ส ามั ญ
(มาตรา 253)
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
49
ลำาดับแห่งบุริมสิทธิ
ให้อธิบายลำาดับแห่งบุริมสิทธิ
ลำาดับแห่งบุริมสิทธิ
(1)บุริ มสิทธิ หลายรายแย้งกั นให้ ดูลำา ดั บที่จ ะให้มี ผลก่ อ นหลั งกั น ดั่ งที่ เ รี ย งลำา ดั บ ไว้ ใ นมาตรา
253
(2)บุริมสิทธิสามัญแย้งกับบุริมสิทธิพิเศษ ให้ถือว่าบุริมสิทธิพิเศษอยู่ในลำาดับก่อน แต่บุริมสิทธิใน
มูลค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกันตามมาตรา 253 (1) ย่อมอยู่ในลำาดับก่อน ในฐานะ
ที่จะใช้สิทธินั้นต่อเจ้าหนี้ผู้ได้รับประโยชน์จากการนั้นหมดทุกคนด้วยกัน ตามมาตรา 277
วรรค 2
(3)บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์อันเดียวกัน กฎหมายจัดอันดับไว้ในมาตรา 278
(4)บุริมสิทธิพิเศษแย้งกันหลายรายเหนืออสังหาริมทรัพย์อันหนึ่งอันเดียวกัน กฎหมายถือว่าให้ต่าง
คนต่างได้รับชำาระหนี้เฉลี่ยตามส่วนมากน้อยแห่งจำานวนที่ตนเป็นเจ้าหนี้ตามมาตรา 280
มาตรา 277 เมื่อมีบุริมสิทธิสามัญหลายรายแย้งกัน ท่านให้ถือว่า บุริมสิทธิทั้งหลายนั้นมีลำาดับที่
จะให้ผลก่อนหลัง ดังที่ได้เรียงลำาดับ ไว้ใน มาตรา 253
เมื่อมีบุริมสิทธิสามัญแย้งกับบุริมสิทธิพิเศษ ท่านว่าบุริมสิทธิพิเศษ ย่อมอยู่ในลำาดับก่อน แต่บุริมสิทธิ
ในมูลค่า ใช้จ่ ายเพื่อ ประโยชน์ ร่วมกัน นั้นย่อมอยู่ในลำา ดับ ก่อ น ในฐานที่จ ะใช้สิทธิ นั้นต่ อเจ้าหนี้ผู้ ได้รั บ
ประโยชน์จากการนั้นหมดทุกคนด้วยกัน
มาตรา 278 เมื่อมีบุริมสิทธิแย้งกันหลายรายเหนือสังหาริมทรัพย์ อันหนึ่งอันเดียวกัน ท่านให้ถือ
ลำาดับก่อนหลังดังที่เรียงไว้ต่อไปนี้ คือ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
50
ผลแห่งบุริมสิทธิ
เจ้าหนี้ผู้ทรงบุริมสิทธิสามัญ บุริมสิทธิพิเศษ เมื่อจะบังคับเอาจากทรัพย์สินของลูกหนี้มีผลหรือหลัก
เกณฑ์อย่างไรบ้าง อธิบาย
บุริมสิทธิสามัญ
(1) ต้ อ งบั ง คั บ เอาจากสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ ก่ อ น ต่ อ เมื่ อ ยั ง ไม่ พ อจึ ง ให้ เ อาชำา ระหนี้ จ าก
อสังหาริมทรัพย์ได้ และอสังหาริมทรัพย์นั้นก็ต้องบังคับเอาจากอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้
ตกอยู่ในฐานเป็นหลักประกันพิเศษ ตามมาตรา 283
(2) แม้จะไม่ได้ไปลงทะเบียนเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ย่อมมีสิทธิดีกว่าเจ้าหนี้ใดๆ ที่ไม่มี
หลักประกันพิเศษ เว้นแต่บุคคลภายนอกผู้ได้ไปลงทะเบียนสิทธิไว้ ตามมาตรา 284
บุริมสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์
(1)ตามมาตรา 273 (1) 274 เจ้าหนี้ต้องจดทะเบียนจำานวนหนี้ค่ารักษาอสังหาริมทรัพย์จึง
จะมีผลบังคับเป็นบุริมสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 285
(2)สิทธิจำานองมาหลังบุริมสิทธิตามมาตรา 285-286
(3)ให้นำา บทบัญญัติในลักษณะจำา นองมาใช้เกี่ยวกับผลแห่งบุริมสิทธิด้วยตามแต่กรณี (มาตรา
289)
(4)ผู้ขายอสังหาริมทรัพย์มีบุริมสิทธิในราคาทรัพย์สินและดอกเบี้ยที่ค้างชำาระตาม มาตรา 273
(3) มาตรา 276 ผู้ ข ายต้ อ งจดทะเบี ย นหนี้ ที่ ค้ า งชำา ระในเวลาจดทะเบี ย นการโอนขาย
อสังหาริมทรัพย์ จึงจะมีบุริมสิทธินี้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
51
(5)บุริ มสิทธิ ในมู ลจ้ างทำา ของเป็ นการงานทำา ขึ้นบนอสังหาริ มทรัพย์ ต ามมาตรา 273 (2)
275 ต้องทำา รายการประมาณการราคาชั่วคราวไปบอกลงทะเบียนไว้ก่อนเริมลงมือทำา การ
บุริมสิทธิจึงจะมีผลบังคับ
ผลแห่งบุริมสิทธิ
มาตรา 281 บุริมสิทธิอันมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์นั้น ท่านห้ามมิ ให้ใช้ เมื่อบุคคลภายนอกได้
ทรัพย์นนั้ จากลูกหนี้และได้ส่งมอบทรัพย์ ให้กันไปเสร็จแล้ว
มาตรา 282 เมื่อมีบุริมสิทธิแย้งกับสิทธิจำานำาสังหาริมทรัพย์ ท่านว่าผู้รับจำานำาย่อมมีสิทธิเป็นอย่าง
เดียวกันกับผู้ทรงบุริมสิทธิใน ลำาดับทีห่ นึ่งดังที่เรียงไว้ใน มาตรา 278 นัน้
มาตรา 283 บุคคลผู้มีบุริมสิทธิสามัญต้องรับชำาระหนี้เอาจาก สังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ก่อน ต่อ
เมื่อยังไม่พอจึงให้เอาชำาระหนี้จาก อสังหาริมทรัพย์ได้
ในส่วนอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็ต้องรับชำาระหนี้เอาจากอสังหาริมทรัพย์อันมิได้ตกอยู่ในฐานเป็นหลัก
ประกันพิเศษเสียก่อน
ถ้าบุคคลใดมีบุริมสิทธิสามัญและละเลยด้วยความประมาทเลินเล่อ ไม่สอดเข้าแย้งขัดในการแบ่งเฉลี่ย
ทรัพย์ ตามความที่ ก ล่าวมาใน วรรคทั้งสองข้า งบนนี้ไ ซร้ อัน บุคคลนั้นจะใช้บุริ มสิทธิ ของตนต่ อ บุค คล
ภายนอกผู้ได้จดทะเบียนสิทธิไว้แล้วเพื่อจะเอาใช้จนถึงขนาด เช่นที่ตนจะหากได้รับเพราะได้สอดเข้าแย้งขัด
นัน้ ท่านว่าหาอาจ จะใช้ได้ไม่
อนึ่งบทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคทั้งสามข้างต้นนี้ ท่านมิให้ใช้บังคับหากว่าเงินที่ขายอสังหาริมทรัพย์
ได้นั้น จะพึงต้องเอามาแบ่งเฉลี่ยก่อนเงินที่ขายทรัพย์สินอย่างอื่นก็ดีหรือหากว่าเงินที่ขาย อสังหาริมทรัพย์
อันตกอยู่ในฐานเป็นหลักประกันพิเศษนั้นจะพึงต้องเอามาแบ่งเฉลี่ยก่อนเงินที่ขายอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นก็
ดุจกัน
มาตรา 284 บุริมสิทธิสามัญนั้น ถึงแม้จะมิได้ไปลงทะเบียนเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ก็ดี ย่อมจะ
ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้เจ้าหนี้ใด ๆ ที่ ไม่มีหลักประกันพิเศษนั้นได้ แต่ความที่กล่าวนี้ท่านมิให้ใช้ไปถึงการ ต่อสู้
บุคคลภายนอกผู้ได้ไปลงทะเบียนสิทธิไว้
มาตรา 285 บุริมสิทธิในมูลรักษาอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้าหากว่า เมื่อทำา การเพื่อบำา รุงรักษานั้น
สำาเร็จแล้ว ไปบอกลงทะเบียนไว้โดย พลันไซร้ บุริมะสิทธิก็คงให้ผลต่อไป
มาตรา 286 บุริมสิทธิในมูลจ้างทำาของเป็นการงานทำาขึ้นบน อสังหาริมทรัพย์นั้น หากทำารายการ
ประมาณราคาชั่วคราวไปบอก ลงทะเบียนไว้ก่อนเริ่มลงมือการทำาไซร้ บุริมสิทธิก็คงให้ผลต่อไป แต่ถ้าราคาที่
ทำาจริงนั้นลำ้าราคาที่ได้ประมาณไว้ชั่วคราว ท่านว่า บุริมสิทธิในส่วนจำานวนที่ลำ้าอยู่นั้นหามีไม่
ส่วนการที่จะวินิจฉัยว่าอสังหาริมทรัพย์นั้นมีราคาเพิ่มขึ้น เพราะ การอันได้ทำาขึ้นบนอสังหาริมทรัพย์
มากน้อยเพียงใดนั้น ท่านให้ศาล ตั้งแต่งผู้เชี่ยวชาญขึ้นเป็นผู้กะประมาณ ในเวลาที่มีแย้งขัดในการ แบ่งเฉลี่ย
มาตรา 287 บุริมสิทธิใดได้ไปจดลงทะเบียนแล้วตามบทบัญญัติ แห่ง มาตรา ทั้งสองข้างบนนี้
บุริมสิทธินั้นท่านว่าอาจจะใช้ได้ก่อนสิทธิจำานอง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
52
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 6
1. บุริมสิทธิพิเศษได้แก่ บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์และเหนืออสังหาริมทรัพย์
2. บุริมสิทธิในมูลซื้อขายสังหาริมทรัพย์หมายถึง กรณีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ต้องซื้อขายโอนไปเป็น
ของผู้ซื้อแล้ว แต่ผู้ซื้อยังต้องชำาระราคาซื้อและดอกเบี้ย
3. บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์ได้แก่ ค่าเช่าสังหาริมทรัพย์ ค่าพักอาศัยในโรงแรม
4. บุ ริม สิ ท ธิ พิ เ ศษเหนื อ อสั ง หาริ ม ทรั พ ย์ ไ ด้ แ ก่ ค่าจ้ า งทำา ของเป็ น การงานทำา ขึ้ น บนอสั ง หาริ ม ทรั พ ย์
ค่ารักษาอสังหาริมทรัพย์
5. บุริมสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์ได้แก่ ค่ารักษาอสังหาริมทรัพย์ จ้างทำา ของเป็นการงานทำา ขึ้น
บนอสังหาริมทรัพย์
6. เมื่อมีบุริมสิทธิสามัญหลายรายแย้งกัน เรียงลำา ดับได้ดังนี้คือ ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์อันร่วมกัน ค่า
ปลงศพ ค่าภาษีอากร ค่าจ้างเสมียน ค่าคนใช้คนงาน และค่าเครื่องอุปโภคบริโภคอันจำาเป็นประจำาวัน
7. ถ้าบุริมสิทธิสามัญแย้งกับบุริมสิทธิพิเศษ กฎหมายบัญญัติว่า ให้บุริมสิทธิพิเศษมาเป็นลำาดับก่อน เว้น
แต่ค่าใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ร่วมกันอันเป็นบุริมสิทธิสามัญได้รับยกเว้นให้มาก่อนบุริมสิทธิพิเศษ
8. เจ้าหนี้บุริมสิทธิสามัญจะบังคับชำา ระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ได้โดย ต้องเข้าขอเฉลี่ยทรัพย์สิน
ของลูกหนี้ก่อนที่จะถูกแบ่งชำาระเจ้าหนี้อื่น
9. บุริมสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์ ระงับ สิ้นไปเมื่อ สังหาริมทรัพย์อน ั เป็นวัตถุแห่งบุริมสิทธิถูกโอน
และส่งมอบให้แก่บุคคลภายนอก
10. ผู้รับจำานำาสังหาริมทรัพย์กับผู้มีบุริมสิทธิ พิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์นั้น ผูร้ ับจำานำามีสิทธิดีกว่า
11. เจ้าหนีจ้ ำานองนั้นมีสิทธิ ดีกว่าเจ้าหนี้สามัญ
12. ผู้มีสิทธิพิเศษเหนือสังหาริมทรัพย์ กับผู้รับจำานำาสังหาริมทรัพย์ ผูร้ ับจำานำามีสิทธิดีกว่า
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
53
หน่วยที่ 7 ลูกหนี้เจ้าหนี้หลายคน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
54
7.2 ลูกหนี้ร่วม
1. ลูกหนี้ร่วมคือ บุคคลหลายคนซึ่งมีหน้าที่ร่วมกันที่จะต้องรับผิดชำาระหนี้ต่อเจ้าหนี้จนกว่าเจ้าหนี้
จะได้รับชำาระหนี้โดยสิ้นเชิงและเกิดขึ้นได้โดยนิติกรรมสัญญาและโดยบทบัญญัติของกฎหมาย
2. ลูกหนี้คนหนึ่งชำาระหนี้ย่อมเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นด้วยการชำาระหนี้ให้รวมถึงการใดๆ
อันพึงกระทำาแทนชำาระหนี้ วางทรัพย์สินแทนชำาระหนี้และหักกลบลบหนี้ดว้ ย
3. ลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งมีสิทธิเรียกร้องอะไรลูกหนี้คนอื่นๆ จะเอาสิทธินั้นไปใช้หักกลบลบหนี้ไม่
ได้
4. การปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ร่วมกันคนหนึ่งนั้นย่อมเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นๆ เพียงเท่าส่วน
ของลูกหนี้ที่ได้ปลดให้ เว้นแต่จะได้ตกลงกันเป็นอย่างอื่น
5. การผิดนัดของเจ้าหนี้ต่อลุกหนี้ร่วมคนหนึ่งย่อมเป็นคุณแก่ลูกหนี้คนอื่นๆ ด้วย
6. ข้อความจริงใด เมื่อเท้าถึงตัวลูกหนี้ร่วมกับคนใดๆ ย่อมเป็นไปเพื่อคุณและโทษแต่เฉพาะแก่ลูก
หนีค้ นนั้น เว้นแต่จะปรากฏว่าขัดกับสภาพแห่งหนี้นั้นเอง
7. ในระหว่างลูกหนี้ร่วมกัน ต่างคนต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่าๆ กัน เว้นแต่จะได้กำา หนดไว้เป็น
อย่างอื่น
8. ถ้ าส่วนที่ ลูก หนี้ร่ว มกั บคนใดคนหนึ่ งจะพึงชำา ระเป็น อันจะเรีย กเอาจากคนนั้น ไม่ ไ ด้ ยั งขาด
จำานวนอยู่เท่าไร ลูกหนี้คนอื่นๆ ก็ต้องรับใช้ แต่ถ้าลูกหนี้ร่วมกันคนใดเจ้าหนี้ได้ปลดให้หลุดพ้น
จากหนี้อันร่วมกันนั้น ส่วนที่ลูกหนี้คนนั้นจะพึงต้องชำาระหนี้ตกเป็นพับแก่เจ้าหนี้ไป
7.2.1 ลักษณะของลูกหนี้รว่ ม
ลูกหนี้ร่วมมีลักษณะสำาคัญอย่างไร อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
ลักษณะสำาคัญของลูกหนี้ร่วมตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 291 นั้นมีลักษณะสำาคัญดังนี้คือ ลูกหนี้
ร่วมแต่ละคนอาจถูกเรียกร้องให้ชำาระหนี้โดยสิ้นเชิง ทั้งนี้สุดแล้วแต่เจ้าหนี้จะเรียกให้ลูกหนี้ร่วมคนใดชำาระ
ถ้าลูกหนี้ร่วมชำาระหนี้โดยสิ้นเชิงแล้ว เจ้าหนี้จะเรียกให้ลูกหนี้คนอื่นชำาระหนี้อีกไม่ได้ เพราะลูกหนี้มีหน้าที่
ชำาระหนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าหากเจ้าหนี้เรียกถ้าหากเจ้าหนี้เรียกให้ลูกหนี้คนใดชำาระหนี้แล้วแต่ยังได้ไม่
ครบ ลูกหนี้ร่วมทุกคนก็ยังคงต้องผูกพันที่จะถูกเรียกชำาระหนี้อยู่ จนกว่าเจ้าหนี้จะได้รับชำาระหนี้โดยสิ้นเชิง
เช่น ก. ข. ค. เป็นลูกหนี้ร่วมเงินกู้ ง. ไป 3,000 บาท เมื่อหนี้ครบกำาหนดชำาระ ง. จะเรียกเก็บให้ ก.
หรือ ข. หรือ ค. คนใดคนหนึ่งหรือทุกคนชำาระหนี้ให้แก่ ง. จนสิ้นเชิงได้ หากเรียกจากคนใดคนหนึ่งได้
เพียง 1,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 2,000 บาท ก. ข. ค. ทั้งสามคนก็ยังคงต้องรับผิดร่วมกันชำาระ
หนี้ให้แก่ ง. อยู่จนกว่า ง. จะได้รับชำาระหนี้ทั้งหมด
7.2.2 ผลแห่งการเป็นลูกหนี้ร่วม
ผลประโยชน์ที่ได้จากการเป็นลูกหนี้ร่วมนั้นมีอะไรบ้าง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
56
7.2.3 ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้รว่ ม
นายมิ่ง นายมีและนายมา กู้เงินนายแมนไป 9,000 บาท โดยยอมผูกพันตนเป็นลูกหนี้ร่วม เมื่อ
หนี้ถึงกำาหนดชำาระ นายมิ่งไม่ชำาระหนี้และได้รับอุบัติเหตุจากรถชนกันจนแขนขาขาดทั้งหมดประกอบอาชีพ
ไม่ได้ ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลยที่จะนำาไปชำาระหนี้ได้ นายมีเองมีทรัพย์สินพอจะชำาระหนี้แต่ก็ไม่ยอมชำาระหนี้
นายมาจึงได้ชำาระหนี้ให้แก่นายแมนไปทั้งหมด 9,000 บาท เช่นนี้ นายมามีสิทธิที่จะไล่เบี้ยเอาจากนาย
มิ่งและนายมีได้เพียงใดหรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
57
7.3 เจ้าหนี้ร่วม
1. เจ้าหนี้ร่วมคือ ในหนี้รายเดียวกันแต่มีบุคคลหลายคนมีสิทธิเรียกร้องการชำาระหนี้โดยทำานองซึ่ง
แต่ละคนอาจจะเรียกให้ชำาระหนี้สิ้นเชิง ถึงแม้วา่ ลูกหนี้จำาต้องชำาระหนี้สิ้นเชิงแต่ผู้เดียว
2. ในหนี้ที่มีเจ้าหนี้ร่วม ลูกหนี้จะชำาระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งก็ได้ตามแต่จะเลือก แม้เจ้าหนี้
คนหนึ่งจะได้ยื่นฟ้องเรียกชำาระหนี้ไว้แล้ว
3. เจ้าหนี้ร่วมเกิดขึ้นโดยนิติกรรมสัญญาและโดยบทบัญญัติของกฎหมาย
4. เจ้าหนี้ร่วมคนหนึ่งผิดนัดย่อมเป็นโทษแก่เจ้าหนี้คนอื่นๆด้วย
5. ถ้าสิทธิเรียกร้องและหนี้สินเป็นอันเกลื่อนกลืนกันไปในเจ้าหนี้ร่วมกันคนหนึ่ง สิทธิของเจ้าหนี้
คนอื่นๆ อันมีต่อลูกหนีย้ ่อมระงับไป
6. เจ้าหนี้ร่วมกันคนหนึ่งรับชำา ระหนี้แล้ว เจ้าหนี้คนอื่นๆจะเรียกให้ชำา ระหนี้นั้นอีกไม่ได้ การรับ
ชำาระหนี้ให้รวมถึงการรับทรัพย์สินอย่างอื่นแทนการชำาระหนี้และการหักลบหนี้ด้วย
7. การที่เจ้าหนี้ร่วมกันคนหนึ่งโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่บุคคลอื่นๆไป หากระทบกระทั่งถึงสิทธิของ
เจ้าหนี้คนอื่นๆ ด้วยไม่
8. ถ้าเจ้าหนี้ร่วมกันคนใดคนหนึ่งปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้แล้ว มีผลให้หนี้นั้นระงับไปตามส่วนที่เจ้าหนี้
ได้ปลดให้ ถ้าปลดหนี้ให้สิ้นเชิง เจ้าหนี้คนอื่นๆก็หมดสิทธิที่จะเรียกให้ลูกหนี้ชำาระหนี้อีก
9. ถ้าข้อความจริงใดเท้าถึงเจ้าหนี้ร่วมกันคนใด ย่อมเป็นคุณและโทษแก่เจ้าหนี้คนนั้นโดยเฉพาะ ไม่
กระทบกระทั่งถึงสิทธิของเจ้าหนี้ร่วมคนอื่นๆ
7.3.1 ลักษณะของเจ้าหนี้ร่วม
เจ้าหนี้ร่วมมีลักษณะสำาคัญอย่างไร และความรับผิดในฐานะเจ้าหนี้ร่วมจะเกิดขึ้นได้ในกรณีใดบ้าง
เจ้าหนี้ร่วมมีลักษณะสำาคัญตามที่บัญญัติในมาตรา 298 ดังนี้
1. ในหนี้รายเดียว แต่มีเจ้าหนี้หลายคน
2. เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งมีสิทธิที่จะเรียกให้ลูกหนี้ชำาระหนี้ได้โดยสิ้นเชิง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
58
3. ลูกหนี้จะชำาระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งก็ได้ตามแต่จะเลือก แม้ทั้งที่เจ้าหนี้ร่วมคนหนึ่ง
ได้ฟ้องเรียกหนี้จากลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้ดังกล่าวก็ยังมีสิทธิที่จะเลือกชำาระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ร่วม
คนอื่นได้
ความรับผิดในฐานะเจ้าหนี้ร่วมนั้นเกิดขึ้นได้ 2 ประการคือ
1. โดยนิติกรรมสัญญา
2. โดยบทบัญญัติของกฎหมาย
7.3.2 ผลแห่งการเป็นเจ้าหนี้ร่วม
นายเด็ด นายดวง นายดำา เป็นเจ้าหนี้ร่วมให้นายเด๋อ กู้เงินไป 12,000 บาท ต่อมานายเด็ดตาย
และได้ทำาพินัยกรรมยกทรัพย์สินมรดกทั้งหมดของตนให้แก่นายเด๋อดังนี้ นายดวง กับนายดำาจะเรียกให้นาย
เด๋อชำาระเงินให้แก่ตนได้หรือไม่เพียงใด
มาตรา 299 วรรคสอง บัญญัติว่า ถ้าสิทธิเรียกร้องและหนี้สินนั้นเป็นอันเกลื่อนกลืนกันไปในเจ้า
หนีร้ ่วมกันคนหนึ่ง สิทธิของเจ้าหนี้คนอื่นๆ อันมีต่อลูกหนี้ย่อมเป็นอันระงับสิ้นไป
ฉะนั้นตามอุทาหรณ์ เมื่อนายเด็ดตาย และนายเด๋อได้รับมรดกของนายเด็ด สิทธิเรียกร้องและหนี้สิน
จึงตกแก่นายเด๋อคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้หนี้รายนี้จึงเป็นอันระงับไป นายดวงกับนายดำาจึงไม่มีสิทธิเรียกให้นาย
เด๋อชำาระหนี้รายนี้ให้แก่ตนได้อีกเพราะสิทธิเรียกร้องของนายดวงกับนายดำา ที่มีต่อนายเด๋อเป็นอันระงับไป
ด้วย
7.3.3 ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหนี้ร่วม
ที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 300 บัญญัติว่า “ในระหว่างเจ้าหนี้ร่วมกันนั้นเห็นว่า
ต่างคนต่างชอบที่จะได้รับชำาระหนี้เป็นส่วนเท่าๆ กัน เว้นแต่จะได้กำาหนดไว้เป็นอย่างอื่นนั้น” หมายความว่า
อย่างไร
หมายความว่า ถ้าเจ้าหนี้คนใดคนหนึ่งได้รับชำาระหนี้จากลูกหนี้ หรือทำา การอย่างใดๆ ให้หนี้ระงับ
เช่น รับทรัพย์อื่นแทนการชำาระหนี้ ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ หรือหนี้เกลื่อนกลืนกันไปในเจ้าหนี้ร่วมคนใดก็ตาม
เจ้าหนี้ร่วมคนอื่นไม่มีสิทธิที่จะเรียกให้ลูกหนี้ชำาระหนี้อีกซำ้า สอง คงมีสิทธิที่จะเรียกเอาส่วนของตนจากลูก
หนี้ที่รับชำาระหนี้หรือกระทำาการเสมือนการรับชำาระหนี้ส่วนที่ว่านี้ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ เจ้าหนี้ก็มีส่วนเท่าๆ
กัน ถ้ามีข้อตกลงกันไว้วา่ เจ้าหนี้คนใดมีส่วนเท่าใดก็ให้เป็นไปตามที่ตกลง
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 7
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
59
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
60
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
61
หน่วยที่ 8 การโอนสิทธิเรียกร้อง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
62
8.1 หลักเกณฑ์การโอนสิทธิเรียกร้อง
สิทธิเรียกร้องที่สามารถโอนกันได้ไม่ว่าสิทธิเรียกร้องนั้น จะเกิดจากมูลหนี้อะไรและมีวัตถุแห่งหนี้
เป็นอย่างไร แต่มีข้อยกเว้น 3 ประการ ซึ่งกฎหมายบัญญัติถึงสิทธิเรียกร้องที่โอนกันไม่ได้คือ
1. สิทธิเรียกร้องซึ่งมีสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องว่าง
2. สิทธิเรียกร้องซึ่งคู่กรณีแสดงเจตนาห้ามโอน
3. สิทธิเรียกร้องที่ศาลยึดไม่ได้
8.1.2 สิทธิเรียกร้องที่โอนกันไม่ได้
ข้อยกเว้นของการโอนสิทธิเรียกร้องมีอย่างไร อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
ข้อยกเว้นสิทธิเรียกร้องที่กฎหมายห้ามโอน คือ
1. สิทธิเรียกร้องซึ่งสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่อง
2. สิทธิเรียกร้องซึ่งคู่กรณีมีเจตนาห้ามโอน
3. สิทธิเรียกร้องที่ศาลยึดไม่ได้
8.2 แบบของการโอนสิทธิเรียกร้อง
1. การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้อันพึงต้องชำาระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง ถ้ามิได้ทำา
เป็นหนังสือ ไม่สมบูรณ์ การโอนนั้นจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้แต่
เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วย ในการโอนนั้น คำาบอก
กล่าวหรือคำายินยอมเช่นว่านี้ ต้องทำาเป็นหนังสือ
2. การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้อันพึงต้องชำา ระตามเขาสั่ง จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือ
บุคคล ภายนอกได้ เมื่อการโอนนั้นได้สลักหลังไว้ในตราสารและได้ส่งมอบตัวตราสารนั้น
ให้แก่ผรู้ ับโอนไปด้วย
8.2.1 การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้อันพึงต้องชำาระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
63
8.2.2 การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้อันพึงต้องชำาระตามเขาสั่ง
ก. เขียนเช็คสั่งจ่ายให้ ข. ข. สลักหลังโอนเช็คให้แก่ ง. แต่ยังไม่ได้ส่งมอบให้ ง. ดังนี้ ง. จะ
เป็นผู้รับโอนโดยมีสิทธิเรียกให้ธนาคารจ่ายเงินแก่ตนได้หรือไม่
ตามมาตรา 309 ผู้รับโอนจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้ได้แต่เฉพาะเมื่อการโอนนั้นได้สลักหลังไว้
ในตราสาร และตัวตราสารนั้นได้ส่งมอบให้แก่ผู้รับโอนไปด้วย แต่ ง. ยังไม่ได้รับโอนเช็ค ง. ยังไม่มีสิทธิ
เรียกร้องให้ธนาคารจ่ายเงินให้ตน
มาตรา 309 การโอนหนี้อันพึงต้องชำาระตามเขาสั่งนั้น ท่านว่า จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้ หรือ
บุคคลภายนอกคนอื่นได้แต่เฉพาะ เมื่อการโอนนั้นได้สลักหลังไว้ในตราสาร และตัวตราสารนั้นได้ส่งมอบ ให้
แก่ผู้รับโอนไปด้วย
8.3 ผลของการโอนสิทธิเรียกร้อง
1. ถ้าพิพาทอ้างสิทธิในการโอนต่างราย โอนรายใดได้บอกกล่าวหรือตกลงก่อนโอนรายนั้นมีสิทธิดี
กว่าโอนรายอื่นๆ
2. เมื่อมีการโอนสิทธิเรียกร้อง สิทธิเรียกร้องจากผู้โอนย่อมตกได้แก่ผู้รับโอน หากสิทธิเรียกร้องนั้น
มีทั้งหนี้ประธานและหนี้อุปกรณ์ เมื่อหนี้ประธานโอนไปยังผู้รับโอนแล้ว หนี้อุปกรณ์คือจำานอง
จำานำา คำ้าประกันย่อมโอนไปแก่ผู้รับโอนด้วย
3. เมื่อโอนสิทธิเรียกร้องแล้ว ผู้รับโอนกลายมาเป็นเจ้าหนี้ใหม่ ลูกหนี้ต้องรับชำาระหนี้แก่ผู้รับโอน
โดยตรง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
64
4. เมื่อลูกหนี้ให้ความยินยอมในการโอนสิทธิเรียกร้องโดยไม่อิดเอื้อน ลูกหนี้จะยกข้อต่อสู้ผู้รับโอน
ไม่ได้ แต่ถ้าลูกหนี้มิได้ยินยอมด้วยแล้วเป็นแต่ได้รับคำาบอกกล่าวการโอน ลูกหนี้มีข้อต่อสู้ผู้โอน
อย่างไรก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ผู้รับโอนได้
5. ในกรณีการโอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้อันพึงต้องชำาระตามเขาสั่ง ลูกหนี้จะยกข้อต่อสู้ซึ่งมีต่อเจ้า
หนี้เดิมมาเป็นข้อต่อสู้ผู้รับโอนโดยสุจริตนั้นไม่ได้ เว้นแต่ที่ปรากฏในตัวตราสารนั้นเอง หรือที่มี
ขึ้นเป็นธรรมดาสืบจากลักษณะแห่งตราสารนั้น
8.3.1 ผลระหว่างผู้รับโอนต่างรายและผลระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอน
ผลในกฎหมายระหว่างผู้โอนสิทธิเรียกร้อง และผู้รับโอนสิทธิเรียกร้องนั้นมีอย่างไรบ้าง
ผลในกฎหมายระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนสิทธิเรียกร้อง คือ สิทธิเรียกร้องจากผู้โอนย่อมตกได้แก่ผู้รับ
โอน โดยทำาให้ผู้รับโอนเข้ามาเป็นเจ้าหนี้แทนผู้โอน และหนี้อุปกรณ์ทั้งหลายซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิเรียกร้อง
คือจำานอง จำานำา คำ้าประกัน ย่อมโอนไปแก่ผู้รับโอนด้วย
8.3.2 ผลระหว่างผู้รับโอนกับลูกหนี้
ก. เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ ข. อยู่ 5,000 บาท ข. ได้ชำาระหนี้ให้แก่ ก. ไปแล้ว 3,000 บาท ต่อ
มาภายหลัง ก. โอนสิทธิเรียกร้องซึ่งมีอยู่เหนือ ข. ให้ ค. ค.จึงบอกกล่าวการโอนแก่ ข. เป็นหนังสือโดย
ข. มิได้ยินยอมด้วย ค. จะเรียกให้ ข. ชำาระหนี้แก่ตนทั้ง 5,000 บาท ได้หรือไม่
ตามมาตรา 308 วรรคสอง ลูกหนี้มีสิทธิยกข้อต่อสู้ทุกอย่างที่ตนมีอยู่ต่อผู้โอนมาต่อสู้กับผู้รับโอน
ได้ ดังนั้น เมื่อ ข. ชำาระหนี้ให้ ก. ไปแล้ว 3,000 บาท ก็ชอบที่จะยกข้อต่อสู้นี้มาสู้กับ ค. ผลคือ ข.
ต้องชำาระหนี้ที่ค้างอยู่เพียง 2,000 บาทให้แก่ ค.
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 8
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
65
หน่วยที่ 9 ความระงับแห่งหนี้
การชำาระหนี้
1. บุคคลที่จะมีอำานาจชำาระหนี้ได้โดยชอบนั้น ปกติได้แก่ ตัวลูกหนี้ แต่บุคคลภายนอกก็อาจเข้ามา
ชำาระหนี้แก่เจ้าหนี้แทนลูกหนี้ได้ หากสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้และไม่เป็นการขัดกับเจตนาอันคู่
กรณีได้แสดงไว้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
66
2. การชำาระหนี้โดยชอบต้องชำาระแก่บุคคลผู้มีอำานาจรับชำาระหนี้ อันได้แก่ตัวเจ้าหนี้เองและบุคคล
อื่นๆ ซึ่งกฎหมายบัญญัติให้มีการให้มีอำานาจรับชำาระหนี้
3. การชำาระหนี้ให้ถูกต้องตามความประสงค์ที่แท้จริงของมูลหนี้ ซึ่งเป็นการชำาระหนี้โดยชอบนั้น
นอกจากจะต้องพิจารณาในเรื่องผู้ชำาระหนี้และผู้รับชำาระหนี้แล้ว การชำาระหนี้นั้นต้องชอบด้วย
วัตถุแห่งการชำาระหนี้ สถานที่ชำาระหนี้ และค่าใช้จ่ายในการชำาระหนี้ด้วย
4. หลักฐานแห่งการชำาระหนี้มีไว้เพื่อประโยชน์ของผู้ชำาระหนี้ในการที่จะพิสูจน์ในเบื้องต้นว่า หนี้
ได้ระงับลงแล้วด้วยการชำาระหนี้
5. การจัดสรรชำาระหนี้เป็นความจำา เป็นในกรณีที่ลูกหนี้มีหนี้อยู่หลายราย หรือหนี้รายเดียวซึ่งต้อง
ชำาระหลายอย่าง แล้วลูกหนี้ไม่สามารถชำาระได้ครบหมดทุกรายหรือทุกอย่างในการชำาระหนี้ครั้ง
หนึ่งๆ
6. เมื่อใดมีการขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบแล้ว ย่อมมีผลทำาให้บรรดาความรับผิดชอบของลูกหนี้
อันจะเกิดจากการไม่ชำาระหนี้ เป็นอันได้ปลดเปลื้องไป นับแต่เวลาที่ขอปฏิบัติการชำาระหนี้นั้น
ผู้ชำาระหนี้
หลักเกณฑ์สำาหรับบุคคลภายนอกที่จะเข้าชำาระหนี้แทนลูกหนี้ได้โดยชอบนั้น มีสาระสำาคัญอย่างไร
อธิบาย
ผู้ทชี่ ำาระหนี้ได้โดยชอบได้แก่บุคคลต่อไปนี้
(1)ตัวลูกหนี้เอง
(2)บุคคลภายนอกซึ่งเข้าชำาระหนี้แทนลูกหนี้ได้
ตาม มาตรา 14 วางข้อยกเว้นมิให้บุคคลภายนอกชำาระหนี้แทนลูกหนี้ได้มี 3 ประการ คือ
1. เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บุคคลภายนอกชำาระหนี้แทนได้ เพราะเป็นกรณีที่
วัตถุแห่งหนี้เป็นการกระทำาหรืองดเว้นการกระทำา ซึ่งโดยสภาพของหนี้เป็นเรื่องที่
เกี่ยวกับความสามารถเฉพาะตัวของลูกหนี้ หรือเป็นการที่ลูกหนี้จะต้องปฏิบัติการ
ชำาระหนี้ด้วยตนเอง การชำา ระหนี้นั้นจึงจะสำา เร็จผลตามความประสงค์อันแท้จริง
ของมูลหนี้
2. ถ้าคู่กรณีแสดงเจตนาไว้ว่าบุคคลภายนอกจะทำา การชำา ระหนี้ไม่ได้เช่นนี้ บุคคล
ภายนอกก็ จ ะเข้ า ทำา การชำา ระหนี้ ไ ม่ ไ ด้ การแสดงเจตนาต้ อ งเป็ น เรื่ อ งตกลงกั น
ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้
3. บุคคลภายนอกซึ่งไม่มีส่วนได้เสียในการชำาระหนี้ จะเข้าชำาระหนี้โดยขืนใจลูกหนี้
ไม่ได้ เพราะอาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับเกียรติยศชื่อเสียงของลูกหนี้
ผู้รับชำาระหนี้
บุคคลผู้มีอำานาจรับชำาระหนี้ ได้แก่ บุคคลประเภทใดบ้าง อธิบาย
บุคคลผู้มีอำานาจรับชำาระหนี้ได้โดยชอบได้แก่
1) เจ้าหนี้กับผู้มีอำานาจรับชำาระหนี้ ตามมาตรา 315
2) ผู้ครองตามปรากฏแห่งสิทธิ ตามมาตรา 316
3) ผู้ไม่มีสิทธิรับชำาระหนี้ได้รับชำาระหนี้ ตามมาตรา 317
4) ผู้ถือใบเสร็จ ตามมาตรา 318
5) กรณีลูกหนี้ได้รับคำาสั่งอายัดจากศาล ตามมาตรา 319
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
68
หลักเกณฑ์ทั่วไปในการชำาระหนี้
การชำาระหนี้ให้ถูกต้องตามความประสงค์ที่แท้จริงของมูลหนี้ นอกเหนือจากเรื่องกำาหนดเวลาชำาระ
และตัวบุคคลผู้มีอำานาจชำาระหนี้และรับชำาระหนี้แล้ว ยังควรต้องคำานึงถึงกรณีใดอีกบ้าง อธิบายพอสังเขป
ต้องชอบด้วยวัตถุแห่งการชำาระหนี้ สถานทีใ่ นการชำาระหนี้ และค่าใช้จ่ายในการชำาระหนี้ ตามมาตรา
320 –มาตรา 325
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
69
หลักฐานแห่งการชำาระหนี้
หลักฐานแห่งการชำาระหนี้มีประโยชน์อย่างไรสำาหรับผู้ชำาระหนี้ ให้เหตุผลตามมาตรา 326 และ
มาตรา 327
หลักฐานแห่งการชำา ระหนี้มีประโยชน์ต่อลูกหนี้ สำา หรับการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าหนี้ได้มีการชำา ระ
แล้ว ซึ่งหลักฐานดังกล่าว เช่น ใบเสร็จรับเงิน หรือการเวนคืนเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งหนี้นั้นเป็นสิ่งที่จะ
สามารถนำามาพิสูจน์ได้ดีกว่าพยานบุคคลซึ่งอาจมีการหลงลืมหรือเบิกความเท็จได้
การจัดสรรชำาระหนี้
หลักเกณฑ์ในเรื่องการจัดสรรชำาระหนี้เกิดขึ้นโดยอาศัยเหตุผลอย่างไร และมีสาระสำาคัญอย่างไรบ้าง
อธิบาย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
70
เหตุผลในเรื่องการจัดสรรชำาระหนี้เป็นลำาดับก่อนหลังก็เพื่อขจัดปัญหาข้อโต้ถียงที่อาจเกิดขึ้นได้ใน
กรณีลูกหนี้เป็นหนี้ต่อเจ้าหนี้คนเดียวกันในมูลหนี้หลายราย เช่น เป็นหนี้เงินกู้บ้าง หนี้ค่าเช่าบ้าง หรือหนี้ราย
เดียวกันแต่มีการต้องชำาระหนี้หลายอย่าง เช่น เป็นหนี้เงินกู้ ต้องชำาระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นต้น แต่ลูกหนี้
ไม่สามารถชำาระหนี้เหล่านี้ได้หมดทุกราย (ในกรณีมีมูลหนี้หลายราย) หรือหมดทุกอย่าง (ในกรณีมูลหนี้
รายเดียวแต่ต้องชำาระหลายอย่าง) ในการชำาระหนี้ครั้งหนึ่งๆ หากไม่มีกฎหมายบัญญัติจัดลำาดับแห่งการชำาระ
หนี้ก่อนหลังไว้ ก็จะเป็นปัญหาโต้เถียงได้ส่วนจะเอาชำาระหนี้รายใดก่อน จึงจะผ่อนคลายภาระของลูกหนี้ไป
ได้
มาตรา 328 ถ้ า ลู ก หนี้ ต้ อ งผู ก พัน ต่ อ เจ้ า หนี้ ใ นอั น จะกระทำา การเพื่ อ ชำา ระหนี้ เ ป็ น การอย่ า ง
เดียวกันโดยมูลหนี้หลายราย และถ้าการที่ ลูกหนี้ชำาระหนี้นั้นไม่เพียงพอจะเปลื้องหนี้สินได้หมดทุกรายไซร้
เมื่อ ทำาการชำาระหนี้ ลูกหนี้ระบุว่าชำาระหนี้สินรายใด ก็ให้หนี้สินรายนั้น เป็นอันได้เปลื้องไป
ถ้ า ลู ก หนี้ ไ ม่ ร ะบุ ท่ า นว่ า หนี้ สิน รายไหนถึ ง กำา หนด ก็ ใ ห้ ร ายนั้ น เป็ น อั น ได้ เ ปลื้ อ งไปก่ อ น ใน
ระหว่างหนี้สินหลายรายที่ถึงกำาหนดนั้น รายใดเจ้าหนี้มีประกันน้อยที่สุดก็ให้รายนั้นเป็นอันได้เปลื้องไปก่อน
ในระหว่างหนี้สินหลายรายที่มีประกันเท่า ๆ กัน ให้รายที่ตกหนัก ที่สุดแก่ลูกหนี้เป็นอันได้เปลื้องไปก่อนใน
ระหว่างหนี้สินหลายรายที่ ตกหนักแก่ลูกหนี้เท่าๆกัน ให้หนี้สินรายเก่าที่สุดเป็นอันได้เปลื้องไป ก่อน และถ้า
มี ห นี้ สิ น หลายรายเก่ า เท่ า ๆ กั น ก็ ใ ห้ ห นี้ สิ น ทุ ก รายเป็ น อั น ได้ เ ปลื้ อ งไปตามส่ ว นมากและน้ อ ย
มาตรา 329 ถ้านอกจากการชำาระหนี้อันเป็นประธาน ลูกหนี้ยัง จะต้องชำาระดอกเบี้ยและเสียค่า
ฤชาธรรมเนียมอีกด้วยไซร้ หากการ ชำาระหนี้ในครั้งหนึ่งๆ ไม่ได้ราคาเพียงพอจะเปลื้องหนี้สินได้ทั้งหมด
ท่านให้เอาจัดใช้เป็นค่าฤชาธรรมเนียมเสียก่อนแล้วจึงใช้ดอกเบี้ยและ ในที่สุดจึงให้ใช้ในการชำาระหนี้อันเป็น
ประธาน
ถ้าลูกหนี้ระบุให้จัดใช้เป็นประการอื่น ท่านว่าเจ้าหนี้จะบอกปัดไม่ ยอมรับชำาระหนี้ก็ได้
ผลของการขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบ
การขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบ คืออย่างไร มีผลตามกฎหมายอย่างไร อธิบาย
ถ้าได้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบแล้ว บรรดาความรับผิดชอบอันเกิดแต่การไม่ชำาระหนี้ก็เป็นอัน
ได้ปลดเปลื้องไปนับแต่เวลาที่ขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบ เพื่อความเป็นธรรมแก่ลูกหนี้ เนื่องจากมีกรณีที่
ลูกหนี้ได้พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนในการชำาระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ แต่เจ้าหนี้ก็บ่ายเบี่ยงไม่
ยอมรับชำาระหนี้ แม้ว่าจะเป็นการขอปฏิบัติการชำา ระหนี้โดยชอบแล้ว เช่น เป็นหนี้เงินกู้เขาก็เอาทั้งต้นและ
ดอกตามจำานวนที่จะต้องใช้จนครบถ้วนมาชำาระโดยถูกต้อง เจ้าหนี้ก็ยังหาทางบ่ายเบี่ยงจะเอาประโยชน์อย่าง
อื่นโดยมิชอบ เหตุขัดข้องที่ยังไม่มีการชำาระหนี้เกิดแก่ฝ่ายเจ้าหนี้เอง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
71
การวางทรัพย์
การวางทรัพย์ คืออะไร มีเหตุผลอย่างไร มีหลักเกณฑ์ที่ควรคำานึงถึงอย่างไรบ้าง อธิบายโดยสังเขป
การวางทรัพย์เป็นทางออกของลูกหนี้ที่จะทำา ให้หลุดพ้นจากหนี้ได้ หลักเกณฑ์ที่ผู้ชำา ระหนี้จะวาง
ทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งหนี้ไว้เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ มีได้ 3 ประการคือ
1) เจ้าหนี้บอกปัดไม่ยอมชำาระหนี้ ทั้งๆ ที่ผู้ชำาระหนี้ได้ขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยชอบแล้ว
ถ้าเป็นการขอปฏิบัติการชำาระหนี้โดยไม่ชอบ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิบอกปัดได้
2) เจ้าหนี้ไม่สามารถรับชำา ระหนี้ได้ เช่น เจ้าหนี้ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ
หรือมีเหตุขัดข้องอย่างอื่น
3) ผู้ชำาระหนี้ไม่สามารถจะหยั่งรู้ถึงสิทธิหรือไม่รู้ตัวเจ้าหนี้โดยแน่นอน โดยมิใช่ความผิด
ของตน เช่น เจ้าหนี้ตายและมีบุคคลอื่นหลายคนมาอ้างเป็นผู้มีสิทธิได้รับชำาระหนี้เพราะ
เป็นทายาทโดยธรรม
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
72
หนี้ได้ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่บุคคลผู้ชำาระหนี้ไม่สามารถจะหยั่งรู้ถึงสิทธิ หรือไม่รู้ตัวเจ้าหนี้ได้
แน่นอนโดยมิใช่เป็น ความผิดของตน
มาตรา 332 ถ้าลูกหนี้จำา ต้องชำาระหนี้ต่อเมื่อเจ้าหนี้จะต้องชำา ระหนี้ ตอบแทนด้วยไซร้ ท่านว่า
ลูกหนี้จะกำาหนดว่าต่อเมื่อเจ้าหนี้ชำาระหนี้ ตอบแทนจึงให้มีสิทธิรับเอาทรัพย์ที่วางไว้นั้นก็ได้
มาตรา 333 การวางทรัพย์นั้นต้องวาง ณ สำานักงานวางทรัพย์ ประจำาตำาบลที่จะต้องชำาระหนี้
ถ้าไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือกฎข้อบังคับเฉพาะการใน เรื่องสำานักงานวางทรัพย์ เมื่อบุคคล
ผูช้ ำาระหนี้ร้องขอ ศาลจะต้อง กำาหนดสำานักงานวางทรัพย์ และตั้งแต่งผู้พิทักษ์ทวี่ างนั้นขึ้น
ผู้ ว า ง ต้ อ ง บ อ ก ก ล่ า ว ใ ห้ เ จ้ า ห นี้ ท ร า บ ก า ร ที่ ไ ด้ ว า ง ท รั พ ย์ นั้ น โ ด ย พ ลั น
มาตรา 334 ลูกหนี้มีสิทธิจะถอนทรัพย์ที่วางนั้นได้ ถ้าลูกหนี้ถอน ทรัพย์นั้นท่านให้ถือเสมือนว่า
มิได้วางทรัพย์ไว้เลย สิทธิถอนทรัพย์นี้เป็นอันขาดในกรณีต่อไปนี้
(1) ถ้าลูกหนี้แสดงต่อสำานักงานวางทรัพย์ว่าตนยอมละสิทธิที่ จะถอน
(2) ถ้าเจ้าหนี้แสดงต่อสำานักงานวางทรัพย์ว่าจะรับเอาทรัพย์นั้น
(3) ถ้าการวางทรัพย์นั้นได้เป็นไปโดยคำาสั่งหรืออนุมัติของศาล และได้บอกกล่าวความนั้น
แก่สำานักงานวางทรัพย์
มาตรา 335 สิทธิถอนทรัพย์นั้น ตามกฎหมาย ศาลจะสั่งยึดหา ได้ไม่
เมื่อได้ฟ้องคดีล้มละลายเกี่ ยวกับ ทรั พย์ สิน ของลู ก หนี้แ ล้ว ท่าน ห้ามมิให้ใช้ สิท ธิถ อนทรั พย์ ใน
ร ะ ห ว่ า ง พิ จ า ร ณ า ค ดี ล้ ม ล ะ ล า ย
มาตรา 336 ถ้าทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งการชำาระหนี้ไม่ควรแก่การ จะวางไว้ก็ดี หรือเป็นที่พึงวิตก
ว่าทรัพย์นั้นเกลือกจะเสื่อมเสียหรือ ทำาลาย หรือบุบสลายได้ก็ดี เมื่อได้รับอนุญาตจากศาล บุคคลผู้ ชำาระหนี้จะ
เอาทรัพย์นั้นออกขายทอดตลาด แล้วเอาเงินที่ได้แต่ การขายวางแทนทรัพย์นั้นก็ได้ ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอด
ถึงกรณี ทีค่ ่ารักษาทรัพย์จะแพงเกินควรนั้นด้วย
มาตรา 337 ท่านไม่อนุญาตให้เอาทรัพย์ออกขายทอดตลาด จนกว่าจะได้บอกให้เจ้าหนี้รู้ตัวก่อน
การบอกนี้จะงดเสียก็ได้ ถ้า ทรัพย์นนั้ อาจเสื่อมทรามลงหรือภัยมีอยู่ในการที่จะหน่วงการขาย ทอดตลาดไว้
ในการที่จะขายทอดตลาดนั้น ท่านให้ลูกหนี้บอกกล่าวแก่เจ้าหนี้ โดยไม่ชักช้า ถ้าละเลยเสียไม่บอก
กล่าว ลูกหนีจ้ ะต้องรับผิดใช้ค่า สินไหมทดแทน
การบอกให้รู้ตัวและบอกกล่าวนี้ ถ้าไม่เป็นอันจะทำาได้ จะงดเสียก็ได้
เวลาและสถานที่ ที่จะขายทอดตลาดกั บ ทั้ งคำา พรรณนาลั ก ษณะแห่ งทรั พย์ นั้ น ท่านให้ ประกาศ
โฆษณาให้ประชาชนทราบ
มาตรา 338 ค่าฤชาธรรมเนียมในการวางทรัพย์หรือขายทอดตลาด นั้นให้ฝ่ายเจ้าหนี้เป็นผู้ออก
เ ว้ น แ ต่ ลู ก ห นี้ จ ะ ไ ด้ ถ อ น ท รั พ ย์ ที่ ว า ง
มาตรา 339 สิทธิของเจ้าหนี้เหนือทรัพย์ที่วางไว้นั้นเป็นอันระงับ สิ้นไปเมื่อพ้นเวลาสิบปี นับแต่
ไ ด้ รั บ คำา บ อ ก ก ล่ า ว ก า ร ว า ง ท รั พ ย์
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
73
ปลดหนี้
1. การปลดหนี้เป็นวิธีการระงับหนี้อีกวิธีหนึ่ง กระทำาได้โดยเจ้าหนี้แสดงเจตนาที่แจ้งชัดแต่เพียงฝ่าย
เดียวต่อลูกหนี้โดยไม่จำาเป็นต้องได้รับความยินยอมจากลูกหนี้ว่าปลดหนี้ให้โดยเสน่หา ไม่คิดค่า
ตอบแทนใดๆทั้งสิ้น
2. โดยปกติการปลดหนี้กระทำาโดยวาจาก็เพียงพอแล้ว และจะปลดหนี้ให้ทั้งหมดหรือแต่เพียงบาง
ส่วนก็ได้
3. การปลดหนี้มีผลให้หนี้ระงับลงเท่าส่วนที่เจ้าหนี้ได้ปลดให้
หลักเกณฑ์ในการปลดหนี้
ผลของการปลดหนี้
การปลดหนี้มีหลักเกณฑ์ที่เป็นสาระสำาคัญอย่างไรบ้าง และมีผลตามกฎหมายอย่างไร อธิบาย
นายโตเป็นหนี้เงินกู้นายเล็กอยู่ 1,000 บาท ต่อมานายโตกลายเป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว
นายเล็กเกิดความเบื่อหน่ายในการติดตามทวงให้นายโตชำาระหนี้รายนี้แก่ตน จึงมีจดหมายแจ้งไปยังนายโตว่า
ยกหนี้ 1,000 บาท นี้ให้นายโตทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย ต่อมานายเล็กตาย และนายโตได้ทราบข่าวการตาย
ของนายเล็กก่อนที่นายโตจะเปิดจดหมายของนายเล็กออกอ่าน ถ้าทายาทของนายเล็กมาเรียกร้องให้นายโต
ชำาระหนี้ 1,000 บาท นี้ นายโตจะอ้างว่าตนหลุดพ้นจากหนี้เพราะนายเล็กปลดหนี้ให้แล้วได้หรือไม่
การปลดหนี้วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปลดหนี้ได้ดังต่อไปนี้
1. การปลดหนี้เป็นนิติกรรมที่เจ้าหนี้ แสดงเจตนาสละสิทธิเรียกร้องในหนี้ที่มีต้อลูก
หนี้ให้โดยเสน่หา คือไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น
2. การปลดหนี้ทำาให้สำาเร็จผลได้ก็โดยการที่เจ้าหนี้แสดงเจตนาต่อลูกหนี้แต่เพียงฝ่าย
เดียวว่าจะปลดหนี้ให้ก็เป็นการเพียงพอแล้วไม่จำา เป็นต้องรับความยินยอมจากลูก
หนี้ หลักสำาคัญคือการแสดงเจตนานั้นต้องเป็นการชัดแจ้งโดยปราศจากข้อเคลือบ
แคลงสงสัย การแสดงเจตนานี้ต้องกระทำา ต่อลูกหนี้ด้วย ถ้าเพียงแต่บอกกล่าวคน
อื่นโดยยังไม่ได้บอกกล่าวแสดงเจตนาต่อลูกหนี้ จะถือว่าเป็นการปลดหนี้ยังไม่ได้
3. การปลดหนี้นั้นเจ้าหนี้จะปลดหนี้ให้ทั้งหมด หรื อแต่เ พียงบางส่ว นก็ ได้ แล้ วแต่
ความสมัครใจของเจ้าหนี้ หนี้ที่จะปลดให้เพียงบางส่วนได้นั้น จะต้องเป็นหนี้ที่มี
ลักษณะแบ่งชำาระได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นหนี้เงิน
4. การปลดหนี้นั้นโดยปกติกระทำาโดยทางวาจาก็เป็นการเพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นหนี้ที่
มีหนังสือเป็นหลักฐาน มาตรา 340 วรรค 2 กล่าวว่า การปลดหนี้ต้องทำาเป็น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
74
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 9
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
75
1. เมื่อ บุ คคลสองคนต่า งเป็ น เจ้ าหนี้ ลูก หนี้ ซึ่งกั น และกั น ในมู ล หนี้ สองรายอั น มีวั ต ถุ เ ป็ น การอย่ า ง
เดียวกัน และหนี้ทั้งสองรายนั้นถึงกำาหนดชำาระแล้ว หนี้นั้นอาจระงับลงได้ด้วยการหักกลบลบหนี้เท่า
จำานวนที่ตรงกัน
2. การแปลงหนี้ใหม่ก็เป็นการระงับหนี้อีกวิธีหนึ่ง โดยคู่กรณีตกลงกันเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำาคัญใน
หนี้ อันมีผลทำาให้หนี้เดิมระงับไปแล้วเกิดหนี้ใหม่ขึ้นมาแทน
3. เมื่อมีเหตุที่ทำาให้สิทธิเรียกร้องและความรับผิดในหนี้รายใดตกไปอยู่กับบุคคลคนเดียวกัน ย่อมเป็น
ผลให้หนี้นั้นระงับสิ้นไปเพราะหนี้เกลื่อนกลืนกัน
หักกลบลบหนี้
1. การหักกลบลบหนี้กระทำาได้เมื่อบุคคลสองคนต่างเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกัน ในมูลหนี้สอง
รายซึ่งถึงกำาหนดชำาระ โดยฝ่ายที่ต้องการให้มีการหักกลบลบหนี้แสดงเจตนาเพียงฝ่ายเดียวไปยังคู่
กรณี โดยไม่จำาต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายนั้น
2. การหักกลบลบหนี้อาจกระทำาไม่ได้แม้จะเข้าหลักเกณฑ์ทั่วไปของการหักกลบลบหนี้ เนื่องจากมี
กรณีที่กฎหมายบัญญัติห้ามไว้หลายกรณีด้วยกัน
3. การหักกลบลบหนี้มีผลทำาให้หนี้ระงับไปเท่าส่วนที่ตรงกันในมูลหนี้
หลักเกณฑ์และวิธีการในการหักกลบลบหนี้
การหักกลบลบหนี้มีลักษณะทั่วไปและวิธีการที่จะต้องพิจารณาอย่างไรบ้าง อธิบาย และเหตุใดจึงมี
การหักกลบลบหนี้กันได้แม้จะเป็นการขืนใจคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง
สรุปหลักเกณฑ์ที่จะต้องพิจารณาคือ (มาตรา 341 342 343)
1) เป็นกรณีที่บุคคล 2 คน มีความผูกพันเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ซึ่งกันและกันในหนี้สองราย
และหนี้ดังกล่าวนั้นฟ้องร้องบังคับกันได้ตามกฎหมาย
2) หนี้ทั้งสองรายนั้นมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกัน
3) หนี้ทั้งสองรายนั้นต่างถึงกำาหนดชำาระในเวลาที่มีการขอหักกลบลบหนี้
4) สภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้กระทำาได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
76
วิธหี ักกลบลบหนีค้ ือ
(1) ผู้ขอหักกลบลบหนี้แสดงเจตนาฝ่ายเดียวต่อคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่จำาต้องได้
รับความยินยอมจากคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งนั้น เพราะเป็นวิธีการที่จะทำาให้หนี้ระงับ
สิ้นไป คู่กรณีหมดความผูกพัน กฎหมายจึงบัญญัติให้กระทำา ได้โดยไม่จำา เป็น
ต้องให้คู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งยินยอม ทั้งนี้การแสดงเจตนาขอหักกลบลบหนี้ก็ต้อง
เป็นไปตามหลักเรื่องการแสดงเจตนาในลักษณะนิติกรรมด้วย
(2) การแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้จะมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาไม่ได้
(3) การหักกลบลบหนี้กระทำาได้ แม้สถานที่ซึ่งจะต้องชำาระหนี้ทั้งสองรายจะต่างกัน
แต่ฝ่ายที่ขอหักกลบลบหนี้ต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งหากเกิดความเสีย
หายอย่างใดๆ ขึ้น
กรณีที่หักกลบลบหนี้กันไม่ได้
ข้อห้ามมิให้มีการหักกลบลบหนี้มีกี่กรณี อย่างไรบ้าง อธิบายพอเป็นสังเขป
จากมาตรา 341 และมาตรา 344-347 สรุปได้คือ จะหักลบกลบหนี้กันไม่ได้ถ้า
1) สภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้กระทำาได้
2) คู่กรณีแสดงเจตนาไม่ให้มีการหักกลบลบหนี้
3) สิทธิเรียกร้องนั้นเป็นสิทธิเรียกร้องที่ยังมีข้อต่อสู้
4) หนีน ้ ั้นเกิดจากการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
5) หากเป็นสิทธิเรียกร้องที่ศาลสั่งยึดไม่ได้ก็ขอหักกลบลบหนี้ไม่ได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
77
6) เป็นกรณีซึ่งศาลสั่งห้ามลูกหนี้ใช้เงินแก่ลูกหนี้แล้ว
ผลของการหักกลบลบหนี้
การหักกลบลบหนี้ทำาให้เกิดผลทางกฎหมายอย่างไรบ้าง อธิบาย
การหักกลบลบหนี้มี 4 ประการ
1) ผลโดยตรงตามมาตรา 341 คือ เมื่อมีการหักกลบลบหนี้แล้ว หนี้ของทั้งสองฝ่ายก็ได้ระงับ
สิ้นไปเท่าส่วนจำานวนที่ตรงกัน เช่น ถ้าต่างเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้ด้วยเงิน 100 บาทเท่ากัน เมื่อมี
การหักกลบลบหนี้ ก็มีผลทำาให้หนี้ระงับไปโดยสิ้นเชิงทั้งคู่ แต่ถ้าทั้งสองรายมีจำา นวนไม่เท่า
กันเมื่อมีการหักกลบลบหนี้ ผลก็จะเป็นไปตามมาตรา 341 ที่ว่าลูกหนี้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหลุด
พ้นจากหนี้ของตนด้วยหักกลบลบกันได้เพียงที่จำานวนที่ตรงกัน
2) ผลของการหักกลบลบหนี้ย้อนไปถึงเวลาซึ่งหนี้ทั้งสองฝ่ายนั้น อาจจะหักกลบลบกันได้เป็น
ครั้งแรก มิใช่มีผลในวันแสดงเจตนา ตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 342
3) การหักกลบลบหนี้ในกรณีที่สถานที่ซึ่งจะต้องชำาระหนี้ทั้งสองนั้นต่างกัน หากเป็นผลทำาให้เกิด
ความเสียหายแก่อีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายที่ขอหักกลบลบหนี้จะต้องใช้ค่าเสียหายให้แก่ฝ่ายหนึ่งนั้น ตาม
มาตรา 343
4) ในกรณีที่บุคคลซึ่งต่างเป็นเจ้าหนี้และลูกหนี้ซึ่งกันและกันอยู่มีหนี้ที่จะหักกลบลบหนี้กันนั้นอยู่
หลายราย ปัญหาว่าจะเอาหนี้รายใดมาหักกลบลบกันก่อน นั้นมีบัญญัติไว้ในมาตรา 348
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
78
แปลงหนี้ใหม่
1. การแปลงหนี้ใหม่มีสาระสำาคัญซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของตัวมันเอง ซึ่งแตกต่างจากหลักเกณฑ์ใน
เรื่องความระงับหนี้อื่นๆ และหลักเกณฑ์ในลักษณะอื่นทีค่ ล้ายคลึงกัน
2. การแปลงหนี้ใหม่กระทำาได้โดยคู่กรณีตกลงทำาสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำาคัญในหนี้นั้น
3. ผลของการแปลงหนี้ใหม่ทำาให้หนี้เดิมรวมทั้งประกันของหนี้เดิมระงับสิ้นไปโดยมีหนี้ใหม่เกิดขึ้น
มาแทนผูกพันคู่กรณีต่อไป
บทนำา
การแปลงหนี้ใหม่มีลักษณะแตกต่างจากเรื่องต่อไปนี้อย่างไร
1. การชำาระหนี้อย่างอื่นตามมาตรา 321
2. การโอนสิทธิเรียกร้อง
3. การรับช่วงสิทธิ
หลักเกณฑ์ตามมาตรา 321 306 และมาตรา 226 และ 229
มาตรา 321 ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับการชำาระหนี้อย่างอื่นแทนการชำาระหนี้ที่ได้ตกลงกันไว้ท่านว่าหนี้
นั้ น ก็ เ ป็ น อั น ร ะ งั บ สิ้ น ไ ป
ถ้าเพื่อที่จะทำาให้พอแก่ใจเจ้าหนี้นั้น ลูกหนี้รับภาระเป็นหนี้อย่างใด อย่างหนึ่งขึ้นใหม่ต่อเจ้าหนี้ไซร้
เมื่อกรณีเป็นที่สงสัย ท่านมิให้ สันนิษฐานว่าลูกหนี้ได้ก่อหนี้นั้นขึ้นแทนการชำาระหนี้
ถ้าชำา ระหนี้ด้วยออก-ด้วยโอน-หรือด้วยสลักหลังตั๋วเงิน หรือ ประทวนสินค้า ท่านว่าหนี้นั้นจะ
ระงับสิ้นไปต่อเมื่อตั๋วเงินหรือประทวน สินค้านั้นได้ใช้เงินแล้ว
มาตรา 306 การโอนหนี้อันจะพึงต้องชำาระแก่เจ้าหนี้คนหนึ่งโดย เฉพาะเจาะจงนั้น ถ้าไม่ทำาเป็น
หนังสือ ท่านว่าไม่สมบูรณ์ อนึ่งการ โอนหนี้นั้นท่านว่าจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกได้ แต่
เมื่อได้บอกกล่าวการโอนไปยังลูกหนี้ หรือลูกหนี้จะได้ยินยอมด้วย ในการโอนนั้น คำา บอกกล่าวหรือความ
ยินยอมเช่นว่านี้ท่านว่าต้องทำา เป็นหนังสือ
ถ้าลูกหนี้ทำาให้พอแก่ใจผู้โอนด้วยการใช้เงิน หรือด้วยประการอื่น เสียแต่ก่อนได้รับบอกกล่าว หรือ
ก่อนได้ตกลงให้โอนไซร้ ลูกหนี้นั้น ก็เป็นอันหลุดพ้นจากหนี้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
79
หลักเกณฑ์ของการแปลงหนี้ใหม่
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการแปลงหนี้ใหม่ มีสาระสำาคัญอย่างไรบ้าง อธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
หลักเกณฑ์สำาคัญตามมาตรา 349-351
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
80
ตามอุ ท าหรณ์ หนี้ใ หม่ คื อ การซื้อ ขายถ้ า ไม่ เ กิ ด เพราะไม่ ไ ด้ ทำา เป็ น หนั ง สือ และจดทะเบี ย นต่ อ
พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 456 หนี้เงินกู้ไม่ระงับ ข. ยังมีสิทธิฟ้องร้องให้ชำาระหนี้เงินกู้อยู่
มาตรา 456 การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำาเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้า
หน้าที่ไซร้ ท่านว่าเป็นโมฆะวิธนี ี้ให้ ใช้ถึงซื้อขายเรือกำาปั่นหรือเรือมีระวางตั้งแต่หกตันขึ้นไป เรือกลไฟ หรือ
เรือยนต์มีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะ ด้วย
ผลของการแปลงหนี้ใหม่
การแปลงหนี้ใหม่ทำาให้เกิดผลในทางกฎหมายในหนี้นั้น แตกต่างจากความระงับหนี้ในประการอื่น
ที่ได้ศึกษามาแล้ว เช่นการชำาระหนี้ การปลดหนี้ การหักกลบลบหนี้อย่างไร อธิบายให้เหตุผลประกอบ
หลักในมาตรา 349 ซึ่งมีผลเกี่ยวเนื่องไปถึงมาตรา 352
การแปลงหนี้ใหม่ทำาให้เกิดผลโดยตรงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 349 วรรค 1 ซึ่งบัญญัติไว้
ชัดแจ้งว่า หนี้เก่าเป็นอันระงับสิ้นไปโดยมีหนี้ใหม่เข้าผูกพันแทนที่
หนี้เกลื่อนกลืนกัน
1. หนี้โดยทั่วๆ ไปอาจเกลื่อนกลืนกันได้ถ้าสิทธิและความรับผิดในหนี้รายใดรายหนึ่ง มาตกอยู่ใน
บุคคลคนเดียวกัน
2. การที่ หนี้เ กลื่ อนกลื นกั นไปในบุคคลคนเดีย วกั น มี ผ ลทำา ให้ห นี้ นั้น ระงับ สิ้น ไปตลอดถึ งหนี้
อุปกรณ์ด้วย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
81
3. มีกรณีที่บุคคลจะอ้างว่าหนี้ระงับสิ้นไปเพราะเหตุที่มีการเกลื่อนกลืนกันไม่ได้ หากหนี้นั้นตกไป
อยู่บังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก หรือเมื่อมีการสลักหลังตั๋วเงินกลับคืนตามข้อบัญญัติใน
เรื่องตั๋วเงิน
หลักเกณฑ์ในเรื่องหนี้เกลื่อนกลืนกัน
ผลของการที่หนี้เกลื่อนกลืนกัน
การที่หนี้เกลื่อนกลืนกันได้มีหลักเกณฑ์อย่างไร และทำาให้เกิดผลอย่างไร อธิบาย
หลักเกณฑ์ตาม มาตรา 353
กรณีที่หนี้เกลื่อนกลืนกันไม่ได้
มีกรณีใดบ้างที่หนี้ไม่ระงับเพราะเหตุที่จะอ้างที่หนี้เกลื่อนกลืนกันไม่ได้ อธิบายและยกตัวอย่าง
ประกอบ
อ้างตามมาตรา 353 ตอนท้าย ซึ่งมีอยู่ 2 กรณี คือ
1) เมื่อหนี้นั้นตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิของบุคคลภายนอก
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
82
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 10
หน่วยที่ 11 ความรับผิดเพื่อละเมิดในการกระทำาของตนเอง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
83
11.1.1 ความหมายของการกระทำา
ความเคลื่อนไหวของบุคคลในเวลาหลับ ถือว่าเป็นการกระทำาหรือไม่
ความเคลื่อนไหวของบุคคลในเวลาหลับ ไม่ถือว่าเป็นการกระทำา เพราะแม้ว่าจะมีความเคลื่อนไหว
ในอิริยาบถ แต่ก็ถือไม่ได้ว่าบุคคลที่หลับรู้สำานึกในความเคลื่อนไหวในอิริยาบถของตน
ความเคลื่อนไหวของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริต จะถือว่าเป็นการกระทำาได้เสมอไปหรือไม่
ความเคลื่อนไหวของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริต จะถือว่าเป็นการกระทำาไม่ได้เสมอไป ถ้าผู้เยาว์หรือ
บุคคลวิกลจริตรู้สำานึกในความเคลื่อนไหวในอิริยาบถของตน ก็เป็นการกระทำา ถ้าไม่รู้สำานึกก็ไม่เป็น ซึ่งเป็น
ปัญหาข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องๆ ไป
การงดเว้นไม่กระทำา จะเป็นการกระทำาเสมอไปหรือไม่
การงดเว้นไม่กระทำา ไม่เป็นการกระทำา เสมอไป ที่จะถือว่าเป็นการกระทำา ต้องเป็นการงดเว้นไม่
กระทำาการที่มีหน้าที่ต้องกระทำา หน้าที่นี้อาจเกิดจากกฎหมายก็ได้ หรือเกิดจากสัญญาหรือความสัมพันธ์ทาง
ข้อเท็จจริงที่มีอยู่ระหว่างผู้งดเว้นกับผู้เสียหายก็ได้ หรือเป็นผลมาจากฐานะทางข้อเท็จจริงซึ่งผู้งดเว้นได้ก่อขึ้น
ก็ได้
ยกตัวอย่างการงดเว้นไม่กระทำาตามหน้าที่อันเกิดจากความสัมพันธ์ทางข้อเท็จจริง
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
84
11.1.2 การกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
ความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง จะถือว่าเป็นจงใจได้หรือไม่ ก. เห็นร่มของ ข. วางไว้บนโต๊ะทำางาน
ของตน คิดว่าเป็นร่มของตนที่หายไปแล้วและได้คืนมาแล้ว เพราะมีลักษณะเหมือนกันทุกอย่าง จึงหยิบเอาไป
เป็นของตน ดังนี้ ก. ได้กระทำาต่อ ข. โดยจงใจหรือไม่
จงใจหมายถึงความรู้สำา นึกว่าจะเกิดผลเสียหายแก่บุคคลอื่นจากการกระทำา ของตน ฉะนั้นความ
เข้าใจผิดในข้อเท็จจริงจะถือว่าเป็นจงใจหาได้ไม่
ที่ ก. คิดว่าร่มของ ข. เป็นของตน จึงมีความเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง ก. มิได้กระทำา ต่อ ข. โดย
จงใจ หรือประมาทเลินเล่อ
11.1.3 การกระทำาโดยผิดกฎหมาย
ที่ว่า “โดยผิดกฎหมาย” ตามมาตรา 420 นัน้ เข้าใจว่าอย่างไร
คำาว่า “โดยผิดกฎหมาย” ตามมาตรา 420 มีความหมายแต่เพียงว่า “มิชอบด้วยกฎหมาย” ดังเช่นที่
บัญญัติไว้ในมาตรา 421 เท่านั้น ถ้าได้กระทำาโดยไม่มีสิทธิหรือข้อแก้ตัวตามกฎหมายให้ทำาแล้ว ก็ถือว่า
เป็นการกระทำาโดยผิดกฎหมาย
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำาต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่
ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำาละเมิด
จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 421 การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วย
กฎหมาย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
85
ที่ว่ า “ลำา พังแต่ เพีย งบทบั ญญัติ ม าตรา 421 จะเป็น หลั กเกณฑ์ อัน ก่อ ให้ เกิ ดความรั บ ผิ ด ทาง
ละเมิดไม่ได้” ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
มาตรา 421 เป็นบทขยายของคำา ว่า “โดยผิดกฎหมาย” ในมาตรา 420 ฉะนั้น หลักเกณฑ์
ประการอื่นที่จะก่อให้เกิดความรับผิดตามมาตรา 420 นั้นยังคงต้องพิจารณาให้ครบถ้วน กล่าวคือ ต้องมี
การกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อให้คนอื่นเสียหายอยู่ด้วย
การที่เจ้าหน้าที่ตำารวจเข้าจับกุมผู้ต้องหาว่ากระทำาความผิดตามหน้าที่จะเป็นการใช้สิทธิที่มีแต่จะให้
เกิดความเสียหายแก่ผู้ต้องหาเสมอไปหรือไม่
เกิดความเสียหายแก่ผู้ต้องหา ไม่เสมอไป ถ้าเป็นการจับตามหน้าที่ เว้นแต่เป็นการใช้สิทธิที่มุ่งต่อผล
คือความเสียหายแก่ผู้ถูกจับแต่ถ่ายเดียว หรือเป็นการจับที่ไม่ถูกต้องตามวิธีการที่เหมาะสมหรือผิดกาลเทศะ
เช่น จับผู้ต้องหาว่ากระทำาผิดโดยแกล้งไปจับขณะที่เข้าพิธีสมรสเป็นต้น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
86
11.1.4 การกระทำาที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
ที่เรียกว่า “สิทธินั้น” เข้าใจว่าอย่างไร ยกตัวอย่าง
ในบทบั ญ ญั ติ ม าตรา 420 มี ค วามจำา เป็ น ต้ อ งบั ญ ญั ติ คำา ว่ า “ชี วิ ต ร่ า งกาย อนามั ย เสรี ภ าพ
ทรัพย์สิน” ไว้อย่างไร หรือไม่ เพราะเหตุใด
ไม่มีความจำาเป็นต้องบัญญัติ เพราะสิ่งเหล่านี้ย่อมอยู่ในความหมายของคำาว่า “สิทธิ” อย่างหนึ่งอย่าง
ใด ดังที่ได้บัญญัติในมาตรา 420
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำาต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่
ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำาละเมิด
จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 421 การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้น ท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วย
กฎหมาย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
87
11.1.5 ความเสียหายนั้นเป็นผลมาจากการกระทำาของผู้ทำาความเสียหาย
ที่เรียกว่าทฤษฎีความเท่ากันแห่งเหตุหรือทฤษฎีเงื่อนไขกับทฤษฎีมูลเหตุเหมาะสมนั้น ท่านเข้ใจว่า
อย่างไร ยกตัวอย่างประกอบ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
88
11.2.2 การพิพากษาคดี
ในคดีอาญาเรื่องหนึ่ง ก. ฟ้อง ข. ว่า ข. บุกรุกเข้ามาในที่ดินของ ก. ศาลพิพากษายกฟ้องอ้างว่า
ข. ไม่มีเจตนาบุกรุก คดีถึงที่สุด ดังนี้ ก. จะฟ้อง ข. เป็นคดีแพ่งว่า ข. บุกรุกเข้าไปในที่ดินของ ก. อัน
เป็นการกระทำาละเมิดโดยประมาทเลินเล่อและเรียกค่าเสียหาย จะได้หรือไม่
ตามมาตรา 424 ดังนั้น ก. จึงฟ้อง ข. เพื่อเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดได้
มาตรา 422 ถ้าความเสียหายเกิดแต่การฝ่าฝืนบทบังคับแห่งกฎหมายใดอันมีที่ประสงค์เพื่อจะ
ปกป้องบุคคลอื่น ๆ ผู้ใดทำาการ ฝ่าฝืนเช่นนั้น ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเป็นผู้ผิด
11.2.3 การร่วมกันทำาละเมิด
ที่ว่าร่วมกันกระทำาละเมิด หมายความว่าอย่างไร
การร่วมกันทำาละเมิดจะต้องมีเจตนาหรือความมุ่งหมายร่วมกัน และมีการกระทำาร่วมกันเพื่อความมุ่ง
หมายร่วมกันนั้น
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 11
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
89
หน่วยที่ 12 ความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น
1. ความรับผิดในการกระทำาของตนเอง บุคคลผู้รับผิดจะต้องกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อโดย
ผิดกฎหมาย มีความเสียหายแก่บุคคลอื่น และความเสียหายนั้นเป็นผลมาจากการกระทำาของผู้ทำาความ
เสียหาย ส่วนความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่นเป็นความรับผิดของบุคคลหนึ่งในการกระทำา
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
90
ความรับผิดในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง
1. ที่ว่า “นายจ้าง” “ลูกจ้าง” หมายถึงความสัมพันธ์ตามสัญญาจ้างแรงงาน
2. ความรับผิดในผลแห่งการละเมิดของลูกจ้างในทางการที่จ้าง เป็นความรับผิดในการกระทำาของบุคคล
อื่น
3. ความหมายของ “ในทางการที่จ้าง” ไม่ใช่เรื่องมอบอำานาจให้กระทำา แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานที่
จ้าง
4. เมื่อเป็นเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นในทางการที่จ้างแล้ว วิธีปฏิบัติของลูกจ้างหรือกรณีที่นายจ้างมีคำาสั่งห้าม
ไม่เป็นข้อต่อสู้ของนายจ้าง
5. โดยเหตุที่ตัวแทนมิใช่ลูกจ้าง จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งสิทธิของตัวการที่จะควบคุมตัวแทน โดยปกติ
ตัวแทนย่อมมีความรับผิดแต่ผู้เดียว ตัวการไม่ต้องรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ตัวแทนก่อขึ้น
ลักษณะของนายจ้างลูกจ้างและในทางการที่จ้าง
ที่เรียกว่าเป็นนายจ้างลูกจ้างกันนั้นเกิดจากสัญญาอะไร
เกิดจากสัญญาจ้างแรงงานตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 575 มิใช่
สัญญาจ้างทำาของ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
91
มาตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่ อให้เ กิด เสียหายแก่ บุค คลอื่นโดย ร่วมกันทำา ละเมิด ท่านว่า
บุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึง
กรณี ที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำาพวกที่ทำาละเมิดร่วมกันนั้น คนไหน เป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย
อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำาละเมิด ท่านก็ ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำาละเมิดร่วมกัน
ด้วย
ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็น
ส่วนเท่าๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินิจฉัยเป็นประการอื่น
การละเมิดโดยประมาทเลินเล่อ
ข. ลูก จ้า ง ก. มีหน้า ที่ขั บรถไปส่งบุ ตรของ ก. ไปโรงเรี ยน ขณะขับ รถอยู่ ได้ จุด บุหรี่ สูบ โดย
ประมาทเลินเล่อ ข. จึงขับรถชน ค. ที่เดินอยู่ริมถนนดังนี้ ก. ต้องร่วมกับ ข. รับผิดต่อ ค. หรือไม่
เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในทางการที่จ้าง ก. ต้องร่วมกับ ข. รับผิดต่อ ค.
การละเมิดโดยจงใจ
ยกตัวอย่างเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นโดยจงใจ นอกจากตัวอย่างในเอกสาร
ลักษณะตัวการตัวแทนและความรับผิดของตัวการ
ก. เป็นตัวแทนขายรถยนต์ของบริษัท ข. ก. ในฐานะตัวแทนตกลงขายรถยนต์คันหนึ่งให้แก่ ส.
โดยตกลงกันว่าเครื่องอะไหล่ทุกชิ้นต้องเป็นของแท้ กรรมสิทธิ์ในรถได้โอนมาเป็นของ ส . แล้ว ก่อนที่จะนำา
รถไปส่งมอบแก่ ส. ก. ได้ถอดเครื่องอะไหล่แท้ของรถออกเป็นประโยชน์แก่ตน แล้วเอาเครื่องอะไหล่เทียม
ใส่แทน แล้วนำารถมาส่งมอบแก่ ส. โดยที่ ส. ลูกค้าไม่ทราบถึงความจริงดังกล่าว ดังนี้ บริษัท ข. ต้องร่วม
รับผิดต่อ ส. หรือไม่
การที่ ก. ถอดเอาเครื่องอะไหล่แท้ออก แล้วเอาของเทียมใส่ไว้แทนนั้นเป็นเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นใน
ขอบเขตของการปฏิบัติตามหน้าที่หรือโดยฐานได้ทำาการแทนบริษัท ข. ข. จึงต้องร่วมรับผิดต่อ ส. ด้วย
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำาของ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
92
1. ความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้างทำาของมิใช่เรื่องความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น ความรับผิด
ของผู้ว่าจ้างทำาของเป็นความรับผิดของผู้ว่าจ้าง ในการกระทำาของตนตามกฎเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ใน
มาตรา 420
2. ผู้ว่าจ้างทำาของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกใน
ระหว่างทำาการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำา หรือในคำาสั่งที่
ตนให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำาของไม่เป็นความรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น
ที่ว่าบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำาของ ไม่ใช่บทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดในการกระ
ทำาของบุคคลอื่นนั้น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
มาตรา 428 ผู้ว่าจ้างทำาของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้ รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคล
ภายนอกในระหว่างทำาการงานที่ว่าจ้าง เว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำา หรือในคำาสั่งที่ตน
ให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง
ความรับผิดของผู้ว่าจ้างทำาของ
ที่ว่าผู้วา่ จ้างเป็นผู้ผิดตามมาตรา 428 นัน้ จะเข้าใจว่าอย่างไร
ที่ว่าผู้ว่าจ้างเป็นผู้ติดตามมาตรา 428 นั้น หมายความว่าผู้ว่าจ้างกระทำาโดยจงใจหรือประมาท
เลินเล่อตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 420
มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำาต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่
ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำาละเมิด
จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
93
ความรับผิดของผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตทางละเมิด
ผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริต จะต้องรับผิดในความเสียหายที่ตนก่อขึ้นเสมอไปหรือไม่
ไม่เสมอไป กรณีที่ผู้เยาว์หรือบุคคลวิกลจริตทำาความเสียหาย ถ้ามิได้กระทำาโดยจงใจหรือประมาท
เลินเล่อ ก็ย่อมไม่เป็นละเมิด ถ้าเป็นเด็กไร้เดียงสา ไม่รู้สำานึกในการกระทำาของตนหรือบุคคลวิกลจริตที่ไม่รู้
สภาพของการกระทำาของตน ย่อมจะถือว่าทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ได้ แต่ถ้ารู้ได้ว่าทำาอะไรลงไป
เพียงแต่ไม่รู้สึกผิดชอบหรือยับยั้งไม่ได้ อาจเป็นการกระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อได้ เพราะผู้เยาว์หรือ
บุคคลวิกลจริตย่อมมีฐานะทางจิตใจอยู่หลายระดับต่างกันไป
ความรับผิดของบิดามารดาหรือผู้อนุบาล
ก. มาเยี่ยม ข. เพื่อนกัน โดยอุ้ม น. บุตร ซึ่งเป็นทารกอายุ 6 เดือน มาด้วย ก. นึกสนุกคิดจะ
แกล้ง ข. เล่น โดยรู้ว่าบุตรของตนจวนจะได้เวลาปัสสาวะออกมาแล้ว จึงส่งเด็กให้ ข. อุ้ม เด็กปัสสาวะรด
ข. จนเปียกโชก ดังนี้ ก. และ น. จะต้องรับผิดต่อ ข. หรือไม่
ก. ต้องรับผิดต่อ ข. เพราะได้กระทำาโดยจงใจโดยใช้เด็กชาย น. บุตรของตนเป็นเครื่องมือ ส่วน
เด็กชาย น. ไม่ต้องรับผิดต่อ ข. เพราะเป็นเด็กทารกอายุเพียง 6 เดือน ไม่มีการกระทำาโดยจงใจหรือ
ประมาทเลินเล่อ
ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
น้อยอายุ 5 ขวบ ขณะที่อยู่กับนิดซึ่งเป็นมารดา เกิดทะเลาะกับปูซึ่งเป็นเพื่อนเด็กด้วยกัน ได้ใช้
ไม้ไล่ตีปูบาดเจ็บดังนี้ นิดและน้อยต้องรับผิดต่อปูหรือไม่
เด็กชายน้อยต้องรับผิดต่อเด็กชายปู เพราะการใช้ไม้ไล่ตีเป็นการกระทำา ละเมิดตามมาตรา 420
429 นิด ซึ่งเป็น มารดาจึ งต้ อ งร่ ว มรั บ ผิ ด ด้ว ยตามมาตรา 429 เว้นแต่จ ะพิสูจ น์ไ ด้ว่ า ตนได้ ใช้ ค วาม
ระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลซึ่งทำาอยูน่ ั้น
มาตรา 429 บุคคลใดแม้ไร้ความสามารถเพราะเหตุเป็นผู้เยาว์ หรือวิกลจริตก็ยังต้องรับผิดในผล
ที่ตนทำาละเมิด บิดามารดาหรือผู้ อนุบาลของบุคคลเช่นว่านี้ย่อมต้องรับผิดร่วมกับเขาด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้
ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล ซึ่งทำาอยูน่ ั้น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
94
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 12
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
95
หน่วยที่ 13 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากทรัพย์
1. ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทรัพย์เป็นความรับผิดที่ไม่ต้องมีการกระทำาโดยจงใจหรือ
ประมาทเลินเล่อ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
96
2. ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะสัตว์ เจ้าของหรือบุคคลผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของสัตว์ต้องชดใช้
ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เสียหาย
3. ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำารุดบกพร่องหรือ
บำารุงรักษาไม่เพียงพอ ผูค้ รองโรงเรือน หรือสิ่งปลูกสร้างนัน้ ๆ จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
4. บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนหรือเพราะ
ทิ้งขว้างของไปตกในที่อันมิควร
5. ผู้ครอบครองหรือควบคุมยานพาหนะอันเดินด้วยกำาลังเครื่องจักรกลจะต้องรับผิดเพื่อความเสียหาย
อันเกิดแต่ยานพาหนะนั้น ผู้ครอบครองทรัพย์อันตรายก็จะต้องรับผิดในความเสียหายอันเกิดจาก
ทรัพย์นนั้ ด้วย
13.1 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์
1. บุคคลอาจใช้สัตว์เป็นเครื่องมือก่อการละเมิดได้ตามมาตรา 420 ซึ่งต้องกระทำา โดยจงใจหรือ
ประมาทเลินเล่อ ไม่ใช่เรื่องความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ เป็นความรับผิดของ
บุคคลในการกระทำาของตนเอง
2. ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์เป็นเรื่องที่บุคคลที่ต้องรับผิด มีความบกพร่องใน
การดูแล มิได้กระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ กฎหมายจึงได้จำากัดตัวบุคคลที่ต้องรับผิดเอาไว้
คื อ เจ้ า ของสั ต ว์ แ ละบุ ค คลผู้ รั บ เลี้ ย งรั บ รั ก ษาไว้ แ ทนเจ้ า ของ แต่ มี ข้ อ ยกเว้ น ว่ า ถ้ า ได้ ใ ช้ ค วาม
ระมัดระวังอันสมควรแก่การเลี้ยงการรักษาตามชนิดและวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น
หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายย่อมจะเกิดขึ้นทั้งที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนัน้ ก็พ้นความรับผิด
3. บุคคลที่ต้องรับผิดจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลที่เร้าหรือยั่วสัตว์โดยละเมิด หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์
อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์ก็ได้
4. คำาว่า “โดยละเมิด” ตามมาตรา 433 วรรค 2 มิได้หมายความว่าเป็นการกระทำา โดยละเมิดดังที่
ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 420 ซึ่งเป็นแม่บทอันเป็นบทบัญญัติว่าด้วยความรับผิดของบุคคลใน
การกระทำาของตนเอง แต่เป็นเรื่องที่บุคคลที่เร้าหรือยั่วสัตว์กระทำาไปโดยไม่มีสิทธิ
13.1.1 การกระทำาละเมิดโดยใช้สัตว์เป็นเครื่องมือ
ก. โดยประมาทเลินเล่อ จูงกระบือของตนผ่านเข้าไปในนาข้าวของ ข. ทำาให้ต้นข้าวในนาที่กำาลัง
แตกรวงเสียหาย ดังนี้ ก. จะต้องรับผิดต่อ ข. ตามมาตรา 420 หรือ 433
ก. ต้องรับผิดต่อ ข. ตามมาตรา 420 เพราะได้กระทำาโดยประมาทเลินเล่อจูงกระบือของตน
ผ่านเข้าไปในนาข้าวของ ข. ไม่ใช่ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ตามมาตรา 433
13.1.2 ความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์
ความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ ต้องมีการกระทำาของสัตว์หรือไม่
ต้องมีการกระทำาของสัตว์
13.1.3 บุคคลที่ต้องรับผิดและข้อยกเว้นความรับผิด
ก. ยืมสุนัขตัวผู้ของ ข. มาผสมพันธ์กับสุนัขของ ก. ที่บ้าน ต่อมา ก. มีธุระไปต่างจังหวัดจึงเอา
สุนัขที่ยืมมานั้นไปฝาก ค. ไว้ระหว่างนั้นสุนัขแอบหนี ค. ไปขโมยของของแม่ค้าที่ตลาดสด ดังนี้ ท่านเห็น
ว่า ก. ข. และ ค. ผู้ใดต้องรับผิดต่อแม่ค้า
แม้สุนัขจะเป็นของ ข. แต่ก็อยู่ในการเลี้ยงรักษาของ ค. ผู้รับฝาก ค. จึงต้องรับผิดต่อแม่ค้า ข.
เจ้าของสุนขั และ ก. ผู้ยืมไม่ต้องรับผิด
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
98
13.1.4 การใช้สิทธิไล่เบี้ย
ตามมาตรา 433 วรรคสอง ที่ว่าใช้สิทธิไล่เบี้ยนั้น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
ตามมาตรา 433 วรรคสอง หมายความว่าผู้ต้องรับผิดตามมาตรา 433 วรรคแรก ต้องชดใช้คา่
สินไหมทดแทนให้ผู้ต้องเสียหายไปก่อน แล้วจึงจะมาไล่เบี้ยเอาจากผู้ที่เล้าหรือยั่วสัตว์โดยละเมิดหรือเอาจาก
เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้นๆ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
99
4. บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหายอันเกิดเพราะของตกหล่นจากโรงเรือนนั้น
หรือเพราะทิ้งขว้างของไปตกในอันที่มิควร
13.2.1 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสรัางอย่างอื่นก่อสร้างไว้ชำารุด
บกพร่องหรือบำารุงรักษาไม่เพียงพอ
ก. พักอาศัยอยู่กับ ข. ที่บ้านของ ข. ซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่ทรุดโทรมที่ ข. ครอบครอง ก. เห็นฝา
บ้านแผ่นหนึ่งกำาลังจะหลุดตกลงมาอยู่แล้วและเห็น ค. เดินผ่านมา คิดจะแกล้ง ค. เล่น จึงใช้ไม้เคาะฝาบ้าน
ตกลงไปถูก ค. บาดเจ็บ ดังนี้ ก. หรือ ข. ต้องรับผิดต่อ ค.
แม้จะเป็นผู้อยู่อาศัยอยู่กับ ข. ก. ก็ต้องรับผิดต่อ ค. เพราะได้กระทำาละเมิดต่อ ค. โดยจงใจโดย
ใช้ฝาบ้านเป็นเครื่องมือตามมาตรา 420 ส่วน ข. แม้จะเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองบ้านก็ไม่ต้องรับผิด
ต่อ ค. ตามมาตรา 434
มาตรา 420 ผูใ้ ดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำาต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่
ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำาละเมิด
จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 434 ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นเพราะเหตุที่โรงเรือน หรือ สิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นก่อสร้างไว้
ชำารุดบกพร่องก็ดี หรือบำารุงรักษาไม่ เพียงพอก็ดีท่านว่าผู้ครองโรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ จำาต้องใช้ ค่า
สินไหมทดแทนแต่ถ้าผู้ครองได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร เพื่อปัดป้องมิให้เกิดเสียหายฉะนั้นแล้ว ท่าน
ว่าผู้เป็นเจ้าของจำาต้อง ใช้ค่าสินไหมทดแทน
บทบัญญัติที่กล่าวมาในวรรคก่อนนั้น ให้ใช้บังคับได้ตลอดถึงความบกพร่องในการปลูกหรือคำ้าจุน
ต้นไม้หรือกอไผ่ด้วย
ในกรณีที่กล่าวมาในสองวรรคข้างต้นนั้น ถ้ายังมีผู้อื่นอีกที่ต้องรับผิดชอบในการก่อให้เกิดเสียหาย
นัน้ ด้วยไซร้ ท่านว่าผู้ครองหรือเจ้าของจะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผนู้ ั้นก็ได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
100
13.2.2 ความรับผิดในความเสียหายเพราะของตกหล่นหรือทิ้งขว้างจากโรงเรือนไปในที่อันมิควร
บ้านของ ส. อยู่ริมซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งแต่ละครอบครัวอยู่ในบ้านหลังนั้น วันหนึ่ง อ. มาเยี่ยม ส. ที่
บ้าน ขณะที่พูดกันอยู่โดยไม่จงใจหรือประมาทเลินเล่อ อ. ทิ้งก้นบุหรี่ลงไปในซอยซึ่งขณะนั้น บ. เดินผ่าน
มาพอดี บุหรี่ถูกเสื้อของ บ. มีรอยไหม้ ดังนี้ ส. หรือ อ. ต้องรับผิดต่อ บ.
อ. ไม่ได้กระทำาต่อ บ. โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่ต้องรับผิดต่อ บ. ตามมาตรา 420
แต่การที่ อ. ทิ้งก้นบุหรี่ไปในซอยที่อาจมีคนเดินมานั้น เป็นการทิ้งไปในอันที่อันมิควร ส. เป็นผู้อยู่ในบ้าน
หลังนั้น แม้จะไม่เป็นผู้กระทำา ก็ต้องรับผิดต่อ บ. ตาม มาตรา 436
มาตรา 435 บุคคลใดจะประสบความเสียหายอันพึงเกิดจาก โรงเรือนหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น
ของผู้อื่น บุคคลผู้นั้นชอบที่จะเรียก ให้จัดการตามที่จำาเป็นเพื่อบำาบัดปัดป้องภยันตรายนั้นเสียได้
มาตรา 436 บุคคลผู้อยู่ในโรงเรือนต้องรับผิดชอบในความเสียหาย อันเกิดเพราะของตกหล่น
จากโรงเรือนนั้น หรือเพราะทิ้งขว้างของไป ตกในที่อนั มิควร
13.3 ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากยานพาหนะหรือทรัพย์อันตราย
1. บุคคลอาจใช้ยานพาหนะอย่างใดๆ อันเดินด้วยกำาลังเครื่องจักรกลหรือทรัพย์อันตรายเป็นเครื่อง
มือก่อนการละเมิดได้ตามมาตรา 420 ดังนี้ มิใช่ความรับผิดในความเสียหายที่เกิดจากยาน
พาหนะหรือทรัพย์อันตราย แต่เป็นความรับผิดของบุคคลในการกระทำาของตนเอง
2. ความรั บผิด ในความเสีย หายที่เ กิด จากยานพาหนะอันเดินด้ วยกำา ลั งเครื่ อ งจั ก รกลหรื อ ทรั พย์
อัน ตรายเป็นเรื่อ งที่ บุคคลที่ ต้อ งรับ ผิด มีความบกพร่อ งในการดูแ ลมิ ไ ด้ ก ระทำา โดยจงใจหรื อ
ประมาทเลินเล่อ
3. กฎหมายกำา หนดตัวบุคคลที่ต้องรับผิดไว้ สำา หรับยานพาหนะได้แก่ผู้ครอบครองหรือควบคุม
สำาหรับทรัพย์อันตรายได้แก่ผู้ครอบครอง
4. กฎหมายได้บัญญัติข้อยกเว้นความรับผิดเอาไว้ คือพิสูจน์ว่าความเสียหายเกิดแต่เหตุสุดวิสัยหรือ
ความผิดของผู้ต้องเสียหายนั้นเอง
13.3.1 การกระทำาละเมิดโดยใช้ยานพาหนะหรือทรัพย์อันตรายเป็นเครื่องมือ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
101
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
102
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 13
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
103
และวิสัยของสัตว์หรือตามพฤติการณ์อย่างอื่น หรือพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายนั้นย่อมจะต้องเกิดมีขึ้นทั้งที่
ได้ใช้ความระมัดระวังถึงเพียงนั้น
อนึ่ง บุคคลผู้ต้องรับผิดชอบดั่งกล่าวมาในวรรคต้นนั้น
จะใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่บุคคลผู้ที่เร้าหรือยั่วสัตว์นั้น โดยละเมิด
หรือเอาแก่เจ้าของสัตว์อื่นอันมาเร้าหรือยั่วสัตว์นั้น ๆ ก็ได้
5. กระเบื้องหลังคาบ้าน ส. แผ่นหนึ่งเผยออก จะหลุดตกลงมาอยู่แล้ว จ. มาเยี่ยม ส. ที่บา้ น
เห็น ม. ทอดกล้วยแขกอยู่ข้างล่างริมซอยข้างบ้าน จึงใช้ไม้เขี่ยกระเบื้องให้หลุดตกลงมา
ถูก ม. บาดเจ็บ ดังนี้ จ. ต้องรับผิดต่อ ม. หรือไม่ ต้องรับผิด เพราะได้กระทำาละเมิดโดย
จงใจต่อ ม.
6. ป้ายโฆษณาตั้งอยู่บนดาดฟ้าตึกอย่างไม่แน่นหนา ถูกพายุที่มีได้ตามธรรมดาพัดพังลงถูก
บุคคลข้างร่างเสียหาย ดังนี้ ผู้ครอบครองป้ายต้องรับผิดหรือไม่ ต้องรับผิด เพราะเป็นผู้
ครอบครองป้ายอันเป็นสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่น
7. ล. มาเยี่ยม อ. ที่บ้านพักซึ่ง อ. เป็นเจ้าของและอยู่อาศัย เมื่อ ล.กินกล้วยหอมแล้ว จึง
ขว้างเปลือกออกไปทางหน้าต่าง บังเอิญเปลือกกล้วยไปถูก ป. ขณะนั่งเล่นอยู่ที่สนามข้าง
บ้าน โดยที่ ล. ไม่ทันเห็นมาก่อน อ. ต้องรับผิดต่อ ป. หรือไม่ ต้องรับผิด เพราะเป็นผู้อยู่
ในโรงเรือน
8. ศ. เช่ารถยนต์นั่งมาจากบุคคลอื่น แล้วให้ ม. ลูกจ้างขับไป ธุระโดย ศ. นัง่ ไปด้วย ขณะที่
ม. ขับรถลุยนำ้าไปอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง นำ้ากระเซนไปถูก ท. ที่ยืนรอรถประจำา
ทางอยู่ริมถนนเปียกโชก โดยที่ ม. คนขับ และ ศ. เองก็มองไม่เห็น ดังนี้ ศ. ต้องรับผิด
ต่อ ท. หรือไม่ ต้องรับผิด เพราะเป็นผู้ครอบครองยานพาหนะที่เดินด้วยกำาลังเครื่องจักร
กล
9. ท. เกิดทะเลาะวิวาทกับ ม. จึงคว้าระเบิดขวดที่อยู่ในครอบครองของ ช. ขว้างไปที่ ม.
บาดเจ็บ ดังนี้ ท. หรือ ช. ต้องรับผิดต่อ ม. ท. กระทำาละเมิดโดยใช้ระเบิดขวดที่อยู่ใน
ครอบครองของ ช. เป็นเครื่องมือ ต้องรับผิดต่อ ม.
10. นายสายซึ่งเป็นเจ้าของบ้านและครอบครองแก๊สบรรจุอยู่ในถังและใช้หุงต้มในครัว ขณะที่
นางสายนอนหลับ ถังแก๊สระเบิด ไฟไหม้รุกลามไปยังบ้านของนางสุดที่อยู่ใกล้เคียงกันเสีย
หาย ดังนี้ นางสายต้องรับผิดต่อนางสุดหรือไม่ ต้องรับผิด เพราะเป็นผู้ครอบครองแก๊สอัน
เป็นทรัพย์อันตรายโดยสภาพ
หน่วยที่ 14 ค่าสินไหมทดแทนเพื่อละเมิดและนิรโทษกรรม
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
104
ค่าสินไหมทดแทน
1. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ใช่เพียงการคืนทรัพย์สิน การใช้ราคาหรือค่าเสียหายเท่านั้น
แต่เป็นเรื่องให้ผู้เสียหายกลับคืนสู่ฐานะเดิม หรือใกล้เคียงกับฐานะเดิมมากที่สุดที่จะทำาได้
2. การใช้ค่าสินไหมทดแทนรวมถึงการที่ต้องขาดผลประโยชน์และกำาไรทีค่ วรจะได้ด้วย
3. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอันเป็นค่าเสียหายรวมทั้งค่าเสียหายในความเสียหายที่คำานวณ
เป็นตัวเงินได้หรือไม่อาจคำานวณเป็นตัวเงินได้ด้วย
4. การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต้องเสียดอกเบี้ยในหนี้เงินในระหว่างผิดนัดด้วย
5. ศาลเป็ น ผู้ วิ นิ จ ฉั ย ว่ า จะพึ ง ชดใช้ ค่ า สิ น ไหมทดแทนกั น สถานใด เพี ย งใด ตามควรแก่
พฤติการณ์ และความร้ายแรงแห่งละเมิด
ลักษณะค่าสินไหมทดแทน
การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหมายความว่า ให้ผู้เสียหายกลับคืนสู่ฐานะเดิมเมื่อยังไม่มีการกระทำา
ละเมิด ให้ผู้เสียหายได้กลับคืนใกล้เคียงกับฐานะเดิมมากที่สุดที่จะทำาได้ ถ้าไม่มีทางอื่นก็ต้องใช้กันเป็นเงินอัน
เป็นวิธีชดใช้กันโดยทั่วไป ในเมื่อไม่สามารถหาวิธีอื่นใดให้ดีกว่านี้ได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
105
การวินิจฉัยในการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2525 ค. ขับรถยนต์ชนรถของ ง. โดยประมาทเลินเล่อ รถของ ง. เสีย
หายต้องเสียค่าซ่อม 15,000 บาท ต้องใช้เวลาซ่อมประมาณ 20 วัน ระหว่างนั้น ง. จะต้องเสียค่าเช่า
รถผู้อื่นขับใช้งานอีกวันละ 200 บาท รวมเป็นเงิน 4,000 บาท แต่ ง. ยังไม่ทันซ่อมรถ ยังไม่ทันได้
เช่ารถ พอวันที่ 5 ตุลาคม 2525 ก็มาฟ้องเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจาก ค. รวม 19,000 บาท พร้อม
ด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2525 จนกว่า ค. จะใช้เงินเสร็จ ท่าน
เห็นว่า ง. มีสิทธิเรียกร้องเงินจำานวนต่างๆ ดังกล่าวหรือไม่
ง. มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในค่าซ่อมรถ ค่าเช่ารถได้ แม้เป็นค่าซ่อม ค่าเช่าก็ยังมิได้จ่ายไป ซึ่งเป็น
ความเสียหายในอนาคต ก็เรียกร้องเอาได้ พร้อ มด้ วยดอกเบี้ย ร้อ ยละเจ็ด ครึ่งต่อ ปีนั บแต่ วันที่ 1 ตุลาคม
2525 อันเป็นวันละเมิดตามมาตรา 206 224
มาตรา 206 ในกรณีหนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัด มาแต่เวลาที่ทำาละเมิด
มาตรา 224 หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัด ร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี
ถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้น โดย อาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย
ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น
ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด
การพิสูจน์ค่าเสียหายอย่างอื่นนอกกว่านั้น ท่านอนุญาตให้พิสูจน์ได้
กรณีทรัพย์ทำาลายลงหรือการคืนตกเป็นพ้นวิสัยหรือเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุและดอกเบี้ยในราคาทรัพย์
1. บุคคลผู้จำาต้องคืนทรัพย์ต้องรับผิดตลอดถึงการที่ทรัพย์ทำาลายลงโดยอุบัติเหตุ หรือการคืนทรัพย์ตก
เป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่นโดยอุบัติเหตุ หรือทรัพย์นั้นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุ
2. ผู้ต้องเสียหายมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในราคาทรัพย์คิดตั้งแต่เวลาอันเป็นฐานที่ตั้ง แห่งการประมาณราคา
3. เวลาอันเป็นฐานที่ตั้งแห่งการประมาณราคา จะเป็นเวลาใดในเวลาใดก็ได้ระหว่างผิดนัด
กรณีทรัพย์ทำาลายลงหรือการคืนตกเป็นพ้นวิสัยหรือเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุ
ตามมาตรา 439 ที่ว่าด้วยทรัพย์ทำาลายลงหรือเสื่อมเสียลง ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
ทรัพย์ทำาลายลงหมายความว่า ทรัพย์เสียหายทั้งหมด ส่วนทรัพย์เสื่อมเสียลงนั้น หมายความว่ายัง
เป็นวิสัยที่จะคืนได้อยู่ แต่ได้รับความเสียหาย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
106
การเรียกดอกเบี้ยในราคาทรัพย์กรณีทรัพย์บุบสลาย
ที่ว่ามาตรา 225 440 ใช้เฉพาะกรณีที่เป็นดอกเบี้ยในราคาทรัพย์นั้น ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
เข้าใจว่าไม่เกี่ยวกับราคาทรัพย์ที่จะต้องใช้เป็นค่าสินไหมทดแทนแก่กัน ซึ่งแม้ตอนหลังราคาทรัพย์
จะลดลงหรือเพิ่มขึ้นก็ต้องใช้ราคาเดิมอยู่นั่นเอง แต่สำา หรับดอกเบี้ยที่จะคิดกันนั้น มาตรา 225 440
เป็นข้อยกเว้นมาตรา 224 ที่ว่าคิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัด เป็นให้คิดดอกเบี้ยตั้งแต่เวลาอันเป็นฐาน
ที่ตั้งแห่งการประมาณราคากัน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
107
2524 เมื่ อ วั น ที่ 1 มิ ถุ น ายน 2524 ข. จึ ง มาเรี ย กร้ อ งให้ ก. ชดใช้ ร าคาโดยคิ ด จากราคา
20,000 บาท ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2524 เป็นเกณฑ์ และเรียกดอกเบี้ยร้อยละเจ็ด ครึ่ งต่ อปี ใน
จำานวนเงินดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2524 ดังนี้ ท่านเห็นว่า ข. จะเรียกเอาได้หรือไม่
ข. ย่อมเรียกร้องให้ ก. ใช้ราคาเครื่องรับโทรทัศน์ได้เพียง 15,000 บาท ไม่ใช่ 20,000
บาท เพราะขณะลักไปเครื่องรับโทรทัศน์มีราคาเพียง 15,000 บาท แต่ ข. อาจเรียกดอกเบี้ยในราคา
20,000 บาท ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2524 เป็นต้นไป
การใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ครองทรัพย์และความผิดของผู้ต้องเสียหาย
1. เมื่อบุคคลผู้ทำาละเมิดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ครองทรัพย์ในการทำาละเมิด บุคคลนั้นเป็นอัน
หลุดพ้นไป เพราะการที่ได้ใช้ให้นั้น
2. ถ้าผู้เสียหายได้มีส่วนทำาความผิดด้วย หนี้อันจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนต้องอาศัยพฤติการณ์
เป็นประมาณ ข้อสำา คัญก็คือความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากัน
เพียงใด
การใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ครองทรัพย์
ก. รับฝากรถยนต์ไว้จาก ข. ค. ขับรถยนต์ชนรถของ ข. ที่ ก. ขับโดยประมาทเลินเล่อ ค.
ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ ก. เรียบร้อยไปแล้ว ดังนี้ ค. จะหลุดพ้นจากความรับผิดในการชดใช้ค่าเสียหายให้แก่
ข. หรือไม่
ก. ผู้ครองรถยนต์ของ ข. ในขณะที่ขับ เมื่อ ค. ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ ก. ไปแล้ว ค. จึง
หลุดพ้นไม่ต้องชำาระให้แก่ ข. อีก
ความผิดของผู้ต้องเสียหาย
บทบัญญัติตามมาตรา 442 223 มีความสัมพันธ์กับบทบัญญัติมาตรา 438 ประการใด
บ้าง
ตามมาตรา 438 ศาลมีอำานาจกำาหนดค่าสินไหมทดแทนตามพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่ง
ละเมิด กรณีผู้เสียหายมีส่วนทำา ผิดก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นด้วย ศาลย่อมกำา หนดให้ลดลงได้ตามส่วน ซึ่ง
มาตรา 442 ได้บัญญัติให้นำามาตรา 223 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ย่อมเป็นไปตามหลักการตามมาตรา
438 นัน่ เอง
มาตรา 223 ถ้าฝ่ายผู้เสียหายได้มีส่วนทำาความผิดอย่างใด
อย่างหนึ่งก่อให้เกิดความเสียหายด้วยไซร้ ท่านว่าหนี้อันจะต้องใช้
ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝา่ ยผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องอาศัย พฤติการณ์เป็นประมาณ
ข้อสำาคัญก็คือว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้น เพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
108
วิธีเดียวกันนี้
ท่านให้ใช้แม้ทั้งที่ความผิดของฝ่ายผู้ที่เสียหายจะมีแต่เพียงละเลยไม่เตือนลูกหนี้ให้รู้สึกถึงอันตราย
แห่งการเสียหาย อันเป็นอย่างร้ายแรงผิดปกติ ซึ่งลูกหนี้ไม่รู้หรือไม่อาจจะรู้ได้
หรือเพียงแต่ละเลยไม่บำาบัดปัดป้อง หรือบรรเทาความเสียหายนั้นด้วย อนึ่งบทบัญญัติแห่ง มาตรา 220
นัน้ ท่านให้นำามาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม
มาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น
ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้นได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด
หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้นรวมทั้งค่าเสียหาย อันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ
อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย
มาตรา 442 ถ้าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดอย่างหนึ่ง
อย่างใดของผู้ต้องเสียหายประกอบด้วยไซร้ ท่านให้นำาบทบัญญัติ แห่ง มาตรา 223 มาใช้บังคับ
โดยอนุโลม
ค่าสินไหมทดแทนในกรณีทำาให้ตายเพราะการขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย
1. ในกรณีทำา ให้เขาตาย ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่ายอันจำา เป็นอย่า
งอื่นๆ
2. ถ้ามิได้ตายทันที ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาด
ประโยชน์ทำามาหาได้ เพราะไม่สามารถประกอบการงานด้วย
3. บุคคลภายนอกที่ต้องขาดไร้ผู้อุปการะตามกฎหมายชอบที่จะได้ค่าสินไหมทดแทนด้วย
ค่าสินไหมทดแทนกรณีทำาให้ตาย
ก. ตายเพราะถูก ก. ยิงโดยละเมิด ข. ซึ่งเป็นทายาทของ ก. ได้พิมพ์หนังสือแจกในงานศพของ
ก. หมดเงินไป 10,000 บาท ดังนี้ ข. จะเรียกให้ ค. ชดใช้ให้แก่ตนได้หรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
109
ถ้าหากเป็นค่าใช้จ่ายตามสมควรแก่ฐานะของ ก. ถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายอันจำาเป็นอย่างอื่นตามมาตรา
443 วรรคแรก
มาตรา 443 ในกรณีทำาให้เขาถึงตายนั้น ค่าสินไหมทดแทนได้แก่ ค่าปลงศพ รวมทั้งค่าใช้จ่าย
อันจำาเป็นอย่างอื่น ๆ อีกด้วย
ถ้ า มิ ไ ด้ ต ายในทั น ที ค่ า สิ น ไหมทดแทนได้ แ ก่ ค่ า รั ก ษาพยาบาล รวมทั้ ง ค่ า เสี ย หายที่ ต้ อ งขาด
ประโยชน์ทำามาหาได้เพราะไม่สามารถประกอบการงานนั้นด้วย
ถ้าว่าเหตุที่ตายลงนั้นทำา ให้บุคคลหนึ่งคนใดต้องขาดไร้อุปการะตามกฏหมายไปด้วยไซร้ ท่านว่า
บุคคลคนนั้นชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย
ที่ว่า “การขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย” นัน้ ท่านเข้าใจว่าอย่างไร
เข้าใจว่ามีตัวบทกฎหมายให้จำาต้องอุปการะเลี้ยงดูกัน เช่นบุตรจำาต้องอุปการะเลี้ยงดูบิดา มารดา
(มาตรา 1563) เป็นต้น
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยหรือการที่ขาดแรงงาน
1. ในกรณีทำาให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าใช้จ่ายอัน
ตนต้องเสียไปและค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิง หรือแต่
บางส่วนทั้งในเวลาปัจจุบันและในอนาคต
2. ในกรณีที่ทำาให้เขาตาย หรือเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย หรือเสียหายแก่เสรีภาพ ถ้าผู้ต้อง
เสียหายมีความผูกพันตามกฎหมาย ต้องทำา งานให้เป็นคุณแก่บุคคลภายในครัวเรือนหรือ
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
110
อุตสาหกรรมของบุคคลภายนอก บุคคลผู้ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นจะต้องใช้ค่าสินไหม
ทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อการที่เขาขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย
ก. ถูก ข ทำาร้ายร่างกายได้รับอันตรายสาหัสโดยละเมิด ก. นอนป่วยอยู่ที่บ้าน จึงจ้าง ค. เป็นคน
ครัวปรงอาหารให้กินชั่วคราว เพราะ ก. ไม่อาจทำาได้เองตามปกติ ดังนี้ ก. จะเรียกค่าใช้จ่ายในการที่ต้องจ้าง
ค. เป็นคนครัวทำาอาหารให้กินได้หรือไม่
เรียกได้ตามมาตรา 444 วรรคแรก ผู้เสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันตนต้องเสียไป และค่า
เสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิง
มาตรา 444 ในกรณีทำาให้เสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัยนั้น ผู้ต้องเสียหายชอบที่จะได้ชดใช้ค่า
ใช้จา่ ยอันตนต้องเสียไปและค่าเสียหายเพื่อการที่เสียความสามารถประกอบการงานสิ้นเชิงหรือแต่บางส่วนทั้ง
ใ น เ ว ล า ปั จ จุ บั น นั้ น แ ล ะ ใ น เ ว ล า อ น า ค ต ด้ ว ย
ถ้าในเวลาที่พิพากษาคดี เป็นพ้นวิสัยจะหยั่งรู้ได้แน่ว่าความ เสียหายนั้นได้มีแท้จริงเพียงใด ศาลจะ
กล่าวในคำาพิพากษาว่ายังสงวนไว้ซึ่งสิทธิที่จะแก้ไขคำาพิพากษานั้นอีกภายในระยะเวลาไม่เกินสองปีก็ได้
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการที่ขาดแรงงาน
ส. จับ น. ซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท จ. ในโรงงานอุตสาหกรรมทอผ้าของบริษัท จ. ไปกักขังไว้
โดยที่ ส. ก็ไม่ทราบว่า น. เป็นลูกจ้างของบริษัท จ. ทำาให้ น. ไปทำางานในโรงงานทอผ้าให้บริษัท จ. ไม่
ได้ ดังนี้ บริษัท จ. จะเรียกค่าสินไหมทดแทนจาก ส. ได้หรือไม่
การที่ ส. จับ น. ลูกจ้างของ จ. ไปกักขังเป็นกรณีที่ทำาให้ น. เสียเสรีภาพ โดยเหตุที่ ส. มีความ
ผูกพันตามสัญญาจ้างแรงงาน จะต้องทำาการงานให้แก่ จ. จ. จึงเรียกค่าสินไหมทดแทนได้จาก ส. ในการที่
จ. ต้องขาดแรงงานของ น. ไปตามมาตรา 445
มาตรา 445 ในกรณีทำาให้เขาถึงตาย หรือให้เสียหายแก่ร่างกาย หรืออนามัยก็ดี ในกรณีทำาให้เขา
เสียเสรีภาพก็ดีถ้าผู้ต้องเสียหายมีความผูกพันตามกฎหมาย จะต้องทำาการงานให้เป็นคุณแก่บุคคล ภายนอกใน
ครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมของบุคคลภายนอกนั้นไซร้ ท่านว่าบุคคลผู้จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้นจะต้อง
ใช้คา่ สินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอก เพื่อที่เขาต้องขาดแรงงานอันนั้นไปด้วย
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันมิใช่ตัวเงินและการจัดการเพื่อให้ชื่อเสียงกลับคืนดี
1. ในกรณีที่ทำาให้เขาเสียหายแก่ร่างกายหรืออนามัย หรือเสรีภาพ ผู้ต้องเสียหายย่อมเรียกร้องเอาค่า
สินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินได้อีกด้วย
2. ศาลมีอำานาจสั่งให้บุคคลที่ทำาให้เขาต้องเสียหายแก่ชื่อเสียงจัดการตามควรเพื่อทำาให้ชื่อเสียงกลับ
คืนดี
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
111
ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันมิใช่ตัวเงิน
กรณีดังต่อไปนี้เป็นความเสียหายที่เป็นตัวเงินหรือไม่เป็นตัวเงิน
ค่าขาดประโยชน์ทำามาหาได้ เพราะไม่สามารถประกอบการงานได้
เป็นความเสียหายที่เป็นตัวเงิน
ความเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานระหว่างรักษาพยาบาล
เป็นความเสียหายที่ไม่เป็นตัวเงิน
ค่ารักษาพยาบาลบาดแผลที่ต้องถูกตัดแขนขา
เป็นความเสียหายที่เป็นตัวเงิน
การที่เสียแขนขาทุพพลภาพพิการไปตลอดชีวิต
เป็นความเสียหายที่ไม่เป็นตัวเงิน
การจัดการเพื่อให้ชื่อเสียงคืนดี
ก. กล่าวหมิ่นประมาท ข. ว่า ข. โกงเงินบริษัทที่ ข. ทำางานอยู่ ดังนี้เมื่อ ข. ฟ้อง ก. ต่อศาล ก.
จะขอให้ศาลประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ว่า ที่ ก. กล่าวนั้นไม่เป็นความจริง จะทำาได้หรือไม่
ทำาได้ตามมาตรา 447
มาตรา 447 บุคคลใดทำา ให้เขาต้องเสียหายแก่ชื่อเสียง เมื่อผู้ต้องเสียหายร้องขอ ศาลจะสั่งให้
บุคคลนั้นจัดการตามควรเพื่อทำาให้ ชื่อเสียงของผู้นั้นกลับคืนดีแทนให้ใช้ค่าเสียหายหรือทั้งให้ใช้ค่า เสียหาย
ด้วยก็ได้
อายุความเรียกร้องค่าเสียหาย
1. สิทธิเรียกร้องของเจ้าของทรัพย์สินในการติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตน ไม่มีกำา หนดอายุ
ความ แต่ต้องมีตัวทรัพย์สินให้ติดตามเอาคืน
2. อายุความตามมาตรา 448 ใช้เฉพาะสิทธิเรียกร้องในค่าเสียหายไม่รวมถึงการเรียกร้องทรัพย์สิน
คืน หรือเรียกร้องให้ระงับหรือเพิกถอนการกระทำาละเมิดที่ยังมีอยู่ ไม่ตกอยู่ในบังคับแห่งอายุความ
ตามมาตรา 448
3. ตามมาตรา 448 ไม่จำา กัดเฉพาะในกรณีที่ผู้เสียหายโดยตรงเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากผู้กระทำา
ละเมิดหรือผู้ต้องรับผิดในมูลละเมิดเท่านั้น บุคคลอื่นที่กฎหมายบัญญัติให้มีสิทธิเรียกร้องเอาได้ ย่อม
มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดตามมาตรานี้ด้วยเช่นกัน
4. ผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนหมายถึงบุคคลที่ต้องรับผิดในการกระทำาของบุคคลอื่น หรือในความเสีย
หายที่เกิดขึ้นจากทรัพย์ด้วย
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
112
สิทธิเรียกร้องทรัพย์สินคืน
เมื่อวันที่ 1 ตุลาตม 2524 ก. เช่ารถยนต์ของ ข. ไปใช้ กำา หนดส่งคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน
2524 ถึงกำาหนด ก. ไม่ส่งคืน ยังคงยึดถือและใช้รถอยู่ตลอดมา ข. จึงต้องไปเช่ารถยนต์ของผู้อื่นเช่ามี
กำาหนดเวลา 3 เดือน ๆ ละ 3,000 บาท ต่อมา 1 กุมภาพันธ์ 2526 ข. มาฟ้องเรียกรถคืนจาก ก.
และเรียกค่าเสียหายในค่าเช่า 3 เดือนที่ ก. ได้จ่ายไปรวมเป็นเงิน 9,000 บาท ก. ต่อสู้คดีว่าฟ้องของ
ข. ขาดอายุความแล้ว จะเรียกร้องเอาไม่ได้ ข้อต่อสู้ของ ก. ฟังขึ้นหรือไม่
สิทธิเรียกร้องให้คืนรถยนต์ไม่มีอายุความ เจ้าของทรัพย์สินย่อมฟ้องเรียกคืนได้เสมอ จึงไม่เห็นด้วย
กับข้อต่อสู้ของ ก.
เมื่อถึงกำาหนดส่งคืน ก. ไม่ส่งคืนรถ กลับยึดถือและใช้รถอยู่ตลอดมา จึงเป็นละเมิดต่อ ข. ตั้งแต่
เวลานั้น
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในค่าเช่าที่ ข. ได้จา่ ยไปนั้น ข. มิได้ฟ้องเรียกเอาภายในหนึ่งปี นับแต่วันที่
ก. ไม่ส่งคืนรถนั้น สิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงขาดอายุความ เห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของ ก.
สิทธิเรียกร้องราคาทรัพย์สินหรือเงินที่เอาไปโดยละเมิด
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในราคาทรัพย์สินคืนโดยมูลละเมิดนัน้ มีกำาหนดอายุความเท่าใด
ขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่งนั บแต่วัน ที่ผู้ต้ อ งเสีย หายรู้ถึ งการละเมิด และรู้ตั วผู้จ ะพึงต้อ งใช้ ค่า
สินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วันทำาละเมิด
มาตรา 448 สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแต่มูลละเมิดนั้น ท่านว่าขาดอายุความเมื่อพ้นปีหนึ่ง
นับแต่วันที่ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่วัน
ทำาละเมิด
แต่ถ้าเรียกร้องค่าเสียหายในมูลอันเป็นความผิด มีโทษตามกฎหมาย ลักษณะอาญา และมีกำา หนด
อายุความทางอาญายาวกว่าที่กล่าวมา นั้นไซร้ ท่านให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ
สิทธิเรียกร้องในค่าเสียหาย
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2524 ข. ถูก ก.ขับรถชนรถของ ข. ได้รับความเสียหาย ยังไม่ทันที่ ข.
จะเอารถไปซ่อม ได้รออยู่จนวันที่ 1 มีนาคม 2526 ทั้งๆ ทีร่ ู้ดีแล้วว่า ก. เป็นผู้ขับรถชนตั้งแต่วันนั้น ข.
มาฟ้องร้องค่าซ่อมรถจาก ก. คิดเป็นเงิน 6,000 บาท ก. ให้การต่อสู้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ท่าน
เห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของ ก. หรือไม่
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
113
วันที่ 1 ตุลาคม 2524 สุนัขของ ค. กัด จ. บาดเจ็บ ต้องเสียค่ารักษาไป 1,000 บาท แต่
จ. ก็ไม่รู้ว่าเป็นสุนัขของใคร ต่อมามาวันที่ 1 พฤศจิกายน 2524 จึงสืบรู้ได้ความว่าเป็นสุนัขของ ค.
ได้เ จรจาขอค่า เสียหายจาก ค. 1,000 บาท แต่ ค. ก็ ปฏิ เสธว่า ตนมิไ ด้เ ป็นเจ้าของสุนั ข จนวั น ที่ 1
ธันวาคม 2525 จ. จึงมาฟ้อง ค. เรียกค่าเสียหายในค่ารักษาที่ตนได้เสียไปแล้ว ค. ได้ต่อสู้ว่าคดีขาดอายุ
ความแล้ว จ. โต้แย้งว่ามิใช่มูลละเมิดอันจะมีอายุครบ 1 ปี แต่เป็นเรื่องความผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น
เพราะสัตว์ ท่านเห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของ ค. หรือข้อโต้แย้งของ จ. หรือไม่
แม้จะเป็นความรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะสัตว์ อายุความที่จะเรียกร้องค่าเสียหายก็ย่อม
ต้ องอยู่ในบังคับ แห่ งมาตรา 448 เช่น เดีย วกั น จ. สืบรู้ ว่าเป็นสุนัขของ ค. เมื่อ วันที่ 1 พฤศจิก ายน
2524 ก็ต้องฟ้องคดีภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2525 แต่ จ. มาฟ้องเรียกค่าเสียหายเมื่อวันที่ 1
ธันวาคม 2525 คดีของ จ. จึงขาดอายุความแล้ว จึงเห็นด้วยกับข้อต่อสู้ของ ค. ไม่เห็นด้วยกับข้อโต้แย้ง
ของ จ.
สิทธิเรียกร้องในค่าเสียหายในมูลละเมิดอันเป็นความผิดทางอาญา
ก. ขับรถยนต์ชนรถของ ข. โดยประมาทเลินเล่อ ดังนี้ การที่ ข. จะเรียกร้องค่าเสียหายมีกำาหนด
อายุความเมื่อไร
การทำาให้เสียทรัพย์โดยประมาทเลินเล่อ ไม่ใช่ความรับผิดทางอาญา แต่เป็นความรับผิดทางแพ่ง จึง
มีอายุความตามมาตรา 448 วรรคแรก
นิรโทษกรรม
1. นิรโทษกรรมคือข้อแก้ตัวซึ่งบุคคลผู้กระทำาไม่ต้องรับผิดฐานละเมิด
2. บุคคลใดที่กระทำาการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือทำาตามคำาสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย ไม่ต้องรับ
ผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน
3. บุ ค คลใดทำา บุ บ สลายหรื อ ทำา ลายทรั พ ย์ สิ่ ง หนึ่ ง สิ่ ง ใด เพื่ อ บำา บั ด ป้ อ งกั น ภยั น ตรายซึ่ ง มี ม าเป็ น
สาธารณะโดยฉุกเฉิน ฯลฯ ไม่ต้องใช้คา่ สินไหมทดแทน
4. บุคคลใดใช้กำาลังเพื่อป้องกันสิทธิของตน ถ้าตามพฤติการณ์จะขอให้ศาลหรือเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือให้
ทันท่วงทีไม่ได้ ฯลฯ ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน
5. ผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ชอบที่จะจับสัตว์ของผู้อื่นอันเข้ามาทำาความเสียหายในอสังหาริมทรัพย์นั้น
และยึดไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
114
การป้องกันและการกระทำาตามคำาสั่งอันชอบด้วยกฎหมาย
ก. ข. เกิดโต้เถียงกันในร้านอาหารของ ค. ก. ชักปืนขึ้นจะยิง ข. จวนจะลั่นไกอยู่แล้ว ข. คว้า
ไม้ที่อยู่ข้างๆ ตัว แล้วตีถูกปืนของ ก. ปืนกระเด็นหลุดจากมือ ก. ไปถูกถ้วยชามของ ค. ซึ่งอยู่ด้านหลังแตก
เสียหาย ดังนี้ ค. จะเรียกค่าเสียหายในการที่ถ้วยชามแตกเสียหายจากใครได้บ้าง
เป็นกรณีที่ ข. ทำาการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ค. ย่อมเรียกค่าเสียหายในการที่ถ้วยชามแตก
จาก ก. ผู้เป็นต้นเหตุให้ต้องป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายได้ จะเรียกเอาจาก ข. ผูท้ ำาการป้องกันไม่ได้
การทำาบุบสลายหรือทำาลายทรัพย์
ก. ข. กับพวกรวม 7 คนด้วยกัน เช่าเรือใบขนาดเล็กไปเที่ยวเกาะกลางทะเล ขณะทะเลกำาลังสงบ
พอตกเย็น ขณะเรือกลับเข้าฝั่ง ห่างจากฝั่งประมาณ 500 เมตร เกิดลมพายุจัด เรือโคลงไปมา ก. กับพวก
เกรงว่าเรือจะร่ม จึงร่วมกันจับ ข. โยนลงทะเล แต่ ข. ซึ่งเป็นนักว่ายนำ้ามาก่อน ก็สามารถว่ายนำ้าเข้าฝั่งจนได้
ดังนี้ ก. กับพวกต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ ข. หรือไม่
เป็นกรณีที่ ก. กับพวกร่วมกันทำา ละเมิดต่อ ข. ตามมาตรา 420 432 ไม่ต้องด้วยมาตรา
450 ซึ่งจำา กัดเฉพาะการกระทำา ต่อทรัพย์เท่านั้นที่ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน แต่ตามปัญหาเป็น
กรณีทำาความเสียหายต่อตัวบุคคล แม้ ข. สามารถว่ายนำ้าเข้าฝั่งได้ แต่ก็เกิดความเสียหายขึ้นแก่ ข. แล้ว ก.
กับพวกต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ ข.
มาตรา 420 ผูใ้ ดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำาต่อบุคคลอื่น
โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่รา่ งกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี
ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำาละเมิด จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 432 ถ้าบุคคลหลายคนก่อให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นโดย ร่วมกันทำาละเมิด
ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต้องร่วมกันรับผิดใช้ค่าสิน ไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้น
ความข้อนี้ท่านให้ใช้ตลอดถึงกรณีที่ไม่สามารถสืบรู้ตัวได้แน่ว่าในจำาพวกที่ทำาละเมิดร่วมกันนั้น คนไหน
เป็นผู้ก่อให้เกิดเสียหายนั้นด้วย
อนึ่ง บุคคลผู้ยุยงส่งเสริมหรือช่วยเหลือในการทำาละเมิด ท่านก็
ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำาละเมิดร่วมกันด้วย
ในระหว่างบุคคลทั้งหลายซึ่งต้องรับผิดร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน นัน้
ท่านว่าต่างต้องรับผิดเป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่โดยพฤติการณ์ ศาลจะวินจิ ฉัยเป็นประการอื่น
มาตรา 450 ถ้าบุคคลทำาบุบสลายหรือทำาลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด
เพื่อจะบำาบัดปัดป้องภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน ท่านว่าไม่จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
หากความเสียหายนั้นไม่เกิน สมควรแก่เหตุภยันตราย ถ้าบุคคลทำาบุบสลาย หรือทำาลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด
เพื่อจะบำาบัดปัดป้องภยันตรายอันมีแก่เอกชนโดยฉุกเฉิน ผูน้ ั้นจะต้องใช้คืนทรัพย์นั้น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
115
ถ้าบุคคลทำาบุบสลายหรือทำาลายทรัพย์สิ่งหนึ่งสิ่งใด
เพื่อจะป้องกันสิทธิของตนหรือของบุคคลภายนอกจากภยันตรายอันมีมาโดย
ฉุกเฉินเพราะตัวทรัพย์นั้นเองเป็นเหตุ บุคคลเช่นว่านี้หาต้องรับผิด ใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
หากว่าความเสียหายนั้นไม่เกินสมควรแก่เหตุ
แต่ถ้าภยันตรายนั้นเกิดขึ้นเพราะความผิดของบุคคลนั้นเองแล้วท่านว่าจำาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้
การใช้กำาลังป้องกันสิทธิ
ก. เช่าห้องของ ข. อยู่อาศัย ถึงกำาหนด ก. ไม่ยอมออกจากห้องเช่า ข. จึงใช้กำาลังฉุดกระชากลาก
ก. ออกมาจากห้องเช่า ก. ได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ ข. ต้องรับผิดต่อ ก. หรือไม่
ข. กระทำา ละเมิดต่อ ก. ตามมาตรา 420 ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ ก. กรณีนี้ไม่เป็นนิรโทษ
กรรมตามมาตรา 451
มาตรา 420 ผูใ้ ดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำาต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่
ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำาละเมิด
จำาต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น
มาตรา 451 บุคคลใช้กำาลังเพื่อป้องกันสิทธิของตนถ้าตามพฤติการณ์จะขอให้ศาลหรือเจ้าหนี้ที่
ช่วยเหลือให้ทันท่วงทีไม่ได้ และถ้ามิได้ทำาในทันใด มีภัยอยู่ด้วยการที่ตนจะได้สมดั่งสิทธินั้น จะต้องประวิง
ไปมากหรือถึงแก่สาบสูญได้ไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้น หาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่
การใช้กำาลังดั่งกล่าวมาในวรรคก่อนนั้น ท่านว่าต้องจำา กัดครัดเคร่งแต่เฉพาะที่จำา เป็นเพื่อจะบำาบัด
ปั ด ป้ อ ง ภ ยั น ต ร า ย เ ท่ า นั้ น
ถ้าบุคคลผู้ใดกระทำาการดั่งกล่าวมาในวรรคต้น เพราะหลงสันนิษฐานพลาดไปว่ามีเหตุอันจำาเป็นที่
จะทำาได้โดยชอบด้วย กฎหมายไซร้ ท่านว่าผู้นั้นจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ แก่บุคคลอื่น แม้ทั้งการ
ที่หลงพลาดไปนั้นจะมิใช่เป็นเพราะความ ประมาทเลินเล่อของตน
สิทธิของผู้ครองอสังหาริมทรัพย์ที่จะจับสัตว์ของผู้อื่น
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
116
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 14
3. โจทก์ด่าจำาเลยด้วยถ้อยคำาหยาบคายเพราะพาดพิงไปถึงบิดามารดาของจำาเลย จำาเลยจึงชกต่อยโจทก์
บาด เจ็บดังนี้ศาลจะลดค่าเสียหายลง ได้หรือไม่ ลดได้ เพราะความเสียหายเกิดเพราะความผิดของ
โจทก์ที่ด่าว่าจำาเลย
4. ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรนอกกฎหมายของบิดา จะมีสิทธิเรียกค่าเสียหายเพราะขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย
จากผู้ทำาละเมิดให้บิดาตายหรือไม่ ไม่มีสิทธิ เพราะมิใช่การขาดไร้อุปการะตามกฎหมาย
5. ส. เป็นข้าราชการของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ถูก ป. ขับรถชนโดยละเมิดได้รับบาดเจ็บ
ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ส. ได้เบิกค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการไปแล้วตามสิทธิ
ดังนี้ ส. จะมีสิทธิเรียกค่ารักษาพยาบาลจาก ป. ได้หรือไม่ มีสิทธิเรียกจาก ป. ได้ ตามหลักทั่วไป
6. โจทก์ถูกจำาเลยขับเรือยนต์ชนโดยประมาทเลินเล่อ ทำาให้ต้องตัดขาไปข้างหนึ่งต้องทุพพลภาพพิการ
ตลอดชีวิต ได้รับค่ารักษาพยาบาลไปจากจำาเลยแล้ว ดังนี้ โจทก์ก็จะเรียกค่าเสียหายในการที่ต้องเสีย
ขาไป ได้หรือไม่ เรียกได้ เพราะเป็นค่าเสียหายในความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน คนละส่วนกับ
ค่ารักษาพยาบาล
7. จำาเลยลักรถยนต์ของโจทก์ไป โจทก์จึงฟ้องเรียกรถคืน ดังนีค ้ ดีของโจทก์ ไม่มีกำาหนดอายุความ
8. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2526 รถของ ช. ถูก ส. ขับรถชนโดยประมาทเลินเล่อ และ ช. ก็รู้ว่าถูก
ชนและรู้ตัว ส. ในวันนั้น พอวันที่ 5 ตุลาคม 2526 ช. ก็เอารถไปจ้างซ่อม พอซ่อมเสร็จ วันที่
10 ตุลาคม 2526 ก. ก็จ่ายค่าซ่อมไปในวันที่ 10 ตุลาคม นั้น ดังนี้ ช. ต้องฟ้องเรียกค่าเสีย
หายในค่าซ่อมภายใน วันที่ 1 ตุลาคม 2527
9. ร้อยตำารวจเอกกิจไม่ถูกกับนายนิติ จึงสั่งให้สิบตำารวจตรีโกยผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไปจับกุมนายนิติใน
ข้อหาว่านายนิติมีของผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง ซึ่งไม่เป็นความจริง สิบตำารวจตรีโกยก็ไม่ทราบ
ว่าร้อยตำารวจเอกกิจสั่งโดยมิชอบ จึงไปจับกุมตามคำาสั่ง ดังนี้ สิบตำารวจตรีโกยต้องรับผิดต่อนายนิติ
หรือไม่ ไม่ต้องรับผิด เพราะมิได้กระทำาโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
10. แมวของนายจูเข้ามาขโมยกินลูกไก่ของนายดีในบริเวณบ้านหลายครั้งแล้ว ครั้งสุดท้ายนายดีเห็นเข้า
จึงจับแมวไว้ได้ นางจูขอแมวคืน นายดีไม่ยอมคืนให้ ดังนี้นายดีกระทำา ละเมิดต่อนางจูหรือไม่ ไม่
เป็นการกระทำาละเมิด เพราะนายดีมีสิทธิยึดแมวไว้เป็นประกันค่าสินไหมทดแทน
หน่วยที่ 15 จักการงานนอกสั่งและลาภมิควรได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
118
15.1 จัดการงานนอกสั่ง
1. สาระสำาคัญของการจัดการงานนอกสั่ง มี 3 ประการ ดังนี้คือ
1. ต้องเป็นการเข้าทำากิจการอย่างใดอย่างหนึ่ง
2. กิจการที่เข้าทำานั้นจะต้องเป็นการทำาแทนผู้อื่น
3. กิจการที่ทำาแทนผู้อื่นนั้น ต้องกระทำาไปโดยเขามิได้ว่าขานใช้ หรือกระทำาโดยมิได้มีสิทธิ
2. ผู้จัดการจะต้องจัดการงานไปในทางที่จะให้สมประโยชน์ของตัวการ ตามความประสงค์อันแท้จริง
ของตัวการ หรือตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นความประสงค์ของตัวการ หากการจัดการทำาถูกต้อง
ตามหน้าที่ ผูจ้ ัดการมีสิทธิเรียกให้การชดใช้เงินที่ตนออกไปคืนได้ แต่ถ้าจัดการไม่ถูกต้องตามหน้าที่
ผู้จัดการต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ตัวการเพื่อความเสียหาย
3. กรณีที่บุคคลคนหนึ่งเข้าทำาการงานของผู้อื่นโดยสำาคัญว่าเป็นงานของตนเอง ไม่ใช่จัดการงานนอกสั่ง
15.1.1 หลักเกณฑ์เรื่องจัดการงานนอกสั่ง
อธิบายหลักเกณฑ์เรื่องจัดการงานนอกสั่ง
ตามมาตรา 395 ซึ่งประกอบด้วยสาระสำาคัญ 3 ประการคือ
1)ต้องเป็นการเข้าทำากิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง
2)กิจการที่เข้าทำานั้นต้องเป็นการเข้าทำาแทนผู้อื่น
3)กระทำาโดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ หรือโดยมีได้มีสิทธิจะทำาแทนเขาได้
มาตรา 395 บุคคลใดเข้าทำากิจการแทนผู้อื่นโดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ ให้ทำาก็ดี หรือโดยมิได้มี
สิทธิที่จะทำาการงานนั้นแทนผู้อื่นด้วยประการใดก็ดี ท่านว่าบุคคลนั้นจะต้องจัดการงานไปในทางที่จะให้สม
ประโยชน์ของตัวการ ตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ หรือตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ว่าเป็น ความ
ประสงค์ของตัวการ
15.1.2 ผลของการจัดการงานนอกสั่ง
ก. มีบ้านอยู่ในกรุงเทพ แต่ ก. ต้องเดินทางไปราชการต่างจังหวัดหลายเดือน ขณะที่ ก. ไม่อยู่
บ้าน เกิดลมพายุพัดหน้าต่างและหลังคาบ้านเสียหาย ข. เพื่อนบ้าน จึงจัดการซ่อมหลังคาให้เพราะเป็นฤดูฝน
ดังนี้ ผลในกฎหมายระหว่าง ก. กับ ข. คืออย่างไร
ผลในกฎหมายระหว่าง ก. และ ข. นั้นเป็นเรื่องจัดการงานนอกสั่ง มาตรา 395 และมาตรา
401 คือ ข. เข้าจัดการซ่อมแซมหลังคาและหน้าต่างโดย ก. มิได้วา่ ขานวานใช้ และ ข. ได้เข้าจัดการโดย
สมประโยชน์ของตัวการ ข. ย่อมมีสิทธิเรียกให้ ก. ชดใช้เงินซึ่งตนได้ออกไปเป็นค่าซ่อมแซมบ้านได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
119
15.1.3 กรณีไม่ใช่จัดการงานนอกสั่ง
อธิบายกรณีที่ไม่ใช่จัดการงานนอกสั่ง
ตามมาตรา 405 หากบุคคลเข้าทำางานของผู้อื่นโดยสำาคัญว่าเป็นการงานของตนเองไม่ถือว่าเป็น
เรื่องจัดการงานนอกสั่ง
มาตรา 405 บทบัญญัติทั้งหลายที่กล่าวมาในสิบ มาตราก่อนนั้นท่าน
มิให้ใช้บังคับแก่กรณีที่บุคคลหนึ่งเข้าทำาการงานของผู้อื่นโดยสำาคัญว่าเป็นการงานของตนเอง
ถ้าบุคคลใดถือเอากิจการของผู้อื่นว่าเป็นของตนเอง ทั้งที่รู้แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิจะทำาเช่นนั้นไซร้
ท่านว่าตัวการจะใช้สิทธิเรียกร้องบังคับ โดยมูลดั่งบัญญัติไว้ใน มาตรา 395 , 396 , 399 และ
400 นัน้ ก็ได้ แต่เมื่อได้ใช้สิทธิดั่งว่ามานี้แล้ว ตัวการจะต้องรับผิดต่อผู้จัดการดั่ง บัญญัติไว้ใน มาตรา
402 วรรค 1
15.2 ลาภมิควรได้
1. สาระสำาคัญ 3 ประการ ของลาภมิควรได้คือ
1. บุคคลได้ทรัพย์สิ่งใดของบุคคลอีกคนหนึ่งมาด้วยประการใดๆ
2. การได้ทรัพย์นั้นมาไม่มีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
3. การได้ทรัพย์มานั้นทำาให้บุคคลอื่นเสียเปรียบ
2. ข้อยกเว้นของสิทธิเรียกทรัพย์คืน มี 7 ประการคือ
1)การกระทำาตามอำาเภอใจเพื่อชำาระหนี้โดยผู้กระทำารู้อยู่ว่าตนไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำาระ
2)การชำาระหนี้อันมีเงื่อนเวลาบังคับเมื่อก่อนถึงกำาหนดเวลานั้น
3)การชำาระหนี้ซึ่งขาดอายุความแล้ว
4)การชำาระหนี้ตามหน้าที่ศีลธรรมหรือตามควรแก่อัธยาศัยในสมาคม
5)การชำาระหนี้โดยบุคคลผู้สำาคัญผิดเป็นเหตุให้เจ้าหนีผ้ ู้สุจริตต้องเสียหาย
6)การชำาระหนี้โดยมุ่งต่อผลโดยผู้ชำาระรู้ว่าการที่จะเกิดผลเป็นการพ้นวิสัยหรือผู้ชำาระได้เข้าป้องปัด
ขัดขวางมิให้เกิดผลโดยไม่สุจริต
7)การชำาระหนี้ที่ฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
120
15.2.1 หลักเกณฑ์เรื่องลาภมิควรได้
อธิบายหลักเกณฑ์เรื่องลาภมิควรได้
ลาภมิควรได้ ตามมาตรา 406 ซึ่งประกอบด้วยสาระสำาคัญ 3 ประการคือ
1)บุคคลหนึ่งได้ทรัพย์สิ่งใดของบุคคลอีกคนหนึ่งมาด้วยประการใดๆ
2)การได้ทรัพย์นั้นมาไม่มีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้
3)การได้ทรัพย์นั้นมาทำาให้บุคคลอื่นเสียเปรียบ
มาตรา 406 บุคคลใดได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใด เพราะการที่บุคคลอีก คนหนึ่งกระทำาเพื่อชำาระหนี้ก็ดี
หรือได้มาด้วยประการอื่นก็ดี โดย ปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้บุคคลอีกคนหนึ่ง นั้น
เสียเปรียบไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นจำาต้องคืนทรัพย์ให้แก่เขา อนึ่งการรับสภาพหนี้สินว่ามีอยู่หรือหาไม่นั้น ท่าน
ก็ให้ถือว่าเป็นการ กระทำาเพื่อชำาระหนี้ด้วย
บทบัญญัติอันนี้ท่านให้ใช้บังคับตลอดถึงกรณีที่ได้ทรัพย์มา
เพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งมิได้มีได้เป็นขึ้น หรือเป็นเหตุที่ได้ สิ้นสุดไปเสียก่อนแล้วนัน้ ด้วย
15.2.2 ข้อยกเว้นของสิทธิเรียกคืนทรัพย์
ก. ขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อ ชนรถยนต์ของ ข. ในวันที่ 27 มกราคม 2525 ต่อมาใน
วันที่ 30 มกราคม 2526 ก. ไม่ต้องการให้เป็นความกันในศาล จึงได้ชำาระค่าสินไหมทดแทนให้ ข.
ไป ภายหลัง ก. จึงมาเรียกเงินที่ชำาระเป็นค่าสินไหมทดแทนนั้นคืนจาก ข. โดยอ้างว่า ก. ได้ชำาระเงินซึ่งขาด
อายุความแล้ว ดังนี้ ก. มีสิทธิเรียกคืนหรือไม่
ก. เรียกเงินที่ชำาระคืนไม่ได้ เพราะมาตรา 408(2) ประกอบด้วยมาตรา 188 วรรคสอง ตัด
สิทธิบุคคลที่ชำาระหนี้ซึ่งขาดอายุความ และถ้าชำาระไปมากน้อยเท่าใด ก็เรียกคืนไม่ได้
มาตรา 408 บุคคลดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ไม่มีสิทธิจะได้รับคืนทรัพย์ คือ
(1) บุคคลผู้ชำาระหนี้อันมีเงื่อนเวลาบังคับเมื่อก่อนถึงกำาหนด เวลานั้น
(2) บุคคลผู้ชำาระหนี้ซึ่งขาดอายุความแล้ว
(3) บุคคลผู้ชำาระหนี้ตามหน้าที่ศีลธรรมหรือตามควรแก่อัธยาศัย ในสมาคม
15.2.3 การคืนลาภมิควรได้
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
121
15.2.4 อายุความ
กฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับอายุความลาภมิควรได้ไว้อย่างไร
ตามมาตรา 419 กำาหนดอายุความฟ้องคดีไว้เป็น 2 ระยะคือ ต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่
เวลาที่ผู้เสียหายรู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน หรือภายใน 10 ปี นับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้น
มาตรา 419 ในเรื่องลาภมิควรได้นั้น ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดี เมื่อพ้นกำาหนดปีหนึ่งนับแต่เวลาที่
ฝ่ายผู้เสียหายรู้วา่ ตนมีสิทธิเรียกคืน หรือเมื่อพ้นสิบปีนับแต่เวลาที่สิทธินั้นได้มีขึ้น
แบบประเมินผลตนเองหน่วยที่ 15
1. จัดการงานนอกสั่งและลาภมิควรได้เป็น นิติเหตุ
2. การที่บุคคลใดเข้าทำากิจการแทนผู้อื่นโดยเขามิได้ว่าขานวานใช้ให้กระทำาเรียกว่า จัดการงานนอกสั่ง
3. หน้าที่ของผู้จัดการงานของผู้จัดการคือ (ก) จะต้องจัดการงานไปในทางที่สมประโยชน์ของตัวการ
(ข) ตามความประสงค์อันแท้จริงของตัวการ (ค) ตามที่จะพึงสันนิษฐานได้ว่าเป็นความประสงค์
ของตัวการ
4. ผลของการจัดการไม่ถูกต้องตามหน้าที่ของผู้จัดการคือ ผูจ้ ัดการต้อง ใช้คา่ สินไหมทดแทน
5. ในกรณีที่ผู้จัดการ จัดการงานนอกสั่งโดยไม่สมประโยชน์ของตัวการ แต่ถ้าตัวการเห็นชอบด้วยกับ
กิจการนั้น ตัวการสามารถให้สัตยาบันได้
6. การที่บุคคลใดได้มาซึ่งทรัพย์สิ่งใดของบุคคลอื่น โดยไม่มีมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และการได้ทรัพย์
นัน้ มาทำาให้บุคคลอื่นเสียเปรียบเป็น ลาภมิควรได้ (บางคำาตอบบอกว่าเป็นจัดการงานนอกสั่ง)
7. การชำาระหนี้ซึ่งเกิดจากโมฆกรรม สามารถเรียกคืนทรัพย์ฐานลาภมิควรได้
8. ถ้าการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยและบุคคลได้รับทรัพย์สินไว้โดยสุจริต บุคคลนั้น ต้องคืนเพียงส่วนที่
ยังมีอยู่ในขณะเมื่อเรียกคืน
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี
122
ชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดราชบุรี